สวัสดีค่ะ วันนี้อยากมาระบายเรื่องราวที่อึดอัดในชีวิตวัยทำงานค่ะ
จขกท.จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งค่ะ
ครั้งแรกที่เริ่มงานที่บริษัทนี้เพราะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทโทรมาเรียกเข้าไปสัมภาษณ์งานค่ะ (เราไปฝากประวัติไว้ตามเว็บหางานค่ะ)
วันที่สัมภาษณ์งานพี่ที่สำภาษณ์พูดคุย ทดสอบความสามารถ และดูพอร์ทงานที่เราทำมาค่ะ
โดยวันนั้นสิ่งที่เราได้รับฟังคือเงินเดือน18,000 (แต่ตอนนั้นยังไม่มีhr หากมีhrอาจต่อรองเหลือ15,000ซึ่งพี่เค้าได้บอกเราแล้ว)...ในใบสมัครเราเรียกเงินเดือนที่15,000บาท
ตอนนั้นเราตอบตกลงทันทีค่ะ เพราะไม่ไกลบ้านมากนัก นักศึกษาจบใหม่เราถือว่าเราพอใจกับตัวเลข15,000แล้วแลกประสบการณ์ เพราะเราคิดว่าhrต้องต่อรองเราแน่ๆจาก18,000บาท
*บริษัทที่เราทำธุรกิจหลักคือส่งออกค่ะ แล้วก็มีธุรกิจด้านอื่นๆด้วย เราอยู่ในส่วนของด้านอื่นๆค่ะ*
วันแรกที่เรามาเริ่มงานวันแรก... (14 พฤษภาคม2557)
เรื่องช็อคเรื่องที่1 . ตอนที่หัวหน้าแผนกบอกเราด้วยเงินข้างต้น เผื่อต่อรองแล้วบลาๆๆ เจอhrวันแรก เค้าอ่านประวัติเรา ขึ้นไปคุยกับประธานบริษัท เงินเดือนที่เราได้รับคือ12,000 หักประกันสังคมแล้วเหลือ11,xxx เราอึ้งค่ะ แถมมาทราบภายหลังอีกว่าไม่มีการปรับเงินประจำปี ไม่มีโบนัส ไม่มีอะไรเลยค่ะ 555 แต่เราปฏิเสธที่อื่นไปแล้ว เราเลยตกลงทำค่ะ ตอนนั้นคิดแค่ว่ามีงานดีกว่าไม่มี (ทำงานจันทร์-เสาร์)
ต่อมาเราทำมาสักพักเรารู้สึกรักแผนกค่ะ เพราะด้วยความที่เพื่อนร่วมงานดี การทำงานของเราเป็นไปด้วยความสุขค่ะ(ถ้าตัดเรื่องเงินเดือนทิ้ง)
ต่อมาเราทำงานมาเรื่อยๆค่ะ สังเกตุถึงการเข้าออกของคนในบริษัท ลาออกบ้าง โดนไล่ออกบ้าง
เรื่องช็อคเรื่องที่2. เราเริ่มงานไปสักพักเรารู้จักกับพี่ๆเซลล์ที่บริษัทค่ะ(หลังจากเซตเก่าโดนไล่ออกไป) ช่วงนั้นมีพี่ที่เป็นเซลเข้ามาใหม่2คน โดยที่ทำงานไม่ถึง1เดือนโดนไล่ออกค่ะ สาเหตุที่พี่เค้าเล่าคือ ตกลงเงินก่อนทำงานเท่านี้ ค่ารถค่าน้ำมันเท่านี้เพราะต้องออกไปต่างจังหวัด
สุดท้ายคือให้พี่เค้าออกค่าน้ำมันเองก่อน เค้ายอมออกให้รอบนึงค่ะ แต่ทวงคืนยากมาก เท่าที่เราจำได้พี่เค้าเล่าว่าบริษัทตกลงจะจ่ายค่าน้ำมันในการเดินทางออกต่างจังหวัดที่เดือนละ10,000 แต่พอจ่ายจริงจ่ายแค่3,000 พี่ๆเค้าโกรธมากค่ะ เลยไม่ออกวิ่งจนกว่าจะได้เงินคืน สุดท้ายยอมลาออกกันไปเองค่ะ
เรื่องช็อคเรื่องที่3. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เราเสียมิตรภาพเรื่องที่1ค่ะ(มีเรื่องอื่นๆอีกหลายครั้งแต่เราเล่าไม่ได้ค่ะ) ตอนนั้นบริษัทจัดอีเว้นค่ะ โดยแผนกเราเป็นคนดูแล เราจัดการเองเกือบทุกอย่างค่ะ อยากให้งานออกมาดีที่สุด ตอนนั้นบริษัทตกลงจ้างเพื่อนเราให้มาแต่งหน้า 5 คน เพื่อนเราคิดที่3,000บาท(ราคาเพื่อนฝูง) แถมแคนเซิ่ลงานที่ชนกันไปด้วย โดนขอให้บริษัทเราโอนเงินมัดจำไป900บาท เพราะเค้าต้องไปมัดจำช่างอีกคนให้มาช่วย บริษัทเราไม่ยอมโอนค่ะบอกว่าให้บอกเพื่อนว่าไปรับหน้างานเลย ด้วยความเป็นเพื่อนกันเพื่อนเรายอมค่ะ จากนั้นเกิดอะไรขึ้นรู้ไหมคะ..เค้าตกลงกันในที่ประชุมว่าจะเอาช่างแต่งหน้าอีกคนนึงซึ่งไปใช่เพื่อนเรา ซึ่งในที่ประชุมตอนแรกเราถามย้ำแล้วว่าถ้าไม่มัดจำบอสจ้างเพื่อนเราชัวร์ใช่ไหมคะ บอสตอบกลับมาว่า “ชัวร์” ทีงี้เราซวยค่ะ โทรไปแคนเซิลเพื่อน เพื่อนเราโกดเป็นฟืนเป็นไฟเลยค่ะ เพราะอุส่าแคลเซิ่ลงาน แถมยังจ่ายเงินค่ามัดจำช่างอีกคนให้อีก หึหึ! เรานี่หน้าชาเลยค่ะ!!! หลังจบอีเว้นเราไม่พูดกับบอสร่วมๆ2อาทิตย์ค่ะ เราโกรธ!
เรื่องช็อคเรื่องที่4. ก่อนรับเราเข้ามาทำงาน พ้นโปรเงินเดือนขึ้น นี่คือสิ่งที่บอกเรา ผลสรุปคืออะไรรู้ไหมคะ พ้นโปรเงินเดือนเราไม่ขึ้นค่ะ!! เท่าเดิม. .. หึหึ
เรื่องช็อคเรื่องที่5. ต่อจากนั้นบริษัทรับน้องเข้ามาทำงาน3คน น้องๆทำไปสักพักรู้สึกว่าบริษัทไม่โอเค จาก3คนเลยยื่นใบลาออกสิ้นเดือน2คน แต่เกิดอะไรรู้ไหมคะ บริษัทไล่น้องๆออกเพราะบอสเราโมโหน้องๆค่ะ ไล่ออกก่อนกำหนดในใบลาที่น้องๆเขียน แล้วที่แจ็กพ็อตคืออะไรรู้ไหมคะ...บริษัทไม่ยอมจ่ายเงินเดือนชดเชยให้น้องๆค่ะ หึหึ!!!
เรื่องช็อคเรื่องที่6. บอสเราพยายามจับเสือมือเปล่าค่ะ โดยไปของานคนนู้นคนนี้มาโดยที่ยังไม่ซื้อขาย แค่ไปขอตัวอย่างงาน แถมเอาไปขายคนอื่นต่อ กะว่าถ้ามีคนซื้อก็สบาย ไม่ต้องเสียเงินเอง ... จากที่เราเผชิญเหตุการณ์เอาเปรียบคนอื่นเหล่านี้หลายๆครั้ง เรารู้สึกไม่โอเคค่ะ เราเลยเตือนบอส เพราะเราไม่สบายใจจริงๆค่ะที่ต้องเห็นบริษัทตัวเองแอบเอางานคนอื่นมาขาย คำตอบที่ได้คืออะไรรู้ไหมคะ ?... “ทำไปก่อน อย่าพึ่งไปคิดถึงผลเสีย เพราะผมทำผมถึงมีวันนี้ ถ้ามัวคิดแบบที่หนูคิดผมไม่มาไกลขนาดนี้หรอก” เราหน้าชาค่ะ !! ท่านประธานเราภูมิใจในการขี้โกงมากๆ
เรื่องช็อคเรื่องที่7 . เงินเดือนไม่เคยจ่ายตรงเวลาค่ะ แถมเวลาใช้เราทำงานดึกดื่น เที่ยงคืนตี1ไม่ได้กลับบ้าน (เค้าไม่ให้กลับถ้างานไม่เสร็จ) เชื่อไหมคะ เราไม่เคยได้ OT !!!
เรื่องช็อคเรื่องที่8. บริษัทให้เราไปทำงานให้ ใช้เราขับรถไปที่นู๋นที่นี่ แล้วทางที่ไปเป็นทางก่อสร้างค่ะ เราเหยียบตะปูค่ะ จมมิดไปทั้งอันเลย โชคดีที่ยางเราหนาไม่งั้นคงมีล้ม โดนค่ายางไป4พันกว่าบาท (เราขับninja300ค่ะ) รถยังพอขับได้ค่ะแต่มีตะปูฝังอยู่ แต่ใครจะเอาชีวิตไปเสี่ยงไว้กับประตูตัวเดียวคะ เราเปลี่ยนยางค่ะ โดนไป4พันกว่าบาท เบิกบริษัทไม่ได้ เริ่ดค่ะ พันเดียวก็ยังดีนะ !! ห่อเหี่ยวกันไปค่ะ...
เรื่องช็อคเรื่องที่9. มีครั้งนึงเราลาวันจันทร์1วันค่ะ เราไปเยี่ยมคุณตาที่ต่างจังหวัด เขียนใบลาหัวหน้าแผนกอนุมัติเรียบร้อย เราก็ลงรูปที่นู๋นที่นี่ตามประสาคนไปเที่ยวปกติ พอเรากลับมาเราโดนด่าค่ะ “ผมไม่สนหรอกนะว่าหนูจะไปด้วยเรื่องอะไร แต่คนอื่นทำงานกันแต่หนูกลับไปเที่ยว หนูลองคิดดูสิ” หน้าชาอีกแล้วค่ะ หักเงินเราก็ได้นี่คะ ทำไมต้องด่าเราแบบนี้ เราลากิจเรายินดีให้หักอยู่แล้ว
เรื่องช็อคเรื่องที่10. ทำรายการค่ะ แกอยากทำรายการเพื่อเอาสินค้าตัวเองไปโปรโมท เวลาบรีฟงานคอนเซปอลังการงานสร้าง บลาๆๆ ... พอถามเรื่องงบประมาณ ตอนละ5,000 พอแย้งว่าค่าความคิดเราว่าหมดแล้ว ไหนจะจ้างคน ไหนจะตัดต่อ บลาๆๆ ท่านประธานตอบกลับมาว่า” มันมีคนทำได้เชื่อผม” ตอนนี้โปรเจคยังดองค่ะ ไม่มีใครรับทำ!!!
เรื่องช็อคเรื่องที่11. เราได้รับมอบหมายวางแผนงานและโครงสร้างทั้งปีของบริษัทค่ะ งานนี้เราได้รับมอบหมายเมื่อต้นปีที่แล้ว ท่านประธานให้เวลาเรา...”1 สัปดาห์” ในการเขียนแผนทั้งหมด พระเจ้า!!บ้าไปแล้ว 7วันจะไปทำอะไรทำ พอเราขอเลื่อนเวลาการส่งงานคำตอบคือ “มันไม่เห็นยากเลยหนู หนูจะคิดเองทำไมก็ไปก็อปเอาจากเนตสิ มีเยอะแยะ “
เรื่องน่าปวดหัวยังมีมากกว่านี้อีกเยอะค่ะ ใครมีเจ้านายแปลกๆแบบเรามาแชร์กันนะคะ
ท่านประธานชอบพูดกับทุกคนว่า
“พวกหนูทำงานอย่าคิดถึงแต่เงิน พวกหนูต้องให้ใจบริษัท”
พวกเราก็ให้ใจเต็มที่แล้วค่ะ เหนื่อยใจสุดๆตอนนี้ เช่นบางอย่างลูกน้องออกเงินไปก่อน กว่าจะได้คืนนานนนนนนแสนนาน
เราลำบากใจมาเกือบ1ปีกับที่นี่ แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ออกจากงานนะคะ อยู่ในช่วงหางานใหม่ ภาวนาให้ได้งานใหม่ไวๆค่ะ
ใครทนอยู่กับท่านประธานเราได้เรานี่อยากฝากตัวเป็นศิษย์เลยค่ะ เราทนลำบากใจทำต่อไปไม่ไหวแล้ว ท่านประธานเราหลอกใช้ทุกคน
ไม่มีความซื่อสัตย์กับลูกน้องและลูกค้า ตอนนี้ไม่ใช่แค่เราค่ะที่คิดเรื่องลาออก ทุกคนที่อดทนมาเนิ่นนานต่างรีบหางานใหม่
เรื่องที่เราอยากระบายมีเท่านี้ค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านนะคะ เราพิมยาวมากจริงๆ 5555555555555555555555
ใครมีเจ้านายแปลกๆบ้าง
จขกท.จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งค่ะ
ครั้งแรกที่เริ่มงานที่บริษัทนี้เพราะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทโทรมาเรียกเข้าไปสัมภาษณ์งานค่ะ (เราไปฝากประวัติไว้ตามเว็บหางานค่ะ)
วันที่สัมภาษณ์งานพี่ที่สำภาษณ์พูดคุย ทดสอบความสามารถ และดูพอร์ทงานที่เราทำมาค่ะ
โดยวันนั้นสิ่งที่เราได้รับฟังคือเงินเดือน18,000 (แต่ตอนนั้นยังไม่มีhr หากมีhrอาจต่อรองเหลือ15,000ซึ่งพี่เค้าได้บอกเราแล้ว)...ในใบสมัครเราเรียกเงินเดือนที่15,000บาท
ตอนนั้นเราตอบตกลงทันทีค่ะ เพราะไม่ไกลบ้านมากนัก นักศึกษาจบใหม่เราถือว่าเราพอใจกับตัวเลข15,000แล้วแลกประสบการณ์ เพราะเราคิดว่าhrต้องต่อรองเราแน่ๆจาก18,000บาท
*บริษัทที่เราทำธุรกิจหลักคือส่งออกค่ะ แล้วก็มีธุรกิจด้านอื่นๆด้วย เราอยู่ในส่วนของด้านอื่นๆค่ะ*
วันแรกที่เรามาเริ่มงานวันแรก... (14 พฤษภาคม2557)
เรื่องช็อคเรื่องที่1 . ตอนที่หัวหน้าแผนกบอกเราด้วยเงินข้างต้น เผื่อต่อรองแล้วบลาๆๆ เจอhrวันแรก เค้าอ่านประวัติเรา ขึ้นไปคุยกับประธานบริษัท เงินเดือนที่เราได้รับคือ12,000 หักประกันสังคมแล้วเหลือ11,xxx เราอึ้งค่ะ แถมมาทราบภายหลังอีกว่าไม่มีการปรับเงินประจำปี ไม่มีโบนัส ไม่มีอะไรเลยค่ะ 555 แต่เราปฏิเสธที่อื่นไปแล้ว เราเลยตกลงทำค่ะ ตอนนั้นคิดแค่ว่ามีงานดีกว่าไม่มี (ทำงานจันทร์-เสาร์)
ต่อมาเราทำมาสักพักเรารู้สึกรักแผนกค่ะ เพราะด้วยความที่เพื่อนร่วมงานดี การทำงานของเราเป็นไปด้วยความสุขค่ะ(ถ้าตัดเรื่องเงินเดือนทิ้ง)
ต่อมาเราทำงานมาเรื่อยๆค่ะ สังเกตุถึงการเข้าออกของคนในบริษัท ลาออกบ้าง โดนไล่ออกบ้าง
เรื่องช็อคเรื่องที่2. เราเริ่มงานไปสักพักเรารู้จักกับพี่ๆเซลล์ที่บริษัทค่ะ(หลังจากเซตเก่าโดนไล่ออกไป) ช่วงนั้นมีพี่ที่เป็นเซลเข้ามาใหม่2คน โดยที่ทำงานไม่ถึง1เดือนโดนไล่ออกค่ะ สาเหตุที่พี่เค้าเล่าคือ ตกลงเงินก่อนทำงานเท่านี้ ค่ารถค่าน้ำมันเท่านี้เพราะต้องออกไปต่างจังหวัด
สุดท้ายคือให้พี่เค้าออกค่าน้ำมันเองก่อน เค้ายอมออกให้รอบนึงค่ะ แต่ทวงคืนยากมาก เท่าที่เราจำได้พี่เค้าเล่าว่าบริษัทตกลงจะจ่ายค่าน้ำมันในการเดินทางออกต่างจังหวัดที่เดือนละ10,000 แต่พอจ่ายจริงจ่ายแค่3,000 พี่ๆเค้าโกรธมากค่ะ เลยไม่ออกวิ่งจนกว่าจะได้เงินคืน สุดท้ายยอมลาออกกันไปเองค่ะ
เรื่องช็อคเรื่องที่3. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เราเสียมิตรภาพเรื่องที่1ค่ะ(มีเรื่องอื่นๆอีกหลายครั้งแต่เราเล่าไม่ได้ค่ะ) ตอนนั้นบริษัทจัดอีเว้นค่ะ โดยแผนกเราเป็นคนดูแล เราจัดการเองเกือบทุกอย่างค่ะ อยากให้งานออกมาดีที่สุด ตอนนั้นบริษัทตกลงจ้างเพื่อนเราให้มาแต่งหน้า 5 คน เพื่อนเราคิดที่3,000บาท(ราคาเพื่อนฝูง) แถมแคนเซิ่ลงานที่ชนกันไปด้วย โดนขอให้บริษัทเราโอนเงินมัดจำไป900บาท เพราะเค้าต้องไปมัดจำช่างอีกคนให้มาช่วย บริษัทเราไม่ยอมโอนค่ะบอกว่าให้บอกเพื่อนว่าไปรับหน้างานเลย ด้วยความเป็นเพื่อนกันเพื่อนเรายอมค่ะ จากนั้นเกิดอะไรขึ้นรู้ไหมคะ..เค้าตกลงกันในที่ประชุมว่าจะเอาช่างแต่งหน้าอีกคนนึงซึ่งไปใช่เพื่อนเรา ซึ่งในที่ประชุมตอนแรกเราถามย้ำแล้วว่าถ้าไม่มัดจำบอสจ้างเพื่อนเราชัวร์ใช่ไหมคะ บอสตอบกลับมาว่า “ชัวร์” ทีงี้เราซวยค่ะ โทรไปแคนเซิลเพื่อน เพื่อนเราโกดเป็นฟืนเป็นไฟเลยค่ะ เพราะอุส่าแคลเซิ่ลงาน แถมยังจ่ายเงินค่ามัดจำช่างอีกคนให้อีก หึหึ! เรานี่หน้าชาเลยค่ะ!!! หลังจบอีเว้นเราไม่พูดกับบอสร่วมๆ2อาทิตย์ค่ะ เราโกรธ!
เรื่องช็อคเรื่องที่4. ก่อนรับเราเข้ามาทำงาน พ้นโปรเงินเดือนขึ้น นี่คือสิ่งที่บอกเรา ผลสรุปคืออะไรรู้ไหมคะ พ้นโปรเงินเดือนเราไม่ขึ้นค่ะ!! เท่าเดิม. .. หึหึ
เรื่องช็อคเรื่องที่5. ต่อจากนั้นบริษัทรับน้องเข้ามาทำงาน3คน น้องๆทำไปสักพักรู้สึกว่าบริษัทไม่โอเค จาก3คนเลยยื่นใบลาออกสิ้นเดือน2คน แต่เกิดอะไรรู้ไหมคะ บริษัทไล่น้องๆออกเพราะบอสเราโมโหน้องๆค่ะ ไล่ออกก่อนกำหนดในใบลาที่น้องๆเขียน แล้วที่แจ็กพ็อตคืออะไรรู้ไหมคะ...บริษัทไม่ยอมจ่ายเงินเดือนชดเชยให้น้องๆค่ะ หึหึ!!!
เรื่องช็อคเรื่องที่6. บอสเราพยายามจับเสือมือเปล่าค่ะ โดยไปของานคนนู้นคนนี้มาโดยที่ยังไม่ซื้อขาย แค่ไปขอตัวอย่างงาน แถมเอาไปขายคนอื่นต่อ กะว่าถ้ามีคนซื้อก็สบาย ไม่ต้องเสียเงินเอง ... จากที่เราเผชิญเหตุการณ์เอาเปรียบคนอื่นเหล่านี้หลายๆครั้ง เรารู้สึกไม่โอเคค่ะ เราเลยเตือนบอส เพราะเราไม่สบายใจจริงๆค่ะที่ต้องเห็นบริษัทตัวเองแอบเอางานคนอื่นมาขาย คำตอบที่ได้คืออะไรรู้ไหมคะ ?... “ทำไปก่อน อย่าพึ่งไปคิดถึงผลเสีย เพราะผมทำผมถึงมีวันนี้ ถ้ามัวคิดแบบที่หนูคิดผมไม่มาไกลขนาดนี้หรอก” เราหน้าชาค่ะ !! ท่านประธานเราภูมิใจในการขี้โกงมากๆ
เรื่องช็อคเรื่องที่7 . เงินเดือนไม่เคยจ่ายตรงเวลาค่ะ แถมเวลาใช้เราทำงานดึกดื่น เที่ยงคืนตี1ไม่ได้กลับบ้าน (เค้าไม่ให้กลับถ้างานไม่เสร็จ) เชื่อไหมคะ เราไม่เคยได้ OT !!!
เรื่องช็อคเรื่องที่8. บริษัทให้เราไปทำงานให้ ใช้เราขับรถไปที่นู๋นที่นี่ แล้วทางที่ไปเป็นทางก่อสร้างค่ะ เราเหยียบตะปูค่ะ จมมิดไปทั้งอันเลย โชคดีที่ยางเราหนาไม่งั้นคงมีล้ม โดนค่ายางไป4พันกว่าบาท (เราขับninja300ค่ะ) รถยังพอขับได้ค่ะแต่มีตะปูฝังอยู่ แต่ใครจะเอาชีวิตไปเสี่ยงไว้กับประตูตัวเดียวคะ เราเปลี่ยนยางค่ะ โดนไป4พันกว่าบาท เบิกบริษัทไม่ได้ เริ่ดค่ะ พันเดียวก็ยังดีนะ !! ห่อเหี่ยวกันไปค่ะ...
เรื่องช็อคเรื่องที่9. มีครั้งนึงเราลาวันจันทร์1วันค่ะ เราไปเยี่ยมคุณตาที่ต่างจังหวัด เขียนใบลาหัวหน้าแผนกอนุมัติเรียบร้อย เราก็ลงรูปที่นู๋นที่นี่ตามประสาคนไปเที่ยวปกติ พอเรากลับมาเราโดนด่าค่ะ “ผมไม่สนหรอกนะว่าหนูจะไปด้วยเรื่องอะไร แต่คนอื่นทำงานกันแต่หนูกลับไปเที่ยว หนูลองคิดดูสิ” หน้าชาอีกแล้วค่ะ หักเงินเราก็ได้นี่คะ ทำไมต้องด่าเราแบบนี้ เราลากิจเรายินดีให้หักอยู่แล้ว
เรื่องช็อคเรื่องที่10. ทำรายการค่ะ แกอยากทำรายการเพื่อเอาสินค้าตัวเองไปโปรโมท เวลาบรีฟงานคอนเซปอลังการงานสร้าง บลาๆๆ ... พอถามเรื่องงบประมาณ ตอนละ5,000 พอแย้งว่าค่าความคิดเราว่าหมดแล้ว ไหนจะจ้างคน ไหนจะตัดต่อ บลาๆๆ ท่านประธานตอบกลับมาว่า” มันมีคนทำได้เชื่อผม” ตอนนี้โปรเจคยังดองค่ะ ไม่มีใครรับทำ!!!
เรื่องช็อคเรื่องที่11. เราได้รับมอบหมายวางแผนงานและโครงสร้างทั้งปีของบริษัทค่ะ งานนี้เราได้รับมอบหมายเมื่อต้นปีที่แล้ว ท่านประธานให้เวลาเรา...”1 สัปดาห์” ในการเขียนแผนทั้งหมด พระเจ้า!!บ้าไปแล้ว 7วันจะไปทำอะไรทำ พอเราขอเลื่อนเวลาการส่งงานคำตอบคือ “มันไม่เห็นยากเลยหนู หนูจะคิดเองทำไมก็ไปก็อปเอาจากเนตสิ มีเยอะแยะ “
เรื่องน่าปวดหัวยังมีมากกว่านี้อีกเยอะค่ะ ใครมีเจ้านายแปลกๆแบบเรามาแชร์กันนะคะ
ท่านประธานชอบพูดกับทุกคนว่า “พวกหนูทำงานอย่าคิดถึงแต่เงิน พวกหนูต้องให้ใจบริษัท”
พวกเราก็ให้ใจเต็มที่แล้วค่ะ เหนื่อยใจสุดๆตอนนี้ เช่นบางอย่างลูกน้องออกเงินไปก่อน กว่าจะได้คืนนานนนนนนแสนนาน
เราลำบากใจมาเกือบ1ปีกับที่นี่ แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ออกจากงานนะคะ อยู่ในช่วงหางานใหม่ ภาวนาให้ได้งานใหม่ไวๆค่ะ
ใครทนอยู่กับท่านประธานเราได้เรานี่อยากฝากตัวเป็นศิษย์เลยค่ะ เราทนลำบากใจทำต่อไปไม่ไหวแล้ว ท่านประธานเราหลอกใช้ทุกคน
ไม่มีความซื่อสัตย์กับลูกน้องและลูกค้า ตอนนี้ไม่ใช่แค่เราค่ะที่คิดเรื่องลาออก ทุกคนที่อดทนมาเนิ่นนานต่างรีบหางานใหม่
เรื่องที่เราอยากระบายมีเท่านี้ค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านนะคะ เราพิมยาวมากจริงๆ 5555555555555555555555