เรียน ท่านที่กำลังอ่านด้วยความเคารพอย่างสูง
กระผมขออนุญาตใช้พื้นที่แห่งนี้ เพื่อได้เล่าถึงความรู้สึกที่ไม่สามารถจะบอกให้ใครฟังได้ และกระผมขอเรียนว่ากระผมหาได้ต้องการ สิ่งอื่นไดเลยนอกจาก"โอกาส" เพื่อพิสูจน์และได้ตอบแทนแผ่นดินแห่งนี้ โดยกระผมขอสรุปเป็นหัวข้อ เพื่อจะได้ไม่รบกวนเวลาของท่านผู้อ่าน ดังนี้
1. กระผมเคยต้องโทษในคดี พรบ.ยาเสพติด และขณะต้องโทษนั้นเป็น ผตข.สังกัดฝ่ายการศึกษาฯ ทำหน้าที่เป็นครูผู้ช่วยสอนให้แก่ ผตข.ด้วยกัน ตามที่ได้รับมอบหมาย จบการศึกษาที่ มสธ.นิติศาสตร์ และจบการศึกษาระดับ ป.โท คณะรัฐประศาสนศาตร์ ที่เรือนจำมหาสารคาม ขณะต้องโทษไม่เคยกระทำความผิดทางวินัยเรื่อนจำ
2. กระผมเรียนไปยังทุกองค์กรหรือทุกบริษัทที่เข้าสัมภาษณ์ ว่ามีที่มาอย่างไร เพื่อแสดงถึงความซื่อสัตย์ เพราะทุกคร้ังที่หลอกคนอื่นผมเองต้องมานั่งคิดมากทรมานในความจริงที่จะเกิดภายหลังหากเขาเหล่านั้นได้ทราบ โดยได้รับคำปรึกษาจากอาจารย์ที่ปรึกษางานวิจัย ดร.ผศ.ยุภาพร ยุภาส (ขออนุญาตเอ่ยนาม) ผู้ซึ่งไม่เคยรังเกียจพวกกระผมแม้แต่น้อย คงไม่ง่ายที่อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิระดับนี้จะเดินทางเข้าออกเรื่อนจำเพื่ออยากจะมาสอนพวกกระผม รวมถึงท่านอื่นๆแห่งคระ รปศ.ไม่ได้เอ่ยนาม
3.กระผมเองได้รับโทษตามกระบวนการตามกฏหมาย เหลือเพียง"กระบวนการทางสังคม"ที่ตอนนี้กำลังลงโทษกระผม ซึ่งมันรุนแรงและทำให้ต้องเสียใจทุกคร้ังไป แต่กระผมเองก็พร้อมยอมรับในกฏหรือกติกาทางสังคม องค์กร หน่วยงาน ที่ท่านได้กำหนดกรอบเอาไว้ถึงคุณลักษณะของบุคคลากรในการทำงาน
4. สุดท้าย กราบเรียนว่า การแสดงความบริสุทธิ์ ได้เล่าถึงความผิดเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจ และอดทนตั้งเล่าเรียน ทำความดีในเรือนจำ เพื่อรอวันนี้ กลับคืนสู่สังคมแห่งนี้ ที่กล่าวขานกันว่า"สังคมแห่งการอภัย"ให้กัน ผมก็ยังคงเพียงมองหา"โอกาส"นั้น
กราบขอบพระคุณท่านที่สละเวลาอ่าน และทุกๆองค์กร หรือบริษัทที่กระผมได้เคยสัมภาษณ์มาแล้ว อย่างน้อยกระผมก็ได้แสดงตัวตนว่าผมมีที่มาอย่างไร แม้จะรู้ว่าคำตอบที่ได้นั้นมีผลอย่างไร ขอให้ทุกท่านจงประสบแต่ความเจริญงอกงาม ในทุกด้าน ส่วนกระผมก็คงเอง"ขอเพียงโอกาส..เท่านั้นพอ"
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ขอเพียงโอกาส..เท่านั้นพอ
กระผมขออนุญาตใช้พื้นที่แห่งนี้ เพื่อได้เล่าถึงความรู้สึกที่ไม่สามารถจะบอกให้ใครฟังได้ และกระผมขอเรียนว่ากระผมหาได้ต้องการ สิ่งอื่นไดเลยนอกจาก"โอกาส" เพื่อพิสูจน์และได้ตอบแทนแผ่นดินแห่งนี้ โดยกระผมขอสรุปเป็นหัวข้อ เพื่อจะได้ไม่รบกวนเวลาของท่านผู้อ่าน ดังนี้
1. กระผมเคยต้องโทษในคดี พรบ.ยาเสพติด และขณะต้องโทษนั้นเป็น ผตข.สังกัดฝ่ายการศึกษาฯ ทำหน้าที่เป็นครูผู้ช่วยสอนให้แก่ ผตข.ด้วยกัน ตามที่ได้รับมอบหมาย จบการศึกษาที่ มสธ.นิติศาสตร์ และจบการศึกษาระดับ ป.โท คณะรัฐประศาสนศาตร์ ที่เรือนจำมหาสารคาม ขณะต้องโทษไม่เคยกระทำความผิดทางวินัยเรื่อนจำ
2. กระผมเรียนไปยังทุกองค์กรหรือทุกบริษัทที่เข้าสัมภาษณ์ ว่ามีที่มาอย่างไร เพื่อแสดงถึงความซื่อสัตย์ เพราะทุกคร้ังที่หลอกคนอื่นผมเองต้องมานั่งคิดมากทรมานในความจริงที่จะเกิดภายหลังหากเขาเหล่านั้นได้ทราบ โดยได้รับคำปรึกษาจากอาจารย์ที่ปรึกษางานวิจัย ดร.ผศ.ยุภาพร ยุภาส (ขออนุญาตเอ่ยนาม) ผู้ซึ่งไม่เคยรังเกียจพวกกระผมแม้แต่น้อย คงไม่ง่ายที่อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิระดับนี้จะเดินทางเข้าออกเรื่อนจำเพื่ออยากจะมาสอนพวกกระผม รวมถึงท่านอื่นๆแห่งคระ รปศ.ไม่ได้เอ่ยนาม
3.กระผมเองได้รับโทษตามกระบวนการตามกฏหมาย เหลือเพียง"กระบวนการทางสังคม"ที่ตอนนี้กำลังลงโทษกระผม ซึ่งมันรุนแรงและทำให้ต้องเสียใจทุกคร้ังไป แต่กระผมเองก็พร้อมยอมรับในกฏหรือกติกาทางสังคม องค์กร หน่วยงาน ที่ท่านได้กำหนดกรอบเอาไว้ถึงคุณลักษณะของบุคคลากรในการทำงาน
4. สุดท้าย กราบเรียนว่า การแสดงความบริสุทธิ์ ได้เล่าถึงความผิดเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจ และอดทนตั้งเล่าเรียน ทำความดีในเรือนจำ เพื่อรอวันนี้ กลับคืนสู่สังคมแห่งนี้ ที่กล่าวขานกันว่า"สังคมแห่งการอภัย"ให้กัน ผมก็ยังคงเพียงมองหา"โอกาส"นั้น
กราบขอบพระคุณท่านที่สละเวลาอ่าน และทุกๆองค์กร หรือบริษัทที่กระผมได้เคยสัมภาษณ์มาแล้ว อย่างน้อยกระผมก็ได้แสดงตัวตนว่าผมมีที่มาอย่างไร แม้จะรู้ว่าคำตอบที่ได้นั้นมีผลอย่างไร ขอให้ทุกท่านจงประสบแต่ความเจริญงอกงาม ในทุกด้าน ส่วนกระผมก็คงเอง"ขอเพียงโอกาส..เท่านั้นพอ"
ด้วยความเคารพอย่างสูง