การใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี อย่างถูกวิธี

ยาต้านไวรัสเอชไอวี มีด้วยกันหลายชนิด ออกฤทธิ์แตกต่างกันไป การเลือกใช้ยาจะพิจารณาตามความเหมาะสม สำหรับผู้ป่วยแต่ละราย โดยแบบแผนการรักษาที่จะให้ผลดี และช่วยลดปัญหาเชื้อดื้อยาได้ จะต้องใช้ยา 3 ตัวรวมกันหรือมากกว่า ที่เรียกว่า Highly Active Antiretroviral Therapy (HAART) การรักษาด้วยวิธีนี้ จะทำให้อัตราป่วยจากโรคแทรกซ้อน และอัตราการตายของผู้ป่วยเอดส์ ลดลงได้อย่างมาก ถึงแม้จะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ก็ตาม ดังนั้นผู้ป่วยควรให้ความสำคัญกับการรับประทานยา ตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

ปัจจุบันยาต้านไวรัสเอชไอวี สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม
1.    Nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NRTIs)
2.    Non nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NNRTIs)
3.    Protease inhibitors (PIs)

ข้อควรปฏิบัติในการรับประทานยา
•    รับประทานยาตามที่กำหนด ทุกมื้อ และทุกวัน
•    อย่าเปลี่ยนยาด้วยตนเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์ ถ้าพบว่าปฏิบัติตามแผนการรักษาได้ยาก ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อค้นหาแนวทางการรักษาใหม่ที่เหมาะสม
•    ควรรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ หากหยุดยาระยะหนึ่งแล้วมารับประทานต่อ ก็อาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา การรักษาจะยิ่งยากมากขึ้น
ปฏิกิริยาระหว่างยากับยา

ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง จนถึงระดับหนึ่ง อาจติดเชื้อแทรกซ้อนได้ เช่น เชื้อรา เชื้อวัณโรค ฯลฯ ยาที่ใช้รักษาเชื้อแทรกซ้อนเหล่านี้ รวมทั้งยาอื่นๆ ที่ใช้ร่วม อาจมีผลต่อระดับยาต้านไวรัส HIV ในเลือดได้ ยกตัวอย่างเช่น
•    ยาต้านเชื้อรา ได้แก่ Ketoconazole, Itraconazole     มีผลเพิ่มระดับยาต้านไวรัสในเลือด
•    ยาต้านเชื้อวัณโรค ได้แก่ Rifampin  มีผลลดระดับยาต้านไวรัสในเลือด
•    ยารักษาไมเกรน ได้แก่ Ergotamine ไม่ควรรับประทานร่วมกับยาต้านไวรัส HIV เพราะมีผลทำให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณปลายมือปลายเท้าลดลง
•    ยานอนหลับ ได้แก่ Midazolam, Triazolam  มีผลทำให้ฤทธิ์ยานอนหลับยาวนานขึ้น
ยาหลายๆ ชนิด จะมีผลต่อระดับยาต้านไวรัส HIV ในเลือด อาจทำให้เกิดความเป็นพิษจากยาได้ หรืออาจทำให้การรักษาไม่ได้ผล ดังนั้นหากจะใช้ยาตัวอื่นๆ นอกเหนือจากที่แพทย์สั่ง ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนทุกครั้ง

การใช้ยาเหล่านี้ร่วมกันยาต้านไวรัส HIV อาจมีเปลี่ยนแปลงระดับยาในเลือดได้
1.    ยาต้านเชื้อรา ได้แก่ Ketoconazole ถ้าใช้ร่วมกับยาต้านไวรัส
ผล    เพิ่มระดับยาต้านไวรัส HIV
2.    ยาต้านเชื้อวัณโรค ได้แก่ Rifampin
ผล    ลดระดับยาต้านไวรัส HIV
3.    ยาลดไขมันในเลือด ได้แก่ Simvastatin, Lovastatin
ผล    เพิ่มระดับยาลดไขมันในเลือด
4.    ยากันชัก ได้แก่ Phenobarbitol, Phenytoin, Carbamazepine
ผล    ลดระดับยาต้านไวรัส HIV

อาการไม่พึงประสงค์ของยาต้านไวรัส HIV
A. กลุ่ม NRTIs                
Antivir, Retrovir (AZT)        คลื่นไส้อาเจียน โลหิตจาง เม็ดเลือดขาวต่ำ
Videx (ddI)            ตับอ่อนอักเสบ, ชาปลายมือปลายเท้า, กรดยูริกในเลือดสูง
Stavir, Zerit (d4T)            ตับอ่อนอักเสบ, ชาปลายมือปลายเท้า
Ziagenavir (Abacavir)        ปฏิกิริยาภูมิแพ้, อ่อนเพลีย, เปลี้ย, น้ำหนักลด
B. กลุ่ม NNRTIs
Stocrin (Efavirenz)    ผื่น, อาการข้างเคียงของระบบประสาทส่วนกลาง (มึนงง, นอนไม่หลับ, ฝันร้าย), เอนไซม์ตับเพิ่ม
Viramune (Nevirapine)    ผื่น, ตับอักเสบ, เอนไซม์ตับเพิ่ม
C.กลุ่ม PIs
Kaletra (Lopinavir/Ritonavir) /Viracept (Nelfinavir)/Norvir (Ritonavir) /Fortavase (Saquinavir) /Crixivan (Indinavir)
ยากลุ่มนี้ทำให้เกิดน้ำตาลในเลือดสูง, ไขมันในเลือดสูง, การสะสมของเนื้อเยื่อไขมันในร่างกายผิดปกติ (แก้มตอบ,
แขนขาลีบ, ท้องโต, มีหนอกที่หลัง)

หมายเหตุ: Crixivan ทำให้เกิดนิ่วในไต ดังนั้นควรดื่มน้ำมาก ๆ ตามไปอีก 1 ลิตร หลังรับประทานยา

ที่มา : รพ.รามาธิบดี

Report : LIV Capsule (APCOcap)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่