ชีวิตภายในพระแม่มารีย์ - การตรึงการเขน

กระทู้สนทนา
บทที่ 31

การตรึงกางเขน

(จากการไขแสดงของพระมารดามหาทุกข์ ให้แก่นักบุญ บริจิต แห่งสวีเดน)



เมื่อแม่เดินตามพระองค์จนถึงสถานที่แห่งการทรมาน แม่เห็นเครื่องอุปกรณ์ต่างๆได้ถูกเตรียมไว้แล้ว เพื่อความตายของพระองค์ พระองค์ถูกสั่งให้ถอดเสื้อ และพระองค์ก็ทรงยอมทำทันที เมื่อทรงถอดเสื้อผ้าหมดแล้ว พวกทหารก็พูดกันว่า “เสื้อผ้าเหล่านี้เป็นของเรา เพราะใครที่ถูกตัดสินให้ตาย ก็ไม่ต้องใช้มันอีกแล้ว”  แล้วพระองค์ถูกสั่งให้นอนลงหลังติดกางเขน และยื่นแขนขวาออกก่อน เพชฌฆาตก็จับพระองค์ดึงแขนไปที่ปลายไม้กางเขนทางด้านขวา ซึ่งได้เจาะรูตะปูเตรียมไว้แล้ว เขาก็ตอกตะปูลงบนพระหัตถ์ จึงถึงจุดที่ตะปูนั้นตรึงกระดูกกับไม้กางเขนไว้แน่นทีเดียว


แล้วพวกเขาก็ดึงแขนอีกข้างหนึ่งด้วยเชือก แต่ไปไม่ถึงรูตะปูที่เจาะไว้  เขาก็ยังอุตส่าห์ตอกเท่าที่มันจะไปถึงได้


จากนั้นเขาก็ตอกตะปูบนพระบาท โดยให้พระบาทซ้ายทับอยู่บนพระบาทขวาของพระองค์ ตรงจุดที่ทำให้เส้นประสาทและเส้นโลหิตฉีกขาดและแตก
ครั้นแล้วเขายังนำเอามงกุฎหนามมาสวมใส่ที่พระเศียรอีกครั้ง ทำให้แผลลึกลงไปอีก พระโลหิตไหลรินจนตา หู และหนวดเปียกชุ่มไปหมด  ขณะที่เขาตอกตะปูตัวแรก แม่ช็อคเป็นลมล้มลงราวกับคนตาย  เห็นทุกอย่างรอบตัวดำมืดไปหมด มือเริ่มสั่นด้วยความเจ็บปวด แม่ไม่สามารถเงยหน้ามองดูการตรึงกางเขนนั้นได้ จนเมื่อพระองค์ได้ถูกตรึงเสร็จเรียบร้อยแล้ว


เมื่อแม่ฟื้นจากสลบ แม่มองเห็นพระบุตรถูกแขวนอยู่บนกางเขนอย่างน่าทุเรศ และแม่ซึ่งปวดร้าวใจอย่างยิ่ง รู้สึกถึงการช็อคครั้งแล้วครั้งเล่าไปทั่วร่างกาย จนเกือบยืนไม่ได้    แม่ยังได้ยินเสียงพวกผู้ชายพูดกันว่า ลูกของแม่เป็นโจร อีกคนก็ว่า เป็นนักโกหก อีกคนหนึ่งว่าไม่มีใครที่สมควรตายเท่ากับลูกของแม่ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความปวดร้าวและเสียใจยิ่งทิ่มแทงใจแม่มากยิ่งขึ้น

และบัดนี้มงกุฎหนามที่ถูกกดลงลึกจนถึงครึ่งหน้าผาก หนามแหลมเหล่านั้นกำลังจมลึกถึงภายในพระเศียรทำให้เจ็บปวดอย่างรุนแรง จนพระโลหิตหลั่งรินเป็นสายลงบนพระพักต์ เปี่ยมชุ่มเต็มเบ้าตาและหนวดเครา พระเศียรของพระองค์ไม่ต่างอะไรกับสายธารโลหิต และเพื่อที่จะสามารถมองเห็นแม่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้นได้ พระองค์ต้องทรงกระพริบตาเพื่อขับพระโลหิตออกจากเบ้าตา  ในพระมหาทรมานนั้น แม่ยืนอยู่ใกล้ ติดกับกางเขน ไม่ยอมแยกไปจากพระองค์ และอะไรที่อยู่ใกล้ดวงใจ ก็มักจะแทงดวงใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น ดังนั้นความทรมานของพระองค์จึงเป็นสิ่งที่ปวดร้าวใจแม่ยิ่งกว่าผู้ใดทั้งสิ้น และเมื่อพระองค์ทรงมองลงมายังแม่ เช่นเดียวกับที่แม่เงยหน้าขึ้นมองพระองค์ด้วยน้ำตาไหลหลั่งราวกับสายเลือด และเมื่อพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นแม่อยู่ในความระทมทุกข์ยิ่งใหญ่เช่นนั้น ยิ่งทำให้พระองค์ทรงทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้นจนว่าความเจ็บปวดทรมานจากบาดแผลทั้งหมดของพระองค์ มิอาจเทียบกับความปวดร้าวที่ทรงเห็นความระทมทุกข์ของแม่ จึงอาจกล่าวได้ว่าความทรมานของพระองค์ก็เป็นความทรมานของแม่ด้วย หรืออีกนัยหนึ่งคือ ทั้งพระบุตรและแม่ได้ไถ่โลกด้วยหัวใจดวงเดียวกัน

ระหว่างที่พระองค์แขวนอยู่บนกางเขนนั้น พระโลหิตหลั่งออกทั่วพระวรกาย แม้กระทั่งซึมออกมาจากเล็บด้วย แม่ได้ร่วมทนทรมานพร้อมกับมหาทรมานของพระองค์ เนื่องจากแม่ยืนอยู่ใกล้พระองค์ และร่ำไห้ตลอดเวลา พระองค์ทรงมองลงมาที่ยอห์นทั้งๆที่พระโลหิตเต็มพระเนตร และสั่งเขาให้ดูแลแม่

หลังจากได้มอบแม่ไว้ในความดูแลของศิษย์ที่รักแล้ว ทรงเห็นแม่และเพื่อนๆของพระองค์ร่ำไห้อย่างขมขื่น และจากส่วนลึกแห่งดวงพระทัย ทรงเงยพระเศียรขึ้นและร้องด้วยเสียงอันดัง และพระเนตรที่นองน้ำตาเพ่งมองสวรรค์กล่าวว่า….
“ข้าแต่พระบิดาเจ้า ทำไมพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเล่า”

แม่ไม่อาจลืมเสียงร้องนั้นได้ จนถึงวันที่แม่ถูกยกขึ้นสวรรค์ ถึงกระนั้นพระองค์ทรงกล่าวออกมาเพราะความสงสารแม่มากกว่าความทุกข์ทรมานของพระองค์เอง  แล้วดวงเนตรราวกับตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง แก้มตอบโบ๋ ทั่วพระวรกายสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด ปากอ้ากว้าง เผยให้เห็นลิ้นที่เปียกชุ่มด้วยโลหิต ท้องแฟบเข้าไปถึงกระดูกสันหลัง และดูเหมือนทุกอย่างสงบลงแล้ว พระวรกายซีดเผือด เพราะพระโลหิตหลั่งไหลออกมาตลอดเวลา พระหัตถ์และพระบาทเหยียดตึง จากการตอกตรึงอันโหดร้ายนั้น พระเกศา หนวดเครา เปียกชุ่มด้วยพระโลหิต

ขณะที่ถูกแขวน ณ เวลานี้มีเพียงพระหฤทัยที่ยังคงเต้นอยู่ เพราะเป็นส่วนที่ดีที่สุดและแข็งแรงที่สุด ที่สร้างจากเลือดและเนื้อของแม่ พระองค์รับเอาร่างกายที่บริสุทธิ์ที่สุด ผิวสะอาดอ่อน จนแม้การทุบตีเพียงเบาๆ ก็ทำให้พระโลหิตหลั่งออกมาทันที พระโลหิตของพระองค์แดงเข้มจนสามารถมองเห็นขณะที่มันวิ่งใต้ผิวหนังอันใสสะอาดของพระองค์ และบัดนี้ความตายกำลังต่อสู้กับชีวิตอย่างสุดฤทธิ์ บนร่างกายที่ถูกเฆี่ยนตีจนย่อยยับ โดยทั่วไปความเจ็บปวดรุนแรงที่เกิดขึ้นกับแขนขาที่ฉีกขาด พิษบาดแผลจะพุ่งไปที่หัวใจที่ยังแข็งแรงและไม่บอบช้ำมาก ซึ่งทำให้พระองค์ทรงเจ็บปวดทรมานมาก แต่เมื่อพิษบาดแผลนั้นไหลกลับไปสู่แขนขาอีกครั้ง  ทำให้เกิดอาการเข้าตรีทูตแห่งความตายของพระองค์

ถึงกระนั้น ในท่ามกลางมหาสมุทรแห่งความเจ็บปวดของพระองค์ ทรงมองลงมายังเพื่อนๆที่ไม่อยากเห็นพระองค์ต้องทรงทรมานเช่นนี้ กำลังร้องไห้อยู่ ยิ่งทำให้พระองค์ทรงเจ็บปวดมากขึ้น เพราะทรงรักพวกเขาสุดพรรณนา


ในความเจ็บปวดทรมาน พระองค์ทรงร้องหาพระบิดาว่า “พระบิดาเจ้าข้า ลูกขอมอบวิญญาณของลูกไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์”
มารดาผู้แสนโศกาของพระองค์ เมื่อได้ยินคำเหล่านั้น ดวงใจที่หวั่นไหวของแม่ กระดูกทุกชิ้นในแขนขาที่ปวดร้าวและสั่นเทา ซึ่งทุกครั้งที่แม่คิดถึงเสียงร้องนี้ แม่ก็จะได้ยินเสียงนี้แว่วอยู่ในหูด้วยเสมอ


ครั้นแล้วสัญญาณแห่งความตายเข้าครอบงำทุกส่วนของพระวรกาย แก้มของพระองค์ย้อยลงมาเหนือฟัน ซี่โครงดูขยายออกและอาจนับได้ จมูกดูแหลมบาง บัดนี้ด้วยหัวใจที่กำลังจะแตกสลายเพราะความเจ็บปวดอันเข้มข้น พระวรกายก็สั่นเทิ้ม พระเศียรเงยขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ตกลง ดวงเนตรปิดครึ่งหนึ่ง ปากของพระองค์เปิดอ้า มองเห็นลิ้นที่ชุ่มด้วยพระโลหิต แล้วพระหัตถ์ของพระองค์ก็ทรุดลงมาอีกเล็กน้อยจากรูตะปู พระบาทของพระองค์รับน้ำหนักไว้ทั้งหมด นิ้วมือและแขนมีอาการชักกระตุก แล้วเหยียดตรง แผ่นหลังกดแนบกับกางเขน ที่สุดพระเศียรก็ก้มลงต่ำ เคราของพระองค์ติดอยู่กับพระอุระ  มือของแม่เป็นตะคริวชาไปหมด ทุกสิ่งดูดับมืดไป ใบหน้าของแม่ขาวซีดราวกับศพ หูของแม่ไม่ได้เห็นอะไรอีกแล้ว แม่พูดอะไรไม่ออก เท้าเริ่มอ่อนเปลี้ย ทรุดลงกับพื้นดิน


เมื่อแม่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง มองเห็นลูกในสภาพน่าทุเรศ แม่ปักใจทั้งหมดไปที่พระองค์ ครั้นแล้วแม่ก็เข้าใจทั้งหมดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นไปตามน้ำพระทัยพระองค์ทั้งสิ้น และมันจะเกิดขึ้นไม่ได้หากพระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้มันเป็นไป แล้วแม่ก็ขอบพระคุณพระองค์สำหรับทุกสิ่ง มีความยินดีแฝงเจือเข้ามาในความทุกข์นั้น แม่มองเห็นว่า พระบุตรผู้บริสุทธิ์ปราศจากมลทินบาปใดใด ทรงตั้งพระทัยยอมรับความทรมานเพื่อคนบาป เนื่องจากความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์โดยแท้


บัดนี้ดวงเนตรที่ปิดครึ่งหนึ่งของพระองค์ก็ก้มลงต่ำ และพระวรกายที่ดับสูญก็โยบลง เข่าของพระองค์ยืดไปข้างหน้าในแนวเดียวกัน พระบาทบิดงอรอบตะปู  ครั้นแล้วบางคนที่อยู่ที่นั่นพูดประชดขึ้นว่า “มารีย์ ลูกของเธอตายซะแล้ว”  บางคนที่มีจิตใจดีหน่อยพูดว่า “นางเอ๋ย บัดนี้การเข้าตรีฑูตของพระองค์ได้บรรลุถึงสิริมงคลนิรันดรแล้ว”  และยังมีบางคนพูดว่า “แม้เขาจะตายไปแล้ว แต่เขาจะกลับเป็นขึ้นมาอีก”   แต่ระหว่างที่พวกเขาพูดเช่นนี้ ทหารคนหนึ่งเดินมาใช้หอกแทงเข้าไปที่สีข้างของพระองค์อย่างแรง จนแทบจะทะลุออกไปอีกด้านหนึ่ง  และเมื่อเขาดึงหอกออก ก็เห็นว่าปลายหอกนั้นยังแดงด้วยพระโลหิต หัวใจของพระบุตรสุดที่รักของแม่ถูกแทงอย่างไร้ความปราณี จนว่าหอกนั้นได้ผ่าหัวใจของพระองค์ออกเป็นสองซีก   เมื่อแม่เห็นเช่นนั้น หัวใจของแม่ก็ถูกแทงทะลุเช่นเดียวกัน แต่มันกลับไม่ขาดเป็นเสี่ยงๆ  เมื่อคนอื่นเบือนหนีไปจากภาพอันน่าสลดใจนี้ แม่ยังคงอยู่ที่นั่น


ต่อมามีคนนำพระศพของพระองค์ลงจากกางเขน สองคนนำบันไดมาสามอัน คนหนึ่งรับพระบาทของพระองค์ อีกคนขึ้นไปเอาแขนของพระองค์ไพล่ไหล่ของตน และ คนที่สามรับส่วนกลางพระวรกายของพระองค์ แล้วหนึ่งในพวกเขาปีนขึ้นบันไดตัวที่สอง ดึงตะปูออกจากมือข้างหนึ่ง แล้วเลื่อนบันไดขยับออกไป ดึงตะปูออกจากมืออีกข้างหนึ่ง ดังนั้นระหว่างที่เขายกพระกายลงมาอย่างช้าๆ เมื่อพวกเขาหย่อนพระกายลงมาใกล้ถึงพื้น อีกคนหนึ่งก็ช่วยพยุงพระเศียรไว้ แม่ช่วยพยุงพระองค์ตรงกลาง แล้วพวกเขาแบกพระองค์วางที่ก้อนหินหนึ่ง ซึ่งแม่ได้เอาผ้าลินินสะอาดปูไว้


แขนขาของพระองค์แข็งทื่อ และเย็น สภาพของพระองค์เหมือนคนตายเพราะโรคเรื้อน ดวงตาไร้แววและเต็มไปด้วยคราบพระโลหิต ปากของพระองค์เย็นเหมือนหิมะ เคราบิดเข้าหากันเหมือนเกรียวเชือก พระพักต์เหี่ยวย่น พระองค์ถูกวางราบอยู่บนเข่าของแม่ ด้วยสภาพเดียวกับที่แขวนบนกางเขน


แม่ไม่อยากบิดแขนที่แข็งทื่อของพระองค์เพื่อจะพยายามวางแขนทาบลงบนพระอุระของพระองค์ แม่ทำได้เพียงเอาแขนของพระองค์วางไว้บนท้องเท่านั้น ขาของพระองค์ไม่อาจยืดตรงได้ ยังคงงอในสภาพเดียวที่ทรงสิ้นพระชนม์บนกางเขน
ครั้นแล้ว พวกเขาก็วางพระองค์บนผ้าลินินสะอาดและ แม่ใช้ผ้าเช็ดแผลและที่แขนขาของพระองค์ แม่ปิดตาและปากของพระองค์ที่ยังเปิดอยู่ แม่ไม่ได้เย็บเสื้อผ้าให้ เพราะแม่รู้ว่าพระองค์จะไม่เปื่อยเน่าไป

ครั้นแล้วมารีย์ มักดาเลนาและสตรีใจศรัทธาคนอื่นๆก็มาถึง และมีเทวดาอีกหลายองค์อยู่รอบๆนั้น เหมือนแสงอาทิตย์เจิดจ้า เพื่อถวายเกียรติแด่พระผู้สร้าง  เป็นการยากที่จะอธิบายความทุกข์เศร้าของแม่ในเวลานั้น แม่ก็เป็นเหมือนหญิงที่คลอดบุตร แม้จะเจ็บปวดมากจนแทบหายใจไม่ออก แต่ดวงใจของเธอนั้นเปี่ยมด้วยความยินดีและสุขใจ เพราะเธอรู้ว่าบุตรที่เธอให้กำเนิดมา จะไม่ต้องพบกับความเจ็บปวดของเธอ ดังนั้น แม้ว่าแม่จะเป็นทุกข์เศร้าใจเพราะความตายของลูก แม่ยังมีความยินดีด้วยเพราะรู้แน่ว่าลูกจะไม่ตายอีกเลย แต่จะมีชีวิตนิรันดร์ ในใจแม่จึงมีทั้งความยินดีและความเศร้าคละเคล้ากันไป
ครั้นแล้วพวกเขาก็วางพระองค์ในหลุม โอ้ แม่จะดีใจสักเพียงใด หากแม่ได้ถูกฝังทั้งเป็นพร้อมกับลูกของแม่ด้วย ถ้าหากเป็นน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า เป็นความจริงที่ว่า เมื่อพระบุตรถูกฝังนั้น มีสองหัวใจที่อยู่ในหลุมเดียวกัน ดังสุภาษิตที่ว่า :      
สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน หัวใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย ความคิดจิตใจของแม่ก็อยู่ในหลุมศพร่วมกับพระบุตรด้วย

หลังงานปลงศพเสร็จสิ้น ยอห์นคนดีก็มาถึง และพาแม่ไปที่บ้านของเขา... ลูกคงเห็นแล้วว่า พระบุตรของแม่ได้ทนทรมานเพื่อเธออย่างไร และมากเพียงใด   ฉะนั้น จงพิจารณาเถิดว่า ความทุกข์ทรมานของแม่ในความตายของพระบุตร จะยิ่งใหญ่สักเพียงใด และมันจะไม่เป็นยากสำหรับเธอที่จะละทิ้งโลก


บทต่อไป...
ย้อนหลัง บทที่ 30 - ตัดสินประหารพระผู้ไถ่ : http://ppantip.com/topic/33351248

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ติดตามวีดีทัศน์และบทความที่น่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/help.souls
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่