ขอเล่าประสบการณ์การซื้อบ้านจากโครงการ ศภล.ค่ะ
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนสำหรับเรื่องที่จะเล่า ว่าไม่ได้ต้องการอะไร แต่อยากจะเล่าความผิดพลาดในส่วนของตัวเองให้ผู้ที่กำลังมองหาบ้านให้มีความระมัดระวังให้มาก ...พิมพ์จากมือถือ หากอ่านยากขออภัยทุกท่านค่ะ
-เริ่มจากเราและแฟนตัดสินใจซื้อบ้านจากโครงการราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 4,624,700บาท 60.7ตร.ว. จ่ายค่ามัดจำเงินดาวน์ชำระทั้งหมดแล้ว 276,000บาท ...รวมยอดทั้งหมดที่ต้องชำระวันโอน 4,415,414.50บาท ในสัญญาโครงการจะต้องเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ 30 เมษายน 57 โดยค่าปรับล่าช้าเป็นรายวัน ที่จะปรับโครงการได้ตามสัญญา 0.01ของราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
-เรื่องเริ่มจาก พอถึงวันใกล้กำหนด บ้านก็ยังคงเสร็จที่ 70% ถามไปยังฝ่ายที่ควบคุมการสร้างบ้านหลังนี้ ได้รับการคำตอบเลื่อนการเสร็จไปอีก 1 เดือน พอครบ 1 เดือน ไปดูยังคงสภาพ70% สอบถามไปก็เลื่อนไปเรื่อยๆอีก ครั้งละ 1 เดือน ...ช่วงนั้นดิฉันคลอดลูกแฝด3 เราสองคนจึงยุ่งมาก การติดตามบ้านก็เริ่มห่างๆไป จน ตุลาคม 57 จึงสอบถามไปยังโครงการถึงกำหนดเสร็จอีกครั้ง((ตอนนั้นลูกอายุได้6เดือน)) ก็ได้คำตอบขอเลื่อนไปอีก 1 เดือน จนแฟนต้องเค้นถามว่าเกิดปัญหาอะไรกันแน่ ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า ผู้รับเหมาทิ้งงาน ขอเริ่มงานอีกที มกราคม 58 ตอนนั้นก็เข้าใจทางโครงการ เพราะเร่งไปก็คงไม่มีอะไรคืบหน้า ลากยาวเวลามาถึงมกราคม 58
-ปลายมกราคม 58 ได้รับการติดต่อจากผู้ที่ควบคุมการสร้างบ้าน ชื่อคุณ ช. ว่าบ้าน เกือบ 90% แล้ว มาดูได้ นึกในใจ เออ เร็วกว่าที่คิดไว้ จึงนัดวันไปดู 9 กุมภาพันธ์ 58 ... ซึ่งช่วงนั้นตัวเองเอาลูกๆไปให้ทีมยายๆช่วยเลี้ยงที่บ้านอีกจังหวัด การจะเดินทางมาดูบ้านต้องขับรถมา 150 กม. ถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 58 จึงชวน แม่ น้องชาย ทีมยายๆ ไปดูบ้านกัน ((แฟนติดงาน))
-ครั้งแรกที่ไปดูบ้าน ก็รู้สึกดี ว่าเออจะเสร็จสักที เหลือแค่เก็บรายละเอียด ทำระบบน้ำไฟรอบนอกตัวบ้านและแก้ไขตำหนิที่เจอ ซึ่งทางช่างก็จดรายละเอียดที่มีตำหนิจะแก้ไขแปะไว้ วันนั้นเห็นกระดาษสรุปงานของบ้านแปะไว้ว่าบ้านหลังนี้ล่าช้าไป 9 เดือน ...ระหว่างตรวจบ้านก็พูดเกริ่นๆกับแม่ว่า อยากทุบผนังส่วนห้องครัวกับห้องคนใช้ออกไป เพื่อให้เหลือแต่ห้องครัวที่กว้างขึ้น ตอนนั้น คุณช. ซึ่งฟังอยู่ด้วยก็เสนอมาว่า จะให้ทางเราจัดการเลยมั้ย ทุบผนังแล้วก็ปูกระเบื้องใหม่เพราะสองห้องที่เชื่อมกันนี้กระเบื้องคนละขนาด ทางเรามีช่างที่ทำจะได้เก็บรายละเอียดไปเลยทีเดียวไม่ต้องมาทุบทีหลังต้องทำความสะอาดอะไรกันอีก ถ้าตกลงเดี๋ยวให้ช่างมาประเมินราคาแล้วจะโทรบอก ตอนนั้นก็ถามไปว่าทำได้หรอ เพราะเคยสอบถามเรื่องทุบส่วนนี้ไปตั้งแต่สมัยจองบ้านใหม่ๆ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้องทำหลังโอน..ถึงตอนนี้สามารถทำได้ ทำเลยก็ดีเหมือนกัน แต่เอาแค่ทุบผนังไม่ต้องเปลี่ยนกระเบื้อง เรื่องขนาดกระเบื้องเราไมซีเรียส
-หลังจากตกลงเสร็จ ก่อนออกจากโครงการก็ให้เราแวะไปที่สำนักงานก่อสร้างก็มีเอกสารบางๆใบเล็กๆมาให้เซ็น ในข้อความระบุว่าทางเราได้รับตรวจรับบ้านเรียบร้อยแล้ว เสร็จสมบูรณ์ ((จำรายละเอียดได้ไม่หมด)) ...ตอนนั้นก็ถามคุณช.ไปว่า เซ็นทำไมยังไม่ได้ตรวจรับบ้านเลย เค้าก็คะยั้นคะยอว่าเซ็นได้ไม่มีอะไร เป็นการตรวจครั้งที่1 คือก็เซ็นไปแบบไม่สบายใจ ซึ่งจากจุดนี้ ทำให้เกิดเรื่องที่เรียกว่า เสียค่าโง่ ตามมา ...หลังจากกลับมาจากโครงการคุณช. ก็โทรมาบอกว่าค่าทุบผนัง 15000 บาท เราต่อราคาเป็น 12000 เป็นอันตกลง ...1 สัปดาห์ไปดูงานทุบเสร็จเรียบร้อย พื้นระหว่างสองฝั่งเป็นสโลบ เลยต้องปรับให้เสมอกันก็ให้ทางช่างจัดหากระเบื้องเองไรเอง คิดราคามา ช่างคิดเพิ่มอีก 15000 บาท รวมสองงาน 27000 บาท ต่อราคาเหลือ 25000 เป็นอันตกลง
-จนกระทั้ง 8มีนาคม มีจดหมายจากโครงการสำนักงานใหญ่นัด ชำระเงินและโอนบ้านที่สำนักงานที่ดินในวันที่ 18 มีนาคม 58 ก็งงกันเลยทีนี้ เลยย้อนนึกไปว่าเป็นเพราะกระดาษแผ่นนั้นที่เราเซ็นแน่ๆจึงโทรไปที่สำนักงานใหญ่ ได้ความว่าเป็นเพราะกระดาษนั้นแหละคือการรับมอบแล้วและต้องดำเนินการโอนบ้านให้เสร็จภายใน30วัน หลังรับมอบบ้านไม่งั้นทางเราจะโดนค่าปรับร้อยละ7 อืมมมม ....เริ่มรู้สึกไม่ดีเลย...แต่แฟนก็ให้กำลังใจเราดีมาก ไม่ว่าเราสักคำที่เราเซ็นไปโดยรู้ไม่เท่าทัน เพราะจนกระทั้งวันนี้ 11 มีนาคม บ้านก็ยังไม่เสร็จเรียบร้อย ระบบน้ำ ไฟ ที่ไปเช็คมาวันนี้ยังไม่สมบูรณ์ ไหนจะครัวและพื้นที่ทำไปอีก แฟนเลยเอารายละเอียดรายการที่จะต้องจ่ายวันโอนมาดู แล้วบอกว่าในนี้ไม่มีหักค่าเสร็จล่าช้าของโครงการ ระยะเวลาล่าช้า9 เดือน จะโทรไปถามดู ...ก็ได้คำตอบ ว่าทางผู้บริหารมีมติไม่จ่ายค่าปรับทุกกรณีและทุกโครงการที่มี ถ้าอยากได้ให้เราไปฟ้องเอา...เอิ่มมมม..จะว่ายังไงดี นอกจากคำว่าทางโครงการหน้าด้านจัง ลูกค้ารอแล้วรอเล่า รอจนมาเจอเรื่องให้เสียความรู้สึกซ้ำๆ
-วันรุ่งขึ้นวันที่ 9 มีนาคมโทรไปหาคุณช. บอกว่าพุธหน้าเค้าจะให้โอนบ้านแล้ว อะไรก็ยังไม่เสร็จจะไว้ใจอะไรได้อีก คุณช.ตอบมาว่าให้โทรไปเคลียร์กับสำนักงานใหญ่เลยเรื่องยังไม่พร้อมไปโอนไรงี้ ... พูดง่ายเนอะ แต่เราก็ขี้เกียจคุยกับคนไม่ตรงไปตรงมาแบบนี้แล้ว ไม่พร้อมของเรามันเป็นเรื่องที่บ้านยังไม่เสร็จดี แต่เราต้องไปจ่ายเงินเกือบ 5 ล้านให้โครงการนั่นก็คงไม่ใช่...วันนี้เราโทรไปหาคุณช.ว่าเราจะเข้าไปดูบ้าน เค้าก็ส่งลูกน้องมาแทน มันน่านัก
-วันนี้เข้าไปยืนมองบ้าน ไม่รู้สึกยินดีหรืออะไรเลย มองออกไปรอบๆก็ยังมีอีกหลายบ้านสร้างไม่เสร็จ และจะก่อสร้างไปอีกหลายหลัง บ้านในระแวกเดียวกันบางหลังสร้างเสร็จแต่ก็ยังไม่มีคนเข้าอยู่ ทั้งๆที่ตอนจองผังโซนนี้เต็มหมดทุกแปลง หรือรอเกินนาน
-วันนี้เรากับแฟนและแม่คุยกันเห็นพ้องกันว่า อะไรที่ทำให้ไม่สบายใจก็ทิ้งมันเถอะ เสียน้อยหลักแสน ถือว่าฟาดเคราะห์ ดีกว่าเสียไปหลักล้านแล้วจะเจอปัญหามารุมเร้าอีกบทสรุปของเรากับแฟนกับโครงการนี้ ก็คือ เราไม่เอาแล้ว ด้วยเหตุผลคือเรารู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์ที่เจอ ...
-ข้อสงสัยของเราคือ เราจะต้องแจ้งโครงการมั้ยว่าไม่เอาแล้ว จะมีข้อผูกมัดอะไรต่อไปมั้ยคะแต่แฟนอ่านในสัญญาแล้วบอกว่าไม่น่าจะมีอะไร แค่เสียเงินดาวน์ไป ...ขอบคุณทุกท่านที่อ่านเรื่องราวมาจนจบนะคะ หากมีข้อเสนอแนะหรือคอมเม้นท์อะไร ยินดีรับฟังค่ะ
ขอเล่าประสบการณ์การซื้อบ้านจากโครงการ ศภล.ค่ะ
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนสำหรับเรื่องที่จะเล่า ว่าไม่ได้ต้องการอะไร แต่อยากจะเล่าความผิดพลาดในส่วนของตัวเองให้ผู้ที่กำลังมองหาบ้านให้มีความระมัดระวังให้มาก ...พิมพ์จากมือถือ หากอ่านยากขออภัยทุกท่านค่ะ
-เริ่มจากเราและแฟนตัดสินใจซื้อบ้านจากโครงการราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 4,624,700บาท 60.7ตร.ว. จ่ายค่ามัดจำเงินดาวน์ชำระทั้งหมดแล้ว 276,000บาท ...รวมยอดทั้งหมดที่ต้องชำระวันโอน 4,415,414.50บาท ในสัญญาโครงการจะต้องเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ 30 เมษายน 57 โดยค่าปรับล่าช้าเป็นรายวัน ที่จะปรับโครงการได้ตามสัญญา 0.01ของราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
-เรื่องเริ่มจาก พอถึงวันใกล้กำหนด บ้านก็ยังคงเสร็จที่ 70% ถามไปยังฝ่ายที่ควบคุมการสร้างบ้านหลังนี้ ได้รับการคำตอบเลื่อนการเสร็จไปอีก 1 เดือน พอครบ 1 เดือน ไปดูยังคงสภาพ70% สอบถามไปก็เลื่อนไปเรื่อยๆอีก ครั้งละ 1 เดือน ...ช่วงนั้นดิฉันคลอดลูกแฝด3 เราสองคนจึงยุ่งมาก การติดตามบ้านก็เริ่มห่างๆไป จน ตุลาคม 57 จึงสอบถามไปยังโครงการถึงกำหนดเสร็จอีกครั้ง((ตอนนั้นลูกอายุได้6เดือน)) ก็ได้คำตอบขอเลื่อนไปอีก 1 เดือน จนแฟนต้องเค้นถามว่าเกิดปัญหาอะไรกันแน่ ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า ผู้รับเหมาทิ้งงาน ขอเริ่มงานอีกที มกราคม 58 ตอนนั้นก็เข้าใจทางโครงการ เพราะเร่งไปก็คงไม่มีอะไรคืบหน้า ลากยาวเวลามาถึงมกราคม 58
-ปลายมกราคม 58 ได้รับการติดต่อจากผู้ที่ควบคุมการสร้างบ้าน ชื่อคุณ ช. ว่าบ้าน เกือบ 90% แล้ว มาดูได้ นึกในใจ เออ เร็วกว่าที่คิดไว้ จึงนัดวันไปดู 9 กุมภาพันธ์ 58 ... ซึ่งช่วงนั้นตัวเองเอาลูกๆไปให้ทีมยายๆช่วยเลี้ยงที่บ้านอีกจังหวัด การจะเดินทางมาดูบ้านต้องขับรถมา 150 กม. ถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 58 จึงชวน แม่ น้องชาย ทีมยายๆ ไปดูบ้านกัน ((แฟนติดงาน))
-ครั้งแรกที่ไปดูบ้าน ก็รู้สึกดี ว่าเออจะเสร็จสักที เหลือแค่เก็บรายละเอียด ทำระบบน้ำไฟรอบนอกตัวบ้านและแก้ไขตำหนิที่เจอ ซึ่งทางช่างก็จดรายละเอียดที่มีตำหนิจะแก้ไขแปะไว้ วันนั้นเห็นกระดาษสรุปงานของบ้านแปะไว้ว่าบ้านหลังนี้ล่าช้าไป 9 เดือน ...ระหว่างตรวจบ้านก็พูดเกริ่นๆกับแม่ว่า อยากทุบผนังส่วนห้องครัวกับห้องคนใช้ออกไป เพื่อให้เหลือแต่ห้องครัวที่กว้างขึ้น ตอนนั้น คุณช. ซึ่งฟังอยู่ด้วยก็เสนอมาว่า จะให้ทางเราจัดการเลยมั้ย ทุบผนังแล้วก็ปูกระเบื้องใหม่เพราะสองห้องที่เชื่อมกันนี้กระเบื้องคนละขนาด ทางเรามีช่างที่ทำจะได้เก็บรายละเอียดไปเลยทีเดียวไม่ต้องมาทุบทีหลังต้องทำความสะอาดอะไรกันอีก ถ้าตกลงเดี๋ยวให้ช่างมาประเมินราคาแล้วจะโทรบอก ตอนนั้นก็ถามไปว่าทำได้หรอ เพราะเคยสอบถามเรื่องทุบส่วนนี้ไปตั้งแต่สมัยจองบ้านใหม่ๆ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้องทำหลังโอน..ถึงตอนนี้สามารถทำได้ ทำเลยก็ดีเหมือนกัน แต่เอาแค่ทุบผนังไม่ต้องเปลี่ยนกระเบื้อง เรื่องขนาดกระเบื้องเราไมซีเรียส
-หลังจากตกลงเสร็จ ก่อนออกจากโครงการก็ให้เราแวะไปที่สำนักงานก่อสร้างก็มีเอกสารบางๆใบเล็กๆมาให้เซ็น ในข้อความระบุว่าทางเราได้รับตรวจรับบ้านเรียบร้อยแล้ว เสร็จสมบูรณ์ ((จำรายละเอียดได้ไม่หมด)) ...ตอนนั้นก็ถามคุณช.ไปว่า เซ็นทำไมยังไม่ได้ตรวจรับบ้านเลย เค้าก็คะยั้นคะยอว่าเซ็นได้ไม่มีอะไร เป็นการตรวจครั้งที่1 คือก็เซ็นไปแบบไม่สบายใจ ซึ่งจากจุดนี้ ทำให้เกิดเรื่องที่เรียกว่า เสียค่าโง่ ตามมา ...หลังจากกลับมาจากโครงการคุณช. ก็โทรมาบอกว่าค่าทุบผนัง 15000 บาท เราต่อราคาเป็น 12000 เป็นอันตกลง ...1 สัปดาห์ไปดูงานทุบเสร็จเรียบร้อย พื้นระหว่างสองฝั่งเป็นสโลบ เลยต้องปรับให้เสมอกันก็ให้ทางช่างจัดหากระเบื้องเองไรเอง คิดราคามา ช่างคิดเพิ่มอีก 15000 บาท รวมสองงาน 27000 บาท ต่อราคาเหลือ 25000 เป็นอันตกลง
-จนกระทั้ง 8มีนาคม มีจดหมายจากโครงการสำนักงานใหญ่นัด ชำระเงินและโอนบ้านที่สำนักงานที่ดินในวันที่ 18 มีนาคม 58 ก็งงกันเลยทีนี้ เลยย้อนนึกไปว่าเป็นเพราะกระดาษแผ่นนั้นที่เราเซ็นแน่ๆจึงโทรไปที่สำนักงานใหญ่ ได้ความว่าเป็นเพราะกระดาษนั้นแหละคือการรับมอบแล้วและต้องดำเนินการโอนบ้านให้เสร็จภายใน30วัน หลังรับมอบบ้านไม่งั้นทางเราจะโดนค่าปรับร้อยละ7 อืมมมม ....เริ่มรู้สึกไม่ดีเลย...แต่แฟนก็ให้กำลังใจเราดีมาก ไม่ว่าเราสักคำที่เราเซ็นไปโดยรู้ไม่เท่าทัน เพราะจนกระทั้งวันนี้ 11 มีนาคม บ้านก็ยังไม่เสร็จเรียบร้อย ระบบน้ำ ไฟ ที่ไปเช็คมาวันนี้ยังไม่สมบูรณ์ ไหนจะครัวและพื้นที่ทำไปอีก แฟนเลยเอารายละเอียดรายการที่จะต้องจ่ายวันโอนมาดู แล้วบอกว่าในนี้ไม่มีหักค่าเสร็จล่าช้าของโครงการ ระยะเวลาล่าช้า9 เดือน จะโทรไปถามดู ...ก็ได้คำตอบ ว่าทางผู้บริหารมีมติไม่จ่ายค่าปรับทุกกรณีและทุกโครงการที่มี ถ้าอยากได้ให้เราไปฟ้องเอา...เอิ่มมมม..จะว่ายังไงดี นอกจากคำว่าทางโครงการหน้าด้านจัง ลูกค้ารอแล้วรอเล่า รอจนมาเจอเรื่องให้เสียความรู้สึกซ้ำๆ
-วันรุ่งขึ้นวันที่ 9 มีนาคมโทรไปหาคุณช. บอกว่าพุธหน้าเค้าจะให้โอนบ้านแล้ว อะไรก็ยังไม่เสร็จจะไว้ใจอะไรได้อีก คุณช.ตอบมาว่าให้โทรไปเคลียร์กับสำนักงานใหญ่เลยเรื่องยังไม่พร้อมไปโอนไรงี้ ... พูดง่ายเนอะ แต่เราก็ขี้เกียจคุยกับคนไม่ตรงไปตรงมาแบบนี้แล้ว ไม่พร้อมของเรามันเป็นเรื่องที่บ้านยังไม่เสร็จดี แต่เราต้องไปจ่ายเงินเกือบ 5 ล้านให้โครงการนั่นก็คงไม่ใช่...วันนี้เราโทรไปหาคุณช.ว่าเราจะเข้าไปดูบ้าน เค้าก็ส่งลูกน้องมาแทน มันน่านัก
-วันนี้เข้าไปยืนมองบ้าน ไม่รู้สึกยินดีหรืออะไรเลย มองออกไปรอบๆก็ยังมีอีกหลายบ้านสร้างไม่เสร็จ และจะก่อสร้างไปอีกหลายหลัง บ้านในระแวกเดียวกันบางหลังสร้างเสร็จแต่ก็ยังไม่มีคนเข้าอยู่ ทั้งๆที่ตอนจองผังโซนนี้เต็มหมดทุกแปลง หรือรอเกินนาน
-วันนี้เรากับแฟนและแม่คุยกันเห็นพ้องกันว่า อะไรที่ทำให้ไม่สบายใจก็ทิ้งมันเถอะ เสียน้อยหลักแสน ถือว่าฟาดเคราะห์ ดีกว่าเสียไปหลักล้านแล้วจะเจอปัญหามารุมเร้าอีกบทสรุปของเรากับแฟนกับโครงการนี้ ก็คือ เราไม่เอาแล้ว ด้วยเหตุผลคือเรารู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์ที่เจอ ...
-ข้อสงสัยของเราคือ เราจะต้องแจ้งโครงการมั้ยว่าไม่เอาแล้ว จะมีข้อผูกมัดอะไรต่อไปมั้ยคะแต่แฟนอ่านในสัญญาแล้วบอกว่าไม่น่าจะมีอะไร แค่เสียเงินดาวน์ไป ...ขอบคุณทุกท่านที่อ่านเรื่องราวมาจนจบนะคะ หากมีข้อเสนอแนะหรือคอมเม้นท์อะไร ยินดีรับฟังค่ะ