เกริ่นก่อนนะค่ะว่าเป็นเรื่องของน้องที่รู้จัก อยากจะช่วยหาข้อมูลเพื่อให้น้องสามารถแก้ไขปัญหานี้ไปได้
ก่อนอื่นขอเรียกน้องเค้าว่า น้อง B มีพี่คนนึง คือ พี่ A
เรื่องคือ พี่ A ต้องการซื้อรถ แต่ตัวเองติดแบล็คลิสหรืออื่นๆ เลยต้องให้น้อง B ซื้อรถให้ใช้แทน
ซึ่งน้อง B ก็เซ็นเอกสารเช่าซื้อให้ และเรื่องการผ่อนชำระ จ่ายค่างวดต่างๆ พี่ A จะเป็นคนดูแล
แล้วน้อง B ก็ไปทำงานอีกจังหวัด จนปัจจุบัน ได้รับจดหมายทวงถามหนี้ ว่ามียอดค้างชำระ สามแสนกว่าบาท ผ่านทางบ. ทนายความนึง
ซึ่งน้อง B ไม่ทราบมาก่อนเลยว่ามีการค้างค่างวด หรือยอดค้างเท่าไหร่ มารู้ตัวอีกทีคือมีจดหมายทวงหนี้มาแจ้งให้ชำระภายใน 7 วันหลังจากรับจดหมาย
ก่อนหน้านี้ น้อง B ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่า รถยี่ห้ออะไร สีอะไร ทะเบียนอะไร สรุปคือ น้อง B ไม่รู้อะไรเลย พี่ให้เซ็นก็เซ็นไปตามนั้น เชื่อใจว่างั้นเหอะค่ะ
ทีนี้น้อง B หลังจากได้รับจดหมายทวงหนี้ ในนั้นระบุเลขที่สัญญา และมีคนโทรมาทวงหนี้ น่าจะเป็นตัวแทนจากบ. ทนายความ
จึงทำให้ทราบข้อมูลรถ และชื่อบริษัทไฟแนนซ์ จึงได้ทวงถามไปยัง CC ว่ามีข้อมูลสัญญาเช่าซื้อ หรือ ยอดการผ่อนชำระ หรือเอกสารอะไรบ้าง
ทางบ. ไฟแนนซ์ ส่งเอกสารหมายศาล ที่มีการผ่อนผันมาให้ ซึ่งในเอกสารนั้น มีการแจ้งยอดและการผ่อนผันการชำระหนี้ต่างๆ และมีชื่อ พี่ A เป็นคนเซ็นแทนในฐานะ จำเลย มีเขียนใต้บรรทัดว่า ผู้รับมอบอำนาจแทนจำเลย
ซึ่งน้อง B แจ้งว่าไม่เคยรู้เรื่องการขึ้นศาลมาก่อนเลย
ปัจจุบัน รถอยู่ไหนก็ไม่รู้ ถามพี่ A เท่าไหร่ก็ไม่ทราบที่อยู่รถ และทางตัวแทนทนายความ มองว่าเป็นการฮั้วกันระหว่างพี่และน้อง
ที่ไม่ยอมชำระหนี้และไม่คืนรถ ซึ่งทางนั้นแจ้งว่าต้องทำการขอลดยอดหนี้จาก 3xx,xxx บาท เหลือส 250,000 บาทให้
แต่ต้องทำภายในวันนี้เท่านั้น (เหมือนจะเป็นการตกลงกันระหว่าง พี่ A กับคนทวงหนี้ เพราะพี่ A มาสั่งให้น้องเขียนหนังสือขอลดหย่อนนี้)
ตอนนี้ น้อง B กังวลคือ
1. ไม่มีเงินหลักแสนไปจ่าย
2. รถอยู่ไหน
3. ถ้าไม่ขอลดหย่อนหนี้จะเกิดอะไรขึ้น
4. จะส่งผลกระทบกับงานไหม น้องทำงานค่อนข้างดี โปรไฟล์การทำงานดีหมดทุกอย่าง
5. ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันได้ไหม ว่า ไม่ทราบเรือ่งการผัดผ่อนศาล
รบกวนขอความแนะนำเพิ่มเติมด้วยค่ะ
มีหนี้เสียสินเชื่อรถยนต์ โดยไม่ได้ไปขึ้นศาลเอง
ก่อนอื่นขอเรียกน้องเค้าว่า น้อง B มีพี่คนนึง คือ พี่ A
เรื่องคือ พี่ A ต้องการซื้อรถ แต่ตัวเองติดแบล็คลิสหรืออื่นๆ เลยต้องให้น้อง B ซื้อรถให้ใช้แทน
ซึ่งน้อง B ก็เซ็นเอกสารเช่าซื้อให้ และเรื่องการผ่อนชำระ จ่ายค่างวดต่างๆ พี่ A จะเป็นคนดูแล
แล้วน้อง B ก็ไปทำงานอีกจังหวัด จนปัจจุบัน ได้รับจดหมายทวงถามหนี้ ว่ามียอดค้างชำระ สามแสนกว่าบาท ผ่านทางบ. ทนายความนึง
ซึ่งน้อง B ไม่ทราบมาก่อนเลยว่ามีการค้างค่างวด หรือยอดค้างเท่าไหร่ มารู้ตัวอีกทีคือมีจดหมายทวงหนี้มาแจ้งให้ชำระภายใน 7 วันหลังจากรับจดหมาย
ก่อนหน้านี้ น้อง B ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่า รถยี่ห้ออะไร สีอะไร ทะเบียนอะไร สรุปคือ น้อง B ไม่รู้อะไรเลย พี่ให้เซ็นก็เซ็นไปตามนั้น เชื่อใจว่างั้นเหอะค่ะ
ทีนี้น้อง B หลังจากได้รับจดหมายทวงหนี้ ในนั้นระบุเลขที่สัญญา และมีคนโทรมาทวงหนี้ น่าจะเป็นตัวแทนจากบ. ทนายความ
จึงทำให้ทราบข้อมูลรถ และชื่อบริษัทไฟแนนซ์ จึงได้ทวงถามไปยัง CC ว่ามีข้อมูลสัญญาเช่าซื้อ หรือ ยอดการผ่อนชำระ หรือเอกสารอะไรบ้าง
ทางบ. ไฟแนนซ์ ส่งเอกสารหมายศาล ที่มีการผ่อนผันมาให้ ซึ่งในเอกสารนั้น มีการแจ้งยอดและการผ่อนผันการชำระหนี้ต่างๆ และมีชื่อ พี่ A เป็นคนเซ็นแทนในฐานะ จำเลย มีเขียนใต้บรรทัดว่า ผู้รับมอบอำนาจแทนจำเลย
ซึ่งน้อง B แจ้งว่าไม่เคยรู้เรื่องการขึ้นศาลมาก่อนเลย
ปัจจุบัน รถอยู่ไหนก็ไม่รู้ ถามพี่ A เท่าไหร่ก็ไม่ทราบที่อยู่รถ และทางตัวแทนทนายความ มองว่าเป็นการฮั้วกันระหว่างพี่และน้อง
ที่ไม่ยอมชำระหนี้และไม่คืนรถ ซึ่งทางนั้นแจ้งว่าต้องทำการขอลดยอดหนี้จาก 3xx,xxx บาท เหลือส 250,000 บาทให้
แต่ต้องทำภายในวันนี้เท่านั้น (เหมือนจะเป็นการตกลงกันระหว่าง พี่ A กับคนทวงหนี้ เพราะพี่ A มาสั่งให้น้องเขียนหนังสือขอลดหย่อนนี้)
ตอนนี้ น้อง B กังวลคือ
1. ไม่มีเงินหลักแสนไปจ่าย
2. รถอยู่ไหน
3. ถ้าไม่ขอลดหย่อนหนี้จะเกิดอะไรขึ้น
4. จะส่งผลกระทบกับงานไหม น้องทำงานค่อนข้างดี โปรไฟล์การทำงานดีหมดทุกอย่าง
5. ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันได้ไหม ว่า ไม่ทราบเรือ่งการผัดผ่อนศาล
รบกวนขอความแนะนำเพิ่มเติมด้วยค่ะ