คาดว่าทุกคนในแท๊กละครเวทีคงรู้กันดีอย่แล้ว ว่าช่วงนี้มีละครเวทีฟอร์มใหญ่จาก บอร์ดเวย์มาเปิดแสดงที่รัชดาลัย นั่นก็คือเรื่อง beauty and the beast ซึ่งในฐานะติ่งดิสนีย์และติ่งรัชดาลัย บอกเลยว่าพลาดไม่ได้ ตอนเปิดจองก็รีบจองบัตรไปเลย พอได้ดูแล้วบอกเลยว่าอิ่มมากๆ เพื่อนๆก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน แต่รู้สึกว่ากระแสมันเงียบๆ เลยอยากมารีวิวให้คนที่ยังสองจิตสองใจ ได้ตัดสินใจอีกซักหน่อย
บัตรที่เราซื้อ ราคา 3000 ค่ะ อยู่ชั้น 2 แต่เห็นภาพรวมชัดมาก เสียงก็ส่งมาถึงด้วย
ระหว่างรอเวลาแสดงเริ่ม ฉากหลังเป็นฉากดอกกุหลาบสีชมพูขนาดใหญ่ท่ามกลางเถาวัลย์บิดเกลียวไปมา ถือว่าเรียบๆแต่ก็สวยดีค่ะ และในที่สุดวงดนตรีก็เริ่มบันเลง… เทพนิยายในดวงใจกำลังจะมีชีวิตจริงขึ้นต่อหน้า
ฉากเปิดมา เปิดมาด้วย ฉากปราสาทของเจ้าชายที่ร่ำรวยและแสนเย็นชา ปฏิเสธหญิงชราที่มาขอที่พักเพื่อแลกกับดอกกุหลาบดอกหนึ่ง จากนั้นหญิงชราได้กกลายเป็นนางฟ้าที่สาปเจ้าชายและทุกชีวิตในปราสาทจนกว่าเจ้าชายจะเรียนรู้ที่รักใครซักคนและคนคนนั้นรักเจ้าชายตอบโดยที่มองข้ามความอัปลักษณ์ในตัวเจ้าชายก่อนที่กุกลาบกลีบสุดท้ายจะร่วงโรย… ฉากนี้ที่เด่นคือการแปลงร่างของนางฟ้าและอสูร ซึ่งก็ถือว่าทำได่ตามมาตรฐานของเราค่ะ แต่ไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจขนาดต้องร้องว้าว!! แต่ก็ไม่ได้มีอะไรให้ต้องขมวดคิ้ว นอกจากทำไมนางฟ้าถึงสูงเสียดฟ้าขนาดนั้น 555555555 เข้าใจว่าอยากให้ดูเหมือนในฉบับการ์ตูนที่สุดล่ะมั้ง
ตัดฉากมาที่ในหมู่บ้าน กับเพลง Belle เพลงเอกของเรื่องที่ปูเรื่อราวของนางเอกได้เกือบครบถ้วน เราจะพบเบลล์หญิงสาวชาวบ้านเดินอยู่ในหมู่บ้านด้วยแววตาช่างฝัน และพยายามจะอธิบายถึงโลกใบที่แสนกว้างใหญ่ที่เธอพบในหนังสือ เพียงแต่ไม่มีใครในหมู่บ้านซักคนที่จะเข้าใจเธอ อย่างที่เนื้อเพลงบอกความรู้สึกของคนในหมู่บ้านเธอคือ
she's nothing like the rest of us
yes, different from the rest of us is Belle
ในขณะที่เบล์เองก็รู้ตัวเหลือเกินว่าตัวเองไม่เหมาะกับหมู่บ้านที่แสนจะธรรมดา ความรู้สึกทั้งหมดถูกบรรยายออกมาในเพลง belle ทำให้เราเข้าใจตัวเบลล์เองได้ดีเลย จากแววตา และเสียง ที่บ่งชัดเจนว่าเธอช่างฝันและอยากโบยบินออกไปเหลือเกิน เสียงปืนดังขึ้นและเปิดตัวหนุ่มสุดหล่อล่ำบึ้กในฝันของสาวๆทั้งหมูบ้าน แกสตอง พร้อมกับลูกสมุนสุดซุ่มซ่าม เลอฟู ที่ทั้งคู่ทำเท่ห์อวดสาวๆในหมู่บ้านจนสาวๆละลายลงไปกองกับพื้นในความเจ้าสเน่ห์แต่ในสายตาเบลล์แกสตองเป็นแค่ผู้ชายที่มีที่น่าเบื่อคนนึง แต่เธอก็พยายามประณีประนอมมาตลอด แต่แกสตองกลับมองเบลลเป็นหญิงสาวที่แปลก แต่ทว่าสวยคู่ควรจะเป็นเจ้าสาวของเขาเพียงคนเดียวในหมู่บ้าน โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านและเสียงร่ำไห้จากสาวๆทั้งหมู่บ้าน
เมื่อเบลล์ถึงบ้านเธอปรึกษากับพ่อเรื่องการที่เธอถูกมองเป็นคนแปลก ฉากนี้ทำให้เราเห็นว่าจริงๆแล้วเบลล์ไม่ได้เป็นคนโลกส่วนตัวสูงเสียจนไม่รู้อะไรว่าคนในหมู่บ้านมองเธอยังไง เพียงแต่เธอเลือกที่จะสนใจในสิ่งที่เธอรักคือหนังสือและโลกแห่งการผจญภัยในฝันมากกว่า และจากการปลอบใจของพ่อ ทำให้เธอยิ้มออกอีกครั้ง และส่งพ่อไปงานประกวดสิ่งประดิษฐ์ ด้วยความไม่รู้ เมอรีสหลงทาง เจอหมาป่า (ซึ่งหมาป่าเป็นอะไรที่ทำให้เราทึ่ง เป็นฉากที่แปลกใจและแปลกตาพอสมควร) และเข้าไปในปราสาทของอสูรเพื่อหลบพายุหิมะที่หนาวเย็น เมอรีสได้พบกับเรื่องปะหลาดใจตั้งแต่ นาฬิกา เชิงเทียน กาน้ำชา และแก้วน้ำที่พูดได้ สุดท้าย นายของปราสาท… อสูร อสูรโกรธเกรี้ยวที่มีคนบุกรุกเข้ามาในปราสาท และจับมอรีสไปขังยังคุกใต้ดิน
ที่หมู่บ้าน หลังจากเบลล์ได้สร้างควมอับอายให้กับแกสตองด้วยการปฏิเสธการขอแต่งงานไป เบลล์ได้เจอกับเลอฟูที่มีผ้าพันคอของเมอรีส เบลล์จึงรีบเข้าป่าไปเพื่อตามหาเมอรีส จนกระทั่งพบปราสาท เบลล์ได้เข้าไปตามหาพ่อในปราสาท จนพบกับความโกรธเกรี้ยวของอสูร และนำไปสู่การแลกตัวระหว่างเบลล์กับเมอรีส จากนั้นเมอรีสก็ถูกพรากจากเบลล์โดยที่ไม่ได้แม้แต่จะเอ่ยคำอำลา เบลล์รู้สึกถึงการสูญเสีย ทั้งพ่อ และอิสรภาพ ในขณะที่อสูรพยายามทำดีกับเธออย่างเก้ๆกังๆ เพื่อหวังว่าวันหนึ่งเธอจะเป็นคนแก้คำสาป เบลล์ระบายความอ้างว้างของเธอในเพลง Home ซึ่งพูดถึงการไร้อิสรภาพ และคิดถึงหมู่บ้านเดิม ที่เธอเคยอยากหนีออกมา ว่าถึงจะน่าเบื่อแต่อย่างน้อยนั่นก้คือบ้านของเธอ เบลล์ปฏิเสธที่จะไปกินข้าวเย็นกับอสูร ทำให้อสูรโมโหมาก และออกคำสั่งว่า หากนางจะไม่กินข้าวกับอสูร นางจะไม่ได้กินข้าวอีกเลย
แต่สุดท้าย เด็กสาวที่ดื้อดึงก็ยังหนีออกมาจากห้องกลางดึกเพื่อหาอะไรทาน นำไปสู่ฉากอันแสนอลังการอย่า be our guest ที่ในเวอร์ชั่การ์ตูนทำออกมาได้อลังการ
ในเวอร์ชั่นละครเวทีก็ทำออกมาได้น่าประทับใจไม่แพ้กัน การเต้นที่ดูไม่มาก ไม่น้อยไป คอสตูมที่อลังการและดูตั้งใจ เป็นช่วงเวลาที่นานแต่ไม่เบื่อเลย เข้าไปดูฉากนี้ก็คุ้มแล้วค่ะ หลังจากมื้ออาหารอันแสนวิจิตร เบลล์ได้เดินชมปราสาท ที่เป็บ้านหลังใหม่ของเธอ และได้ละเมิดกฎข้อสำคัญคือ “ห้ามไปที่ปีกตะวันตก” บนห้องในหอคอยทิศตะวันตก เบลล์ได้พบกับดอกกุหลาบแสนสวยอยู่ในโถแก้ว แต่เธอยังไม่ทันจะเห็นอะไรชัดเจน เธอก็พบกับอสูร ที่ดูโกรธเกรี้ยวกว่าทุกครั้งที่เธอเคยพบมา อสูรอาละวาดที่เธอขัดคำสั่ง นั่นทำให้เธอตัดสินใจหนีออกจากปราสาทด้วยความกลัว อสูรเสียใจที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทางเดียวที่แก้คำสาปได้หนีไป (โดยเพลง if I cant love her ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งขึ้นใหม่เพื่อละครเวที เป็เพลงที่ทำออกมาให้อารมณ์บรอดเวย์มากก แต่ในความรู้สึกของเรา มันหลุดออกไปจากธีมช่างฝันของการ์ตูนไปนิหน่อย) แต่จากคำแนะนำของเหล่าริวาร อสูรได้ตัดสินใจออกไปตามเบลล์ที่อยู่ในวงล้อมของหมาป่า อสูรช่วยเธอจนได้รับบาดเจ็บ เบลล์ไม่อาจตัดใจหนีไปจากอสูรได้ เธอจึงพาอสูรกลับไปยังปราสาท นั่นทำให้เธอได้มองอีกมุมนึของอสูร ที่อ่อนโยน และดูมีเมตตา อสูรตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างเพื่อให้เธอปะหลาดใจ ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือห้องสมุด ที่ทำให้เบลล์ประทับใจเหลือเกิน ความผูกพันธ์เริ่มก่อตัว ในขณะเดียวกัน เมอรีสพยายามจะหาพรรคพวกเพื่อช่วยลูกสาวออกจากปราสาท และพูดถึงอสูร นั่นทำให้เข้าทางแกสตองที่หาทางให้เบลล์ยอมตกลงเป็นเจ้าสาวของเขา…การที่เมอรีสพูดเรื่องอสูร เติมเต็มแผนร้ายของเขาให้สมบูรณ์
ในขณะที่ความรู้สึกของอสูรและเบลล์เริ่มเติบโตขึ้น ความหวังของบรรดาบริวารของปราสาทก็ดูจะลุกโชนขึ้นทุกทีๆ แต่อนิจจา กลีบกุหลาบเหลือน้อยลงทุกวัน เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว!! อสูรตัดสินใจจะบอกความในใจกับเบลล์ โดยการจัดงานเต้นรำ ท่ามกลางบทเพลงไพเราะ ขับขานโดย mrs.potts เบลล์และอสูรเต้นรำกันอย่างมีความสุข สายตาที่สบกันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยังไม่ได้กลั่นออกมาเป็นคำพูด
เมื่อบทเพลงที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังจบลง อสูรตัดสินใจถามเบลล์ว่าเธอมีความสุขไหม แต่คำตอบที่ได้รับคือ เธอมีความสุขมาก เพียงแต่คิดถึงพ่อเหลือเกิน อสูรรู้สึกผิดที่เป็นคนพรากเบลล์และพ่อออกจากกัน จึงให้เบลล์ใช้กระจกวิเศษเพื่อดูว่าพ่อเธอเป็นอย่างไร แต่ภาพในกระจกยิ่งทำให้เธอเป็นกังวล พ่อเธออยู่คนเดียว ท่ามกลางพายุหิมะ อสูรจึงเอ่ยคำอนุญาตให้เธอออกไปหาพ่อ โดยอกว่า เธอไม่ใช่นักโทษอีกแล้ว เธอไม่เคยเป็นนักโทษของปราสาทแห่งนี้ อสูรได้มอบกระจกวิเศษให้เบลล์เพื่อนางจะได้ไม่ลืมเขา…อสูรที่อยู่ที่ปราสาทอย่างเดียวดาย
เมื่อเบลล์เดินทางมาถึงบ้าน เธอก็ได้พบกับพ่อที่กำลังเจอปัญหาหนัก แกสตองได้พาหมอมาจับเมอรีส โดยกล่าวหาว่าเมอรีสเป็นบ้า โดยมีข้อแม้ว่าเขาจะช่วยเธอได้ ต่อเมื่อเธอยอมแต่งงานกับเขา เบลล์ไม่รับข้อเสนอของแกสตอง แต่เลือกจะขอให้กระจกฉายภาพของอสูร เมื่อชาวบ้านเห็นก็พากันหวาดกลัว และรวมกำลังกันเพื่อไปกำจัดอสูร
เบลล์รีบเดินทางเพื่อไปเตือนอสูรให้ทัน กองทัพชาวบ้านยิ่งใหญ่และน่ากลัว เต็มไปด้วยผู้คนที่บ้าคลั่ง ภายในปราสาท มีอสูรที่สิ้นหวังในชีวิต “ปล่อยให้พวกขาเข้ามา” คือคำพูดที่แสดงถึงความหมดอาลัยแล้วชีวิต เมื่อคนรักของเขาได้จากไป แกสตองพยายามฆ่าอสูรโดยที่อสูรไม่ได้ตอบโต้ ภายในใจของแกสตองคุกรุ่นไปด้วยความไม่เข้าใจ ว่าทำไมหญิงสาวที่เขาต้องการจะแต่งงานด้วยถึงได้เห็นว่าสัตว์ร้ายน่าเกลียดน่ากลัวนี่มีดีกว่าเขา แกสตองกำลังจะเอามีดแทงอสูรเมื่อเบลล์มาถึงปราสาท นั่นทำให้อสูรปรารถนาจะมีชีวิตต่อ และผลักแกสตองไปข้างหลัง เพื่อที่จะเดินมาหารักเดียวของเขา แต่อสูรไม่รู้เลยว่า แกสตองยังคงหมายมั่นจะฆ่าเขาให้ได้ คมมีดแทงเข้าร่างของอสูรหลายครั้งต่อหน้าเบลล์ และแกสตองได้พลัดตกจากปราสาทไป ใขณะที่อาการของอสูรนั้นแย่เต็มที ท่ามกลางหยาดฝนและคราบน้ำตา อสูรได้บอกแก่เบลล์ว่าเขาดีใจที่ได้เห็นหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเขาก็หมดลมหายใจ กุหลาบกลีบสุดท้ายได้ร่วงหล่น ขณะที่เบลล์ได้เอ่ยออกมาว่า เธอรักอสูร อสูรได้เรียนรู้ที่จะรักในขณะเดียวกันก็ได้รักกลับคืน คำสาปสูญสิ้น อสูรกลับกลายเป็นเจ้าชายรูปงาม เบลล์ดูแปลกใจกับภาพที่เปลี่ยนไปของอสูร แต่เมื่อเธอได้สบตากับเขา ทุกอย่างกระจ่างชัด เขาคือคนเดิมที่เธอคุ้นเคย ปราสาทที่เคยดูน่ากลัวกลับกลายเป็นปราสาทสุดแสนจะงดงาม เหล่าบรวารทั้งหลายกลับกลายเป็นคน จากนั้น เบลล์และเจ้าชายก็ครองรักกันอย่างมีความสุข
[CR] [REVIEW] ไปดูมาแล้ว Beauty and the Beast the Musical จากการ์ตูนสูดรักมาเป็นละครเวที
บัตรที่เราซื้อ ราคา 3000 ค่ะ อยู่ชั้น 2 แต่เห็นภาพรวมชัดมาก เสียงก็ส่งมาถึงด้วย
ระหว่างรอเวลาแสดงเริ่ม ฉากหลังเป็นฉากดอกกุหลาบสีชมพูขนาดใหญ่ท่ามกลางเถาวัลย์บิดเกลียวไปมา ถือว่าเรียบๆแต่ก็สวยดีค่ะ และในที่สุดวงดนตรีก็เริ่มบันเลง… เทพนิยายในดวงใจกำลังจะมีชีวิตจริงขึ้นต่อหน้า
ฉากเปิดมา เปิดมาด้วย ฉากปราสาทของเจ้าชายที่ร่ำรวยและแสนเย็นชา ปฏิเสธหญิงชราที่มาขอที่พักเพื่อแลกกับดอกกุหลาบดอกหนึ่ง จากนั้นหญิงชราได้กกลายเป็นนางฟ้าที่สาปเจ้าชายและทุกชีวิตในปราสาทจนกว่าเจ้าชายจะเรียนรู้ที่รักใครซักคนและคนคนนั้นรักเจ้าชายตอบโดยที่มองข้ามความอัปลักษณ์ในตัวเจ้าชายก่อนที่กุกลาบกลีบสุดท้ายจะร่วงโรย… ฉากนี้ที่เด่นคือการแปลงร่างของนางฟ้าและอสูร ซึ่งก็ถือว่าทำได่ตามมาตรฐานของเราค่ะ แต่ไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจขนาดต้องร้องว้าว!! แต่ก็ไม่ได้มีอะไรให้ต้องขมวดคิ้ว นอกจากทำไมนางฟ้าถึงสูงเสียดฟ้าขนาดนั้น 555555555 เข้าใจว่าอยากให้ดูเหมือนในฉบับการ์ตูนที่สุดล่ะมั้ง
ตัดฉากมาที่ในหมู่บ้าน กับเพลง Belle เพลงเอกของเรื่องที่ปูเรื่อราวของนางเอกได้เกือบครบถ้วน เราจะพบเบลล์หญิงสาวชาวบ้านเดินอยู่ในหมู่บ้านด้วยแววตาช่างฝัน และพยายามจะอธิบายถึงโลกใบที่แสนกว้างใหญ่ที่เธอพบในหนังสือ เพียงแต่ไม่มีใครในหมู่บ้านซักคนที่จะเข้าใจเธอ อย่างที่เนื้อเพลงบอกความรู้สึกของคนในหมู่บ้านเธอคือ
she's nothing like the rest of us
yes, different from the rest of us is Belle
ในขณะที่เบล์เองก็รู้ตัวเหลือเกินว่าตัวเองไม่เหมาะกับหมู่บ้านที่แสนจะธรรมดา ความรู้สึกทั้งหมดถูกบรรยายออกมาในเพลง belle ทำให้เราเข้าใจตัวเบลล์เองได้ดีเลย จากแววตา และเสียง ที่บ่งชัดเจนว่าเธอช่างฝันและอยากโบยบินออกไปเหลือเกิน เสียงปืนดังขึ้นและเปิดตัวหนุ่มสุดหล่อล่ำบึ้กในฝันของสาวๆทั้งหมูบ้าน แกสตอง พร้อมกับลูกสมุนสุดซุ่มซ่าม เลอฟู ที่ทั้งคู่ทำเท่ห์อวดสาวๆในหมู่บ้านจนสาวๆละลายลงไปกองกับพื้นในความเจ้าสเน่ห์แต่ในสายตาเบลล์แกสตองเป็นแค่ผู้ชายที่มีที่น่าเบื่อคนนึง แต่เธอก็พยายามประณีประนอมมาตลอด แต่แกสตองกลับมองเบลลเป็นหญิงสาวที่แปลก แต่ทว่าสวยคู่ควรจะเป็นเจ้าสาวของเขาเพียงคนเดียวในหมู่บ้าน โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านและเสียงร่ำไห้จากสาวๆทั้งหมู่บ้าน
เมื่อเบลล์ถึงบ้านเธอปรึกษากับพ่อเรื่องการที่เธอถูกมองเป็นคนแปลก ฉากนี้ทำให้เราเห็นว่าจริงๆแล้วเบลล์ไม่ได้เป็นคนโลกส่วนตัวสูงเสียจนไม่รู้อะไรว่าคนในหมู่บ้านมองเธอยังไง เพียงแต่เธอเลือกที่จะสนใจในสิ่งที่เธอรักคือหนังสือและโลกแห่งการผจญภัยในฝันมากกว่า และจากการปลอบใจของพ่อ ทำให้เธอยิ้มออกอีกครั้ง และส่งพ่อไปงานประกวดสิ่งประดิษฐ์ ด้วยความไม่รู้ เมอรีสหลงทาง เจอหมาป่า (ซึ่งหมาป่าเป็นอะไรที่ทำให้เราทึ่ง เป็นฉากที่แปลกใจและแปลกตาพอสมควร) และเข้าไปในปราสาทของอสูรเพื่อหลบพายุหิมะที่หนาวเย็น เมอรีสได้พบกับเรื่องปะหลาดใจตั้งแต่ นาฬิกา เชิงเทียน กาน้ำชา และแก้วน้ำที่พูดได้ สุดท้าย นายของปราสาท… อสูร อสูรโกรธเกรี้ยวที่มีคนบุกรุกเข้ามาในปราสาท และจับมอรีสไปขังยังคุกใต้ดิน
ที่หมู่บ้าน หลังจากเบลล์ได้สร้างควมอับอายให้กับแกสตองด้วยการปฏิเสธการขอแต่งงานไป เบลล์ได้เจอกับเลอฟูที่มีผ้าพันคอของเมอรีส เบลล์จึงรีบเข้าป่าไปเพื่อตามหาเมอรีส จนกระทั่งพบปราสาท เบลล์ได้เข้าไปตามหาพ่อในปราสาท จนพบกับความโกรธเกรี้ยวของอสูร และนำไปสู่การแลกตัวระหว่างเบลล์กับเมอรีส จากนั้นเมอรีสก็ถูกพรากจากเบลล์โดยที่ไม่ได้แม้แต่จะเอ่ยคำอำลา เบลล์รู้สึกถึงการสูญเสีย ทั้งพ่อ และอิสรภาพ ในขณะที่อสูรพยายามทำดีกับเธออย่างเก้ๆกังๆ เพื่อหวังว่าวันหนึ่งเธอจะเป็นคนแก้คำสาป เบลล์ระบายความอ้างว้างของเธอในเพลง Home ซึ่งพูดถึงการไร้อิสรภาพ และคิดถึงหมู่บ้านเดิม ที่เธอเคยอยากหนีออกมา ว่าถึงจะน่าเบื่อแต่อย่างน้อยนั่นก้คือบ้านของเธอ เบลล์ปฏิเสธที่จะไปกินข้าวเย็นกับอสูร ทำให้อสูรโมโหมาก และออกคำสั่งว่า หากนางจะไม่กินข้าวกับอสูร นางจะไม่ได้กินข้าวอีกเลย
แต่สุดท้าย เด็กสาวที่ดื้อดึงก็ยังหนีออกมาจากห้องกลางดึกเพื่อหาอะไรทาน นำไปสู่ฉากอันแสนอลังการอย่า be our guest ที่ในเวอร์ชั่การ์ตูนทำออกมาได้อลังการ
ในเวอร์ชั่นละครเวทีก็ทำออกมาได้น่าประทับใจไม่แพ้กัน การเต้นที่ดูไม่มาก ไม่น้อยไป คอสตูมที่อลังการและดูตั้งใจ เป็นช่วงเวลาที่นานแต่ไม่เบื่อเลย เข้าไปดูฉากนี้ก็คุ้มแล้วค่ะ หลังจากมื้ออาหารอันแสนวิจิตร เบลล์ได้เดินชมปราสาท ที่เป็บ้านหลังใหม่ของเธอ และได้ละเมิดกฎข้อสำคัญคือ “ห้ามไปที่ปีกตะวันตก” บนห้องในหอคอยทิศตะวันตก เบลล์ได้พบกับดอกกุหลาบแสนสวยอยู่ในโถแก้ว แต่เธอยังไม่ทันจะเห็นอะไรชัดเจน เธอก็พบกับอสูร ที่ดูโกรธเกรี้ยวกว่าทุกครั้งที่เธอเคยพบมา อสูรอาละวาดที่เธอขัดคำสั่ง นั่นทำให้เธอตัดสินใจหนีออกจากปราสาทด้วยความกลัว อสูรเสียใจที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทางเดียวที่แก้คำสาปได้หนีไป (โดยเพลง if I cant love her ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งขึ้นใหม่เพื่อละครเวที เป็เพลงที่ทำออกมาให้อารมณ์บรอดเวย์มากก แต่ในความรู้สึกของเรา มันหลุดออกไปจากธีมช่างฝันของการ์ตูนไปนิหน่อย) แต่จากคำแนะนำของเหล่าริวาร อสูรได้ตัดสินใจออกไปตามเบลล์ที่อยู่ในวงล้อมของหมาป่า อสูรช่วยเธอจนได้รับบาดเจ็บ เบลล์ไม่อาจตัดใจหนีไปจากอสูรได้ เธอจึงพาอสูรกลับไปยังปราสาท นั่นทำให้เธอได้มองอีกมุมนึของอสูร ที่อ่อนโยน และดูมีเมตตา อสูรตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างเพื่อให้เธอปะหลาดใจ ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือห้องสมุด ที่ทำให้เบลล์ประทับใจเหลือเกิน ความผูกพันธ์เริ่มก่อตัว ในขณะเดียวกัน เมอรีสพยายามจะหาพรรคพวกเพื่อช่วยลูกสาวออกจากปราสาท และพูดถึงอสูร นั่นทำให้เข้าทางแกสตองที่หาทางให้เบลล์ยอมตกลงเป็นเจ้าสาวของเขา…การที่เมอรีสพูดเรื่องอสูร เติมเต็มแผนร้ายของเขาให้สมบูรณ์
ในขณะที่ความรู้สึกของอสูรและเบลล์เริ่มเติบโตขึ้น ความหวังของบรรดาบริวารของปราสาทก็ดูจะลุกโชนขึ้นทุกทีๆ แต่อนิจจา กลีบกุหลาบเหลือน้อยลงทุกวัน เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว!! อสูรตัดสินใจจะบอกความในใจกับเบลล์ โดยการจัดงานเต้นรำ ท่ามกลางบทเพลงไพเราะ ขับขานโดย mrs.potts เบลล์และอสูรเต้นรำกันอย่างมีความสุข สายตาที่สบกันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยังไม่ได้กลั่นออกมาเป็นคำพูด
เมื่อบทเพลงที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังจบลง อสูรตัดสินใจถามเบลล์ว่าเธอมีความสุขไหม แต่คำตอบที่ได้รับคือ เธอมีความสุขมาก เพียงแต่คิดถึงพ่อเหลือเกิน อสูรรู้สึกผิดที่เป็นคนพรากเบลล์และพ่อออกจากกัน จึงให้เบลล์ใช้กระจกวิเศษเพื่อดูว่าพ่อเธอเป็นอย่างไร แต่ภาพในกระจกยิ่งทำให้เธอเป็นกังวล พ่อเธออยู่คนเดียว ท่ามกลางพายุหิมะ อสูรจึงเอ่ยคำอนุญาตให้เธอออกไปหาพ่อ โดยอกว่า เธอไม่ใช่นักโทษอีกแล้ว เธอไม่เคยเป็นนักโทษของปราสาทแห่งนี้ อสูรได้มอบกระจกวิเศษให้เบลล์เพื่อนางจะได้ไม่ลืมเขา…อสูรที่อยู่ที่ปราสาทอย่างเดียวดาย
เมื่อเบลล์เดินทางมาถึงบ้าน เธอก็ได้พบกับพ่อที่กำลังเจอปัญหาหนัก แกสตองได้พาหมอมาจับเมอรีส โดยกล่าวหาว่าเมอรีสเป็นบ้า โดยมีข้อแม้ว่าเขาจะช่วยเธอได้ ต่อเมื่อเธอยอมแต่งงานกับเขา เบลล์ไม่รับข้อเสนอของแกสตอง แต่เลือกจะขอให้กระจกฉายภาพของอสูร เมื่อชาวบ้านเห็นก็พากันหวาดกลัว และรวมกำลังกันเพื่อไปกำจัดอสูร
เบลล์รีบเดินทางเพื่อไปเตือนอสูรให้ทัน กองทัพชาวบ้านยิ่งใหญ่และน่ากลัว เต็มไปด้วยผู้คนที่บ้าคลั่ง ภายในปราสาท มีอสูรที่สิ้นหวังในชีวิต “ปล่อยให้พวกขาเข้ามา” คือคำพูดที่แสดงถึงความหมดอาลัยแล้วชีวิต เมื่อคนรักของเขาได้จากไป แกสตองพยายามฆ่าอสูรโดยที่อสูรไม่ได้ตอบโต้ ภายในใจของแกสตองคุกรุ่นไปด้วยความไม่เข้าใจ ว่าทำไมหญิงสาวที่เขาต้องการจะแต่งงานด้วยถึงได้เห็นว่าสัตว์ร้ายน่าเกลียดน่ากลัวนี่มีดีกว่าเขา แกสตองกำลังจะเอามีดแทงอสูรเมื่อเบลล์มาถึงปราสาท นั่นทำให้อสูรปรารถนาจะมีชีวิตต่อ และผลักแกสตองไปข้างหลัง เพื่อที่จะเดินมาหารักเดียวของเขา แต่อสูรไม่รู้เลยว่า แกสตองยังคงหมายมั่นจะฆ่าเขาให้ได้ คมมีดแทงเข้าร่างของอสูรหลายครั้งต่อหน้าเบลล์ และแกสตองได้พลัดตกจากปราสาทไป ใขณะที่อาการของอสูรนั้นแย่เต็มที ท่ามกลางหยาดฝนและคราบน้ำตา อสูรได้บอกแก่เบลล์ว่าเขาดีใจที่ได้เห็นหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเขาก็หมดลมหายใจ กุหลาบกลีบสุดท้ายได้ร่วงหล่น ขณะที่เบลล์ได้เอ่ยออกมาว่า เธอรักอสูร อสูรได้เรียนรู้ที่จะรักในขณะเดียวกันก็ได้รักกลับคืน คำสาปสูญสิ้น อสูรกลับกลายเป็นเจ้าชายรูปงาม เบลล์ดูแปลกใจกับภาพที่เปลี่ยนไปของอสูร แต่เมื่อเธอได้สบตากับเขา ทุกอย่างกระจ่างชัด เขาคือคนเดิมที่เธอคุ้นเคย ปราสาทที่เคยดูน่ากลัวกลับกลายเป็นปราสาทสุดแสนจะงดงาม เหล่าบรวารทั้งหลายกลับกลายเป็นคน จากนั้น เบลล์และเจ้าชายก็ครองรักกันอย่างมีความสุข