**โลกิยครรโลง** ครรลองสอง
๐ สิ่งสวยงามแห่งรู้ เล่ห์ไฉน
ไร้นรชนใดใด พรากได้
ศัตรูมนุษย์คือใย ยองโง่
ไป่ริเรียนรู้ไซร้ โง่เหง้าเท่าทวีฯ
๐ เสาสำเร็จเปรียบแล้ว ล้อมยัน
ชนถ่อมตัวประกัน เกี่ยวได้
หากหยิ่งยโสพลัน อาจพลาด ล้มนอ
เปรียบลื่นกระดานไซร้ สัจแท้สัจธรรมฯ
๐ องค์ความรู้เปรียบได้ ดังแห
ชาลกรรมลังแล แผ่กว้าง
แข็งแรงจับปลาแปร แปลงติด
จับเหยื่อมัสยาสล้าง สู่ล้นหลามไฉนฯ
๐ สำหรับผู้ที่ไร้ รู้เอย
วัยชราหนาวเปรย เปรียบนั้น
เหมันต์ปกคลุมเสย สมแก่
ต่างซึ่งผู้รู้ครั้น เคี่ยวแล้วหลากหลายฯ
๐ นรชนปราชญ์เปรียบแท้ ทองคำ
ผิว่าบุญหนุนนำ เนื่องไซร้
ทำเนานบน้อมจำ จารึก
ทองไป่เน่าสลายได้ มาศแท้คือทองฯ
๐ อันความรู้ใช่ขึ้น แค่จริง
ยังอยู่ผิดพลาดสิง สถิตได้
เรียนรู้ดั่งเรืออิง ดำดิ่ง น้ำเอย
ดำผลุบดำโผล่ให้ เหตุพร้อมรู้เสมอฯ
๐ ปุถุชนคนหนึ่งนี้ ได้รับ
รู้อย่างจริงใจสดับ ดุจนั้น
อดทนยืดหยุ่นกลับ ฉลาดก่อ เฉลียวแฮ
ไป่ยืดหยุ่นปิดกั้น สกัดล้วนแตกฉานฯ
๐ รู้คือพลังสั่งให้ เปิดสวิตช์
เครื่องสะท้อนความคิด ค่าคล้อง
วัจนาดั่งปืนพิษ พกพุ่ง
บรรจุกระสุนก้อง เหนี่ยวเสี้ยวไกหายฯ
๐ ถ้อยวัจนะคล้าย กลึงเพชร
เจียระไนเกินเฉด เฉี่ยวแล้ว
การณ์กลับส่งกลายเศษ หินกร่อน
พูดมากอาจไป่แคล้ว คร่าย้อนสาสมฯ
๐ พลังภาษามิได้ ขึ้นกับ
คำศัพท์ภาพประดับ ดอกไซร้
เยียวคุณค่าเนื่องนับ คณาจิต
ขึ้นอยู่นำไปใช้ อย่าได้วางเฉยฯ
๐ อันเรียนรู้ล้วนหลาก ล้นหลาย
ค่ายิ่งสำคัญสหาย ห่วงให้
คือเคารพครูนาย นะเพื่อน
สุดจะสำคัญไซร้ แซ่ซร้องสรรเสริญฯ
๐ ชีวิตลิขิตไว้ วารหมด
คราวดับสูญหายหมด มอดม้วย
ความรู้ดั่งอมรจรด ใจจ่อ
กาลนิรันดร์มั่นท้วย เทิดน้อมนำตนฯ
๐ อันน้ำผึ้งไป่ล้วน จากดอก งามเอย
ดงป่าไร้ชื่อบอก บ่งชี้
เรียนรู้ไป่สรรลอก เดียวแหล่ง
ทุกที่เวลานี้ ฤนั้นหนไหนฯ
๐ ไร้สิ่งใดค่าล้น คงทน
หากปราศจากกมล ก่อเกื้อ
วิชาช่วยมอบตน ตระหนัก
สัมฤทธิ์รุ่งโรจน์เอื้อ อร่ามพร้อมเพรียงเห็นฯ...
**โลกิยครรโลง** ครรลองสอง
ไร้นรชนใดใด พรากได้
ศัตรูมนุษย์คือใย ยองโง่
ไป่ริเรียนรู้ไซร้ โง่เหง้าเท่าทวีฯ
๐ เสาสำเร็จเปรียบแล้ว ล้อมยัน
ชนถ่อมตัวประกัน เกี่ยวได้
หากหยิ่งยโสพลัน อาจพลาด ล้มนอ
เปรียบลื่นกระดานไซร้ สัจแท้สัจธรรมฯ
๐ องค์ความรู้เปรียบได้ ดังแห
ชาลกรรมลังแล แผ่กว้าง
แข็งแรงจับปลาแปร แปลงติด
จับเหยื่อมัสยาสล้าง สู่ล้นหลามไฉนฯ
๐ สำหรับผู้ที่ไร้ รู้เอย
วัยชราหนาวเปรย เปรียบนั้น
เหมันต์ปกคลุมเสย สมแก่
ต่างซึ่งผู้รู้ครั้น เคี่ยวแล้วหลากหลายฯ
๐ นรชนปราชญ์เปรียบแท้ ทองคำ
ผิว่าบุญหนุนนำ เนื่องไซร้
ทำเนานบน้อมจำ จารึก
ทองไป่เน่าสลายได้ มาศแท้คือทองฯ
๐ อันความรู้ใช่ขึ้น แค่จริง
ยังอยู่ผิดพลาดสิง สถิตได้
เรียนรู้ดั่งเรืออิง ดำดิ่ง น้ำเอย
ดำผลุบดำโผล่ให้ เหตุพร้อมรู้เสมอฯ
๐ ปุถุชนคนหนึ่งนี้ ได้รับ
รู้อย่างจริงใจสดับ ดุจนั้น
อดทนยืดหยุ่นกลับ ฉลาดก่อ เฉลียวแฮ
ไป่ยืดหยุ่นปิดกั้น สกัดล้วนแตกฉานฯ
๐ รู้คือพลังสั่งให้ เปิดสวิตช์
เครื่องสะท้อนความคิด ค่าคล้อง
วัจนาดั่งปืนพิษ พกพุ่ง
บรรจุกระสุนก้อง เหนี่ยวเสี้ยวไกหายฯ
๐ ถ้อยวัจนะคล้าย กลึงเพชร
เจียระไนเกินเฉด เฉี่ยวแล้ว
การณ์กลับส่งกลายเศษ หินกร่อน
พูดมากอาจไป่แคล้ว คร่าย้อนสาสมฯ
๐ พลังภาษามิได้ ขึ้นกับ
คำศัพท์ภาพประดับ ดอกไซร้
เยียวคุณค่าเนื่องนับ คณาจิต
ขึ้นอยู่นำไปใช้ อย่าได้วางเฉยฯ
๐ อันเรียนรู้ล้วนหลาก ล้นหลาย
ค่ายิ่งสำคัญสหาย ห่วงให้
คือเคารพครูนาย นะเพื่อน
สุดจะสำคัญไซร้ แซ่ซร้องสรรเสริญฯ
๐ ชีวิตลิขิตไว้ วารหมด
คราวดับสูญหายหมด มอดม้วย
ความรู้ดั่งอมรจรด ใจจ่อ
กาลนิรันดร์มั่นท้วย เทิดน้อมนำตนฯ
๐ อันน้ำผึ้งไป่ล้วน จากดอก งามเอย
ดงป่าไร้ชื่อบอก บ่งชี้
เรียนรู้ไป่สรรลอก เดียวแหล่ง
ทุกที่เวลานี้ ฤนั้นหนไหนฯ
๐ ไร้สิ่งใดค่าล้น คงทน
หากปราศจากกมล ก่อเกื้อ
วิชาช่วยมอบตน ตระหนัก
สัมฤทธิ์รุ่งโรจน์เอื้อ อร่ามพร้อมเพรียงเห็นฯ...