ชีวิตภายในพระแม่มารีย์ ได้รับการเผยแสดงจากพระแม่มารีย์เกี่ยวกับเรื่องราว ชีวิต ความคิด คำอธิฐาน รายละเอียดต่างๆ ขณะที่พระแม่ยังใช้ชีวิตอยู่บนโลก ซึ่งไม่มีปรากฏในพระคัมภีร์ โดยผ่านทางบรรดานักบุญและผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายท่าน อาทิเช่น นักบุญ Elizabeth of Schoenau , นักบุญ Bridget of Sweden (ผู้ประพันธ์บทภาวนา 15 บท) , บุญราศี คุณแม่ Mary of Agreda และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซิสเตอร์ Anna Catherine Emmerich ผู้ได้รับพระพรพิเศษจากพระเป็นเจ้าในการหยั่งรู้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ....
พระเยซูเจ้า สำหรับพระแม่มารีย์แล้ว คือบุตรสุดที่รัก คือพระเจ้าผู้สูงสุดที่เคารพยิ่ง จึงไม่แปลกที่พระแม่จะปฏิบัติต่อพระเยซูเจ้าด้วยความรักในฐานะบุตรชายแต่คนเดียวของพระนาง และด้วยความเคารพในฐานะพระเป็นเจ้า พระผู้ไถ่ในเวลาเดียวกัน
และไม่ต้องมีคำถามว่า ข้อความเหล่านี้ มีในพระคัมภีร์บทไหน เพราะนี่เป็นความเชื่อ ความศรัทธาล้วนๆ ซึ่งพระเจ้าทรงประทานให้แก่มนุษย์ทุกคน หากว่าแต่ละคนรับไว้ไม่เหมือนและไม่เท่ากัน...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บทที่ 28
ก่อนมหาทรมาน
ระหว่างนั้น วันเวลาก็มาถึง ที่พระเยซูเจ้าต้องออกจากกาลิลีเป็นครั้งสุดท้าย ดังที่พระองค์ได้บอกพระมารดาว่า พระองค์บัดดนี้ ต้องไปที่เยรูซาเล็มเพื่อรับการทรมานที่นั่น พระนางเป็นทุกข์เสียใจมาก และร้องไห้อย่างเงียบๆ พระองค์อุ้มพระนางไว้แนบอกและบรรเทาใจพระนางอย่างอ่อนโยน ทรงอธิบายให้พระมารดาทราบว่า บัดนี้พระองค์ต้องทำตามแผนการณ์ของพระบิดาให้สำเร็จไป และเพราะเหตุนี้พระนางจึงได้เป็นพระมารดาของพระองค์ ฉะนั้นพระนางต้องมีใจเข้มแข็งอดทนต่อไป ซึ่งจะทำให้บรรดาศิษย์มีใจเข็มเข็งอดทนด้วย ครั้นแล้ว พระเยซูและพระนางมารีอาได้ภาวนาด้วยกันขอพระบิดา และพระนางมารีย์คิดว่า :
"โอ้ ฉันอยากจะรับเอาความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานของพระองค์ไว้เองเหลือเกิน และอยากอุทิศชีวิตตายแทนพระองค์เหลือเกิน ข้าแต่พระบิดา ขอโปรดรับการอุทิศชีวิต และความทุกข์โศกซึ่งลูกขอรับร่วมกับพระบุตรของพระองค์ด้วยเถิด เพื่อน้ำพระทัยพระองค์จะได้สำเร็จไป โอ้ ลูกหลานของอาดัมเอ๋ย ขอจงตระหนักเถิดว่า บาปของพวกเจ้ามีผลร้ายแรงอย่างไร"
นับแต่ที่พระเยซูเจ้าจำต้องละพระมารดาไว้ เพื่อกลับไปหาพระบิดาเจ้าบนสวรรค์ ความรักของพระมารดาที่มีต่อพระบุตร ดูจะเพิ่มเป็นเท่าทวี และแสดงออกเป็นความปรารถนาเร่าร้อน ที่จะอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ให้มากเท่าที่จะทำได้ ความสวยงาม และความบริสุทธิ์แห่งวิญญาณพระนางเป็นที่ชื่นชมของพระบุตรมากจนถึงกับพระองค์ก็อยากอยู่ใกล้ชิดพระนาง เพราะเพียงการได้อยู่ใกล้ของพระนางก็คุ้มค่าความเหนื่อยากแล้ว ในระหว่างช่วงเวลาแห่งมหาวิปโยคนี้ พระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ ได้แจกจ่ายพระหรรษทานแห่งการกลับใจและการรักษาอย่างมากมาย และใจดีมากขึ้นกับบรรดาคนยากจนและคนเจ็บป่วย
ต่อมาระหว่างที่พระเยซูและพระมารดากำลังพักอยู่ที่บ้านของลาซารัสที่เบธานีใกล้กรุงเยรูซาเล็ม หลังจากการอัศจรรย์เขย่าประสาทปลุกลาซารัสผู้ตายให้ฟื้นคืนชีพจากหลุมนั้น ยูดาสก็ปล่อยตัวให้ตกเป็นทาสของควาโกรธเกลียดพระเยซูเจ้า เมื่อพระองค์ทรงปกป้องมารีย์ มักดาเลนาที่ได้ชะโลมพระบาทพระองค์ด้วยเครื่องหอมราคาแพง เป็นเวลานั้นเองที่ยูดาสตัดสินใจวางแผนที่จะขายพระเยซูเจ้าแก่พวกฟาริสี
ตรงกับข้อความในพระคัมภีร์ของนักบุญยอห์น บทที่12 : ข้อ1-11
"หกวันก่อนฉลองปัสกาaพระเยซูเจ้าเสด็จไปที่หมู่บ้านเบธานี ตำบลที่อยู่ของลาซารัสที่พระองค์ทรงทำให้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย ผู้คนที่นั่นจัดงานเลี้ยงเป็นเกียรติแด่พระองค์ มารธาคอยรับใช้ ขณะที่ลาซารัสเป็นคนหนึ่งที่ร่วมโต๊ะกับพระองค์ด้วย มารีย์ใช้น้ำมันหอมสมุนไพรบริสุทธิ์ราคาแพงหนักหนึ่งปอนด์ชโลมพระบาทของพระเยซูเจ้า และใช้ผมเช็ดพระบาท กลิ่นน้ำมันหอมอบอวลไปทั่วบ้าน
ยูดาส อิสคาริโอท ศิษย์คนหนึ่งที่จะทรยศต่อพระองค์พูดว่า "ทำไมไม่เอาน้ำมันหอมนี้ไปขายราคาสามร้อยเหรียญ แล้วนำเงินไปแจกให้คนยากจนเล่า" ที่เขาพูดเช่นนี้มิใช่เพราะเขาห่วงใยคนยากจน แต่เพราะเขาเป็นขโมย เขาเป็นผู้ถือถุงเงินและยักยอกเงินในถุงนั้น พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า "ช่างเถิด ปล่อยให้นางเก็บน้ำมันหอมนี้ไว้สำหรับวันฝังศพของเรา คนยากจนนั้นอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอ แต่เราจะไม่อยู่กับท่านตลอดไป"
ชาวยิวจำนวนมากรู้ว่าพระองค์ประทับอยู่ที่นั่น จึงมา มิใช่เพียงเพื่อเฝ้าพระเยซูเจ้า แต่เพื่อมาดูลาซารัส ซึ่งพระองค์ได้ทรงทำให้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย 10บรรดาหัวหน้าสมณะจึงตกลงกันจะฆ่าลาซารัสด้วย 11เพราะลาซารัสทำให้ชาวยิวจำนวนมากไปเฝ้าพระเยซูเจ้าและเชื่อในพระองค์."
โดยการหยั่งรู้ความคิดทรยศของเขา คืนหนึ่งก่อนอาทิตย์ใบลาน พระนางมารีย์แวะมาหายูดาสเป็นพิเศษ และด้วยน้ำตาแห่งความสงสารองค์พระบุตร พระนางอธิบายแก่ยูดาสถึงเหตุร้ายอันน่ากลัวที่กำลังเกาะกินวิญญาณเขาอยู่ หากเขายังยึดมั่นอยู่กับความคิดมฤตยูนั้น พระนางขอให้เขามาแก้เแค้นกับพระนางแทนพระเยซูเจ้า และยังเสนอให้ของขวัญบางส่วนที่นางมารีย์ มักดาเลนา นำมาให้พระนาง แต่คำขอร้องของพระนางไม่มีผลต่อมนุษย์ใจหินเช่นนี้ ซึ่งมีแต่จะแสดงความโกรธอันเยือกเย็น ด้วยความเงียบ แต่ถึงกระนั้นยูดาสก็ยังกล้ารับเอาของขวัญเหล่านั้นไว้อีกด้วย
บัดนี้ พระนางมารีย์ตรงไปหาพระเยซูเจ้า ทิ้งตัวลงคุกเข่า ร้องไห้แทบพระบาทของพระองค์ พระนางรู้ดีว่าพระองค์กำลังเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานเจียนตาย และพระนางต้องการร่วมทุกข์กับพระองค์ บรรเทาใจพระองค์ ท่านทั้งสอง (พระเยซูเจ้า - พระแม่มารีย์) จึงกราบลงบนพื้นดิน และสวดภาวนาอุทิศให้คนบาป พร้อมทั้งยกถวายตนเองเป็นยัญบูชาเพื่อไถ่บาปมนุษยชาติ
ก่อนเที่ยงคืน พระบิดาเจ้าและพระจิตเจ้าประจักษ์มาหาพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ แวดล้อมด้วยเหล่าฑูตสวรรค์ แล้วพระบิดาก็ทรงรับเป็นทางการซึ่งยัญบูชาของพระบุตร เพื่อมนุษยชาติจะได้รับการอภัยในการชดเชยพระยุติธรรมของพระเจ้า โดยทางลูกแกะไร้มลทินนี้ และพระบิดาทรงตรัสแก่พระนางมารีย์ว่า...
"มารีย์ธิดาของเรา(พระบิดา) และชายาของเรา(พระจิตเจ้า) เราปรารถนาให้เธอรับเอายัญบูชาของพระบุตรของเธอ เป็นการไถ่บาปมนุษย์นะ"
พระแม่มารีย์ ตอบว่า
"พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอยกถวายองค์พระบุตรและตัวข้าพเจ้าเองทั้งสิ้นเป็นเครื่องบูชา แด่น้ำพระทัยของพระองค์ แต่ข้าพเจ้าขอวิงวอนพระองค์ โปรดทรงอนุญาตให้ข้าพเจ้าได้รับทนทรมานร่วมกับพระบุตรของพระองค์และของข้าพเจ้าด้วยเถิด"
แล้วพระบิดาก็ทรงยกพระเยซูเจ้าและพระนางมารีย์ขึ้นจากพื้น กล่าวว่า "นี่คือผลของแผ่นดินที่ได้รับการอวยพร ซึ่งเราปรารถนายิ่ง"
ครั้นแล้วพระองค์ ทรงสรรเสริญองค์พระมหาไถ่ในความเป็นมนุษย์ของพระองค์ และวางพระองค์ไว้ในสวรรค์ ณ เบื้องขวา ส่วนพระมารดานั้น กล่าวอย่างเคารพถึงถ้อยคำจากบทซาเล็ม Psalm 109 ว่า "พระเป็นเจ้าตรัสแก่พระเป็นเจ้าของฉันว่า "จงนั่งลงที่เบื้องขวาของเรา..."" แล้วพระบิดาทรงร้องบทเพลงคำพยากรณ์นี้ต่อไป "ซึ่งจนบัดนี้กำลังจะสำเร็จลงแล้ว"
ในวันต่อมา ระหว่างที่พระเยซูเจ้าเสด็จนั่งบนหลังลาเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่า ท่ามกลางการโห่ร้องต้อนรับของประชาชน และบรรดาศิษย์ พระนางมารีย์พักผ่อนอยู่ที่บ้านของลาซารัสในเบธานี โดยการเข้าฌาณ พระนางมองเห็นการเข้าเมืองครั้งนั้น ช่างน่าตื่นเต้นในชัยชนะเพียงใด แต่พระนางก็สังเกตุว่า พระองค์มีใบหน้าเศร้าหมอง เมื่อมองกรุงเยรูซาเล็ม และทรงกรรแสงเมื่อคิดว่าอีกไม่ช้า นครนี้จะต้องถูกทำลายลง และพระนางได้เล็งเห็นความเคร่งขรึมเป็นพิเศษและความสง่างามอันสงบเงียบบนใบหน้าของพระองค์ ท่ามกลางขบวนแห่อันยิ่งใหญ่นั้น โอกาสนี้เอง พระนางมารีย์ได้ยินเสียงพระบิดาเจ้าตรัสจากสวรรค์ว่า
"เราได้รับการสรรเสริญ และจะได้รับการสรรเสริญอีก"
ไม่กีวันต่อมา จิตใจของยูดาสเต็มไปด้วยความคิดร้าย เขาตกลงกับพวกฟาริสีที่จะขายพระอาจารย์โดยเร็วที่สุด เมื่อกลับมาถึงเบธานี เขาสอบถามพวกสาวก เกี่ยวกับแผนงานของพระเยซูเจ้า ในไม่กี่วันข้างหน้านี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเขาถามพระแม่ พระนางก็ตอบอย่างเศร้าๆ และสงบว่า
"โอ้ ยูดาสเอ๋ย ใครเล่าจะหยั่งรู้การตัดสินลับๆของพระเจ้า"
ตั้งแต่นั้นมา พระนางจึงไม่เตือนเขาอีก แม้กับพระเยซูเจ้า พระนางยังอดทนกับการอยู่ร่วมของเขาต่อไปและสวดให้เขา แต่เมื่ออยู่คนเดียวกับบรรดาอารักขาเทวดาของพระนาง พระแม่ก็ทรงปล่อยให้ความทุกข์โศกล้นดวงใจไหลปรี่ออกมา และเมื่อพระเยซูกล่าวซ้ำแก่บรรดาศิษย์ที่เบธานีถึงพระมหาทรมานของพระองค์ที่ใกล้เข้ามาเต็มที พวกเขาต่างตกใจและเศร้าใจเป็นท่วมท้น
ระหว่างการสนทนาครั้งสุดท้ายกับสาวก ในห้องส่วนตัวของพระวิหารนั้น เมื่อพระองค์บอกเขาว่าพระแม่จะยังอยู่กับพวกเขาต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง แล้วพระองค์ตรัสอีกหลายอย่างซึ่งเป็นการสรรเสริญพระนางทั้งสิ้น
วันต่อมา ขณะที่กำลังสอนศิษย์ประมาณ 30 คนที่เบธานี พระองค์เปิดเผยว่า พระแม่จะได้ร่วมทรมานกับพระองค์ด้วยดวงใจร้าวรานในมหาทรมานอันโหดร้ายที่พระองค์จะได้รับ จะขมขื่นทรมานแทบขาดใจในความตายของพระองค์ แต่พระนางจะยังคงมีชีวิตต่อไปอีกราว 15 ปี
วันเหล่านี้ ระหว่างอาทิตย์ใบลาน และวันพฤหัส ทุกครั้งที่มีโอกาส พระเยซูเจ้าจะไปอยู่กับพระมารดา ซึ่งเวลานั้นดูเศร้าโศกเป็นทุกข์อย่างมาก พระองค์เปิดเผยรหัสธรรมหลายอย่างเกี่ยวกับการไถ่บาปให้พระแม่มารีย์ทราบ และทุกอย่างที่พระแม่จะทำระหว่างการทรมานและความตายของพระองค์ ในการสนทนาเหล่านั้น พระองค์ตรัสด้วยความสงบ และสง่างาม เพราะบัดนี้ความอ่อนหวานและการเอาอกเอาใจระหว่างแม่ ลูก ได้ยุติลงแล้ว
เชิญเยี่ยมชมวีดีทัศน์ - บทความต่างๆที่น่าสนใจ อาทิเช่น อัศจรรย์แห่งมิสซา , อัศจรรย์ศีลมหาสนิท , แคทาลีน่า รีวาสผู้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ ,ภาพจากนรก , วิญญญาณในไฟชำระ และอื่นๆ ได้ที่
https://www.facebook.com/help.souls
ปล. ผู้ใดที่ไม่มีความเชื่อ และไม่ได้ให้ความเคารพนับถือพระแม่มารีย์ พระมารดาของพระเจ้า ก็จงอย่าเขียน comment ใดใดเลย เกรงว่า หากสิ่งที่ท่านเข้าใจว่าถูกต้อง แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นที่ท่านคิด ท่านจะต้องรับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำในทุกสิ่งที่ท่านได้ทำลงไปเมื่อท่านต้องไปอยู่เฉพาะพระพักต์พระยุติธรรมของพระเจ้า.
ชีวิตภายในพระแม่มารีย์ - ก่อนมหาทรมาน
ชีวิตภายในพระแม่มารีย์ ได้รับการเผยแสดงจากพระแม่มารีย์เกี่ยวกับเรื่องราว ชีวิต ความคิด คำอธิฐาน รายละเอียดต่างๆ ขณะที่พระแม่ยังใช้ชีวิตอยู่บนโลก ซึ่งไม่มีปรากฏในพระคัมภีร์ โดยผ่านทางบรรดานักบุญและผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายท่าน อาทิเช่น นักบุญ Elizabeth of Schoenau , นักบุญ Bridget of Sweden (ผู้ประพันธ์บทภาวนา 15 บท) , บุญราศี คุณแม่ Mary of Agreda และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซิสเตอร์ Anna Catherine Emmerich ผู้ได้รับพระพรพิเศษจากพระเป็นเจ้าในการหยั่งรู้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ....
พระเยซูเจ้า สำหรับพระแม่มารีย์แล้ว คือบุตรสุดที่รัก คือพระเจ้าผู้สูงสุดที่เคารพยิ่ง จึงไม่แปลกที่พระแม่จะปฏิบัติต่อพระเยซูเจ้าด้วยความรักในฐานะบุตรชายแต่คนเดียวของพระนาง และด้วยความเคารพในฐานะพระเป็นเจ้า พระผู้ไถ่ในเวลาเดียวกัน
และไม่ต้องมีคำถามว่า ข้อความเหล่านี้ มีในพระคัมภีร์บทไหน เพราะนี่เป็นความเชื่อ ความศรัทธาล้วนๆ ซึ่งพระเจ้าทรงประทานให้แก่มนุษย์ทุกคน หากว่าแต่ละคนรับไว้ไม่เหมือนและไม่เท่ากัน...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ก่อนมหาทรมาน
ระหว่างนั้น วันเวลาก็มาถึง ที่พระเยซูเจ้าต้องออกจากกาลิลีเป็นครั้งสุดท้าย ดังที่พระองค์ได้บอกพระมารดาว่า พระองค์บัดดนี้ ต้องไปที่เยรูซาเล็มเพื่อรับการทรมานที่นั่น พระนางเป็นทุกข์เสียใจมาก และร้องไห้อย่างเงียบๆ พระองค์อุ้มพระนางไว้แนบอกและบรรเทาใจพระนางอย่างอ่อนโยน ทรงอธิบายให้พระมารดาทราบว่า บัดนี้พระองค์ต้องทำตามแผนการณ์ของพระบิดาให้สำเร็จไป และเพราะเหตุนี้พระนางจึงได้เป็นพระมารดาของพระองค์ ฉะนั้นพระนางต้องมีใจเข้มแข็งอดทนต่อไป ซึ่งจะทำให้บรรดาศิษย์มีใจเข็มเข็งอดทนด้วย ครั้นแล้ว พระเยซูและพระนางมารีอาได้ภาวนาด้วยกันขอพระบิดา และพระนางมารีย์คิดว่า :
"โอ้ ฉันอยากจะรับเอาความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานของพระองค์ไว้เองเหลือเกิน และอยากอุทิศชีวิตตายแทนพระองค์เหลือเกิน ข้าแต่พระบิดา ขอโปรดรับการอุทิศชีวิต และความทุกข์โศกซึ่งลูกขอรับร่วมกับพระบุตรของพระองค์ด้วยเถิด เพื่อน้ำพระทัยพระองค์จะได้สำเร็จไป โอ้ ลูกหลานของอาดัมเอ๋ย ขอจงตระหนักเถิดว่า บาปของพวกเจ้ามีผลร้ายแรงอย่างไร"
นับแต่ที่พระเยซูเจ้าจำต้องละพระมารดาไว้ เพื่อกลับไปหาพระบิดาเจ้าบนสวรรค์ ความรักของพระมารดาที่มีต่อพระบุตร ดูจะเพิ่มเป็นเท่าทวี และแสดงออกเป็นความปรารถนาเร่าร้อน ที่จะอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ให้มากเท่าที่จะทำได้ ความสวยงาม และความบริสุทธิ์แห่งวิญญาณพระนางเป็นที่ชื่นชมของพระบุตรมากจนถึงกับพระองค์ก็อยากอยู่ใกล้ชิดพระนาง เพราะเพียงการได้อยู่ใกล้ของพระนางก็คุ้มค่าความเหนื่อยากแล้ว ในระหว่างช่วงเวลาแห่งมหาวิปโยคนี้ พระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ ได้แจกจ่ายพระหรรษทานแห่งการกลับใจและการรักษาอย่างมากมาย และใจดีมากขึ้นกับบรรดาคนยากจนและคนเจ็บป่วย
ต่อมาระหว่างที่พระเยซูและพระมารดากำลังพักอยู่ที่บ้านของลาซารัสที่เบธานีใกล้กรุงเยรูซาเล็ม หลังจากการอัศจรรย์เขย่าประสาทปลุกลาซารัสผู้ตายให้ฟื้นคืนชีพจากหลุมนั้น ยูดาสก็ปล่อยตัวให้ตกเป็นทาสของควาโกรธเกลียดพระเยซูเจ้า เมื่อพระองค์ทรงปกป้องมารีย์ มักดาเลนาที่ได้ชะโลมพระบาทพระองค์ด้วยเครื่องหอมราคาแพง เป็นเวลานั้นเองที่ยูดาสตัดสินใจวางแผนที่จะขายพระเยซูเจ้าแก่พวกฟาริสี
ตรงกับข้อความในพระคัมภีร์ของนักบุญยอห์น บทที่12 : ข้อ1-11
"หกวันก่อนฉลองปัสกาaพระเยซูเจ้าเสด็จไปที่หมู่บ้านเบธานี ตำบลที่อยู่ของลาซารัสที่พระองค์ทรงทำให้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย ผู้คนที่นั่นจัดงานเลี้ยงเป็นเกียรติแด่พระองค์ มารธาคอยรับใช้ ขณะที่ลาซารัสเป็นคนหนึ่งที่ร่วมโต๊ะกับพระองค์ด้วย มารีย์ใช้น้ำมันหอมสมุนไพรบริสุทธิ์ราคาแพงหนักหนึ่งปอนด์ชโลมพระบาทของพระเยซูเจ้า และใช้ผมเช็ดพระบาท กลิ่นน้ำมันหอมอบอวลไปทั่วบ้าน
ยูดาส อิสคาริโอท ศิษย์คนหนึ่งที่จะทรยศต่อพระองค์พูดว่า "ทำไมไม่เอาน้ำมันหอมนี้ไปขายราคาสามร้อยเหรียญ แล้วนำเงินไปแจกให้คนยากจนเล่า" ที่เขาพูดเช่นนี้มิใช่เพราะเขาห่วงใยคนยากจน แต่เพราะเขาเป็นขโมย เขาเป็นผู้ถือถุงเงินและยักยอกเงินในถุงนั้น พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า "ช่างเถิด ปล่อยให้นางเก็บน้ำมันหอมนี้ไว้สำหรับวันฝังศพของเรา คนยากจนนั้นอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอ แต่เราจะไม่อยู่กับท่านตลอดไป"
ชาวยิวจำนวนมากรู้ว่าพระองค์ประทับอยู่ที่นั่น จึงมา มิใช่เพียงเพื่อเฝ้าพระเยซูเจ้า แต่เพื่อมาดูลาซารัส ซึ่งพระองค์ได้ทรงทำให้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย 10บรรดาหัวหน้าสมณะจึงตกลงกันจะฆ่าลาซารัสด้วย 11เพราะลาซารัสทำให้ชาวยิวจำนวนมากไปเฝ้าพระเยซูเจ้าและเชื่อในพระองค์."
โดยการหยั่งรู้ความคิดทรยศของเขา คืนหนึ่งก่อนอาทิตย์ใบลาน พระนางมารีย์แวะมาหายูดาสเป็นพิเศษ และด้วยน้ำตาแห่งความสงสารองค์พระบุตร พระนางอธิบายแก่ยูดาสถึงเหตุร้ายอันน่ากลัวที่กำลังเกาะกินวิญญาณเขาอยู่ หากเขายังยึดมั่นอยู่กับความคิดมฤตยูนั้น พระนางขอให้เขามาแก้เแค้นกับพระนางแทนพระเยซูเจ้า และยังเสนอให้ของขวัญบางส่วนที่นางมารีย์ มักดาเลนา นำมาให้พระนาง แต่คำขอร้องของพระนางไม่มีผลต่อมนุษย์ใจหินเช่นนี้ ซึ่งมีแต่จะแสดงความโกรธอันเยือกเย็น ด้วยความเงียบ แต่ถึงกระนั้นยูดาสก็ยังกล้ารับเอาของขวัญเหล่านั้นไว้อีกด้วย
บัดนี้ พระนางมารีย์ตรงไปหาพระเยซูเจ้า ทิ้งตัวลงคุกเข่า ร้องไห้แทบพระบาทของพระองค์ พระนางรู้ดีว่าพระองค์กำลังเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานเจียนตาย และพระนางต้องการร่วมทุกข์กับพระองค์ บรรเทาใจพระองค์ ท่านทั้งสอง (พระเยซูเจ้า - พระแม่มารีย์) จึงกราบลงบนพื้นดิน และสวดภาวนาอุทิศให้คนบาป พร้อมทั้งยกถวายตนเองเป็นยัญบูชาเพื่อไถ่บาปมนุษยชาติ
ก่อนเที่ยงคืน พระบิดาเจ้าและพระจิตเจ้าประจักษ์มาหาพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ แวดล้อมด้วยเหล่าฑูตสวรรค์ แล้วพระบิดาก็ทรงรับเป็นทางการซึ่งยัญบูชาของพระบุตร เพื่อมนุษยชาติจะได้รับการอภัยในการชดเชยพระยุติธรรมของพระเจ้า โดยทางลูกแกะไร้มลทินนี้ และพระบิดาทรงตรัสแก่พระนางมารีย์ว่า...
"มารีย์ธิดาของเรา(พระบิดา) และชายาของเรา(พระจิตเจ้า) เราปรารถนาให้เธอรับเอายัญบูชาของพระบุตรของเธอ เป็นการไถ่บาปมนุษย์นะ"
พระแม่มารีย์ ตอบว่า
"พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอยกถวายองค์พระบุตรและตัวข้าพเจ้าเองทั้งสิ้นเป็นเครื่องบูชา แด่น้ำพระทัยของพระองค์ แต่ข้าพเจ้าขอวิงวอนพระองค์ โปรดทรงอนุญาตให้ข้าพเจ้าได้รับทนทรมานร่วมกับพระบุตรของพระองค์และของข้าพเจ้าด้วยเถิด"
แล้วพระบิดาก็ทรงยกพระเยซูเจ้าและพระนางมารีย์ขึ้นจากพื้น กล่าวว่า "นี่คือผลของแผ่นดินที่ได้รับการอวยพร ซึ่งเราปรารถนายิ่ง"
ครั้นแล้วพระองค์ ทรงสรรเสริญองค์พระมหาไถ่ในความเป็นมนุษย์ของพระองค์ และวางพระองค์ไว้ในสวรรค์ ณ เบื้องขวา ส่วนพระมารดานั้น กล่าวอย่างเคารพถึงถ้อยคำจากบทซาเล็ม Psalm 109 ว่า "พระเป็นเจ้าตรัสแก่พระเป็นเจ้าของฉันว่า "จงนั่งลงที่เบื้องขวาของเรา..."" แล้วพระบิดาทรงร้องบทเพลงคำพยากรณ์นี้ต่อไป "ซึ่งจนบัดนี้กำลังจะสำเร็จลงแล้ว"
ในวันต่อมา ระหว่างที่พระเยซูเจ้าเสด็จนั่งบนหลังลาเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่า ท่ามกลางการโห่ร้องต้อนรับของประชาชน และบรรดาศิษย์ พระนางมารีย์พักผ่อนอยู่ที่บ้านของลาซารัสในเบธานี โดยการเข้าฌาณ พระนางมองเห็นการเข้าเมืองครั้งนั้น ช่างน่าตื่นเต้นในชัยชนะเพียงใด แต่พระนางก็สังเกตุว่า พระองค์มีใบหน้าเศร้าหมอง เมื่อมองกรุงเยรูซาเล็ม และทรงกรรแสงเมื่อคิดว่าอีกไม่ช้า นครนี้จะต้องถูกทำลายลง และพระนางได้เล็งเห็นความเคร่งขรึมเป็นพิเศษและความสง่างามอันสงบเงียบบนใบหน้าของพระองค์ ท่ามกลางขบวนแห่อันยิ่งใหญ่นั้น โอกาสนี้เอง พระนางมารีย์ได้ยินเสียงพระบิดาเจ้าตรัสจากสวรรค์ว่า
"เราได้รับการสรรเสริญ และจะได้รับการสรรเสริญอีก"
ไม่กีวันต่อมา จิตใจของยูดาสเต็มไปด้วยความคิดร้าย เขาตกลงกับพวกฟาริสีที่จะขายพระอาจารย์โดยเร็วที่สุด เมื่อกลับมาถึงเบธานี เขาสอบถามพวกสาวก เกี่ยวกับแผนงานของพระเยซูเจ้า ในไม่กี่วันข้างหน้านี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเขาถามพระแม่ พระนางก็ตอบอย่างเศร้าๆ และสงบว่า
"โอ้ ยูดาสเอ๋ย ใครเล่าจะหยั่งรู้การตัดสินลับๆของพระเจ้า"
ตั้งแต่นั้นมา พระนางจึงไม่เตือนเขาอีก แม้กับพระเยซูเจ้า พระนางยังอดทนกับการอยู่ร่วมของเขาต่อไปและสวดให้เขา แต่เมื่ออยู่คนเดียวกับบรรดาอารักขาเทวดาของพระนาง พระแม่ก็ทรงปล่อยให้ความทุกข์โศกล้นดวงใจไหลปรี่ออกมา และเมื่อพระเยซูกล่าวซ้ำแก่บรรดาศิษย์ที่เบธานีถึงพระมหาทรมานของพระองค์ที่ใกล้เข้ามาเต็มที พวกเขาต่างตกใจและเศร้าใจเป็นท่วมท้น
ระหว่างการสนทนาครั้งสุดท้ายกับสาวก ในห้องส่วนตัวของพระวิหารนั้น เมื่อพระองค์บอกเขาว่าพระแม่จะยังอยู่กับพวกเขาต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง แล้วพระองค์ตรัสอีกหลายอย่างซึ่งเป็นการสรรเสริญพระนางทั้งสิ้น
วันต่อมา ขณะที่กำลังสอนศิษย์ประมาณ 30 คนที่เบธานี พระองค์เปิดเผยว่า พระแม่จะได้ร่วมทรมานกับพระองค์ด้วยดวงใจร้าวรานในมหาทรมานอันโหดร้ายที่พระองค์จะได้รับ จะขมขื่นทรมานแทบขาดใจในความตายของพระองค์ แต่พระนางจะยังคงมีชีวิตต่อไปอีกราว 15 ปี
วันเหล่านี้ ระหว่างอาทิตย์ใบลาน และวันพฤหัส ทุกครั้งที่มีโอกาส พระเยซูเจ้าจะไปอยู่กับพระมารดา ซึ่งเวลานั้นดูเศร้าโศกเป็นทุกข์อย่างมาก พระองค์เปิดเผยรหัสธรรมหลายอย่างเกี่ยวกับการไถ่บาปให้พระแม่มารีย์ทราบ และทุกอย่างที่พระแม่จะทำระหว่างการทรมานและความตายของพระองค์ ในการสนทนาเหล่านั้น พระองค์ตรัสด้วยความสงบ และสง่างาม เพราะบัดนี้ความอ่อนหวานและการเอาอกเอาใจระหว่างแม่ ลูก ได้ยุติลงแล้ว
เชิญเยี่ยมชมวีดีทัศน์ - บทความต่างๆที่น่าสนใจ อาทิเช่น อัศจรรย์แห่งมิสซา , อัศจรรย์ศีลมหาสนิท , แคทาลีน่า รีวาสผู้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ ,ภาพจากนรก , วิญญญาณในไฟชำระ และอื่นๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/help.souls
ปล. ผู้ใดที่ไม่มีความเชื่อ และไม่ได้ให้ความเคารพนับถือพระแม่มารีย์ พระมารดาของพระเจ้า ก็จงอย่าเขียน comment ใดใดเลย เกรงว่า หากสิ่งที่ท่านเข้าใจว่าถูกต้อง แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นที่ท่านคิด ท่านจะต้องรับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำในทุกสิ่งที่ท่านได้ทำลงไปเมื่อท่านต้องไปอยู่เฉพาะพระพักต์พระยุติธรรมของพระเจ้า.