ภาษีเป็นกลไกที่สำคัญมากของประเทศ เพราะนอกจากจะเป็นรายได้หลักของรัฐบาลที่นำไปใช้บริหารประเทศแล้ว ภาษียังเป็นกลไกสำคัญในทางเศรษฐกิจและสังคมอีกหลายอย่าง เช่น เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ เครื่องมือควบคุมการบริโภคสินค้าบางประเภท เครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจผ่านโครงสร้างภาษีชนิดต่างๆ ฯลฯ
ประเทศไทยมีการจัดเก็บภาษีหลายประเภท เช่น ภาษีเงินได้ (Income Tax) ที่เก็บจากรายได้ของบุคคล/นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่เก็บจากการบริโภคสินค้าและบริการ ภาษีสรรพสามิต (Excise Tax) ที่เก็บจากสินค้าบางประเภท และภาษีศุลกากร (Custom Tax) ซึ่งเก็บจากการค้าขายระหว่างประเทศ ตัวเลขจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง [1] ระบุว่าในปี 2012 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายได้สุทธิจากภาษีทั้งสิ้น 1.83 ล้านล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากกรมสรรพากรถึงประมาณ 74%
ข้อมูลปี 2010 จากธนาคารโลก [2] ได้แสดงสัดส่วนรายได้รัฐจากภาษีทุกประเภทเทียบกับ GDP ได้ดังนี้
มาเก๊า 34.3%
เดนมาร์ก 33.8%
นอร์เวย์ 27.4%
สหราชอาณาจักร 26.7%
ฝรั่งเศส 21.3%
สวีเดน 21.3%
ไทย 16.0%
เกาหลีใต้ 15.1%
มาเลเซีย 13.8%
สิงคโปร์ 13.5%
ฮ่องกง 13.5%
ลาว 12.9%
ฟิลิปปินส์ 12.1%
เยอรมนี 11.4%
สเปน 11.3%
อินโดนิเซีย 10.9%
กัมพูชา 10.1%
อินเดีย 9.7%
สหรัฐอเมริกา 9.4%
ญี่ปุ่น 9.1%
เป็นที่น่าสังเกตว่าจากข้อมูลในปี 2010 ประเทศไทยเก็บภาษีทุกประเภทรวมกันได้เป็นสัดส่วนต่อ GDP สูงถึง 16% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในอาเซียน และสูงกว่าหลายๆประเทศในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น อินเดีย หรือฮ่องกง รวมทั้งประเทศอย่าง สหรัฐฯ สเปน เยอรมนี ส่วนประเทศที่มีสัดส่วนรายได้ภาษีต่อ GDP สูงกว่าประเทศไทยนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในยุโรปโดยเฉพาะประเทศที่เป็นรัฐสวัสดิการ เช่น เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน เป็นต้น
การจัดเก็บภาษีแต่ละชนิดนั้นมีเป้าหมายที่แตกต่างกันไปไม่เฉพาะแต่เพื่อมุ่งสร้างรายได้เข้ารัฐเพียงอย่างเดียว เช่น ภาษีบุหรี่-สุรา มีเพื่อลดแรงจูงใจในการบริโภคสินค้าทำลายสุขภาพ ภาษีนำเข้า มีเพื่อปกป้องตลาดสินค้าภายในประเทศบางชนิด โครงสร้างภาษีรายได้แบบขั้นบันไดมีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ฯลฯ ซึ่งแต่ละประเทศย่อมมีนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่สามารถสรุปได้ว่าสัดส่วนรายได้จากภาษีทุกประเภทต่อ GDP ของประเทศไทยที่ค่อนข้างสูงนั้นเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นอกจากการจัดเก็บภาษีเพื่อเป็นรายได้เข้ารัฐแล้ว การใช้จ่ายภาษีโดยรัฐบาลเองก็มีความสำคัญและควรได้รับความสนใจไม่แพ้กัน ดังที่เราได้เคยนำเสนอไปแล้วในเรื่อง “งบประมาณไทยอยู่ตรงไหน” [3] หรือเรื่อง “งบทหารของไทย” [4][5] หรือหากท่านใดสนใจรายละเอียด สามารถสืบค้นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่างๆได้จากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาโดยตรง
http://whereisthailand.info/2013/02/tax-revenue/
เห็นอ้างอิงต่างประเทศเลยเอาข้อมูลภาษี ที่ประเทศไทยจ่าย เทียบกับประเทศต่างๆ อ่านแล้วพินากันเองนะ
มาดูข้อมูลกัน... คนไทยจ่ายภาษีมากแค่ไหน ?
ประเทศไทยมีการจัดเก็บภาษีหลายประเภท เช่น ภาษีเงินได้ (Income Tax) ที่เก็บจากรายได้ของบุคคล/นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่เก็บจากการบริโภคสินค้าและบริการ ภาษีสรรพสามิต (Excise Tax) ที่เก็บจากสินค้าบางประเภท และภาษีศุลกากร (Custom Tax) ซึ่งเก็บจากการค้าขายระหว่างประเทศ ตัวเลขจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง [1] ระบุว่าในปี 2012 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายได้สุทธิจากภาษีทั้งสิ้น 1.83 ล้านล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากกรมสรรพากรถึงประมาณ 74%
ข้อมูลปี 2010 จากธนาคารโลก [2] ได้แสดงสัดส่วนรายได้รัฐจากภาษีทุกประเภทเทียบกับ GDP ได้ดังนี้
มาเก๊า 34.3%
เดนมาร์ก 33.8%
นอร์เวย์ 27.4%
สหราชอาณาจักร 26.7%
ฝรั่งเศส 21.3%
สวีเดน 21.3%
ไทย 16.0%
เกาหลีใต้ 15.1%
มาเลเซีย 13.8%
สิงคโปร์ 13.5%
ฮ่องกง 13.5%
ลาว 12.9%
ฟิลิปปินส์ 12.1%
เยอรมนี 11.4%
สเปน 11.3%
อินโดนิเซีย 10.9%
กัมพูชา 10.1%
อินเดีย 9.7%
สหรัฐอเมริกา 9.4%
ญี่ปุ่น 9.1%
เป็นที่น่าสังเกตว่าจากข้อมูลในปี 2010 ประเทศไทยเก็บภาษีทุกประเภทรวมกันได้เป็นสัดส่วนต่อ GDP สูงถึง 16% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในอาเซียน และสูงกว่าหลายๆประเทศในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น อินเดีย หรือฮ่องกง รวมทั้งประเทศอย่าง สหรัฐฯ สเปน เยอรมนี ส่วนประเทศที่มีสัดส่วนรายได้ภาษีต่อ GDP สูงกว่าประเทศไทยนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในยุโรปโดยเฉพาะประเทศที่เป็นรัฐสวัสดิการ เช่น เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน เป็นต้น
การจัดเก็บภาษีแต่ละชนิดนั้นมีเป้าหมายที่แตกต่างกันไปไม่เฉพาะแต่เพื่อมุ่งสร้างรายได้เข้ารัฐเพียงอย่างเดียว เช่น ภาษีบุหรี่-สุรา มีเพื่อลดแรงจูงใจในการบริโภคสินค้าทำลายสุขภาพ ภาษีนำเข้า มีเพื่อปกป้องตลาดสินค้าภายในประเทศบางชนิด โครงสร้างภาษีรายได้แบบขั้นบันไดมีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ฯลฯ ซึ่งแต่ละประเทศย่อมมีนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่สามารถสรุปได้ว่าสัดส่วนรายได้จากภาษีทุกประเภทต่อ GDP ของประเทศไทยที่ค่อนข้างสูงนั้นเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นอกจากการจัดเก็บภาษีเพื่อเป็นรายได้เข้ารัฐแล้ว การใช้จ่ายภาษีโดยรัฐบาลเองก็มีความสำคัญและควรได้รับความสนใจไม่แพ้กัน ดังที่เราได้เคยนำเสนอไปแล้วในเรื่อง “งบประมาณไทยอยู่ตรงไหน” [3] หรือเรื่อง “งบทหารของไทย” [4][5] หรือหากท่านใดสนใจรายละเอียด สามารถสืบค้นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่างๆได้จากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาโดยตรง
http://whereisthailand.info/2013/02/tax-revenue/
เห็นอ้างอิงต่างประเทศเลยเอาข้อมูลภาษี ที่ประเทศไทยจ่าย เทียบกับประเทศต่างๆ อ่านแล้วพินากันเองนะ