กระทู้นี้จะรีวิว Skincare ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเจ้าของกระทู้อายุ 33 ปีแล้วค่ะ เคยใช้ Skincare มาหลายแบรนด์ ซึ่งมีบางแบรนด์ที่ราคาใกล้เคียงกับ 2 แบรนด์นี้ค่ะ ทั้งนี้มิได้หมายความว่าเจ้าของกระทู้ใช้แต่ของแพงนะค่ะ แค่อยากจะเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาใกล้เคียงกันเท่านั้นเองค่ะ ตอนอายุยังไม่เยอะเท่านี้ก็ใช้อะไรที่แพงมากค่ะ เริ่มอายุเยอะก็ต้องดูแลกันเพิ่มขึ้นค่ะ
ขอเริ่มที่ La Mer ก่อนนะค่ะ
รู้จักแบรนด์มานานแล้วค่ะ ไม่เคยคิดจะใช้เนื่องจากไม่มีเคาน์เตอร์ที่จังหวัดที่เจ้าของกระทู้อยู่ด้วย แล้วก็ศรัทธาในแบรนด์เก่าที่เคยใช้ด้วย สภาพผิวหน้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากด้วย และรู้ว่าราคาแพงมากด้วยค่ะแล้วมาใช้ได้ยังไงเริ่มจากน้ำหนักขึ้นเยอะช่วงปีที่แล้ว เนื่องจากเที่ยวต่างประเทศบ่อยมากๆเลยไม่ได้ออกกำลังกายและเวลาไปเที่ยวก็ทานเต็มที่กลัวไม่คุ้มกลับไปก็หาแบบนี้ไม่ได้แล้ว กลับมาก็เลยต้องมาเข้าฟิตเนตแบบจริงจัง พอเริ่มเล่นฟิตเนตสิวก็เริ่มขึ้นตอนแรกขึ้นที่หน้าผาก คาง จมูก ลามไปถึงแก้ม ปรกติเป็นคนแทบไม่มีสิวเลยจะมีก็แค่สิวเสียดที่จมูกบ้างนิดหน่อยค่ะ เลยถามเพื่อนค่ะ เพื่อนเลยแนะนำ La Mer จริงๆแนะนำมานานแล้วแต่ไม่ได้สนใจ แต่ที่สนใจเพราะเพื่อนเป็นคนแพ้ง่ายใช้ La Mer ไม่แพ้เลยลองเอาขนาดทดลองของเพื่อนมาลองใช้ปรากฏว่าชอบมากๆๆๆ สิวไม่ขึ้นด้วยค่ะ เลยจะรีวิวให้ฟังค่ะ
THE CLEANSING FOAM
แบรนด์บอกว่า: เนื้อโฟมอ่อนโยนผสานคุณค่าจาก Sea Algae Fibers ทำหน้าที่ทำความสะอาดผิว เพื่อปรับสมดุลและมอบความสดชื่นให้กับผิวร่วมกับ
Deconstructed Waters™ ในขณะที่ White peal Powders ช่วยทำความสะอาดและมอบความมีชีวิตชีวาให้กับผิวอย่างอ่อนโยน
พร้อมทั้งช่วยเติมสารอาหารที่จำเป็นให้กับผิว เหลือไว้แต่ผิวที่ได้สมดุลอย่างลงตัวและสดชื่น
ความรู้สึกส่วนตัว: มันดีๆอะ ล้างแล้วรู้สึกสะอาดมาก หน้านุ่มและชุ่มชื่นมาก ใช้ปริมาณไม่เยอะด้วยค่ะ ซื้อมาใช้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกาปีที่แล้ว
ตอนนี้ยังเหลือเกินครึ่งหลอดอยู่เลยค่ะ คิดว่าน่าจะใช้ได้อย่างน้อยๆ 6 เดือน ก็ตกเดือนละ 2,275 หาร 6 = 379.17 บาท ถูกไปเลยค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: มันรู้สึกสะอาด หน้านุ่มกว่าแบรนด์อื่นมากเลยค่ะ ควรจะบอกชื่อแบรนด์อื่นไหมค่ะ ถ้าอยากรู้หลังไมค์ดีกว่าเนอะ
เพราะทุกแบรนด์เค้าต้องมีดีของอยู่แล้ว แต่แบรนด์นี้อาจจะถูกกับผิวหน้าเรามากกว่าเท่านั้นเองค่ะ
THE CLEANSING GEL
แบรนด์บอกว่า: เนื้อเจลปราศจากน้ำมันประกอบด้วยแร่เหล็กทัวมาลีน กระบวนการ Deconstructed Waters™ ในแบบเฉพาะของลาแมร์
ช่วยทำความสะอาดผิวจากสิ่งสกปรก ความมันส่วนเกินบนใบหน้า โดยไม่ทำให้เกิดความแห้งตึง เหมาะสำหรับผิวมันถึงผิวผสม
ความรู้สึกส่วนตัว: มันไม่โอนะ คือจริงๆใช้ตัว THE CLEANSING FOAM อยู่ค่ะ แต่ด้วยความโลภ BA ยี่ห้อเก่าที่รู้จักกัน
เค้าแนะนำร้านขายเครื่องสำอางที่พนักงานห้างเอามาขายถูกกว่าในเคาน์เตอร์เยอะ ปรกติที่ซื้อ La Mer ทุกตัวเค้าจะลดใน 35% อยู่แล้ว
ตัวนี้ไม่มีกล่องลดให้ 50%เหลือ 1,750 ก็เลยซื้อมาค่ะ ล้างแล้วรู้สึกลื่นๆหน้าอยู่ รู้สึกไม่ค่อยสะอาดค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: ไม่เคยใช้เจลล้างหน้าเลยสักครั้ง อันนี้ไม่มี comment ขอผ่านนะค่ะ
THE WHITENING LOTION INTENSE
แบรนด์บอกว่า: โลชั่นเติมความชุ่มชื้น ด้วยส่วนผสมจาก MicroWhite Ferment™ ที่เน้นการลดเลือนจุดด่างดำและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอให้กลับมาแลดูเรียบเนียน
ให้คุณค่าการบำรุงควบคู่ไปกับน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™ หัวใจหลักสำคัญในการช่วยฟื้นบำรุงผิวของลาแมร์ ช่วยเติมความชุ่มชื่น
อ่อนนุ่มให้กับผิวและช่วยเสริมกระบวนการฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติ เพื่อผิวที่นุ่มเนียนเรียบ เตรียมพร้อมรับประโยชน์สูงสุดจากการปรนนิบัติผิว
ด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่ม Blanc de la Mer™ ในขั้นตอน
ความรู้สึกส่วนตัว: มันก็โออะ คือไม่ใช้ก็ได้ค่ะ ตัวนี้คือโทนเนอร์ใช้หยอดบนสำลีเช็ดทั่วหน้าและลำคอค่ะ ส่วนตัวเป็นคนแต่งหน้าไม่มาก
ไม่ใช่คนสวยอะไรนะค่ะ คือแต่งจัดๆจะดูแก่ไม่เวอร์เลยค่ะ เคยลองมาหลายครั้งแล้วค่ะ แต่คิดว่าถ้าเป็นคนแต่งหน้าเยอะหน่อยน่าจะใช้ได้ดีนะค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: เคยใช้โทนเนอร์ไม่กี่แบรนด์ แล้วก็ไม่ได้ใช้ทุกวันด้วยค่ะ ใช้เฉพาะตอนนวดหน้าหรือก่อนมาร์กหน้าเท่านั้นค่ะ
แต่เอาเป็นว่ามันไม่ทำให้หน้าแห้งเท่าแบรนด์อื่นค่ะ อาจจะเพราะมันเป็นบำรุงให้ตัวด้วยมั่งค่ะ
THE TREATMENT LOTION
แบรนด์บอกว่า: The Treatment Lotion ต้นกำเนิดแห่งความอัศจรรย์สู่ความกระจ่างใส ขั้นตอนสำคัญในการฟื้นบำรุง เปรียบเสมือน "Liquid Energy"
ที่จะช่วยปลอบประโลม และมอบความชุ่มชื่นสู่ผิวอย่างล้ำลึก ผิวได้รับการฟื้นบำรุง ช่วยให้สีผิวแลดูเรียบเนียน สม่ำเสมอ
เพื่อให้ผิวเตรียมพร้อมรับคุณประโยชน์สูงจากการบำรุงในขั้นต่อไป
ความรู้สึกส่วนตัว: มันดีนะ แต่อธิบายไม่ถูกอะ ตัวนี้วิธีใช้คือหลังล้างหน้าหรือเช็ดโทนเนอร์แล้วหยอดลงบนมือ2-3หยอดลูบให้ทั่วหน้าและลำคอ
เวลาใช้กับไม่ใช้มันแตกต่างกันตรงที่เครื่องสำอางจะติดดีกว่า อย่างถ้าไม่ใช้ขั้นตอนการแต่งหน้าทุกครั้งคือลงbbหรือรองพื้นตามด้วยแป้งฝุ่น
ตอนบ่ายๆหน้าจะมันตรงทีโซน แต่ถ้าใช้หน้าจะไม่มันเลยค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: ตัวนี้มีในไม่กี่แบรนด์ ส่วนใหญ่จะเป็นของญี่ปุ่นแต่ไม่แน่ใจว่ามันเป็นตัวเดียวกันรึเปล่านะค่ะ ขั้นตอนการใช้มันอยู่ลำดับเดียวกันอะ
เลยเอามาเปรียบเทียบกันค่ะ ตัวนี้ซึมเร็วกว่า แต่ให้ความชุ่มชื่นน้อยกว่า ใช้ปริมาณน้อยกว่า เพราะแบรนด์ต้องใช้กับสำลีเลยเปลื้องกว่าค่ะ
CRÈME DE LA MER
แบรนด์บอกว่า: ต้นกำเนิดจากท้องทะเล ผลิตภัณฑ์อันเป็นตำนานที่อุดมด้วยคุณค่าแห่งการฟื้นบำรุงผิวจากธรรมชาติ ช่วยให้เส้นริ้วและริ้วรอยลดเลือนลง
ผิวแลดูกระชับ รูขุมขนดูจางลง ผิวแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น ด้วยส่วนผสมทรงประสิทธิภาพช่วยฟื้นบำรุงได้แม้กระทั่งผิวที่แห้งที่สุด ช่วยให้ผิวสดใส
แลดูอ่อนเยาว์ ด้วยคุณค่าจากสารอาหารมากมายที่มีอยู่ในน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™ หัวใจหลักของ ลาแมร์
ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมการทำงานของกระบวนการฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติ จะช่วยฟื้นบำรุงและปลอบประโลมผิวที่บอบบาง
ให้กลับมาชุ่มชื้น กระจ่างใส เปล่งประกายผิวสุขภาพดี
ความรู้สึกส่วนตัว: มันก็ดีแต่มีมันอื่นดีกว่าค่ะ ตัวนี้คือตัวที่ได้ขนาดทดลองมาจากเพื่อนค่ะ ตัวนี้ต้องวอร์มครีมก่อนใช้ ตักครีมประมาณ 1 เม็ดไข่มุกเล็ก
ถูที่นิ้วมือจนเนื้อครีมกลายเป็นใสๆ แล้วเอามาแปะและกดเบาๆทั่วหน้า ใช้ไม่ถูกวิธีสิวมาแน่ค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: คุณสมบัติมันเหมือนรวมเอาซีรั่มเข้าไปแล้ว คือใช้แค่ตัวนี้ก็เห็นผล ต่างจากแบรนด์อื่นๆคือใช้ตัวเดียวไม่เห็นผล ได้ทั้งความชุ่มชื่น
เรียบเนียน สว่างใส และลดเลือนริ้วรอย แต่สว่างใสเห็นผลน้อยสุดค่ะ
THE MOISTURIZING SOFT CREAM
แบรนด์บอกว่า: เนื้อผลิตภัณฑ์เนียนนุ่มบางเบากว่า แต่มอบคุณค่าการฟื้นบำรุงผิวเฉกเช่นเดียวกันกับ Crème de la Mer ผลิตภัณฑ์อันเป็นตำนาน
ช่วยมอบความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก ให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส ด้วยคุณค่าจากน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™
หัวใจหลักสำคัญในการช่วยฟื้นบำรุงผิวของลาแมร์ จะช่วยเสริมการทำงานของกระบวนการฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติ ให้ผิวแลดูมีชีวิตชีวา
เปล่งประกาย แลดูอ่อนเยาว์
ความรู้สึกส่วนตัว: มันดีมากแนะนำเลยค่ะ เป็นตัวเดียวกันกับตัวข้างบนคุณสมบัติเหมือนกัน แต่ใช้ง่ายกว่าเยอะ ตักครีมประมาณ 1 เม็ดไข่มุกเล็ก
แตะลงบนผิวหน้าเกลี่ยและกดเบาๆค่ะ หลังใช้รู้สึกหน้าแน่นขึ้น เรียบเนียน ริ้วรอยเล็กๆดูจางลง หน้านุ่มมากๆด้วยค่ะ ประทับใจตัวนี้สุด
เวลาไปต่างประเทศจะเอาแค่โฟมล้างหน้า THE MOISTURIZING SOFT CREAM(คือตัวนี้) แล้วกันแดดไปค่ะ
จริงๆถ้าอยากเริ่มใช้ La Mer แนะนำให้ซื้อตัวนี้ก่อนเลยค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: ขอก็อปมาจากด้านบนเลยนะค่ะ เพราะเป็นตัวเดียวกันอยู่แล้วค่ะ คุณสมบัติมันเหมือนรวมเอาซีรั่มเข้าไปแล้ว คือใช้แค่ตัวนี้ก็เห็นผล
ต่างจากแบรนด์อื่นๆคือใช้ตัวเดียวไม่เห็นผล ได้ทั้งความชุ่มชื่น เรียบเนียน สว่างใส และลดเลือนริ้วรอย แต่สว่างใสเห็นผลน้อยสุดค่ะ
THE CONCENTRATE
แบรนด์บอกว่า: ผลิตภัณฑ์สูตรพิเศษที่ถูกพัฒนามาเพื่อปรนนิบัติผิวบริเวณที่บอบบางและกังวลเป็นพิเศษ ด้วยคุณค่าการบำรุงจากท้องทะเล
ออกแบบมาเพื่อปลอบประโลมผิวด้วยส่วนผสมของน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™ หัวใจหลักสำคัญในการช่วยฟื้นบำรุงผิวของลาแมร์
ผิวที่กังวลและบอบบาง กลับมาเสมือนถูกฟื้นบำรุงขึ้นใหม่ The Concentrate จะช่วยเสริมการทำงานของกระบวนการฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติ
เหมาะสำหรับเตรียมผิวและดูแลผิวก่อนและภายหลังการทำทรีทเมนท์พิเศษแก่ผิว
ความรู้สึกส่วนตัว: มันไม่ใช่สำหรับเราค่ะ ตอนนั้นไม่ค่อยมีความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ La Mer เท่าไร เลยให้ BA เลือกให้เค้าเลือกอันนี้ให้ค่ะ
พอมารู้ทีหลังมันแพงที่สุดนี้เองสินะ อันนี้ไม่อยากพูดถึงเลยค่ะ แค่ใช้แล้วหน้านุ่มขึ้นเท่านั้นเองค่ะ มันเหมาะสำหรับคนที่ทำเลเซอร์หน้ามาค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: ไม่เคยเห็นซีรั่มที่คุณสมบัติเหมือนกันในแบรนด์อื่นๆนะค่ะ เลยเปรียบเทียบไม่ได้ค่ะ
ติดตามรีวิว skincare ตอนที่ 2 ได้ที่ (เดี๋ยวจะเอาลิ้งมาลงให้นะค่ะ)
รีวิวครีมบำรุงผิวกายสุดเจ๋ง ได้ที่ (เดี๋ยวลงลิ้งมาลงให้นะค่ะ)
[CR] รีวิว Skincare La Mer SKII เกือบทุกตัว มีอะไรดีนอกจากแพง ตอนที่ 1
กระทู้นี้จะรีวิว Skincare ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเจ้าของกระทู้อายุ 33 ปีแล้วค่ะ เคยใช้ Skincare มาหลายแบรนด์ ซึ่งมีบางแบรนด์ที่ราคาใกล้เคียงกับ 2 แบรนด์นี้ค่ะ ทั้งนี้มิได้หมายความว่าเจ้าของกระทู้ใช้แต่ของแพงนะค่ะ แค่อยากจะเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาใกล้เคียงกันเท่านั้นเองค่ะ ตอนอายุยังไม่เยอะเท่านี้ก็ใช้อะไรที่แพงมากค่ะ เริ่มอายุเยอะก็ต้องดูแลกันเพิ่มขึ้นค่ะ
ขอเริ่มที่ La Mer ก่อนนะค่ะ
รู้จักแบรนด์มานานแล้วค่ะ ไม่เคยคิดจะใช้เนื่องจากไม่มีเคาน์เตอร์ที่จังหวัดที่เจ้าของกระทู้อยู่ด้วย แล้วก็ศรัทธาในแบรนด์เก่าที่เคยใช้ด้วย สภาพผิวหน้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากด้วย และรู้ว่าราคาแพงมากด้วยค่ะแล้วมาใช้ได้ยังไงเริ่มจากน้ำหนักขึ้นเยอะช่วงปีที่แล้ว เนื่องจากเที่ยวต่างประเทศบ่อยมากๆเลยไม่ได้ออกกำลังกายและเวลาไปเที่ยวก็ทานเต็มที่กลัวไม่คุ้มกลับไปก็หาแบบนี้ไม่ได้แล้ว กลับมาก็เลยต้องมาเข้าฟิตเนตแบบจริงจัง พอเริ่มเล่นฟิตเนตสิวก็เริ่มขึ้นตอนแรกขึ้นที่หน้าผาก คาง จมูก ลามไปถึงแก้ม ปรกติเป็นคนแทบไม่มีสิวเลยจะมีก็แค่สิวเสียดที่จมูกบ้างนิดหน่อยค่ะ เลยถามเพื่อนค่ะ เพื่อนเลยแนะนำ La Mer จริงๆแนะนำมานานแล้วแต่ไม่ได้สนใจ แต่ที่สนใจเพราะเพื่อนเป็นคนแพ้ง่ายใช้ La Mer ไม่แพ้เลยลองเอาขนาดทดลองของเพื่อนมาลองใช้ปรากฏว่าชอบมากๆๆๆ สิวไม่ขึ้นด้วยค่ะ เลยจะรีวิวให้ฟังค่ะ
THE CLEANSING FOAM
แบรนด์บอกว่า: เนื้อโฟมอ่อนโยนผสานคุณค่าจาก Sea Algae Fibers ทำหน้าที่ทำความสะอาดผิว เพื่อปรับสมดุลและมอบความสดชื่นให้กับผิวร่วมกับ
Deconstructed Waters™ ในขณะที่ White peal Powders ช่วยทำความสะอาดและมอบความมีชีวิตชีวาให้กับผิวอย่างอ่อนโยน
พร้อมทั้งช่วยเติมสารอาหารที่จำเป็นให้กับผิว เหลือไว้แต่ผิวที่ได้สมดุลอย่างลงตัวและสดชื่น
ความรู้สึกส่วนตัว: มันดีๆอะ ล้างแล้วรู้สึกสะอาดมาก หน้านุ่มและชุ่มชื่นมาก ใช้ปริมาณไม่เยอะด้วยค่ะ ซื้อมาใช้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกาปีที่แล้ว
ตอนนี้ยังเหลือเกินครึ่งหลอดอยู่เลยค่ะ คิดว่าน่าจะใช้ได้อย่างน้อยๆ 6 เดือน ก็ตกเดือนละ 2,275 หาร 6 = 379.17 บาท ถูกไปเลยค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: มันรู้สึกสะอาด หน้านุ่มกว่าแบรนด์อื่นมากเลยค่ะ ควรจะบอกชื่อแบรนด์อื่นไหมค่ะ ถ้าอยากรู้หลังไมค์ดีกว่าเนอะ
เพราะทุกแบรนด์เค้าต้องมีดีของอยู่แล้ว แต่แบรนด์นี้อาจจะถูกกับผิวหน้าเรามากกว่าเท่านั้นเองค่ะ
THE CLEANSING GEL
แบรนด์บอกว่า: เนื้อเจลปราศจากน้ำมันประกอบด้วยแร่เหล็กทัวมาลีน กระบวนการ Deconstructed Waters™ ในแบบเฉพาะของลาแมร์
ช่วยทำความสะอาดผิวจากสิ่งสกปรก ความมันส่วนเกินบนใบหน้า โดยไม่ทำให้เกิดความแห้งตึง เหมาะสำหรับผิวมันถึงผิวผสม
ความรู้สึกส่วนตัว: มันไม่โอนะ คือจริงๆใช้ตัว THE CLEANSING FOAM อยู่ค่ะ แต่ด้วยความโลภ BA ยี่ห้อเก่าที่รู้จักกัน
เค้าแนะนำร้านขายเครื่องสำอางที่พนักงานห้างเอามาขายถูกกว่าในเคาน์เตอร์เยอะ ปรกติที่ซื้อ La Mer ทุกตัวเค้าจะลดใน 35% อยู่แล้ว
ตัวนี้ไม่มีกล่องลดให้ 50%เหลือ 1,750 ก็เลยซื้อมาค่ะ ล้างแล้วรู้สึกลื่นๆหน้าอยู่ รู้สึกไม่ค่อยสะอาดค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: ไม่เคยใช้เจลล้างหน้าเลยสักครั้ง อันนี้ไม่มี comment ขอผ่านนะค่ะ
THE WHITENING LOTION INTENSE
แบรนด์บอกว่า: โลชั่นเติมความชุ่มชื้น ด้วยส่วนผสมจาก MicroWhite Ferment™ ที่เน้นการลดเลือนจุดด่างดำและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอให้กลับมาแลดูเรียบเนียน
ให้คุณค่าการบำรุงควบคู่ไปกับน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™ หัวใจหลักสำคัญในการช่วยฟื้นบำรุงผิวของลาแมร์ ช่วยเติมความชุ่มชื่น
อ่อนนุ่มให้กับผิวและช่วยเสริมกระบวนการฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติ เพื่อผิวที่นุ่มเนียนเรียบ เตรียมพร้อมรับประโยชน์สูงสุดจากการปรนนิบัติผิว
ด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่ม Blanc de la Mer™ ในขั้นตอน
ความรู้สึกส่วนตัว: มันก็โออะ คือไม่ใช้ก็ได้ค่ะ ตัวนี้คือโทนเนอร์ใช้หยอดบนสำลีเช็ดทั่วหน้าและลำคอค่ะ ส่วนตัวเป็นคนแต่งหน้าไม่มาก
ไม่ใช่คนสวยอะไรนะค่ะ คือแต่งจัดๆจะดูแก่ไม่เวอร์เลยค่ะ เคยลองมาหลายครั้งแล้วค่ะ แต่คิดว่าถ้าเป็นคนแต่งหน้าเยอะหน่อยน่าจะใช้ได้ดีนะค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: เคยใช้โทนเนอร์ไม่กี่แบรนด์ แล้วก็ไม่ได้ใช้ทุกวันด้วยค่ะ ใช้เฉพาะตอนนวดหน้าหรือก่อนมาร์กหน้าเท่านั้นค่ะ
แต่เอาเป็นว่ามันไม่ทำให้หน้าแห้งเท่าแบรนด์อื่นค่ะ อาจจะเพราะมันเป็นบำรุงให้ตัวด้วยมั่งค่ะ
THE TREATMENT LOTION
แบรนด์บอกว่า: The Treatment Lotion ต้นกำเนิดแห่งความอัศจรรย์สู่ความกระจ่างใส ขั้นตอนสำคัญในการฟื้นบำรุง เปรียบเสมือน "Liquid Energy"
ที่จะช่วยปลอบประโลม และมอบความชุ่มชื่นสู่ผิวอย่างล้ำลึก ผิวได้รับการฟื้นบำรุง ช่วยให้สีผิวแลดูเรียบเนียน สม่ำเสมอ
เพื่อให้ผิวเตรียมพร้อมรับคุณประโยชน์สูงจากการบำรุงในขั้นต่อไป
ความรู้สึกส่วนตัว: มันดีนะ แต่อธิบายไม่ถูกอะ ตัวนี้วิธีใช้คือหลังล้างหน้าหรือเช็ดโทนเนอร์แล้วหยอดลงบนมือ2-3หยอดลูบให้ทั่วหน้าและลำคอ
เวลาใช้กับไม่ใช้มันแตกต่างกันตรงที่เครื่องสำอางจะติดดีกว่า อย่างถ้าไม่ใช้ขั้นตอนการแต่งหน้าทุกครั้งคือลงbbหรือรองพื้นตามด้วยแป้งฝุ่น
ตอนบ่ายๆหน้าจะมันตรงทีโซน แต่ถ้าใช้หน้าจะไม่มันเลยค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: ตัวนี้มีในไม่กี่แบรนด์ ส่วนใหญ่จะเป็นของญี่ปุ่นแต่ไม่แน่ใจว่ามันเป็นตัวเดียวกันรึเปล่านะค่ะ ขั้นตอนการใช้มันอยู่ลำดับเดียวกันอะ
เลยเอามาเปรียบเทียบกันค่ะ ตัวนี้ซึมเร็วกว่า แต่ให้ความชุ่มชื่นน้อยกว่า ใช้ปริมาณน้อยกว่า เพราะแบรนด์ต้องใช้กับสำลีเลยเปลื้องกว่าค่ะ
CRÈME DE LA MER
แบรนด์บอกว่า: ต้นกำเนิดจากท้องทะเล ผลิตภัณฑ์อันเป็นตำนานที่อุดมด้วยคุณค่าแห่งการฟื้นบำรุงผิวจากธรรมชาติ ช่วยให้เส้นริ้วและริ้วรอยลดเลือนลง
ผิวแลดูกระชับ รูขุมขนดูจางลง ผิวแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น ด้วยส่วนผสมทรงประสิทธิภาพช่วยฟื้นบำรุงได้แม้กระทั่งผิวที่แห้งที่สุด ช่วยให้ผิวสดใส
แลดูอ่อนเยาว์ ด้วยคุณค่าจากสารอาหารมากมายที่มีอยู่ในน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™ หัวใจหลักของ ลาแมร์
ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมการทำงานของกระบวนการฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติ จะช่วยฟื้นบำรุงและปลอบประโลมผิวที่บอบบาง
ให้กลับมาชุ่มชื้น กระจ่างใส เปล่งประกายผิวสุขภาพดี
ความรู้สึกส่วนตัว: มันก็ดีแต่มีมันอื่นดีกว่าค่ะ ตัวนี้คือตัวที่ได้ขนาดทดลองมาจากเพื่อนค่ะ ตัวนี้ต้องวอร์มครีมก่อนใช้ ตักครีมประมาณ 1 เม็ดไข่มุกเล็ก
ถูที่นิ้วมือจนเนื้อครีมกลายเป็นใสๆ แล้วเอามาแปะและกดเบาๆทั่วหน้า ใช้ไม่ถูกวิธีสิวมาแน่ค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: คุณสมบัติมันเหมือนรวมเอาซีรั่มเข้าไปแล้ว คือใช้แค่ตัวนี้ก็เห็นผล ต่างจากแบรนด์อื่นๆคือใช้ตัวเดียวไม่เห็นผล ได้ทั้งความชุ่มชื่น
เรียบเนียน สว่างใส และลดเลือนริ้วรอย แต่สว่างใสเห็นผลน้อยสุดค่ะ
THE MOISTURIZING SOFT CREAM
แบรนด์บอกว่า: เนื้อผลิตภัณฑ์เนียนนุ่มบางเบากว่า แต่มอบคุณค่าการฟื้นบำรุงผิวเฉกเช่นเดียวกันกับ Crème de la Mer ผลิตภัณฑ์อันเป็นตำนาน
ช่วยมอบความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก ให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส ด้วยคุณค่าจากน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™
หัวใจหลักสำคัญในการช่วยฟื้นบำรุงผิวของลาแมร์ จะช่วยเสริมการทำงานของกระบวนการฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติ ให้ผิวแลดูมีชีวิตชีวา
เปล่งประกาย แลดูอ่อนเยาว์
ความรู้สึกส่วนตัว: มันดีมากแนะนำเลยค่ะ เป็นตัวเดียวกันกับตัวข้างบนคุณสมบัติเหมือนกัน แต่ใช้ง่ายกว่าเยอะ ตักครีมประมาณ 1 เม็ดไข่มุกเล็ก
แตะลงบนผิวหน้าเกลี่ยและกดเบาๆค่ะ หลังใช้รู้สึกหน้าแน่นขึ้น เรียบเนียน ริ้วรอยเล็กๆดูจางลง หน้านุ่มมากๆด้วยค่ะ ประทับใจตัวนี้สุด
เวลาไปต่างประเทศจะเอาแค่โฟมล้างหน้า THE MOISTURIZING SOFT CREAM(คือตัวนี้) แล้วกันแดดไปค่ะ
จริงๆถ้าอยากเริ่มใช้ La Mer แนะนำให้ซื้อตัวนี้ก่อนเลยค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: ขอก็อปมาจากด้านบนเลยนะค่ะ เพราะเป็นตัวเดียวกันอยู่แล้วค่ะ คุณสมบัติมันเหมือนรวมเอาซีรั่มเข้าไปแล้ว คือใช้แค่ตัวนี้ก็เห็นผล
ต่างจากแบรนด์อื่นๆคือใช้ตัวเดียวไม่เห็นผล ได้ทั้งความชุ่มชื่น เรียบเนียน สว่างใส และลดเลือนริ้วรอย แต่สว่างใสเห็นผลน้อยสุดค่ะ
THE CONCENTRATE
แบรนด์บอกว่า: ผลิตภัณฑ์สูตรพิเศษที่ถูกพัฒนามาเพื่อปรนนิบัติผิวบริเวณที่บอบบางและกังวลเป็นพิเศษ ด้วยคุณค่าการบำรุงจากท้องทะเล
ออกแบบมาเพื่อปลอบประโลมผิวด้วยส่วนผสมของน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™ หัวใจหลักสำคัญในการช่วยฟื้นบำรุงผิวของลาแมร์
ผิวที่กังวลและบอบบาง กลับมาเสมือนถูกฟื้นบำรุงขึ้นใหม่ The Concentrate จะช่วยเสริมการทำงานของกระบวนการฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติ
เหมาะสำหรับเตรียมผิวและดูแลผิวก่อนและภายหลังการทำทรีทเมนท์พิเศษแก่ผิว
ความรู้สึกส่วนตัว: มันไม่ใช่สำหรับเราค่ะ ตอนนั้นไม่ค่อยมีความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ La Mer เท่าไร เลยให้ BA เลือกให้เค้าเลือกอันนี้ให้ค่ะ
พอมารู้ทีหลังมันแพงที่สุดนี้เองสินะ อันนี้ไม่อยากพูดถึงเลยค่ะ แค่ใช้แล้วหน้านุ่มขึ้นเท่านั้นเองค่ะ มันเหมาะสำหรับคนที่ทำเลเซอร์หน้ามาค่ะ
ต่างจากแบรนด์ยังไง: ไม่เคยเห็นซีรั่มที่คุณสมบัติเหมือนกันในแบรนด์อื่นๆนะค่ะ เลยเปรียบเทียบไม่ได้ค่ะ
ติดตามรีวิว skincare ตอนที่ 2 ได้ที่ (เดี๋ยวจะเอาลิ้งมาลงให้นะค่ะ)
รีวิวครีมบำรุงผิวกายสุดเจ๋ง ได้ที่ (เดี๋ยวลงลิ้งมาลงให้นะค่ะ)