สาวใหญ่ เจ้าของร้านขายของชำ เก็บกระเป๋าสตางค์ที่ตกอยู่ในร้าน พบภายในมีเงินนับแสน วิ่งแจ้นพบตำรวจบางละมุง เพื่อตามหาเจ้าของ สุดท้ายได้เจอเจ้าของกระเป๋าเงิน เป็นวิศวกรหนุ่มชาวอังกฤษ...
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 3 มี.ค. นางเพ็ชรน้อย มูทส์ อายุ 47 ปี เจ้าของร้านขายของชำภายในตลาดโพธิสาร หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เข้าพบ พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก.สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังมีผู้ลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ในร้าน โดยขอให้ทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยตามหาเจ้าของมารับคืนด้วย
หนุ่มวิศวกรอังกฤษ ขอบคุณสาวไทย เก็บกระเป๋าสตางค์ได้ พร้อมส่งคืน
นางเพ็ชรน้อย เล่าว่า ก่อนหน้านี้ได้มีชายชาวต่างชาติคนหนึ่ง มาสั่งซื้อเบียร์นั่งดื่มอยู่ภายในร้านแล้วรีบออกไป พอตนเดินมาเก็บขวดเบียร์พบกระเป๋าสตางค์วางอยู่ที่โต๊ะ จึงคาดว่าน่าจะเป็นของชาวต่างชาติลืมทิ้งไว้ เมื่อเปิดดูภายในพบมีเงินสกุลไทยจำนวน 55,000 บาท เงินสกุลอินเดีย 4,950 รูปี บัตรเครดิต และเอกสารสำคัญทางราชการระบุชื่อ นายอาดัม มอริส อายุ 39 ปี สัญชาติอังกฤษ จึงรีบนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยตามหาเจ้าของ
ต่อมา นายอาดัม มอริส อายุ 39 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เดินทางมาที่ สภ.บางละมุง พร้อมกับแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของกระเป๋าสตางค์ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเอกสารจนแน่ชัดว่าเป็นเจ้าของตัวจริง นางเพ็ชรน้อย จึงได้มอบกระเป๋าคืนให้กับนายอาดัม ต่อหน้า พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก.สภ.บางละมุง ที่มาเป็นสักขีพยาน พร้อมทั้งมอบเงินสดจำนวนหนึ่งให้นางเพ็ชรน้อย เพื่อเป็นการตอบแทนความดีและยกมือไหว้ขอบคุณแบบไทยด้วยความดีใจ
นายอาดัม เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเป็นวิศวกรก่อสร้างอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และเพิ่งเดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองไทยเป็นครั้งแรก และมีกำหนดเดินทางกลับในวันนี้ หลังจากตระเวนท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองพัทยาอยู่หลายวัน พอมาวันนี้ได้มานั่งดื่มที่ร้านขายของชำของนางเพ็ชรน้อย กระทั่งเวลานัดกับรถแท็กซี่ ตนจึงรีบออกไปจากร้านไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปสนามบิน แต่พอจะจ่ายค่าแท็กซี่ปรากฏว่ากระเป๋าสตางค์ได้หายไป จึงมาถามที่ร้านของชำทำให้ทราบว่า เจ้าของร้านได้นำกระเป๋าสตางค์ไปแจ้งตำรวจที่ สภ.บางละมุง ตนจึงเดินทางมารับคืนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนต้องขอขอบพระคุณนางเพ็ชรน้อย ที่เก็บกระเป๋าสตางค์ของตนไว้ได้ แล้วนำมาส่งคืนและจะไม่ลืมน้ำใจของคนไทยที่มีให้ พร้อมกับจะนำเรื่องราวความดีในครั้งนี้ไปบอกต่อกับญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ที่ประเทศบ้านเกิดให้ทราบ
ที่มา:
http://www.thairath.co.th/content/484708 
**สาวใหญ่ใจงาม เก็บกระเป๋ามีเงินแสน คืนนักท่องเที่ยวอังกฤษ**
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 3 มี.ค. นางเพ็ชรน้อย มูทส์ อายุ 47 ปี เจ้าของร้านขายของชำภายในตลาดโพธิสาร หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เข้าพบ พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก.สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังมีผู้ลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ในร้าน โดยขอให้ทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยตามหาเจ้าของมารับคืนด้วย
หนุ่มวิศวกรอังกฤษ ขอบคุณสาวไทย เก็บกระเป๋าสตางค์ได้ พร้อมส่งคืน
นางเพ็ชรน้อย เล่าว่า ก่อนหน้านี้ได้มีชายชาวต่างชาติคนหนึ่ง มาสั่งซื้อเบียร์นั่งดื่มอยู่ภายในร้านแล้วรีบออกไป พอตนเดินมาเก็บขวดเบียร์พบกระเป๋าสตางค์วางอยู่ที่โต๊ะ จึงคาดว่าน่าจะเป็นของชาวต่างชาติลืมทิ้งไว้ เมื่อเปิดดูภายในพบมีเงินสกุลไทยจำนวน 55,000 บาท เงินสกุลอินเดีย 4,950 รูปี บัตรเครดิต และเอกสารสำคัญทางราชการระบุชื่อ นายอาดัม มอริส อายุ 39 ปี สัญชาติอังกฤษ จึงรีบนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยตามหาเจ้าของ
ต่อมา นายอาดัม มอริส อายุ 39 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เดินทางมาที่ สภ.บางละมุง พร้อมกับแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของกระเป๋าสตางค์ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเอกสารจนแน่ชัดว่าเป็นเจ้าของตัวจริง นางเพ็ชรน้อย จึงได้มอบกระเป๋าคืนให้กับนายอาดัม ต่อหน้า พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก.สภ.บางละมุง ที่มาเป็นสักขีพยาน พร้อมทั้งมอบเงินสดจำนวนหนึ่งให้นางเพ็ชรน้อย เพื่อเป็นการตอบแทนความดีและยกมือไหว้ขอบคุณแบบไทยด้วยความดีใจ
นายอาดัม เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเป็นวิศวกรก่อสร้างอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และเพิ่งเดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองไทยเป็นครั้งแรก และมีกำหนดเดินทางกลับในวันนี้ หลังจากตระเวนท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองพัทยาอยู่หลายวัน พอมาวันนี้ได้มานั่งดื่มที่ร้านขายของชำของนางเพ็ชรน้อย กระทั่งเวลานัดกับรถแท็กซี่ ตนจึงรีบออกไปจากร้านไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปสนามบิน แต่พอจะจ่ายค่าแท็กซี่ปรากฏว่ากระเป๋าสตางค์ได้หายไป จึงมาถามที่ร้านของชำทำให้ทราบว่า เจ้าของร้านได้นำกระเป๋าสตางค์ไปแจ้งตำรวจที่ สภ.บางละมุง ตนจึงเดินทางมารับคืนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนต้องขอขอบพระคุณนางเพ็ชรน้อย ที่เก็บกระเป๋าสตางค์ของตนไว้ได้ แล้วนำมาส่งคืนและจะไม่ลืมน้ำใจของคนไทยที่มีให้ พร้อมกับจะนำเรื่องราวความดีในครั้งนี้ไปบอกต่อกับญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ที่ประเทศบ้านเกิดให้ทราบ
ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/484708