บุพกรรมของท่านธัมมรุจิเถระ ผู้เคยเกิดเป็นสหายสุเมธดาบส

บุพกรรมท่านธัมมรุจิเถระ ผู้เคยเกิดเป็นสหายสุเมธดาบส ในสมัยของพระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า
แต่เพราะการคบคนพาล พลาดพลั้งทำกรรมหนัก จึงต้องพลัดพรากจากกัลยาณมิตรไปอย่างนานแสนนาน

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ธัมมรุจิเถราปทานที่ ๙    

                          ในเวลาที่พระพุทธเจ้าผู้พิชิตมารพระนามว่าทีปังกร ทรงพยากรณ์
                          สุเมธดาบสว่า ในกัปจากกัปนี้ไปนับไม่ถ้วน ดาบสนี้จักเป็นพระ-
                          พุทธเจ้า พระมารดาบังเกิดเกล้าของดาบสนี้จักทรงพระนามว่ามายา
                          พระบิดาจักทรงพระนามว่าสุทโธทนะ ดาบสนี้จักชื่อว่าโคดม ดาบส
                          นี้จักเริ่มตั้งความเพียรทำทุกกรกิริยาแล้ว จักเป็นพระสัมพุทธเจ้า
                          ผู้มียศใหญ่ ตรัสรู้ที่ควงไม้อัสสัตถพฤกษ์ พระอุปติสสะและพระ
                          โกลิตะจักเป็นพระอัครสาวก ภิกษุอุปัฏฐากชื่อว่าอานนท์ จักบำรุง
                          ดาบสนี้ ผู้เป็นพระพิชิตมาร นางภิกษุณีชื่อว่าเขมาและอุบลวรรณา
                          จักเป็นอัครสาวิกา จิตตคฤหบดีและเศรษฐีชาวเมืองอาฬวี จักเป็น
                          อัครอุบาสก ไม้โพธิ์ของนักปราชญ์ผู้นี้เรียกว่าอัสสัตถพฤกษ์
                          มนุษย์และเทวดาได้สดับพระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณอัน
                          ยิ่งใหญ่ ซึ่งจะหาใครเสมอเหมือนมิได้ ต่างก็เป็นผู้เบิกบาน
                          ประนมอัญชลีถวายนมัสการ

                          เวลานั้น เราเป็นมานพชื่อเมฆะ
                          เป็นนักศึกษา ได้สดับคำพยากรณ์อันประเสริฐซึ่งสุเมธดาบส ของ
                          พระมหามุนี เราเป็นผู้คุ้นเคยในสุเมธดาบสผู้เป็นที่อยู่แห่งกรุณา
                          และได้บวชตามสุเมธดาบส ผู้เป็นวีรบุรุษนั้น ผู้ออกบวชอยู่ เป็นผู้
                          สำรวมในพระปาติโมกข์และอินทรีย์ ๕ เป็นผู้มีอาชีวะหมดจด มี
                          สติ เป็นนักปราชญ์ กระทำตามคำสอนของพระพิชิตมาร

                          เราเป็นผู้อยู่เช่นนี้ ถูกบาปมิตรบางคนชักชวนในอนาจาร ถูกกำจัดจากหน
                          ทางอันชอบ เป็นผู้ตกอยู่ในอำนาจแห่งวิตก จึงได้หลีกไปจากพระ
                          ศาสนา ภายหลังถูกมิตรอันน่าเกลียดนั้น ชักชวนให้ฆ่ามารดา
                          เรามีใจอันชั่วช้าได้ทำอนันตริยกรรมฆ่ามารดา

                          เราจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว
                          เกิดในอเวจีมหานรกอันแสนทารุณ เราไปสู่วินิบาตถึงความ
                          ลำบากท่องเที่ยวไปนาน ไม่ได้เห็นสุเมธดาบสผู้เป็นนักปราชญ์ผู้
                          ประเสริฐกว่านระอีก

                          ในกัปนี้ เราเกิดเป็นปลาติมิงคละ อยู่ในมหาสมุทร
                          เราเห็นเรือในสาครเข้าจึงเข้าไปเพื่อจะกิน พวกพ่อค้าเห็น
                          เราก็กลัว ระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด เราได้ยินเสียงกึกก้อง
                          ว่าโคตโม ที่พ่อค้าเหล่านั้นเปล่งขึ้น จึงนึกถึงสัญญาเก่าขึ้นมาได้ ต่อ
                          
                          จากนั้น ได้ทำกาลกิริยา เกิดในสัญชาติพราหมณ์ ในสกุลอันมั่งคั่ง
                          ณ พระนครสาวัตถี เราชื่อว่าธัมมรุจิ เป็นคนเกลียดบาปกรรม
                          ทุกอย่าง พออายุได้ ๗ ขวบ ก็ได้พบพระพุทธองค์ผู้ส่องโลกให้
                          โชติช่วง จึงได้ไปยังพระมหาวิหารเชตวัน แล้วบวชเป็นบรรพชิต
                          เราเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ๓ ครั้งต่อคืนหนึ่งกับวันหนึ่ง ครั้งนั้น พระ
                          องค์ผู้เป็นพระมหามุนี ทอดพระเนตรเห็นเราเข้า จึงได้ตรัสว่า ดูกร
                          ธัมมรุจิ ท่านจงระลึกถึงเรา ลำดับนั้น เรากราบทูลบุรพกรรมอย่าง
                          แจ่มแจ้งกะพระพุทธเจ้าว่า

                                       เพราะปัจจัยแห่งความบริสุทธิ์ในปางก่อน ข้าพระองค์จึงมิ
                                       ได้พบพระองค์ ผู้ทรงพระลักษณะแห่งบุญตั้งร้อย เสียนาน
                                       วันนี้ ข้าพระองค์ได้เห็นแล้วหนอ ข้าพระองค์เห็นพระ
                                       สรีระของพระองค์ อันหาสิ่งอะไรเปรียบมิได้ ข้าพระองค์
                                       ตามหาพระองค์มานานนักแล้ว ตัณหานี้ข้าพระองค์ทำให้
                                       เหือดแห้งไปโดยไม่เหลือด้วยอินทรีย์สิ้นกาลนาน ข้าพระ-
                                       องค์ชำระนิพพานให้หมดมลทินได้ โดยกาลนาน ข้าแต่
                                       พระมหามุนี นัยน์ตาอันสำเร็จด้วยญาณ ถึงความพร้อม
                                       เพรียงกับพระองค์ได้ก็สิ้นเวลานานนัก ข้าพระองค์พินาศ
                                       ไปเสีย ในระหว่างอีกเป็นเวลานาน วันนี้ ได้สมาคมกับ
                                       พระองค์อีก ข้าแต่พระโคดม กรรมที่ข้าพระองค์ทำไว้
                                       จะไม่พินาศไปเลย.
                          เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
             ทราบว่า ท่านพระธัมมรุจิเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓  บรรทัดที่ ๑๗๙๒ - ๑๘๔๔.  หน้าที่  ๗๘ - ๘๐.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=33&A=1792&Z=1844&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33&i=79
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่