เชื่อมั้ยครับ..? เมื่อคืนผมนั่งอ่านเรื่องราวของผู้นำญี่ปุ่นคนนึง
อย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลา
มองนาฬิกาอีกทีตี 2 กว่าแล้ว
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกทึ่ง! กับทัศนคติของผู้บริหารญี่ปุ่นคนนี้
ผู้นำคนนี้เป็นชาวญี่ปุ่นที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก...
ชื่อ Kyocera ตั้งแต่อายุ 27
และคุมบังเหียนในฐานะผู้บริหารมานานแล้วกว่า 56 ปี
มีผลกำไรตลอดไม่เคยขาดทุนแม้แต่ปีเดียว
มิหนำซ้ำ ยังได้รับเชิญให้เป็น CEO ของสายการบิน JALในวัย 78 ปี
ขณะที่สายการบิน JAL ประสบภาวะขาดทุนล้มละลาย
แต่สามารถแก้วิกฤตให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งมีกำไร
และกลับเข้ามาสู่ตลาดหุ้นได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี
และขอไม่รับค่าตอบแทนแม้แต่เยนเดียว"
ผู้บริหารท่านนี้ชื่อว่า "ดร. Kazuo INAMORI"
ผู้ที่คนญี่ปุ่นโดยเฉพาะนักธุรกิจประเทศญี่ปุ่นให้ความเคารพเป็นอย่างมาก
ในฐานะผู้บริหารผู้เสียสละต่อส่วนรวม
ก่อนที่ JAL จะประสบวิกฤตหนัก คุณ INAMORI ได้รับเชิญจากรัฐบาล
ให้ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดบริหารอยู่หลายครั้ง แต่ได้ทำการปฏิเสธไป
เพราะเห็นว่าตนไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจการบิน และคิดว่าตัวเองยังไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้
ครอบครัวและเพื่อนฝูงทุกคนก็ไม่เห็นด้วยกับการเข้าไปรับตำแหน่งนั้น
แต่มี 3 เหตุผลหลักที่ทำให้คุณ INAMORI ตัดสินใจรับตำแหน่งนั้นคือ
1. เพื่อเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น
ถ้าสายการบิน JAL ล้มละลายไปทั้งๆแบบนี้ จะส่งผลร้ายอย่างมาก
ต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นสายการบินประจำชาติ
มีรายได้ถึง 2 ล้านล้านเยน และมีพนักงานเกือบ 50,000 คน
ถ้าบริษัทนี้ต้องล้มละลายซ้ำเป็นครั้งที่สองจะยิ่งส่งผลเสีย
ต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ตกต่ำอยู่แล้ว
2. เพื่อพนักงานที่ยังอยู่
ถึงแม้แผนการฟื้นฟูสายการบินทำให้ต้องลดพนักงานถึง 16,000 คน
แต่สายการบินยังเหลืออีก 3 หมื่นกว่าชีวิต
จึงต้องปกป้องสิทธิในการทำงานกับพนักงานเหล่านี้
3. เพื่อผู้โดยสาร
ถ้าประเทศญี่ปุ่นมี 2 สายการบินใหญ่อย่าง JAL และ ANA อยู่
จะก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างสมบูรณ์เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีกว่าเดิม
ถ้าหายไปสายการบินใดสายการบินหนึ่ง จะทำให้เกิดการผูดขาดแค่บริษัทเดียว
ส่งผลให้ค่าโดยสารแพงขึ้น คุณภาพการบริการต่ำลง
ด้วยเหตุผลเหล่านี้คุณ INAMORI ถึงได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า
"ผมจะรับคำเชิญเพื่อดำรงตำแหน่งผู้บริหารสายการบิน JAL"
"แต่ผมจะไม่ขอรับค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้นๆ"
"ถ้าผิดพลาดในการฟื้นฟูสายการบิน JAL จะส่งผลต่อกำลังใจและเกียรติของพนักงานที่ผมสร้างมากับมือที่ Kyocera และ KDDI ด้วย"
"ผมจะบริหารที่นี่โดยใช้ปรัชญาเดียวกับ Kyocera คือ สร้างความสุขให้กับพนักงาน เพื่อพนักงานจะได้รู้สึกรักและ
เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จขององค์กร และจะมุ่งมั่นพยายามทำให้องค์กรฟื้นฟูขึ้นมาได้"
ในยามวิกฤติ เก่งอย่างเดียวอาจจะไม่พอ
ต้องอาศัยคนที่มีประสบการณ์ผ่านโลกมาเยอะ
คุณ INAMORI เป็นแบบอย่างที่ดี ของผู้บริหารที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
คุณเห็นด้วยมั้ยครับ
www.facebook.com/JapanSalaryman
ทำไมคุณ INAMORI ผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่วัย 78 ถึงรับตำแหน่ง CEO JAL ขณะที่สายการบินนี้ล้มละลาย?
อย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลา
มองนาฬิกาอีกทีตี 2 กว่าแล้ว
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกทึ่ง! กับทัศนคติของผู้บริหารญี่ปุ่นคนนี้
ผู้นำคนนี้เป็นชาวญี่ปุ่นที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก...
ชื่อ Kyocera ตั้งแต่อายุ 27
และคุมบังเหียนในฐานะผู้บริหารมานานแล้วกว่า 56 ปี
มีผลกำไรตลอดไม่เคยขาดทุนแม้แต่ปีเดียว
มิหนำซ้ำ ยังได้รับเชิญให้เป็น CEO ของสายการบิน JALในวัย 78 ปี
ขณะที่สายการบิน JAL ประสบภาวะขาดทุนล้มละลาย
แต่สามารถแก้วิกฤตให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งมีกำไร
และกลับเข้ามาสู่ตลาดหุ้นได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี
และขอไม่รับค่าตอบแทนแม้แต่เยนเดียว"
ผู้บริหารท่านนี้ชื่อว่า "ดร. Kazuo INAMORI"
ผู้ที่คนญี่ปุ่นโดยเฉพาะนักธุรกิจประเทศญี่ปุ่นให้ความเคารพเป็นอย่างมาก
ในฐานะผู้บริหารผู้เสียสละต่อส่วนรวม
ก่อนที่ JAL จะประสบวิกฤตหนัก คุณ INAMORI ได้รับเชิญจากรัฐบาล
ให้ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดบริหารอยู่หลายครั้ง แต่ได้ทำการปฏิเสธไป
เพราะเห็นว่าตนไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจการบิน และคิดว่าตัวเองยังไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้
ครอบครัวและเพื่อนฝูงทุกคนก็ไม่เห็นด้วยกับการเข้าไปรับตำแหน่งนั้น
แต่มี 3 เหตุผลหลักที่ทำให้คุณ INAMORI ตัดสินใจรับตำแหน่งนั้นคือ
1. เพื่อเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น
ถ้าสายการบิน JAL ล้มละลายไปทั้งๆแบบนี้ จะส่งผลร้ายอย่างมาก
ต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นสายการบินประจำชาติ
มีรายได้ถึง 2 ล้านล้านเยน และมีพนักงานเกือบ 50,000 คน
ถ้าบริษัทนี้ต้องล้มละลายซ้ำเป็นครั้งที่สองจะยิ่งส่งผลเสีย
ต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ตกต่ำอยู่แล้ว
2. เพื่อพนักงานที่ยังอยู่
ถึงแม้แผนการฟื้นฟูสายการบินทำให้ต้องลดพนักงานถึง 16,000 คน
แต่สายการบินยังเหลืออีก 3 หมื่นกว่าชีวิต
จึงต้องปกป้องสิทธิในการทำงานกับพนักงานเหล่านี้
3. เพื่อผู้โดยสาร
ถ้าประเทศญี่ปุ่นมี 2 สายการบินใหญ่อย่าง JAL และ ANA อยู่
จะก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างสมบูรณ์เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีกว่าเดิม
ถ้าหายไปสายการบินใดสายการบินหนึ่ง จะทำให้เกิดการผูดขาดแค่บริษัทเดียว
ส่งผลให้ค่าโดยสารแพงขึ้น คุณภาพการบริการต่ำลง
ด้วยเหตุผลเหล่านี้คุณ INAMORI ถึงได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า
"ผมจะรับคำเชิญเพื่อดำรงตำแหน่งผู้บริหารสายการบิน JAL"
"แต่ผมจะไม่ขอรับค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้นๆ"
"ถ้าผิดพลาดในการฟื้นฟูสายการบิน JAL จะส่งผลต่อกำลังใจและเกียรติของพนักงานที่ผมสร้างมากับมือที่ Kyocera และ KDDI ด้วย"
"ผมจะบริหารที่นี่โดยใช้ปรัชญาเดียวกับ Kyocera คือ สร้างความสุขให้กับพนักงาน เพื่อพนักงานจะได้รู้สึกรักและ
เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จขององค์กร และจะมุ่งมั่นพยายามทำให้องค์กรฟื้นฟูขึ้นมาได้"
ในยามวิกฤติ เก่งอย่างเดียวอาจจะไม่พอ
ต้องอาศัยคนที่มีประสบการณ์ผ่านโลกมาเยอะ
คุณ INAMORI เป็นแบบอย่างที่ดี ของผู้บริหารที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
คุณเห็นด้วยมั้ยครับ
www.facebook.com/JapanSalaryman