พรุ่งนี้จะเข้าฉายแล้ว เลยแปลบทสัมภาษณ์มาเรียกน้ำย่อย ถึงแม้ว่ากว่าโอตะไทยจะได้ดูเต็มๆคงอีกนาน แต่เอาเป็นว่า
เสียน้ำตา แน่ๆ
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ภายใน 48กรุ๊ป SKE48 เป็นวงที่มีการเปลี่ยนแปลงเมมเบอร์อย่างมากมาย
ตลอด 6 ปี วงนี้เปลี่ยนไปทั้งจากการควบทีม ย้ายทีมและการจบการศึกษา
สารคดีเรื่องแรกของวง <Documentary of SKE48 หยาดน้ำตาของไอดอล> ที่กำลังจะเข้าฉายวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ นำเสนอเรื่องราวที่เข้มข้น
ด้วยบทสัมภาษณ์ยาวของอดีตเมมเบอร์กว่า 10 คน สลับกับเมมเบอร์ในปัจจุบัน
แสดงถึงมุมมองของไอดอลกับอดีตไอดอล อาจเรียกได้ว่าเป็น "เรื่องราวของการก้าวผ่านชีวิตไอดอล" ก็ว่าได้
ทาคาอิ ซึกินะ อดีตสมาชิก momoclo ซึ่งเข้ามาเป็นรุ่น 1 ของ SKE48 มีปฏิกิริยาอย่างไรที่ได้เห็นทั้งสองวงออกงานโคฮาคุพร้อมกันทุกปี
ฮิราตะ ริคาโกะ ผู้เป็นลีดเดอร์ของวงจนกระทั่งจบการศึกษา
รุ่นพี่ผู้เข้มงวดและไม่ไว้หน้าใคร คุวาบาร่า มิซุกิ
ทาคาดะ ชิโอริ และฮิรามัตสึ คานาโกะ ที่จบออกไปเพื่อมุ่งสู่ความฝันใหม่
โอกิโสะ ชิโอริ ที่อยู่ในเซมบัตสึตลอด ทุกวันนี้พวกเขาเป็นอย่างไร
ผู้กำกับ อิชิฮาร่า ชิน อดีตโปรดิวเซอร์ NHK ถ่ายทำสารคดีและนำเสนอมุมมองต่างๆของพวกเขาอย่างแท้จริง
วันนี้เราจะมาสัมภาษณ์มัตสึอิ เรนะ โอยะ มาซานะ และทาคายานางิ อากาเนะ ถึงความประทับใจหลังจากได้ชมสารคดี
Q: ผมประหลาดใจมากที่พบว่าในสารคดีมีเมมเบอร์ที่จบการศึกษาไปแล้วมากกว่า 10 คน
เรนะ: พวกเราก็เหมือนกันค่ะ เราไม่รู้เลยว่าเขาสัมภาษณ์คนที่จบไปแล้วด้วยจนได้ดูหนัง
มาซานะ: ต้องขอบคุณพวกเขาที่ทำให้รู้ว่า SKE มีความหมายกับอดีตเมมเบอร์เหล่านั้นแค่ไหน พวกเธอคิดยังไงกับเวลาที่อยู่ในวงและตอนนี้รู้สึกยังไงกับวงที่พวกเธอเคยเป็นส่วนหนึ่ง
ฉันมั่นใจว่าทุกคนที่ได้ดูจะรู้สึกได้ว่า SKE ยอดเยี่ยมขนาดไหน
ชูริ: ในสารคดีมีฉากที่ไม่เคยถูกเปิดเผยจนถึงตอนนี้ เป็นประวัติศาสตร์ตลอด 6 ปีของ SKE
คนที่ไม่คุ้นเคยกับวงและเมมเบอร์ใหม่ๆ ถ้าได้ดูจะเข้าใจได้ว่า SKE เป็นอย่างไร ฉันประหลาดใจเมื่อเห็นพวกเขาใช้คลิปตอนออดิทชั่นรุ่น 2 แบบว่า "ใช้ไอ้นี่ด้วยหรอ?"
ฉันรู้สึกอายมากเลยไม่ได้ดูจนเห็นมันในสารคดีนี่แหละ
Q: ในหนังเราเห็นฉากที่จูรินะกลายเป็นคนสุดท้ายในการออดิทชั่นเพราะปัญหาขัดข้องทางเทคนิคด้วย
เรนะ: ในหนังเต็มไปด้วยโมเม้นต์แบบนั้นค่ะ ฉากๆหนึ่งของหลายๆคน คนที่อยู่ในวงและพยายามอย่างหนักทุกวัน คนที่เคยอยู่ในวงและตอนนี้กำลังสู้เพื่อฝันของตัวเอง ฉันพบว่ามันน่าหลงใหลที่เห็นผู้คนที่เคยอยู่ที่เดียวกัน ได้เดินไปในทางที่แตกต่างกันและมีมุมมองที่หลากหลาย
Q: คิดว่าชื่อสารคดี "หยาดน้ำตาของไอดอล" เป็นมาอย่างไรครับ มาจากน้ำตาของมัตสึอิซังที่ดูกินใจมากๆในหนังหรือเปล่า?
มาซานะ: น้ำตาเรนะสวยงามจริงๆใช่มั้ยล่ะคะ แน่นอนว่าชื่อก็ต้องตั้งมาให้เธออยู่แล้วไม่ใช่รึไง
เรนะ: ไม่มีทาง ฮ่าๆๆๆ คุณรู้มั้ยว่าฉันถูกสัมภาษณ์ประมาณ 2 ชม. ตอนแรกที่นั่งดูวีดีโอเก่าๆก็ไม่เป็นไร แต่ผ่านไปซักพักฉันก็เริ่มร้องไห้ออกมา
มาซานะ: คงจะเป็นเพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราไม่ได้เจอแต่เรื่องที่มีความสุขแต่ยังผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายและขมขื่นด้วย
เรนะ: โดยเฉพาะตอนนาโกย่าโดม ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลยค่ะ
Q: พวกคุณ 3 คนมีไฮไลต์ในสารคดี ขอเริ่มถามที่ทาคายานางิซัง เกี่ยวกับฉากที่กล่าวขอบคุณในงานเลือกตั้งแล้วคุณขอกับอากิโมโตะซังให้มีสเตจ KII
ชูริ: ตอนที่พูดกับอากิโมโตะเซนเซย์ต่อหน้าสาธารณะวันนั้น ฉันพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตามมาอยู่แล้ว ฉันไม่แคร์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ไม่ได้คุยกับสตาฟไว้ก่อนด้วย ฉันถือโอกาสตรงนั้นพูดออกไป ทุกวันนี้เรามี G+ และ 755 ในการติดต่อกับอากิโมโตะเซนเซย์ แต่ ณ ตอนนั้น เราไม่สามารถเข้าถึงได้เลย อีกอย่างตอนนั้น KII เป็นทีมเดียวที่ไม่มีสเตจของตัวเองเลยหลังจากตั้งมากว่า 2 ปี
มันรู้สึกน่าเหี่ยวเฉา แต่เมื่อเราได้สเตจ รามุเนะ และมีผู้คนรู้จัก KII มากขึ้นจากการกระทำวันนั้น ฉันไม่เสียใจเลยค่ะ
Q: น้ำตาของทาคายานางิซังก็กินใจมากๆเหมือนกัน
ชูริ: สาเหตุของน้ำตาพวกนั้นคือ "12 Gatsu no Kangaroo" เราเปลี่ยนเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรก การที่อยู่ในเซมบัตสึมาตลอดมันทำให้ฉันคิดว่าเซ็นเตอร์คงไม่มีวันเปลี่ยน แต่เมื่อวันที่มีการเปลี่ยนฉันรู้สึกงง แต่คิดว่าที่เราทำ "มันถูกต้องรึเปล่านะ?" พูดจริงๆ ถ้าถามฉันว่าอยากเป็นเซ็นเตอร์มั้ย แน่นอนฉันเคยหวังอย่างนั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นฉันรู้สึกว่าถ้าฉันติดเซมบัตสึ ก็ต้องขอบคุณจูรินะซังกับเรนะซังที่คอยเป็นเซ็นเตอร์
เพราะงั้น พอรู้ว่าจะเปลี่ยนเซ็นเตอร์ ฉันเลยเริ่มกลัว มันทำให้ฉันนึกถึงหลายเรื่องจากการที่ฉันมักจะกังวลกับตำแหน่งของตัวเอง ตอนที่เข้ามาเป็นรุ่น 2 ฉันไม่ได้เป็นหนึ่งในเมมเบอร์ที่แสดง Skirt, Hirari ฉันไม่ได้ใส่เสื้อผ้าพิเศษนั้น ฉันผิดหวังมากๆแต่แล้วก็มีคนบอกว่า "เราจะเปลี่ยนตัว ให้เธอเข้าไปแทน" ฉันรู้ว่าเรนะซังก็ไม่ได้เป็นเซ็นเตอร์ตั้งแต่เริ่ม ฉันเลยบอกกับตัวเองว่าถ้าฉันพยายามแบบนั้นฉันก็อาจไปถึงตำแหน่งนั้นเหมือนกัน
การได้เห็นเรนะซังพยายามสุดความสามารถเป็นแรงกระตุ้นสำหรับฉันค่ะ
Q: คุณรู้เกี่ยวกับเมมเบอร์ที่จบออกไปบ้างมั้ย
มาซานะ: เราพอจะรู้ว่าพวกเธอทำอะไรอยู่แต่ในวีดีโอนั่นมันคนละเรื่องกับที่ฉันคิดไว้เลยล่ะค่ะ
Q: พวกเธอมีหน้าตาเปลี่ยนไปบ้างมั้ย
มาซานะ: พวกเธอดูเป็นผู้ใหญ่และสุขุมขึ้น ความรู้สึกอันแรงกล้าของพวกเธอที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดในวีดีโอ ทำให้ฉันประทับใจจริงๆ ได้เห็นคนเหล่านั้นที่เคยทำงานใน SKE วิ่งไปสู่ฝันของตัวเอง ฉันว่าพวกเธอทั้งกล้าและเป็นแรงบันดาลใจ แต่มันก็ทำให้ฉันสงสัยเหมือนกันว่าตัวเองได้ทำทุกอย่างใน SKE เต็มที่หรือยัง และยังย้ำเตือนว่าฉันยังต้องรับผิดชอบในการคอยสนับสนุนและคอยสอนรุ่นน้องในวง
Q: สิ่งนึงที่ปรากฎชัดในหนังคือความรู้สึกวิกฤติที่ใกล้เข้ามาในความคิดของทุกคน ผมไม่คิดว่ามันเป็นอะไรที่จะพบเห็นได้ในวง 48 กรุ๊ปวงอื่น ดังนั้นช่วยบอกหน่อยว่าทำให้เมมเบอร์ SKE จึงรู้สึกอย่างนั้น
มาซานะ: ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ค่ะ มันเป็นเพราะว่ามีคนจบการศึกษาเรื่อยๆ เรามองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนเมมเบอร์ที่แกรดไปกับจำนวนแฟนที่น้อยลง ดูได้จากคิวที่ต่อข้างหน้าเธียร์เตอร์ก่อนการแสดงทุกสเตจ สิ่งที่เห็นในแววตาของแฟนๆ ปฏิกิริยาของพวกเขา ทุกอย่างมันทำให้เรารู้สึกว่าวิกฤติใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าเรายังเป็นวงอยู่ได้ก็เป็นเพราะแฟนๆที่คอยสนับสนุนดังนั้นเราจึงต้องทำหน้าที่แทนคนที่ออกไป แต่นั่นมันก็เป็นสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว และคิดอยู่ตลอด เราปรึกษากันเยอะมาก "เราจะทำยังไงดี? เราจะใส่ความพยายามที่ตรงไหน?"
Q: ตัวหนังก็เล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่ไม่นานมานี้ นากานิชิ ยูกะและซาโต้ มิเอโกะ ผู้ที่คอยซัพพอร์ตวงตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ได้ประกาศจบการศึกษา เป็นการสูญเสียบุคลากรครั้งใหญ่ใช่มั้ยครับ?
เรนะ: มันน่าตกใจมากแต่เราก็รู้กันอยู่แล้วว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง ดังนั้นฉันได้เตรียมใจไว้แล้ว ทั้งสองคนมีเหตุผลในการตัดสินใจและฉันก็มั่นใจว่า SKE จะเปลี่ยนไปเมื่อทั้งสองคนจบออกไป ทั้งสองต่างก็ทุ่มเทให้ SKE อย่างมากมาย เพราะมีพวกเธออยู่ตรงนั้น พวกเราถึงข้ามผ่านสิ่งต่างๆได้ แต่พวกเธอก็มีความฝันของตัวเองและฉันอยากให้ทั้งสองคนไล่ตามความฝันโดยไม่ต้องห่วงพวกเรา มันอาจจะลำบากถ้าไม่มีพวกเธอแต่ฉันว่าการเผชิญหน้ากับอุปสรรคเป็นเรื่องดีสำหรับเราค่ะ
Q: ในหนังดูเหมือนว่ามัตสีอิซังจะกังวลเกี่ยวกับตำแหน่งของตัวเองตั้งแต่แรกเริ่มและยิ่งไปกว่านั้นยังมองไปไกลถึงระดับโลกด้วย การที่นากานิชิซังกับซาโต้ซังจบการศึกษาไป ผมรู้สึกว่าภาระจะตกอยู่ที่คุณมากขึ้น
เรนะ: โอ๊ะ ไม่ใช่ค่ะ ตอนแรกเธอสนใจเรื่องตำแหน่งของตัวเองรึเปล่า มาซานะ?
มาซานะ: ไม่เลย เพระงั้น ตอนที่ดูสารคดีฉันเลยแปลกใจมากที่เธอกระตือรือร้นขนาดนั้น
เรนะ: ฉันเคยเป็นแฟน AKB มาก่อน ดังนั้นพอได้รับตำแหน่ง ฉันรู้ว่ามันมีความหมายแค่ไหนที่ติดอันดับและสัญญากับตัวเองว่าจะขึ้นให้สูงไปเรื่อยๆ
มาซานะ: ฉันไม่เคยรู้เลย สำหรับฉันตั้งแต่เราเข้ามาเป็นรุ่นก่อตั้ง ฉันอยากให้ทุกคนพยายามให้ดีที่สุดเท่าๆกัน แต่พอได้ยินเรนะแนะนำตัวเองในสเตจแรก ฉันคิดว่า"เด็กคนนั้นมีความคิดที่ต่างจากคนอื่น" ในขณะที่เรายืนตัวแข็งทื่อและอึดอัด เรนะถามคนดูว่า "มีใครนั่งชิงช้าสวรรค์แล้วมั่งคะ?" แฟนๆก็ยกมือ เป็นการทำให้พวกเขารู้สึกมีส่วนร่วม แม้ว่านั่นจะเป็นสเตจแรก เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยลืมเลยค่ะ
เรนะ: ความจำเธอสุดยอดไปเลย ฮ่าๆๆๆ
มาซานะ: ตอนนั้นความประทับใจของฉันคือการที่เธอทำออกมาได้น่าทึ่ง แต่ไม่นึกว่าเธอจะตั้งใจเรื่องตำแหน่งขนาดนั้น ตอนที่ฉันเข้าร่วม มีวงไอดอลวงอื่นที่ฉันชอบและมั่นใจว่าแม้จะยืนอยู่หลังสุดยังไงก็มีแฟนที่สนับสนุนเธอ ดังนั้นสำหรับฉันไม่ว่าจะยืนตรงไหนก็ได้ทั้งนั้นตราบเท่าที่เรามีความโดดเด่นแตกต่างกัน ฉันเพิ่งเริ่มจะกังวลกับตำแหน่งตัวเองเมื่อมีรุ่น 3 เข้ามา เมื่อฉันเจอพวกเธอฉันรู้สึกได้ถึง "การแข่งขัน" พวกรุ่น 3 ไม่ได้เริ่มเท่ากัน ฉันได้ยินจากสุดะจังว่าพวกเธอต้องแข่งกันรุนแรงเพื่อจะได้รับเลือกเป็นอันเดอร์
เรนะ: ฉันเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน ฉันได้สนิทกับรุ่นน้องมากกว่าที่เคย โดยเฉพาะหลังจากชัฟเฟิลครั้งแรก
Q: สุดท้าย ผมอยากให้เล่าถึงฉากที่คุณคิดว่าเซอไพรส์ที่สุดในสารคดีเรื่องนี้
ชูริ: โดยส่วนตัว สำหรับฉันเป็นฉากงานเลือกตั้งที่ฉันขอกับอากิโมโตะเซนเซย์ค่ะ สำหรับแฟนๆมันเป็นโมเม้นต์ประวัติศาสตร์ และพวกเขาก็ชื่นชมฉันแต่สำหรับตัวฉันเองมันเจ็บปวดค่ะ และการที่ต้องกลับมาดูฉากนั้นอีกครั้งฉันกลั้นน้ำตาไม่อยู่จริงๆ ฉันคอยหลบ ไม่ยอมดูมันมาตลอดแต่ตอนนี้มันไม่มีทางหนี
แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าไม่มีวันนั้น ทีม KII และตัวฉันเองก็คงไม่เติบโตแบบที่เราเป็น แม้ว่าเมมเบอร์จะเปลี่ยนไป แต่สเตจจะยังคงอยู่ ดังนั้นก็ต้องขอบคุณสารคดีและฉากนั้นที่ทำให้ฉันจดจำวันนั้นและที่มาของ "รามุเนะ โนะ โนมิกาตะ"
มาซานะ: ที่เซอร์ไพรส์ที่สุดสำหรับฉัน แน่นอนว่าเป็นฉากพิธีจบการศึกษาจากโรงเรียนค่ะ ฉันนึกว่าถ่ายไปเพื่อเป็นความทรงจำสุดท้ายของการเป็นนักเรียน พอได้รู้ว่ามันถูกใช้ในสารคดีนี่มัน! ฉันคิดไม่ถึงว่าแฟนๆจะได้เห็นมัน ฉันนึกว่าพวกเขาถ่ายเพื่อเอามาเป็นของขวัญให้ฉันซะอีก
เรนะ: ฉันเองก็พบว่ามีกล้องที่ถ่ายในที่ๆฉันคิดไม่ถึงอยู่หลายที่เลย สีหน้าของฉันบ่งบอกออกมาหมดเลย ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ตอนที่ถ่ายระหว่างงานเลือกตั้ง ฉันบอกได้เลยว่ามันเพียงพอที่จะเข้าใจความแตกต่างที่มีระหว่างคนสองคน มัตสึอิ จูรินะและมัตสึอิ เรนะ ฮ่าๆๆๆ ฉันจำได้ว่ามีกล้องมาถ่ายจูรินะวันนั้น แต่ไม่รู้เลยว่ามีอีกตัวกำลังถ่ายฉัน และสีหน้าฉันมันแสดงออกมากเกินไป ฉันไม่อยากจะดูเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
เครดิต
http://sakaeandfrog.tumblr.com/post/110335138481/idol-no-namida-documentary-of-ske48-interview-of
[SKE48] โหมโรง Documentary of SKE48: น้ำตาไอดอล
พรุ่งนี้จะเข้าฉายแล้ว เลยแปลบทสัมภาษณ์มาเรียกน้ำย่อย ถึงแม้ว่ากว่าโอตะไทยจะได้ดูเต็มๆคงอีกนาน แต่เอาเป็นว่า เสียน้ำตา แน่ๆ
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ภายใน 48กรุ๊ป SKE48 เป็นวงที่มีการเปลี่ยนแปลงเมมเบอร์อย่างมากมาย
ตลอด 6 ปี วงนี้เปลี่ยนไปทั้งจากการควบทีม ย้ายทีมและการจบการศึกษา
สารคดีเรื่องแรกของวง <Documentary of SKE48 หยาดน้ำตาของไอดอล> ที่กำลังจะเข้าฉายวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ นำเสนอเรื่องราวที่เข้มข้น
ด้วยบทสัมภาษณ์ยาวของอดีตเมมเบอร์กว่า 10 คน สลับกับเมมเบอร์ในปัจจุบัน
แสดงถึงมุมมองของไอดอลกับอดีตไอดอล อาจเรียกได้ว่าเป็น "เรื่องราวของการก้าวผ่านชีวิตไอดอล" ก็ว่าได้
ทาคาอิ ซึกินะ อดีตสมาชิก momoclo ซึ่งเข้ามาเป็นรุ่น 1 ของ SKE48 มีปฏิกิริยาอย่างไรที่ได้เห็นทั้งสองวงออกงานโคฮาคุพร้อมกันทุกปี
ฮิราตะ ริคาโกะ ผู้เป็นลีดเดอร์ของวงจนกระทั่งจบการศึกษา
รุ่นพี่ผู้เข้มงวดและไม่ไว้หน้าใคร คุวาบาร่า มิซุกิ
ทาคาดะ ชิโอริ และฮิรามัตสึ คานาโกะ ที่จบออกไปเพื่อมุ่งสู่ความฝันใหม่
โอกิโสะ ชิโอริ ที่อยู่ในเซมบัตสึตลอด ทุกวันนี้พวกเขาเป็นอย่างไร
ผู้กำกับ อิชิฮาร่า ชิน อดีตโปรดิวเซอร์ NHK ถ่ายทำสารคดีและนำเสนอมุมมองต่างๆของพวกเขาอย่างแท้จริง
วันนี้เราจะมาสัมภาษณ์มัตสึอิ เรนะ โอยะ มาซานะ และทาคายานางิ อากาเนะ ถึงความประทับใจหลังจากได้ชมสารคดี
Q: ผมประหลาดใจมากที่พบว่าในสารคดีมีเมมเบอร์ที่จบการศึกษาไปแล้วมากกว่า 10 คน
เรนะ: พวกเราก็เหมือนกันค่ะ เราไม่รู้เลยว่าเขาสัมภาษณ์คนที่จบไปแล้วด้วยจนได้ดูหนัง
มาซานะ: ต้องขอบคุณพวกเขาที่ทำให้รู้ว่า SKE มีความหมายกับอดีตเมมเบอร์เหล่านั้นแค่ไหน พวกเธอคิดยังไงกับเวลาที่อยู่ในวงและตอนนี้รู้สึกยังไงกับวงที่พวกเธอเคยเป็นส่วนหนึ่ง
ฉันมั่นใจว่าทุกคนที่ได้ดูจะรู้สึกได้ว่า SKE ยอดเยี่ยมขนาดไหน
ชูริ: ในสารคดีมีฉากที่ไม่เคยถูกเปิดเผยจนถึงตอนนี้ เป็นประวัติศาสตร์ตลอด 6 ปีของ SKE
คนที่ไม่คุ้นเคยกับวงและเมมเบอร์ใหม่ๆ ถ้าได้ดูจะเข้าใจได้ว่า SKE เป็นอย่างไร ฉันประหลาดใจเมื่อเห็นพวกเขาใช้คลิปตอนออดิทชั่นรุ่น 2 แบบว่า "ใช้ไอ้นี่ด้วยหรอ?"
ฉันรู้สึกอายมากเลยไม่ได้ดูจนเห็นมันในสารคดีนี่แหละ
Q: ในหนังเราเห็นฉากที่จูรินะกลายเป็นคนสุดท้ายในการออดิทชั่นเพราะปัญหาขัดข้องทางเทคนิคด้วย
เรนะ: ในหนังเต็มไปด้วยโมเม้นต์แบบนั้นค่ะ ฉากๆหนึ่งของหลายๆคน คนที่อยู่ในวงและพยายามอย่างหนักทุกวัน คนที่เคยอยู่ในวงและตอนนี้กำลังสู้เพื่อฝันของตัวเอง ฉันพบว่ามันน่าหลงใหลที่เห็นผู้คนที่เคยอยู่ที่เดียวกัน ได้เดินไปในทางที่แตกต่างกันและมีมุมมองที่หลากหลาย
Q: คิดว่าชื่อสารคดี "หยาดน้ำตาของไอดอล" เป็นมาอย่างไรครับ มาจากน้ำตาของมัตสึอิซังที่ดูกินใจมากๆในหนังหรือเปล่า?
มาซานะ: น้ำตาเรนะสวยงามจริงๆใช่มั้ยล่ะคะ แน่นอนว่าชื่อก็ต้องตั้งมาให้เธออยู่แล้วไม่ใช่รึไง
เรนะ: ไม่มีทาง ฮ่าๆๆๆ คุณรู้มั้ยว่าฉันถูกสัมภาษณ์ประมาณ 2 ชม. ตอนแรกที่นั่งดูวีดีโอเก่าๆก็ไม่เป็นไร แต่ผ่านไปซักพักฉันก็เริ่มร้องไห้ออกมา
มาซานะ: คงจะเป็นเพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราไม่ได้เจอแต่เรื่องที่มีความสุขแต่ยังผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายและขมขื่นด้วย
เรนะ: โดยเฉพาะตอนนาโกย่าโดม ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลยค่ะ
Q: พวกคุณ 3 คนมีไฮไลต์ในสารคดี ขอเริ่มถามที่ทาคายานางิซัง เกี่ยวกับฉากที่กล่าวขอบคุณในงานเลือกตั้งแล้วคุณขอกับอากิโมโตะซังให้มีสเตจ KII
ชูริ: ตอนที่พูดกับอากิโมโตะเซนเซย์ต่อหน้าสาธารณะวันนั้น ฉันพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตามมาอยู่แล้ว ฉันไม่แคร์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ไม่ได้คุยกับสตาฟไว้ก่อนด้วย ฉันถือโอกาสตรงนั้นพูดออกไป ทุกวันนี้เรามี G+ และ 755 ในการติดต่อกับอากิโมโตะเซนเซย์ แต่ ณ ตอนนั้น เราไม่สามารถเข้าถึงได้เลย อีกอย่างตอนนั้น KII เป็นทีมเดียวที่ไม่มีสเตจของตัวเองเลยหลังจากตั้งมากว่า 2 ปี
มันรู้สึกน่าเหี่ยวเฉา แต่เมื่อเราได้สเตจ รามุเนะ และมีผู้คนรู้จัก KII มากขึ้นจากการกระทำวันนั้น ฉันไม่เสียใจเลยค่ะ
Q: น้ำตาของทาคายานางิซังก็กินใจมากๆเหมือนกัน
ชูริ: สาเหตุของน้ำตาพวกนั้นคือ "12 Gatsu no Kangaroo" เราเปลี่ยนเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรก การที่อยู่ในเซมบัตสึมาตลอดมันทำให้ฉันคิดว่าเซ็นเตอร์คงไม่มีวันเปลี่ยน แต่เมื่อวันที่มีการเปลี่ยนฉันรู้สึกงง แต่คิดว่าที่เราทำ "มันถูกต้องรึเปล่านะ?" พูดจริงๆ ถ้าถามฉันว่าอยากเป็นเซ็นเตอร์มั้ย แน่นอนฉันเคยหวังอย่างนั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นฉันรู้สึกว่าถ้าฉันติดเซมบัตสึ ก็ต้องขอบคุณจูรินะซังกับเรนะซังที่คอยเป็นเซ็นเตอร์
เพราะงั้น พอรู้ว่าจะเปลี่ยนเซ็นเตอร์ ฉันเลยเริ่มกลัว มันทำให้ฉันนึกถึงหลายเรื่องจากการที่ฉันมักจะกังวลกับตำแหน่งของตัวเอง ตอนที่เข้ามาเป็นรุ่น 2 ฉันไม่ได้เป็นหนึ่งในเมมเบอร์ที่แสดง Skirt, Hirari ฉันไม่ได้ใส่เสื้อผ้าพิเศษนั้น ฉันผิดหวังมากๆแต่แล้วก็มีคนบอกว่า "เราจะเปลี่ยนตัว ให้เธอเข้าไปแทน" ฉันรู้ว่าเรนะซังก็ไม่ได้เป็นเซ็นเตอร์ตั้งแต่เริ่ม ฉันเลยบอกกับตัวเองว่าถ้าฉันพยายามแบบนั้นฉันก็อาจไปถึงตำแหน่งนั้นเหมือนกัน
การได้เห็นเรนะซังพยายามสุดความสามารถเป็นแรงกระตุ้นสำหรับฉันค่ะ
Q: คุณรู้เกี่ยวกับเมมเบอร์ที่จบออกไปบ้างมั้ย
มาซานะ: เราพอจะรู้ว่าพวกเธอทำอะไรอยู่แต่ในวีดีโอนั่นมันคนละเรื่องกับที่ฉันคิดไว้เลยล่ะค่ะ
Q: พวกเธอมีหน้าตาเปลี่ยนไปบ้างมั้ย
มาซานะ: พวกเธอดูเป็นผู้ใหญ่และสุขุมขึ้น ความรู้สึกอันแรงกล้าของพวกเธอที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดในวีดีโอ ทำให้ฉันประทับใจจริงๆ ได้เห็นคนเหล่านั้นที่เคยทำงานใน SKE วิ่งไปสู่ฝันของตัวเอง ฉันว่าพวกเธอทั้งกล้าและเป็นแรงบันดาลใจ แต่มันก็ทำให้ฉันสงสัยเหมือนกันว่าตัวเองได้ทำทุกอย่างใน SKE เต็มที่หรือยัง และยังย้ำเตือนว่าฉันยังต้องรับผิดชอบในการคอยสนับสนุนและคอยสอนรุ่นน้องในวง
Q: สิ่งนึงที่ปรากฎชัดในหนังคือความรู้สึกวิกฤติที่ใกล้เข้ามาในความคิดของทุกคน ผมไม่คิดว่ามันเป็นอะไรที่จะพบเห็นได้ในวง 48 กรุ๊ปวงอื่น ดังนั้นช่วยบอกหน่อยว่าทำให้เมมเบอร์ SKE จึงรู้สึกอย่างนั้น
มาซานะ: ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ค่ะ มันเป็นเพราะว่ามีคนจบการศึกษาเรื่อยๆ เรามองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนเมมเบอร์ที่แกรดไปกับจำนวนแฟนที่น้อยลง ดูได้จากคิวที่ต่อข้างหน้าเธียร์เตอร์ก่อนการแสดงทุกสเตจ สิ่งที่เห็นในแววตาของแฟนๆ ปฏิกิริยาของพวกเขา ทุกอย่างมันทำให้เรารู้สึกว่าวิกฤติใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าเรายังเป็นวงอยู่ได้ก็เป็นเพราะแฟนๆที่คอยสนับสนุนดังนั้นเราจึงต้องทำหน้าที่แทนคนที่ออกไป แต่นั่นมันก็เป็นสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว และคิดอยู่ตลอด เราปรึกษากันเยอะมาก "เราจะทำยังไงดี? เราจะใส่ความพยายามที่ตรงไหน?"
Q: ตัวหนังก็เล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่ไม่นานมานี้ นากานิชิ ยูกะและซาโต้ มิเอโกะ ผู้ที่คอยซัพพอร์ตวงตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ได้ประกาศจบการศึกษา เป็นการสูญเสียบุคลากรครั้งใหญ่ใช่มั้ยครับ?
เรนะ: มันน่าตกใจมากแต่เราก็รู้กันอยู่แล้วว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง ดังนั้นฉันได้เตรียมใจไว้แล้ว ทั้งสองคนมีเหตุผลในการตัดสินใจและฉันก็มั่นใจว่า SKE จะเปลี่ยนไปเมื่อทั้งสองคนจบออกไป ทั้งสองต่างก็ทุ่มเทให้ SKE อย่างมากมาย เพราะมีพวกเธออยู่ตรงนั้น พวกเราถึงข้ามผ่านสิ่งต่างๆได้ แต่พวกเธอก็มีความฝันของตัวเองและฉันอยากให้ทั้งสองคนไล่ตามความฝันโดยไม่ต้องห่วงพวกเรา มันอาจจะลำบากถ้าไม่มีพวกเธอแต่ฉันว่าการเผชิญหน้ากับอุปสรรคเป็นเรื่องดีสำหรับเราค่ะ
Q: ในหนังดูเหมือนว่ามัตสีอิซังจะกังวลเกี่ยวกับตำแหน่งของตัวเองตั้งแต่แรกเริ่มและยิ่งไปกว่านั้นยังมองไปไกลถึงระดับโลกด้วย การที่นากานิชิซังกับซาโต้ซังจบการศึกษาไป ผมรู้สึกว่าภาระจะตกอยู่ที่คุณมากขึ้น
เรนะ: โอ๊ะ ไม่ใช่ค่ะ ตอนแรกเธอสนใจเรื่องตำแหน่งของตัวเองรึเปล่า มาซานะ?
มาซานะ: ไม่เลย เพระงั้น ตอนที่ดูสารคดีฉันเลยแปลกใจมากที่เธอกระตือรือร้นขนาดนั้น
เรนะ: ฉันเคยเป็นแฟน AKB มาก่อน ดังนั้นพอได้รับตำแหน่ง ฉันรู้ว่ามันมีความหมายแค่ไหนที่ติดอันดับและสัญญากับตัวเองว่าจะขึ้นให้สูงไปเรื่อยๆ
มาซานะ: ฉันไม่เคยรู้เลย สำหรับฉันตั้งแต่เราเข้ามาเป็นรุ่นก่อตั้ง ฉันอยากให้ทุกคนพยายามให้ดีที่สุดเท่าๆกัน แต่พอได้ยินเรนะแนะนำตัวเองในสเตจแรก ฉันคิดว่า"เด็กคนนั้นมีความคิดที่ต่างจากคนอื่น" ในขณะที่เรายืนตัวแข็งทื่อและอึดอัด เรนะถามคนดูว่า "มีใครนั่งชิงช้าสวรรค์แล้วมั่งคะ?" แฟนๆก็ยกมือ เป็นการทำให้พวกเขารู้สึกมีส่วนร่วม แม้ว่านั่นจะเป็นสเตจแรก เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยลืมเลยค่ะ
เรนะ: ความจำเธอสุดยอดไปเลย ฮ่าๆๆๆ
มาซานะ: ตอนนั้นความประทับใจของฉันคือการที่เธอทำออกมาได้น่าทึ่ง แต่ไม่นึกว่าเธอจะตั้งใจเรื่องตำแหน่งขนาดนั้น ตอนที่ฉันเข้าร่วม มีวงไอดอลวงอื่นที่ฉันชอบและมั่นใจว่าแม้จะยืนอยู่หลังสุดยังไงก็มีแฟนที่สนับสนุนเธอ ดังนั้นสำหรับฉันไม่ว่าจะยืนตรงไหนก็ได้ทั้งนั้นตราบเท่าที่เรามีความโดดเด่นแตกต่างกัน ฉันเพิ่งเริ่มจะกังวลกับตำแหน่งตัวเองเมื่อมีรุ่น 3 เข้ามา เมื่อฉันเจอพวกเธอฉันรู้สึกได้ถึง "การแข่งขัน" พวกรุ่น 3 ไม่ได้เริ่มเท่ากัน ฉันได้ยินจากสุดะจังว่าพวกเธอต้องแข่งกันรุนแรงเพื่อจะได้รับเลือกเป็นอันเดอร์
เรนะ: ฉันเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน ฉันได้สนิทกับรุ่นน้องมากกว่าที่เคย โดยเฉพาะหลังจากชัฟเฟิลครั้งแรก
Q: สุดท้าย ผมอยากให้เล่าถึงฉากที่คุณคิดว่าเซอไพรส์ที่สุดในสารคดีเรื่องนี้
ชูริ: โดยส่วนตัว สำหรับฉันเป็นฉากงานเลือกตั้งที่ฉันขอกับอากิโมโตะเซนเซย์ค่ะ สำหรับแฟนๆมันเป็นโมเม้นต์ประวัติศาสตร์ และพวกเขาก็ชื่นชมฉันแต่สำหรับตัวฉันเองมันเจ็บปวดค่ะ และการที่ต้องกลับมาดูฉากนั้นอีกครั้งฉันกลั้นน้ำตาไม่อยู่จริงๆ ฉันคอยหลบ ไม่ยอมดูมันมาตลอดแต่ตอนนี้มันไม่มีทางหนี
แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าไม่มีวันนั้น ทีม KII และตัวฉันเองก็คงไม่เติบโตแบบที่เราเป็น แม้ว่าเมมเบอร์จะเปลี่ยนไป แต่สเตจจะยังคงอยู่ ดังนั้นก็ต้องขอบคุณสารคดีและฉากนั้นที่ทำให้ฉันจดจำวันนั้นและที่มาของ "รามุเนะ โนะ โนมิกาตะ"
มาซานะ: ที่เซอร์ไพรส์ที่สุดสำหรับฉัน แน่นอนว่าเป็นฉากพิธีจบการศึกษาจากโรงเรียนค่ะ ฉันนึกว่าถ่ายไปเพื่อเป็นความทรงจำสุดท้ายของการเป็นนักเรียน พอได้รู้ว่ามันถูกใช้ในสารคดีนี่มัน! ฉันคิดไม่ถึงว่าแฟนๆจะได้เห็นมัน ฉันนึกว่าพวกเขาถ่ายเพื่อเอามาเป็นของขวัญให้ฉันซะอีก
เรนะ: ฉันเองก็พบว่ามีกล้องที่ถ่ายในที่ๆฉันคิดไม่ถึงอยู่หลายที่เลย สีหน้าของฉันบ่งบอกออกมาหมดเลย ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ตอนที่ถ่ายระหว่างงานเลือกตั้ง ฉันบอกได้เลยว่ามันเพียงพอที่จะเข้าใจความแตกต่างที่มีระหว่างคนสองคน มัตสึอิ จูรินะและมัตสึอิ เรนะ ฮ่าๆๆๆ ฉันจำได้ว่ามีกล้องมาถ่ายจูรินะวันนั้น แต่ไม่รู้เลยว่ามีอีกตัวกำลังถ่ายฉัน และสีหน้าฉันมันแสดงออกมากเกินไป ฉันไม่อยากจะดูเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
เครดิต
http://sakaeandfrog.tumblr.com/post/110335138481/idol-no-namida-documentary-of-ske48-interview-of