เมื่อวาน   ป.ป.ช. มีมติว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ  ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
ในเรื่องเหตุการณ์เมื่อปี 53

อย่าไปเข้าใจผิดว่า  เป็นเรื่อง "แจ้งข้อกล่าวหา" ทางอาญานะครับ

แต่เป็นแค่เรื่องการถอดถอน  ที่มีผู้ร้องให้ ป.ป.ช. ไต่สวน  
และ ป.ป.ช.  ไต่สวนแล้ว  มีมติว่า  ทั้งสองคน  ส่อว่ากระทำผิด  

แค่ส่อครับ  ไม่ได้บอกว่ากระทำผิด

เท่านั้นเอง

ซึ่งต่อไป  ป.ป.ช.  ก็จะได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทั้งสองคนทราบ
เพื่อให้มาแก้ข้อกล่าวหา

หากแก้ได้  เรื่องก็ตกไป  ไม่มีการถอดถอน

หาก ป.ป.ช. เห็นว่าแก้ไม่ได้  ก็จะส่งเรื่องถอดถอนต่อไป

ส่วนเรื่องอาญา  เป็นอีกเรื่อง   จะไม่แค่ "ส่อ"  แต่ต้องมีหลักฐานชัดเจน



เรื่องถอดถอนนี่   ผมว่าจะกลายเป็นการ "ฟอกตัว"  ให้นายอภิสิทธิ์และสุเทพมากกว่าครับ
นับถือคนเขียนบทจริง ๆ  

หากแก้ข้อกล่าวหาได้   ป.ป.ช. ก็ไม่ส่งเรื่องถอดถอนต่อไป   จบ   ใสสะอาด

หาก ป.ป.ช. เห็นว่าควรส่งเรื่องถอดถอน   ก็ไม่มีทางที่จะโดนถอดถอน
ไม่ว่า สนช. วันนี้   หรือ ส.ว. ลากตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่

ไม่มีทางโดนถอดถอน   ก็ใสสะอาดอีก

ได้มีโอกาสชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อสังคมอย่างเป็นทางการ

เป็นทางการซึ่งไม่ใช่การสู้คดีทางอาญาในชั้นศาล
แต่เป็นแค่การแก้ข้อกล่าวหาเรื่อง 99 ศพในคดีถอดถอนเท่านั้น

เรียกว่า  กระบวนท่าใช้การถอดถอนเพื่อฟอกตัวให้สะอาด



ตอนนี้  อภิสิทธิ์ก็รับบทนายแสนดีไปแล้ว   ด้วยการโพสต์เฟซบุคว่า  ยินดีเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ
มาในมาดสุภาพบุรุษนักกีฬา  ไม่ต่อว่า ป.ป.ช.   ไม่ตำหนิกระบวนการยุติธรรม
ยินดีเข้าสู่กระบวนการ   ไม่มีหนี

เป็นการ "โยน" ภาพคนผิดที่ต่อว่ากระบวนการยุติธรรมให้พวกชินวัตรและคนเสื้อแดงเต็ม ๆ

ได้ภาพลักษณ์เป็นนักประชาธิปไตย  เคารพกฎหมาย  เชื่อในกระบวนการยุติธรรม
และทำให้สลิ่มเชื่อว่า  อภิสิทธิ์แมนคอด ๆ




ส่วนเรื่องทางอาญานั้น  ผมว่า   ปาหี่เรื่องถอดถอนนี่  จะเป็นไกด์ไลน์ครับ

คือเมื่อเห็นว่า "ส่อ"  ก็ดำเนินการไปตามลำดับการถอดถอน

แต่เมื่อถึงเรื่องอาญา   จะคนละเรื่องกับเรื่องส่อนะครับ

ส่อแล้ว  ไม่โดนถอดถอน  ก็ใช้คำแก้ข้อกล่าวหาที่ทำให้ไม่โดนถอดถอนนั่นแหละเป็นข้ออ้างในทางอาญาได้

ซึ่งผมยังมั่นใจว่า  ทางอาญานั้น  ป.ป.ช. จะชี้มูลว่าอภิสิทธิ์และสุเทพไม่ผิด

ก็โธ่..  ขนาดศาลอาญายังไม่รับฟ้องมาแล้ว (ตอนนี้กำลังอุทธรณ์  ซึ่งผมก็เชื่อว่าคงไม่รับฟ้องอีก)

ส่วน ป.ป.ช. จะใช้รูลอดอย่างไรนั้น  คงต้องติดตามชมผลงานกันต่อไป



ปาหี่ครับ
เป็นการยิงนกนัดเดียว   ได้ปืนทั้งฝูง

ป.ป.ช. ได้ภาพว่า  ไม่ลำเอียง  ไม่เลือกข้าง  เป็นธรรม

อภิสิทธิ์ และ สุเทพ  ได้โอกาสฟอกตัว

ซึ่งเมื่อไปถึงบทสรุป "ไม่มีความผิด"   ก็จะได้มี "ข้อต่อสู้" ในการขี้แจงต่อสาธารณะได้ว่า  ผ่านการไต่สวน ตรวจสอบ  พิสูจน์แล้ว




เหตุผลที่ ป.ป.ช. มีมติว่าส่อคือ

"...เป็นเหตุให้นายพัน คำกอง และ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ เสียชีวิต รวมถึงนายสมร ไหมทอง ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ดังปรากฏตามคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพของศาลชั้นต้นว่าการตายเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานทหาร..."

น่าสังเกตนะครับ

ศาลอาญามีคำสั่งว่า  นายพัน  คำกอง  ตายเพราะเจ้าหน้าที่ทหาร  เมื่อเดือนกันยายน 2555

ศาลอาญามีคำสั่งว่า  ด.ช.คุณากร  ศรีสุวรรณ (น้องอีซา)  ตายเพราะเจ้าหน้าที่ทหาร
และนายสมร  ไหมทอง  บาดเจ็บสาหัส  เพราะเจ้าหน้าที่ทหาร   เมื่อเดือนธันวาคม 2555


ศาลมีคำสั่งมากว่าสองปีแล้วครับ

แต่ ป.ป.ช. เพิ่งเห็นคำสั่งศาล ???

จึงได้นำหลักฐานนี้มามีมติว่าส่อ  เพื่อดำเนินการถอดถอน

หากจะใช้หลักฐานนี้   ไม่ต้องใช้เวลาขนาดนี้หรอกครับ
แม้จะต้องไต่สวนว่า  มีการสั่งการอย่างไร  บริหารจัดการสถานการณ์อย่างไร



งานนี้   คนไทยโชคดี  จะได้ดูปาหี่สนุก ๆ
ใครเป็นพระเอก  ใครเป็นพระรอง  ใครอำนวยการสร้าง  ใครกำกับ  ใครเขียนบท

คิดกันเอาเองครับ



ฟันทอม !!!