นี่เป็นกระทู้แรกของดิฉันนะคะ แทคห้องผิดหรือเปล่า ต้องขอโทษด้วยนะคะ....
เริ่มตรงที่...แม่ดิฉันเป็นเนื้องอกที่ไต เมื่อประมาน12ปีที่แล้ว มันก้อนใหญ่มากจนต้องตัดไตทิ้งข้างนึง ตอนผ่าตัดคุณแม่ดิฉันก็เป็นเบาหวานอยู่ด้วย โชคยังดีที่ช่วงที่ใกล้ผ่าตัดแม่กินข้าวไม่ค่อยได้ เบาหวานเลยลดมาเท่าคนปกติ ทำให้แผลที่ผ่าหายเร็วยังกะไม่ได้เป็นเบาหวาน คุณแม่ดิฉันก็ใช้ชีวิตมาปกติ มีเจ็บไตบ้าง เบาหวานขึ้นบ้างลงบ้างเป็นธรรมดาของโรคนี้อยู่แล้ว ...............
จนมาถึงเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา....คุณแม่เริ่มมีอาการเหนื่อยผิดปกติ ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อย ปวดหลังบ่อยขึ้น ( ปกติคุณแม่ไม่ได้ทำงานหนักอยู่แล้ว) และมีอาการคันตามร่างการจนเป็นแผลไปหมด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นโรคแทรกซ้อน ซึ่งต้องตรวจหากันต่อไปว่าโรคอะไร .... และเมื่อไปพบหมอ จึงได้รู้ว่า นอกจากโรคที่เป็นมาทั้งหมด ตอนนี้แม่ยังเป็นความดันสูงเพิ่มมาอีก1โรค .......
ยังค่ะ ยังไม่หมดแค่นั้น หมอตรวจพบว่า...ไตข้างที่เหลืออยู่ ซึ่ง
ทำงานข้างเดียวมาตลอดระยะเวลา 12ปี มันเริ่มเสื่อมพอสมควรแล้ว .... พูดไม่ออกเลยค่ะ
ถึงวันนี้จะรู้สึกว่า เราทำอะไรๆช้าไปมั้ย เราควรจะหาข้อมูลเรื่องรับบริจาคไตตั้งนานแล้วนะ แต่อย่างน้อย วันนี้ก็ได้ทำ...
ตอนนี้แม่เครียดมาก ยิ่งเครียดก็ยิ่งทรุด แม่กลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวตาย กลัวไม่ได้อยู่กับลูกหลาน เอ้อออ...ลืมบอกไปค่ะ ว่าแม่ดิฉันเพิ่งอายุ50 ปีค่ะ แต่โรครุมเร้าเหลือเกิน ดิฉันเองก็ต้องทำงานที่ต่างจังหวัด กลับเดือนละครั้ง...
ขอให้ผู้รู้ช่วยตอบทีนะคะ ว่าควรทำยังไง มันต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะได้รับบริจาค...
ขอบคุณมากๆค่ะ
อยากทราบว่า..จะขอรับบริจาคไต ต้องมีขั้นตอนอะไรบ้างคะ ?และต้องยื่นเรื่องที่ไหนยังไง? ถามผู้รู้ทีค่ะ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน..
เริ่มตรงที่...แม่ดิฉันเป็นเนื้องอกที่ไต เมื่อประมาน12ปีที่แล้ว มันก้อนใหญ่มากจนต้องตัดไตทิ้งข้างนึง ตอนผ่าตัดคุณแม่ดิฉันก็เป็นเบาหวานอยู่ด้วย โชคยังดีที่ช่วงที่ใกล้ผ่าตัดแม่กินข้าวไม่ค่อยได้ เบาหวานเลยลดมาเท่าคนปกติ ทำให้แผลที่ผ่าหายเร็วยังกะไม่ได้เป็นเบาหวาน คุณแม่ดิฉันก็ใช้ชีวิตมาปกติ มีเจ็บไตบ้าง เบาหวานขึ้นบ้างลงบ้างเป็นธรรมดาของโรคนี้อยู่แล้ว ...............
จนมาถึงเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา....คุณแม่เริ่มมีอาการเหนื่อยผิดปกติ ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อย ปวดหลังบ่อยขึ้น ( ปกติคุณแม่ไม่ได้ทำงานหนักอยู่แล้ว) และมีอาการคันตามร่างการจนเป็นแผลไปหมด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นโรคแทรกซ้อน ซึ่งต้องตรวจหากันต่อไปว่าโรคอะไร .... และเมื่อไปพบหมอ จึงได้รู้ว่า นอกจากโรคที่เป็นมาทั้งหมด ตอนนี้แม่ยังเป็นความดันสูงเพิ่มมาอีก1โรค .......
ยังค่ะ ยังไม่หมดแค่นั้น หมอตรวจพบว่า...ไตข้างที่เหลืออยู่ ซึ่ง
ทำงานข้างเดียวมาตลอดระยะเวลา 12ปี มันเริ่มเสื่อมพอสมควรแล้ว .... พูดไม่ออกเลยค่ะ
ถึงวันนี้จะรู้สึกว่า เราทำอะไรๆช้าไปมั้ย เราควรจะหาข้อมูลเรื่องรับบริจาคไตตั้งนานแล้วนะ แต่อย่างน้อย วันนี้ก็ได้ทำ...
ตอนนี้แม่เครียดมาก ยิ่งเครียดก็ยิ่งทรุด แม่กลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวตาย กลัวไม่ได้อยู่กับลูกหลาน เอ้อออ...ลืมบอกไปค่ะ ว่าแม่ดิฉันเพิ่งอายุ50 ปีค่ะ แต่โรครุมเร้าเหลือเกิน ดิฉันเองก็ต้องทำงานที่ต่างจังหวัด กลับเดือนละครั้ง...
ขอให้ผู้รู้ช่วยตอบทีนะคะ ว่าควรทำยังไง มันต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะได้รับบริจาค...
ขอบคุณมากๆค่ะ