เมื่อขึ้นไปถึงยอดแล้วพูดได้เลยคะว่าไม่ผิดหวังจริงๆ สวยและบรรยากาศดีมากจนน่าตกใจแต่ก็มีแอบผิดหวังนิดหน่อยเพราะมันไม่ใช่วัด
แต่เป็นศาลาที่พักไว้ในคนเฒ่าคนแก่ที่มาออกกำลังกันบนนี้ได้มานั่งพักผ่อนมากกว่า
หลังจากเดินรอบเข้ากันหมดแล้วเราจึงตัดสินใจจะเข้าไปดูรูปปั้นประติมากรรมในมหาวิทยาลัยฮงอิกตามที่หนังสือได้แนะนำเราไว้
และเป็นรอการพวกพี่กานต์เลิกงานกันด้วย เพราะอยู่ใกล้กับบ้านพวกพี่เค้ากัน เรารีบนั่งSubwayไปลงสถานนี Hongik Univกัน
แต่เมื่อเข้าไปแล้วเดินหาแล้วหาอีกอยู่นานก็ไม่เจอรูปปั้นแบบในหนังสือสักที จึงเลิกเดินแล้วไปนั่งรอพี่อ๊ะกับพี่โอ๋ที่จะออกมารับพวกเราที่สวนตรงข้ามหน้ามหาวิทยาลัยฮงกิล และตอนนั้นแระเราก็เริ่มถ่ายอปป้าทั่วหลายหรือผู้หญิงน่ารักใสๆมาให้ดูกัน
สวนสาธารณะที่วัยรุ่นนิยมมาร่วมกลุ่มทำกิจกรรมกัน
นักศึกษาที่เจอตอนกำลังจะข้ามถนนหน้ามหาวิทยาลัย
เหล่าอปป้าแถวนั้นเป็นอปป้ากลุ่มแรกที่เราเริ่มถ่ายเลย
หลังจากรอมาได้สักพักหนึ่งพวกพี่อ๊ะและพี่โอ๋มาได้มารับเราไปบ้าน เพื่อเลี้ยงข้าวพวกเรามีทั้งน้ำพริกกระปิ ไข่เจียว ไก่ทอดและอย่างอื่นอีกเยอะแยะ ถือว่าตั้งแต่มาเกาหลีอาหารที่นี้อร่อยสุดแระ การที่ได้กินอาหารไทยในต่างแดนมันมีความสุขสุดๆไป
หลังจากนั้นด้วยความที่ออมม่ากานต์ใจดีและชอบดื่มนิดหน่อย จึงหยิบเบีร์ยออกมาให้แฟนเราได้นั่งกินเล่นกัน
และออมม่ากานต์ยังได้คิดค้นสูตรใหม่ของไวน์สูตรใหม่ คือการนำโซจูมาผสมกับน้ำองุ่น ผลออกมาคือร่อยคะ
พี่กานต์นะอร่อยอยู่คนเดียว
คนอื่นที่ได้ลองกินลองครั้งเดียวถึงกับพอกันเลย บวกกับวันนั้นเราไปถูกจังหวะอีกพอดีที่พวกพี่เค้าจะไปเที่ยวที่บาร์ Tuesday's partyอีก
พวกเราจึงตามไปด้วย แต่เพราะพี่เค้ามีธุระด่วนจึงต้องรีบกลับกันเร็วหน่อย แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเกือบตี3แล้วรถไฟไม่มีพี่เค้าจึงให้เรานอนต่อที่บ้าน
เรารู้สึกขอบคุณพี่เค้ามากๆเลย คิดว่าการได้เจอคนไทยดีๆในต่างแดนนี่มันดีมากเลยจริงๆ
ไม่คิดว่าการมาเที่ยวเองครั้งแรกของเราจะออกมาดีมากขนาดนี้เลย ถ้าพวกพี่ได้เข้ามาอ่านกัน อยากบอกว่า "ขอบคุณมากคะพี่ถ้าไม่ได้พวกพี่พวกเราคงไม่ได้เที่ยวสนุกกันขนาดนี้ ไม่ได้กินของอร่อยและดีขนาดนี้แน่ พี่เลี้ยงข้าวพวกเราต้องหลายมื้อแถมยังให้เรานอนที่บ้านอีกด้วย
ทั้งที่เราพึ่งเจอกันแท้ๆแต่พี่กลับไว้ใจและให้พวกเราในทุกๆอย่าง พาไปทุกๆที่ที่พี่รู้จัก แนะนำสิ่งต่างมากมาย เป็นห่วงพวกเราในทุกๆเรื่อง ถึงแม้เราจะกลับแล้วพี่ก็ยังคิดถึงเราและยังนึกถึงเราทุกครั้งที่ไปบาร์ ฮ่าๆ ๆ ขอบคุณคะ
และยังคิดถึงพวกพี่เสมอนะ
"
หลังจากได้นอนค้างที่บ้านพวกพี่หนึ่งคืน เช้าวันต่อมาหิมะแรกของพวกเราก็ตกลงมาคะ หิมะที่เรารอมาตลอดและคิดว่าจะไม่ได้เจอหิมะแน่ๆเลย แต่ก็ตกไม่หนักแปบเดียวก็หยุดตกแล้ว
หลังจากนั้นเราก็ได้ออกไปเดินเล่นกับพวกพี่ๆกันที่ฮงแด แถวนี้มีของกินน่ารักๆเยอะมาก ไหนจะเสื้อผ้าสวย ร้านดังต่างอีกเยอะ
แล้วก็เด็กน้อยแก้มแดงๆน่ารักกก
พอเดินเสร็จพี่อ๊ะก็พาพวกเราไปกินน้ำแข็งใส่ ตอนแรกเราก็ งง หนาวแบบนี้มีขายกันด้วยหรอ แต่พอไปถึงร้านเท่านั้นแระ
น่ากินมากกกก มีหลายรสชาติให้เลือกมากมาย ไอเราก็เลือกไม่ถูกเพราะไม่เคยไปกินเลยให้พี่อ๊ะเป็นคนเลือกแทน จ่ายเงินแล้วก็นั่งรอ
และเราจะได้เครื่องแจ้งเตือนมาด้วย ทุกครั้งที่น้ำแข็งใสเสร็จแล้วเครื่องจะสั่นเพื่อบอกให้เราไปรับได้
ส่วนผลออกมาคือ.......น้ำแข็งใสหน้าชีส!! ชีสเน้นๆเต็มๆคำ นี้มันสวรรค์ของคนรักชีสเลยก็ว่าได้
ต้องขอบอกเลยว่าอร่อยมากกก แถมได้เยอะอีกตั้งตากส่วนเรื่องราคาพี่อ๊ะจะเลี้ยงแต่เราเกรงใจมากเลยของหารกับพี่เค้าแทน
ตกละคน2000วอน
ส่วนร้านก็อยู่แถวฮงแดนั้นเอง คนที่จะไปสามารถเข้าไปลองกินได้นะคะ
หลังจากบอกลากับพวกพี่ๆในตอนเย็นเพื่อกลับหอ เราก็ได้เดินไปแวะกันที่ถนนฮงแดอีกครั้ง วันนี้ที่นี้จะมีวัยรุ่นเยอะมากด้วยความที่เป็นวันศุกร์ทำให้ได้เจอพวกศิลปินข้างมันร้อง เต้นโชว์ความสามารถกันมากในวันนี้
คนนี้เป็นอปป้าที่น่ารักมากกก ได้ยืนข้างๆเรานี่เงยหน้ามองตาไม่กระพริบเลย >///<
คนเดินอินซาดงแหล่งช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยว ขายของพื้นบ้านกันเป็นส่วนใหญ่ แต่เราดันไปวันธรรมดาร้านจึงไม่เปิดมากนัก
ก่อนกลับหอด้วยความหิวและเบื่อขนมปังที่หอเราเลยแวะซื้อนมกับขนมปังรสหวานกันเพราะลดราคาอยู่
ขนมปังหวานซื้อ1แถม1 ในราคา900วอน
นมรสช็อคโกแลตกำลังลดราคา ซื้อมาในราคา1000วอน แล้วก็กลับหอนอนสิ้นสุดวันแสนพิเศษไปอีกหนึ่งวัน.....
เช้าวันนี้เราวางแผนจะไปโซลทาวเวอร์หลังจากเราเลื่อนวันที่จะไปมาหลายวัน วันนี้จึงตัดสินใจจะไปให้ได้!!
เริ่มด้วยออกไปกินของทอดร้านมาเฟียใจดีรองท้องก่อนและระหว่างทางเราก็ได้เจอเด็กน้อยน่ารักเพิ่มอีกคน
เดินไปอีกนิดเราก็ยังได้เจอร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งถูกมาก!แถมลดราคา ของแบบนี้จะปล่อยผ่านได้ไงพวกเราเลยเข้าทันที
ร้านนี่พวกเราเรียกกันว่า"ร้านอปป้าหน้าหล่อ" เพราะลูกชายร้านนี้เค้าหล่อจริงๆ แถมใจดีและน่ารักด้วย
ส่วนอาหารเราก็สั่งตามเมนูที่ได้ลดราคากันอยู่ รวมค่าเสียหายทั้งหมดก็ไม่เกิน6000วอน ซึ่งราคาถูกกว่าซื้อข้าวกล่องเซเว่นอีก
และแล้วก็ถึงเวลาการเที่ยวเอ็น โซลทาวเวอร์หรือนัมซานทาวเวอร์เริ่มด้วยการนั่ง Subway ไปลงสถานนี Myeongdong ทางออกที่3
แล้วเดินบนไปถึงกระเช้าแต่เรามาแบบประหยัดต้องไม่ขึ้น เราจึงเดินขึ้นกันซึ่งมันจะไปบรรยากาศมากกว่าและเหนื่อยมากกว่า
คนที่ไปโซลถ้ามีเวลาแนะนำเลยให้ลองเดินทางไปเอง คุณจะได้บรรยากาศที่หาไม่ได้จากการนั่งกระเช้าเลย
เมื่อเดินขึ้นไปได้สักครึ่งทางมองลงมาคุณจะเห็นรอบๆเมืองของกรุงโซล ภูเขารอบๆซึ่งสวยมากคะบอกเลย
ตามทางที่เดินขึ้นมาคุณจะเห็นคู้รักส่วนใหญ่ทั้งหนุ่มและแก่พากันเดินขึ้นมากันตามทางหลายคู่มาก บางคู่ก็ดูแลกันจนเราอิจฉามากเลย
เมื่อเดินมาสักพักเงยหน้ามองขึ้นไป ห่ะ!!เราใกล้ถึงกันแล้วว ตื่นเต้นมากนะ
แถมเหนื่อยไหมเหนื่อยคะ แต่ก็สนุกมากกว่าด้วย
หลังจากเราพยายามอยู่นานมาก ในที่สุดเราก็ขึ้นมาอยู่กันแล้วและได้เห็นที่ล็อคกุญแจอีกที่ที่มีชื่อเสียงคะ
ซึ่งคนไทยนั้นก็เป็นคนที่เกรียนไม่แพ้ชาติใดในโลก เราจึงจะเห็นภาษาไทยที่เขียนตามราวบันไดเยอะแยะมากมาย
ส่วนบรรยากาศด้านบนหรอ ไม่ต้องพูดถึงเลยสวยมากๆคะ ยิ่งตอนที่เราขึ้นไปถึงอยู่ในช่วงบ่ายๆใกล้เย็นแล้ว บรรยากาศเลยดีตามไปดี
เมื่อเดินกันทั่วแล้วก็รอพระอาทิตย์ตกอีกหน่อย เพราะตอนนั้นก็ใกล้ที่จะตกแล้วพี่คนว่ามันสวยมากๆเลย
ด้วยความที่รอแล้วไม่มีอะไรทำเราเลยนั่งถ่ายรูปเด็กที่อยู่บริเวณ ซึ่งบอกได้เลยว่าน่ารักมากกก
3พี่น้อง3ใบเถา แต่เหมือนคนน้อยจะถูกแม่บังคับให้ถ่ายรูป
ต่อด้วยเด็กน้อยขวัญใจเราเอง แถมได้เจออปป้าน่ารักๆบนนั้นด้วย
และแล้วเวลาที่เรารอก็มาถึง เวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกเป็นภาพที่สวยงามมากคะ สักครั้งของคนที่ได้ไปต้องดูให้เห็นกับตาให้ได้นะ
หลังจากดูพระอาทิตย์ตกเสร็จเราก็เดินลงกันคะ ซึ่งตอนนั้นหนาวมากขาก็ปวดเพราะด้วยความหนาว รู้สึกเหมือนกระดูกจะหักเลยแต่ก็ต้องยอมเดินลงไม่ลงกระเช้า เพราะอยากเก็บบรรยากาศตอนกลางคืนให้มากที่สุด
หลังกลับจากเที่ยวเราแวะกินข้าวกันที่ร้านบริเวณหอพักกัน ร้านนี้เราให้ชื่อว่า "ร้านหมูทอดหนาว" เราตัดสินใจเข้าเพราะเห็นหมูทอดชิ้นใหญ่และหนาวเพราะเราได้นั่งติดประตู เวลาคนเข้าหรือออกนี่มันหนาวมากจริงๆคะ
ส่วนอาหารเป็นลองจัปป้งและสตูกิมจิมากินด้วย ด้วยความที่ประหยัดมาตลอดทั้งทริปทำให้เราพอเหลือเงินกันบางก็เลยจะกินของที่อยากกิน
แต่ก็ต้องอยู่ในราคาที่ประหยัดกันอีกด้วย
หลังจากกินเสร็จเราก็ไปต่อกันที่ Emart ไม่ได้ไปซื้อของนะคะแต่ไปเล่น wifi ฟรี เราไปแบบไม่ได้เช่า wifi เพราะราคาแพงแน่เราอยู่หลายวันนี่ เลยตัดสินใจไปหาเล่นฟรีตามสถานที่ Subway ห้างหรือตามสถานที่ต่างๆที่มีให้เล่นฟรี
ถามว่าเร็วไหม เร็วมากคะ ประหยัดมากอีกตั้งหาก เราเลือกไปเล่นที่ห้างเพราะมีที่นั่งให้นั่งสบายๆ มีฮิตเตอร์ให้ สบายกว่านั่งเล่นใน Subway แน่นอนคะ
>>>>>>>>>สามารถติดตามอ่านความสนุกในการใช้ชีวิตแบบงบน้อยได้ต่อตอนที่5ได้นะคะ อาจเยอะไปหน่อยเพราะรูปมันเยอะมาก
อยากให้ทุกคนที่กำลังจะไปได้ศึกษาสถานที่ท่องเที่ยว ภาพความสวยงามต่างกันไปด้วยอ่ะคะ
http://ppantip.com/topic/33280777
ทริป Backpack ตะลุยทั่วกรุงโซล กินอยู่อย่างราชาแต่งบอย่างยางก 10วันด้วยเงินไม่ถึงหมื่น!!! 11-20 มกราคม ตอนที่4
แต่เป็นศาลาที่พักไว้ในคนเฒ่าคนแก่ที่มาออกกำลังกันบนนี้ได้มานั่งพักผ่อนมากกว่า
หลังจากเดินรอบเข้ากันหมดแล้วเราจึงตัดสินใจจะเข้าไปดูรูปปั้นประติมากรรมในมหาวิทยาลัยฮงอิกตามที่หนังสือได้แนะนำเราไว้
และเป็นรอการพวกพี่กานต์เลิกงานกันด้วย เพราะอยู่ใกล้กับบ้านพวกพี่เค้ากัน เรารีบนั่งSubwayไปลงสถานนี Hongik Univกัน
แต่เมื่อเข้าไปแล้วเดินหาแล้วหาอีกอยู่นานก็ไม่เจอรูปปั้นแบบในหนังสือสักที จึงเลิกเดินแล้วไปนั่งรอพี่อ๊ะกับพี่โอ๋ที่จะออกมารับพวกเราที่สวนตรงข้ามหน้ามหาวิทยาลัยฮงกิล และตอนนั้นแระเราก็เริ่มถ่ายอปป้าทั่วหลายหรือผู้หญิงน่ารักใสๆมาให้ดูกัน
สวนสาธารณะที่วัยรุ่นนิยมมาร่วมกลุ่มทำกิจกรรมกัน
นักศึกษาที่เจอตอนกำลังจะข้ามถนนหน้ามหาวิทยาลัย
เหล่าอปป้าแถวนั้นเป็นอปป้ากลุ่มแรกที่เราเริ่มถ่ายเลย
หลังจากรอมาได้สักพักหนึ่งพวกพี่อ๊ะและพี่โอ๋มาได้มารับเราไปบ้าน เพื่อเลี้ยงข้าวพวกเรามีทั้งน้ำพริกกระปิ ไข่เจียว ไก่ทอดและอย่างอื่นอีกเยอะแยะ ถือว่าตั้งแต่มาเกาหลีอาหารที่นี้อร่อยสุดแระ การที่ได้กินอาหารไทยในต่างแดนมันมีความสุขสุดๆไป
หลังจากนั้นด้วยความที่ออมม่ากานต์ใจดีและชอบดื่มนิดหน่อย จึงหยิบเบีร์ยออกมาให้แฟนเราได้นั่งกินเล่นกัน
และออมม่ากานต์ยังได้คิดค้นสูตรใหม่ของไวน์สูตรใหม่ คือการนำโซจูมาผสมกับน้ำองุ่น ผลออกมาคือร่อยคะ พี่กานต์นะอร่อยอยู่คนเดียว
คนอื่นที่ได้ลองกินลองครั้งเดียวถึงกับพอกันเลย บวกกับวันนั้นเราไปถูกจังหวะอีกพอดีที่พวกพี่เค้าจะไปเที่ยวที่บาร์ Tuesday's partyอีก
พวกเราจึงตามไปด้วย แต่เพราะพี่เค้ามีธุระด่วนจึงต้องรีบกลับกันเร็วหน่อย แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเกือบตี3แล้วรถไฟไม่มีพี่เค้าจึงให้เรานอนต่อที่บ้าน
เรารู้สึกขอบคุณพี่เค้ามากๆเลย คิดว่าการได้เจอคนไทยดีๆในต่างแดนนี่มันดีมากเลยจริงๆ
ไม่คิดว่าการมาเที่ยวเองครั้งแรกของเราจะออกมาดีมากขนาดนี้เลย ถ้าพวกพี่ได้เข้ามาอ่านกัน อยากบอกว่า "ขอบคุณมากคะพี่ถ้าไม่ได้พวกพี่พวกเราคงไม่ได้เที่ยวสนุกกันขนาดนี้ ไม่ได้กินของอร่อยและดีขนาดนี้แน่ พี่เลี้ยงข้าวพวกเราต้องหลายมื้อแถมยังให้เรานอนที่บ้านอีกด้วย
ทั้งที่เราพึ่งเจอกันแท้ๆแต่พี่กลับไว้ใจและให้พวกเราในทุกๆอย่าง พาไปทุกๆที่ที่พี่รู้จัก แนะนำสิ่งต่างมากมาย เป็นห่วงพวกเราในทุกๆเรื่อง ถึงแม้เราจะกลับแล้วพี่ก็ยังคิดถึงเราและยังนึกถึงเราทุกครั้งที่ไปบาร์ ฮ่าๆ ๆ ขอบคุณคะ และยังคิดถึงพวกพี่เสมอนะ "
หลังจากได้นอนค้างที่บ้านพวกพี่หนึ่งคืน เช้าวันต่อมาหิมะแรกของพวกเราก็ตกลงมาคะ หิมะที่เรารอมาตลอดและคิดว่าจะไม่ได้เจอหิมะแน่ๆเลย แต่ก็ตกไม่หนักแปบเดียวก็หยุดตกแล้ว
หลังจากนั้นเราก็ได้ออกไปเดินเล่นกับพวกพี่ๆกันที่ฮงแด แถวนี้มีของกินน่ารักๆเยอะมาก ไหนจะเสื้อผ้าสวย ร้านดังต่างอีกเยอะ
แล้วก็เด็กน้อยแก้มแดงๆน่ารักกก
พอเดินเสร็จพี่อ๊ะก็พาพวกเราไปกินน้ำแข็งใส่ ตอนแรกเราก็ งง หนาวแบบนี้มีขายกันด้วยหรอ แต่พอไปถึงร้านเท่านั้นแระ
น่ากินมากกกก มีหลายรสชาติให้เลือกมากมาย ไอเราก็เลือกไม่ถูกเพราะไม่เคยไปกินเลยให้พี่อ๊ะเป็นคนเลือกแทน จ่ายเงินแล้วก็นั่งรอ
และเราจะได้เครื่องแจ้งเตือนมาด้วย ทุกครั้งที่น้ำแข็งใสเสร็จแล้วเครื่องจะสั่นเพื่อบอกให้เราไปรับได้
ส่วนผลออกมาคือ.......น้ำแข็งใสหน้าชีส!! ชีสเน้นๆเต็มๆคำ นี้มันสวรรค์ของคนรักชีสเลยก็ว่าได้
ต้องขอบอกเลยว่าอร่อยมากกก แถมได้เยอะอีกตั้งตากส่วนเรื่องราคาพี่อ๊ะจะเลี้ยงแต่เราเกรงใจมากเลยของหารกับพี่เค้าแทน
ตกละคน2000วอน
ส่วนร้านก็อยู่แถวฮงแดนั้นเอง คนที่จะไปสามารถเข้าไปลองกินได้นะคะ
หลังจากบอกลากับพวกพี่ๆในตอนเย็นเพื่อกลับหอ เราก็ได้เดินไปแวะกันที่ถนนฮงแดอีกครั้ง วันนี้ที่นี้จะมีวัยรุ่นเยอะมากด้วยความที่เป็นวันศุกร์ทำให้ได้เจอพวกศิลปินข้างมันร้อง เต้นโชว์ความสามารถกันมากในวันนี้
คนนี้เป็นอปป้าที่น่ารักมากกก ได้ยืนข้างๆเรานี่เงยหน้ามองตาไม่กระพริบเลย >///<
คนเดินอินซาดงแหล่งช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยว ขายของพื้นบ้านกันเป็นส่วนใหญ่ แต่เราดันไปวันธรรมดาร้านจึงไม่เปิดมากนัก
ก่อนกลับหอด้วยความหิวและเบื่อขนมปังที่หอเราเลยแวะซื้อนมกับขนมปังรสหวานกันเพราะลดราคาอยู่
ขนมปังหวานซื้อ1แถม1 ในราคา900วอน
นมรสช็อคโกแลตกำลังลดราคา ซื้อมาในราคา1000วอน แล้วก็กลับหอนอนสิ้นสุดวันแสนพิเศษไปอีกหนึ่งวัน.....
เช้าวันนี้เราวางแผนจะไปโซลทาวเวอร์หลังจากเราเลื่อนวันที่จะไปมาหลายวัน วันนี้จึงตัดสินใจจะไปให้ได้!!
เริ่มด้วยออกไปกินของทอดร้านมาเฟียใจดีรองท้องก่อนและระหว่างทางเราก็ได้เจอเด็กน้อยน่ารักเพิ่มอีกคน
เดินไปอีกนิดเราก็ยังได้เจอร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งถูกมาก!แถมลดราคา ของแบบนี้จะปล่อยผ่านได้ไงพวกเราเลยเข้าทันที
ร้านนี่พวกเราเรียกกันว่า"ร้านอปป้าหน้าหล่อ" เพราะลูกชายร้านนี้เค้าหล่อจริงๆ แถมใจดีและน่ารักด้วย
ส่วนอาหารเราก็สั่งตามเมนูที่ได้ลดราคากันอยู่ รวมค่าเสียหายทั้งหมดก็ไม่เกิน6000วอน ซึ่งราคาถูกกว่าซื้อข้าวกล่องเซเว่นอีก
และแล้วก็ถึงเวลาการเที่ยวเอ็น โซลทาวเวอร์หรือนัมซานทาวเวอร์เริ่มด้วยการนั่ง Subway ไปลงสถานนี Myeongdong ทางออกที่3
แล้วเดินบนไปถึงกระเช้าแต่เรามาแบบประหยัดต้องไม่ขึ้น เราจึงเดินขึ้นกันซึ่งมันจะไปบรรยากาศมากกว่าและเหนื่อยมากกว่า
คนที่ไปโซลถ้ามีเวลาแนะนำเลยให้ลองเดินทางไปเอง คุณจะได้บรรยากาศที่หาไม่ได้จากการนั่งกระเช้าเลย
เมื่อเดินขึ้นไปได้สักครึ่งทางมองลงมาคุณจะเห็นรอบๆเมืองของกรุงโซล ภูเขารอบๆซึ่งสวยมากคะบอกเลย
ตามทางที่เดินขึ้นมาคุณจะเห็นคู้รักส่วนใหญ่ทั้งหนุ่มและแก่พากันเดินขึ้นมากันตามทางหลายคู่มาก บางคู่ก็ดูแลกันจนเราอิจฉามากเลย
เมื่อเดินมาสักพักเงยหน้ามองขึ้นไป ห่ะ!!เราใกล้ถึงกันแล้วว ตื่นเต้นมากนะ แถมเหนื่อยไหมเหนื่อยคะ แต่ก็สนุกมากกว่าด้วย
หลังจากเราพยายามอยู่นานมาก ในที่สุดเราก็ขึ้นมาอยู่กันแล้วและได้เห็นที่ล็อคกุญแจอีกที่ที่มีชื่อเสียงคะ
ซึ่งคนไทยนั้นก็เป็นคนที่เกรียนไม่แพ้ชาติใดในโลก เราจึงจะเห็นภาษาไทยที่เขียนตามราวบันไดเยอะแยะมากมาย
ส่วนบรรยากาศด้านบนหรอ ไม่ต้องพูดถึงเลยสวยมากๆคะ ยิ่งตอนที่เราขึ้นไปถึงอยู่ในช่วงบ่ายๆใกล้เย็นแล้ว บรรยากาศเลยดีตามไปดี
เมื่อเดินกันทั่วแล้วก็รอพระอาทิตย์ตกอีกหน่อย เพราะตอนนั้นก็ใกล้ที่จะตกแล้วพี่คนว่ามันสวยมากๆเลย
ด้วยความที่รอแล้วไม่มีอะไรทำเราเลยนั่งถ่ายรูปเด็กที่อยู่บริเวณ ซึ่งบอกได้เลยว่าน่ารักมากกก
3พี่น้อง3ใบเถา แต่เหมือนคนน้อยจะถูกแม่บังคับให้ถ่ายรูป
ต่อด้วยเด็กน้อยขวัญใจเราเอง แถมได้เจออปป้าน่ารักๆบนนั้นด้วย
และแล้วเวลาที่เรารอก็มาถึง เวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกเป็นภาพที่สวยงามมากคะ สักครั้งของคนที่ได้ไปต้องดูให้เห็นกับตาให้ได้นะ
หลังจากดูพระอาทิตย์ตกเสร็จเราก็เดินลงกันคะ ซึ่งตอนนั้นหนาวมากขาก็ปวดเพราะด้วยความหนาว รู้สึกเหมือนกระดูกจะหักเลยแต่ก็ต้องยอมเดินลงไม่ลงกระเช้า เพราะอยากเก็บบรรยากาศตอนกลางคืนให้มากที่สุด
หลังกลับจากเที่ยวเราแวะกินข้าวกันที่ร้านบริเวณหอพักกัน ร้านนี้เราให้ชื่อว่า "ร้านหมูทอดหนาว" เราตัดสินใจเข้าเพราะเห็นหมูทอดชิ้นใหญ่และหนาวเพราะเราได้นั่งติดประตู เวลาคนเข้าหรือออกนี่มันหนาวมากจริงๆคะ
ส่วนอาหารเป็นลองจัปป้งและสตูกิมจิมากินด้วย ด้วยความที่ประหยัดมาตลอดทั้งทริปทำให้เราพอเหลือเงินกันบางก็เลยจะกินของที่อยากกิน
แต่ก็ต้องอยู่ในราคาที่ประหยัดกันอีกด้วย
หลังจากกินเสร็จเราก็ไปต่อกันที่ Emart ไม่ได้ไปซื้อของนะคะแต่ไปเล่น wifi ฟรี เราไปแบบไม่ได้เช่า wifi เพราะราคาแพงแน่เราอยู่หลายวันนี่ เลยตัดสินใจไปหาเล่นฟรีตามสถานที่ Subway ห้างหรือตามสถานที่ต่างๆที่มีให้เล่นฟรี
ถามว่าเร็วไหม เร็วมากคะ ประหยัดมากอีกตั้งหาก เราเลือกไปเล่นที่ห้างเพราะมีที่นั่งให้นั่งสบายๆ มีฮิตเตอร์ให้ สบายกว่านั่งเล่นใน Subway แน่นอนคะ
>>>>>>>>>สามารถติดตามอ่านความสนุกในการใช้ชีวิตแบบงบน้อยได้ต่อตอนที่5ได้นะคะ อาจเยอะไปหน่อยเพราะรูปมันเยอะมาก
อยากให้ทุกคนที่กำลังจะไปได้ศึกษาสถานที่ท่องเที่ยว ภาพความสวยงามต่างกันไปด้วยอ่ะคะ http://ppantip.com/topic/33280777