มาต่อกันในตอนที่3เลยนะคะ(รูปอาจเยอะไปหน่อย แต่รับรองเข้ามาอ่านแล้วได้ประโยชน์ในการเดินทางมากๆแน่นอนคะ)
เมื่อแวะถ่ายรูปกันเสร็จเราก็เดินกลับที่พักกันและได้เห็นร้านอาหารย่านนี้มีราคาถูกมาก อาหารบางอย่างถูกมากกว่าเซเว่นอีกนะและยังมีทางลัดทำให้เรากลับหอที่เร็วขึ้นด้วยคือทางเดินตรงคลองนั้นเอง
หลังกลับมาเราก็จัดการลองกินมาม่าที่พึ่งซื้อมากันเลย ผลคืออร่อยมากคะ!
และพรุ้งนี้แอนดูร์วก็จะกลับสิงคโปร์แล้ว พวกเราจึงตัดสินใจกันว่าจะให้ของที่นำมาเป็นของฝาก(เอามากันเผื่อได้ให้)และไปส่งแอนดูร์วที่ Subway ตอนเช้ากันและจะเลยไปเที่ยวต่อกัน
หลังจากไปส่งแอนดูร์วตอนเช้าที่ Subway แล้วเราก็ได้นั่งรถต่อเพื่อไปพระราชวังเคียงบกกุงและตั้งใจจะเที่ยวบริเวณแถวนั้นให้หมดเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่า Subway นั่งมาอีกรอบ
ด้วยความที่ถ้าเข้าไปในพระราขวังต้องเสียค่าเข้าชมเราจึงตัดสินใจไม่เข้ากัน รอดูขบวนทหารและเก็บภาพบรรยายภายนอกกันแทน
หลังจากดูขบวนเสร็จเราก็เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โซลกันต่อ ซึ่งอยู่ใกล้กันเลยแถมเข้าฟรีไปเสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย
เมื่อเข้ามาแล้วก็ไม่ลืมที่จำทำโปสการ์ดฟรีที่ทางพิพิธภัณฑ์จัดไว้ให้ คุณสามารถส่งไปหาใครก็ได้หรือจะเอาเป็นของฝากอีกอย่างหนึ่งให้เพื่อนแบบประหยัดไม่เสียเงินก็ได้ เราก็ไม่รอช้าเข้าไปลองทำกันเลยจ้า
โปสการ์ดปั้มมือ 4ลายเสร็จแล้วจ้าาาา
เอาเป็นของที่ระลึกให้แก่ตัวเองหรือคนอื่นก็ได้นะ
เมื่อเดินเสร็จเราตัดสินใจจะออกไปหาข้าวกินกันเนื่องจากยังไม่ได้กินอะไรกันมาเลย เดินออกมาเรื่อยๆทางด้านหน้าของพระราขวัง
จะมีจัตุรัสควังฮวามุนซึ่งคนนิยมมาถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมากคะ
และเมื่อเดินไปอีกแค่นิดเดียวเราก็จะเจอกับคลองชองเกชอนกัน ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ประติมากรรมหอยม่วงตั้งอยู่บริเวณนั้นคะ
เป็นคลองที่นักท่องเที่ยวหรือทัวร์นิยมมาเที่ยวกันเป็นอย่างมาก ช่วงที่เลยไปเป็นหน้าหนาวเพราะฉะนั้นจะเป็นน้ำพุที่แข็งแล้วอยู่บริเวณนั้นมากมาย
เมื่อหาร้านอาหารราคาประหยัดไม่เจอเราจึงเดินกันต่อไปเพื่อจะไปหาของกินที่ตลาดเมียงดงและตลาดคาลกุกชู ระหว่างทางเราก็เจอวัดโชเกซาเป็นวัดของศาสนาพุทธนิกายเซนของเกาหลี เราจึงไปรอช้าเข้าไปไหว้เพื่อความเป็นศิริมงคลกัน
ต้นไม้เก่าแก่ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางวัด
ธูปเที่ยนที่นี่คุณสามารถหยิบมาไหว้ฟรีได้ แต่ธูปที่นี้บอบบางมาก!! เรากำลังจะปักเบาเท่านั้นแระหักครึ่งคามือเราทั้งหมด ใจเรานี่มองซ้ายมองขวาปักธูปลง แล้วเอาธูปที่หักใส่กล่องคืนแล้วเดินออกมาเลย
ด้วยความอยากลองเดินไปดูข้างๆวัดว่ามีร้านอาหารหรอทำไมคนเยอะจัง เราจึงได้ไปเจอกับร้านข้างทางที่อร่อยที่สุดตั้งแต่ไปกินมาแถมราคาถูกมากอีกด้วย เราจึงกินเค้กขาวปลาไปกันคนละ1ไม้ในราคา500วอน
ซึ่งที่ร้านนี้อร่อยแล้วแตกต่างจากร้านอื่นเพราะร้านนี่ไม่ได้ใช้แค่ฝักในการต้มน้ำซุปเหมือนร้านอื่นทั่วไป แต่ป้าบอกป้ายังใช้ปูมาต้มและสมุนไพรมาต้มเพิ่มถึงได้อร่อยกว่าร้านอื่น
ลองสังเกตกันดีๆ จะเห็นปูในน้ำซุปที่ป้าแกต้มขายด้วยนะ
หลังจากอิ่มอร่อยกันแล้วเราก็เดินกันต่อเพื่อไปยังตลาดเมียงดงและตลาดมันแดมุนซึ่งอยู่ใกล้ๆกันและของถูกมากด้วย
เมื่อถึงตลาดเราก็เดินจนมาเจอร้านขนมปังกับซาลาเปาร้อนๆให้ชิมกันฟรี แน่นอนพวกเราไม่พลาดกันอยู่แล้ว เดินเข้าไปชิมอย่างไม่ลังเลเลย
ช่วงที่เราไปถึงตอนนั้นก็กำลังเริ่มเย็นๆพอดีทำให้มีคนเดินกันแน่นมาก
เราจึงตัดสินใจเดินกันต่อเพื่อไปหาร้านข้าวกินกันและแล้วก็มาเจอร้านป้าใจดี ทุกครั้งที่ได้กินอาหารตามร้านข้างทางเราจะตั้งชื่อเรียกกันเพื่อความเข้าใจง่ายๆของตัวเอง เช่นร้านก่อนหน้านี้คือร้านน้ำต้มปู ส่วนร้านนี้คือร้านป้าพี่น้องใจดีเพราะแกแถมข้าวให้เราเพิ่ม
เมื่อเข้ามาในร้านแล้วเราก็สั่งอาหารกันเลย เราจะเน้นที่ราคาถูกไม่เลือกเมนูที่อยากกินเพราะก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน ประมาณว่าอันไหนถูกเราชี้สั่งป้าเค้าเลย และแล้วสิ่งที่เราชี้สั่งก็ได้ออกมาเป็น แบบนี้.....
ด้วยความที่ป้าแกไม่ได้ใส่ซอลโคชูจังมาให้แต่ให้เรามาใส่เอง เราก็ไม่รู้ใส่มากน้อยแค่ไหนและด้วยความที่เป็นคนกินเผ็ดอยู่แล้ว เราก็จัดเลยจ้าใส่มาอย่างเยอะ พอป้าแกมาเห็นเท่านั้นแระตกใจบอกเราไม่เผ็ดหรือไง เอาข้าวเพิ่มไหม ไอเราก็ฟังไม่รู้เรื่อง เด เด อย่างเดียวผลคือได้ข้าวมีอีก1ถ้วย เรานี่นิ่งเลยของเก่าก็เยอะจนจะไม่หมดอยู่แล้วจะทำไงนี่ ยังไงก็ต้องกินให้หมดกลัวเดี่ยวเค้าคิดว่าไม่อร่อยก็จัดการเรียกตัวช่วยอย่างแฟนที่ไปด้วยมาช่วยกิน พอคิดเงินมาจริงทำไมไม่ถูกกว่าที่คำนวนไว้เยอะเลยแฮะ เราก็ถามป้าแกดูและได้ข้อสรุปว่า ป้าแกแถมข้าวให้เรานั้นเองและยังค่อยบริการเราดีมากเพราะเห็นว่าเราไม่ค่อยรู้เรื่องการตักกิมจิหรือกดน้ำเอง
หลังกินกันอิ่มแล้วเราก็มีความคิดจะเดินกลับหอกลับเพราะอยากประหยัดเงินและเผื่อเจอที่ต่างๆที่น่าสนใจ แล้วก็เป็นไปตามคาดเราเดินไปเรื่อยๆจากเจอร้านค้าน่าอร่อยที่คนมุงกันเยอะเหมือนของSaleกันเลย
เดินไปเรื่อยก็เจอกันที่เที่ยวของวัยรุ่นใกล้ๆกัน เราเลยลองแวะเดินเข้าไปดูเผื่อได้ของกินราคาถูก แต่ผิดคาดของกินตรงนี้แพงมากกกก
และมีของล่อตาล่อใจมากเยอะมากเต็มไปหมด
โมเดลน่ารักๆที่อยากซื้อมาก แต่พยายามพาตัวเองออกมาจากจุดนั้นเพื่อไม่ให้เสียเงินซื้อ TT.TT
แต่เมื่อเดินกันต่อไปเรื่อยก็เริ่มปวดขาค่ะ ปวดมากเพราะเราเดินกันมาตั้งแต่ 7.00-18.00 ยังแทบไม่ได้พักกันเลย เราจึงเปลี่ยนต้องความตั้งใจใหม่หันมานั่งSubwayกลับแทนเพราะไม่ไหวกันจริงๆ
และแล้วก็เช้าวันใหม่ของวันที่5ในเกาหลี เนื่อจากได้คุยไลน์กับพี่กานต์พี่คนไทยที่เจอในเกาหลีแล้วพี่เค้ายังได้ชวนเราไปกินข้าวที่บ้าน
วันนี้พวกเราเลยตัดสินใจจะไปเที่ยวหาพี่กานต์ที่บ้านกัน เย้!!
เมื่อเดินออกมาจากคอนโดแล้ว ด้านหน้าคอนโดนั้นจะเป็นตลาดของมือสองที่ใหญ่มากและมีวัดเก่าอยู่บริเวณนั้น แต่เนื่อจากเป็นวันธรรมดาตลาดจึงไม่ค่อยมาคนเยอะมาก ของขายทั่วไปในวันนี้ก็ไม่เยอะเท่าไหร่
ก่อนไปหาพี่กานต์ตอนเย็นๆ เราจึงไปแวะกันที่วัดเก่าบริเวณแถวคอนโดและวัดบนเขากันก่อน จะลองเข้าไปหลายรอบมากแล้วแต่ก็ปิดทุกที่
วันนี้โชดดีมากที่วัดเปิด ไม่รอช้าเราก็เข้ากันไปถ่ายรูปเลย
ซึ่งวัดเก่าตอนนี้ไม่มีคนอาศัยอยู่ในวัดแล้วและเปลี่ยนให้เป็นที่ท่องเที่ยวแทน ส่วนหน้าวัดก็มีสินค้ามือสองมากมายวางขายกันเต็มถนนให้เลือกซื้อกันในราคาถูกมาก เลือกดีก็ได้ดีเลือกไม่ดีก็ได้ตามคุณภาพคะ ส่วนราคาแน่นอนถูกแสนถูกเพียงตัวละ1000-2000วอนหรือ30-60บาทบ้านเราคะ และเรายังสามารถต่อราคาสินค้าได้อีกด้วย ต่อไปเลยคะอย่าไปกลัวถ้าไม่ได้ราคาตามที่เราต้องการก็บอก ขอบคุณและทำท่าจะเดินไปเดี๋ยวเค้าก็ให้เราเองคะ
ส่วนตัวนั่งมองฝรั่งคนหนึ่งต่อราคาก่อน พอเค้าต่อได้เราก็เลยลองต่อราคาบ้างจากเสื้อตัวละ5000วอน เราต่อขอ3500วอน
ตอนแรกก็เหมือนจะไม่ได้ เราก็เลยทำตาอ้อนไปเยอะๆ ๆ ผลก็คือให้เราแถมลดให้เราอีก500วอน เราจึงซื้อเสื้อตัวนั้นมาในราคา3000วอน
หลังจากได้เสื้อแล้วท้องก็เริ่มร้อง เราจะตัดสินใจจะไปหาข้าวกินกันก่อนค่อยเดินขึ้นไปวัดบนเขา
เดินมาสักพักก็มาเจอร้านนี้คะ เราเรียกร้านนี้ว่า "ร้านมาเฟียใจดี"
ถึงแกจะดูเหมือนมาเฟียไปนิด แต่แกใจดีสมชื่อจริงๆคะแถมไส้กรอกเลือดให้เพิ่มอีกด้วยคะ อร่อย ถูกและใจดีตรงเป้าหมายที่เราต้องการเลยคะเสียหาย 3000วอนเองคะ ตอนแรกเราตกใจนึกว่าต้อง5000วอนอัพแน่เลย
หลังจากกินเสร็จเราก็เตรียมขึ้นไปวัดที่อยู่บนเข้ากันเลย แค่เห็นหลังคาบนวัดก็สวยมากแล้วถ้าเดินขึ้นไปดูเองกับตาต้องสวยมากกว่านี้แน่เลย เราจึงกรอกน้ำจากร้านมาเฟียใจดีใส่ขวดเผื่อหิวระหว่างทางและออกเดินทางกันเลย
ทางระหว่างขึ้นเขาสูงชันมากคะ เดินขึ้นกันนี่เหนื่อยเลยบวกกับเมื่อวานที่เดินมาเยอะ วันนี้ต้องมาขึ้นเขาอีกร่างกายก็เลยเริ่มเหนื่อยนิดหน่อย แต่ก็กัดฟันสู้!
>>>>>>>สามารถติดตามอ่านความสนุกในการใช้ชีวิตแบบงบน้อยได้ต่อตอนที่4ได้นะคะ......อาจหลายตอนไปหน่อยแต่รับรองมีสถานที่มากมากไม่มีบอกในหนัสือแน่นอนคะ เพราะส่วนตัวก็เดิวมั่วจะเจอมาเช่นกัน
http://ppantip.com/topic/33280583
ทริป Backpack ตะลุยทั่วกรุงโซล กินอยู่อย่างราชาแต่งบอย่างยางก 10วันด้วยเงินไม่ถึงหมื่น!!! 11-20 มกราคม ตอนที่3
มาต่อกันในตอนที่3เลยนะคะ(รูปอาจเยอะไปหน่อย แต่รับรองเข้ามาอ่านแล้วได้ประโยชน์ในการเดินทางมากๆแน่นอนคะ)
เมื่อแวะถ่ายรูปกันเสร็จเราก็เดินกลับที่พักกันและได้เห็นร้านอาหารย่านนี้มีราคาถูกมาก อาหารบางอย่างถูกมากกว่าเซเว่นอีกนะและยังมีทางลัดทำให้เรากลับหอที่เร็วขึ้นด้วยคือทางเดินตรงคลองนั้นเอง
หลังกลับมาเราก็จัดการลองกินมาม่าที่พึ่งซื้อมากันเลย ผลคืออร่อยมากคะ!
และพรุ้งนี้แอนดูร์วก็จะกลับสิงคโปร์แล้ว พวกเราจึงตัดสินใจกันว่าจะให้ของที่นำมาเป็นของฝาก(เอามากันเผื่อได้ให้)และไปส่งแอนดูร์วที่ Subway ตอนเช้ากันและจะเลยไปเที่ยวต่อกัน
หลังจากไปส่งแอนดูร์วตอนเช้าที่ Subway แล้วเราก็ได้นั่งรถต่อเพื่อไปพระราชวังเคียงบกกุงและตั้งใจจะเที่ยวบริเวณแถวนั้นให้หมดเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่า Subway นั่งมาอีกรอบ
ด้วยความที่ถ้าเข้าไปในพระราขวังต้องเสียค่าเข้าชมเราจึงตัดสินใจไม่เข้ากัน รอดูขบวนทหารและเก็บภาพบรรยายภายนอกกันแทน
หลังจากดูขบวนเสร็จเราก็เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โซลกันต่อ ซึ่งอยู่ใกล้กันเลยแถมเข้าฟรีไปเสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย
เมื่อเข้ามาแล้วก็ไม่ลืมที่จำทำโปสการ์ดฟรีที่ทางพิพิธภัณฑ์จัดไว้ให้ คุณสามารถส่งไปหาใครก็ได้หรือจะเอาเป็นของฝากอีกอย่างหนึ่งให้เพื่อนแบบประหยัดไม่เสียเงินก็ได้ เราก็ไม่รอช้าเข้าไปลองทำกันเลยจ้า
โปสการ์ดปั้มมือ 4ลายเสร็จแล้วจ้าาาา เอาเป็นของที่ระลึกให้แก่ตัวเองหรือคนอื่นก็ได้นะ
เมื่อเดินเสร็จเราตัดสินใจจะออกไปหาข้าวกินกันเนื่องจากยังไม่ได้กินอะไรกันมาเลย เดินออกมาเรื่อยๆทางด้านหน้าของพระราขวัง
จะมีจัตุรัสควังฮวามุนซึ่งคนนิยมมาถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมากคะ
และเมื่อเดินไปอีกแค่นิดเดียวเราก็จะเจอกับคลองชองเกชอนกัน ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ประติมากรรมหอยม่วงตั้งอยู่บริเวณนั้นคะ
เป็นคลองที่นักท่องเที่ยวหรือทัวร์นิยมมาเที่ยวกันเป็นอย่างมาก ช่วงที่เลยไปเป็นหน้าหนาวเพราะฉะนั้นจะเป็นน้ำพุที่แข็งแล้วอยู่บริเวณนั้นมากมาย
เมื่อหาร้านอาหารราคาประหยัดไม่เจอเราจึงเดินกันต่อไปเพื่อจะไปหาของกินที่ตลาดเมียงดงและตลาดคาลกุกชู ระหว่างทางเราก็เจอวัดโชเกซาเป็นวัดของศาสนาพุทธนิกายเซนของเกาหลี เราจึงไปรอช้าเข้าไปไหว้เพื่อความเป็นศิริมงคลกัน
ต้นไม้เก่าแก่ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางวัด
ธูปเที่ยนที่นี่คุณสามารถหยิบมาไหว้ฟรีได้ แต่ธูปที่นี้บอบบางมาก!! เรากำลังจะปักเบาเท่านั้นแระหักครึ่งคามือเราทั้งหมด ใจเรานี่มองซ้ายมองขวาปักธูปลง แล้วเอาธูปที่หักใส่กล่องคืนแล้วเดินออกมาเลย
ด้วยความอยากลองเดินไปดูข้างๆวัดว่ามีร้านอาหารหรอทำไมคนเยอะจัง เราจึงได้ไปเจอกับร้านข้างทางที่อร่อยที่สุดตั้งแต่ไปกินมาแถมราคาถูกมากอีกด้วย เราจึงกินเค้กขาวปลาไปกันคนละ1ไม้ในราคา500วอน
ซึ่งที่ร้านนี้อร่อยแล้วแตกต่างจากร้านอื่นเพราะร้านนี่ไม่ได้ใช้แค่ฝักในการต้มน้ำซุปเหมือนร้านอื่นทั่วไป แต่ป้าบอกป้ายังใช้ปูมาต้มและสมุนไพรมาต้มเพิ่มถึงได้อร่อยกว่าร้านอื่น
ลองสังเกตกันดีๆ จะเห็นปูในน้ำซุปที่ป้าแกต้มขายด้วยนะ
หลังจากอิ่มอร่อยกันแล้วเราก็เดินกันต่อเพื่อไปยังตลาดเมียงดงและตลาดมันแดมุนซึ่งอยู่ใกล้ๆกันและของถูกมากด้วย
เมื่อถึงตลาดเราก็เดินจนมาเจอร้านขนมปังกับซาลาเปาร้อนๆให้ชิมกันฟรี แน่นอนพวกเราไม่พลาดกันอยู่แล้ว เดินเข้าไปชิมอย่างไม่ลังเลเลย
ช่วงที่เราไปถึงตอนนั้นก็กำลังเริ่มเย็นๆพอดีทำให้มีคนเดินกันแน่นมาก
เราจึงตัดสินใจเดินกันต่อเพื่อไปหาร้านข้าวกินกันและแล้วก็มาเจอร้านป้าใจดี ทุกครั้งที่ได้กินอาหารตามร้านข้างทางเราจะตั้งชื่อเรียกกันเพื่อความเข้าใจง่ายๆของตัวเอง เช่นร้านก่อนหน้านี้คือร้านน้ำต้มปู ส่วนร้านนี้คือร้านป้าพี่น้องใจดีเพราะแกแถมข้าวให้เราเพิ่ม
เมื่อเข้ามาในร้านแล้วเราก็สั่งอาหารกันเลย เราจะเน้นที่ราคาถูกไม่เลือกเมนูที่อยากกินเพราะก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน ประมาณว่าอันไหนถูกเราชี้สั่งป้าเค้าเลย และแล้วสิ่งที่เราชี้สั่งก็ได้ออกมาเป็น แบบนี้.....
ด้วยความที่ป้าแกไม่ได้ใส่ซอลโคชูจังมาให้แต่ให้เรามาใส่เอง เราก็ไม่รู้ใส่มากน้อยแค่ไหนและด้วยความที่เป็นคนกินเผ็ดอยู่แล้ว เราก็จัดเลยจ้าใส่มาอย่างเยอะ พอป้าแกมาเห็นเท่านั้นแระตกใจบอกเราไม่เผ็ดหรือไง เอาข้าวเพิ่มไหม ไอเราก็ฟังไม่รู้เรื่อง เด เด อย่างเดียวผลคือได้ข้าวมีอีก1ถ้วย เรานี่นิ่งเลยของเก่าก็เยอะจนจะไม่หมดอยู่แล้วจะทำไงนี่ ยังไงก็ต้องกินให้หมดกลัวเดี่ยวเค้าคิดว่าไม่อร่อยก็จัดการเรียกตัวช่วยอย่างแฟนที่ไปด้วยมาช่วยกิน พอคิดเงินมาจริงทำไมไม่ถูกกว่าที่คำนวนไว้เยอะเลยแฮะ เราก็ถามป้าแกดูและได้ข้อสรุปว่า ป้าแกแถมข้าวให้เรานั้นเองและยังค่อยบริการเราดีมากเพราะเห็นว่าเราไม่ค่อยรู้เรื่องการตักกิมจิหรือกดน้ำเอง
หลังกินกันอิ่มแล้วเราก็มีความคิดจะเดินกลับหอกลับเพราะอยากประหยัดเงินและเผื่อเจอที่ต่างๆที่น่าสนใจ แล้วก็เป็นไปตามคาดเราเดินไปเรื่อยๆจากเจอร้านค้าน่าอร่อยที่คนมุงกันเยอะเหมือนของSaleกันเลย
เดินไปเรื่อยก็เจอกันที่เที่ยวของวัยรุ่นใกล้ๆกัน เราเลยลองแวะเดินเข้าไปดูเผื่อได้ของกินราคาถูก แต่ผิดคาดของกินตรงนี้แพงมากกกก
และมีของล่อตาล่อใจมากเยอะมากเต็มไปหมด
โมเดลน่ารักๆที่อยากซื้อมาก แต่พยายามพาตัวเองออกมาจากจุดนั้นเพื่อไม่ให้เสียเงินซื้อ TT.TT
แต่เมื่อเดินกันต่อไปเรื่อยก็เริ่มปวดขาค่ะ ปวดมากเพราะเราเดินกันมาตั้งแต่ 7.00-18.00 ยังแทบไม่ได้พักกันเลย เราจึงเปลี่ยนต้องความตั้งใจใหม่หันมานั่งSubwayกลับแทนเพราะไม่ไหวกันจริงๆ
และแล้วก็เช้าวันใหม่ของวันที่5ในเกาหลี เนื่อจากได้คุยไลน์กับพี่กานต์พี่คนไทยที่เจอในเกาหลีแล้วพี่เค้ายังได้ชวนเราไปกินข้าวที่บ้าน
วันนี้พวกเราเลยตัดสินใจจะไปเที่ยวหาพี่กานต์ที่บ้านกัน เย้!!
เมื่อเดินออกมาจากคอนโดแล้ว ด้านหน้าคอนโดนั้นจะเป็นตลาดของมือสองที่ใหญ่มากและมีวัดเก่าอยู่บริเวณนั้น แต่เนื่อจากเป็นวันธรรมดาตลาดจึงไม่ค่อยมาคนเยอะมาก ของขายทั่วไปในวันนี้ก็ไม่เยอะเท่าไหร่
ก่อนไปหาพี่กานต์ตอนเย็นๆ เราจึงไปแวะกันที่วัดเก่าบริเวณแถวคอนโดและวัดบนเขากันก่อน จะลองเข้าไปหลายรอบมากแล้วแต่ก็ปิดทุกที่
วันนี้โชดดีมากที่วัดเปิด ไม่รอช้าเราก็เข้ากันไปถ่ายรูปเลย
ซึ่งวัดเก่าตอนนี้ไม่มีคนอาศัยอยู่ในวัดแล้วและเปลี่ยนให้เป็นที่ท่องเที่ยวแทน ส่วนหน้าวัดก็มีสินค้ามือสองมากมายวางขายกันเต็มถนนให้เลือกซื้อกันในราคาถูกมาก เลือกดีก็ได้ดีเลือกไม่ดีก็ได้ตามคุณภาพคะ ส่วนราคาแน่นอนถูกแสนถูกเพียงตัวละ1000-2000วอนหรือ30-60บาทบ้านเราคะ และเรายังสามารถต่อราคาสินค้าได้อีกด้วย ต่อไปเลยคะอย่าไปกลัวถ้าไม่ได้ราคาตามที่เราต้องการก็บอก ขอบคุณและทำท่าจะเดินไปเดี๋ยวเค้าก็ให้เราเองคะ
ส่วนตัวนั่งมองฝรั่งคนหนึ่งต่อราคาก่อน พอเค้าต่อได้เราก็เลยลองต่อราคาบ้างจากเสื้อตัวละ5000วอน เราต่อขอ3500วอน
ตอนแรกก็เหมือนจะไม่ได้ เราก็เลยทำตาอ้อนไปเยอะๆ ๆ ผลก็คือให้เราแถมลดให้เราอีก500วอน เราจึงซื้อเสื้อตัวนั้นมาในราคา3000วอน
หลังจากได้เสื้อแล้วท้องก็เริ่มร้อง เราจะตัดสินใจจะไปหาข้าวกินกันก่อนค่อยเดินขึ้นไปวัดบนเขา
เดินมาสักพักก็มาเจอร้านนี้คะ เราเรียกร้านนี้ว่า "ร้านมาเฟียใจดี"
ถึงแกจะดูเหมือนมาเฟียไปนิด แต่แกใจดีสมชื่อจริงๆคะแถมไส้กรอกเลือดให้เพิ่มอีกด้วยคะ อร่อย ถูกและใจดีตรงเป้าหมายที่เราต้องการเลยคะเสียหาย 3000วอนเองคะ ตอนแรกเราตกใจนึกว่าต้อง5000วอนอัพแน่เลย
หลังจากกินเสร็จเราก็เตรียมขึ้นไปวัดที่อยู่บนเข้ากันเลย แค่เห็นหลังคาบนวัดก็สวยมากแล้วถ้าเดินขึ้นไปดูเองกับตาต้องสวยมากกว่านี้แน่เลย เราจึงกรอกน้ำจากร้านมาเฟียใจดีใส่ขวดเผื่อหิวระหว่างทางและออกเดินทางกันเลย
ทางระหว่างขึ้นเขาสูงชันมากคะ เดินขึ้นกันนี่เหนื่อยเลยบวกกับเมื่อวานที่เดินมาเยอะ วันนี้ต้องมาขึ้นเขาอีกร่างกายก็เลยเริ่มเหนื่อยนิดหน่อย แต่ก็กัดฟันสู้!
>>>>>>>สามารถติดตามอ่านความสนุกในการใช้ชีวิตแบบงบน้อยได้ต่อตอนที่4ได้นะคะ......อาจหลายตอนไปหน่อยแต่รับรองมีสถานที่มากมากไม่มีบอกในหนัสือแน่นอนคะ เพราะส่วนตัวก็เดิวมั่วจะเจอมาเช่นกัน http://ppantip.com/topic/33280583