กลับมาต่อกันในตอนที่2เลยนะคะ (ขอบคุณในคำแนะนำต่างๆในกระทู้แรกตอนที่1มากนะคะ เรานำมาปรับแก้ในกระทู้ต่อๆไปนะคะ)
การจากที่ติดต่อการคนเกาหลีที่แบ่งห้องให้เช่าแล้ว เราก็เตรียมไปเพื่อเจอ Berry (ชื่อคนที่แบ่งห้องให้เช่า)ตามสถานที่ที่ได้นัดกันไว้
และเดินทางได้ยังบ้านของ Berry เราคิดว่าบ้านอาจไม่ใหญ่เพราะเค้าแบ่งให้เราเช่าในราคาไม่แพงเลย 2-9วัน คิดคืนละ250บาทไทยต่อ2คน
และเราต้องจ่ายก่อนตามปกติอยู่แล้ว เมื่อเห็นบ้านเท่านั้นแระ โอ้ววววววว หรูมาก!!! ทำตัวไม่ถูกเลยคะ
นี่เป็นคอนโดชั้น22 ที่พักในคืนที่2ของเรา บอกเลยไม่กล้าเข้าเลยยยย
บริเวณในห้องก็หรูไม่แพ้กัน แต่ในห้องนั้นจะไม่ค่อนมีเฟอร์นิเจอร์เลย เพราะเบอร์รี่เค้าบอกเค้าอยู่คนเดียวและไม่ค่อยอยู่บ้าน จึงมีห้องว่าง2ห้องปล่อยใช้เช่า
มีห้องครัว โต๊ะทานข้าวให้เราซื้อของมาทำกินกันได้ แต่ตอนที่เราไปดันไม่สามารถทำได้ เนื่อจากเมทที่ได้อยู่ก่อนหน้าเราได้ชวนเพื่อนมาทำอาหารกันทำให้ห้องมีกลิ่นและสกปรก เบอร์รี่จึงขอไม่ให้เราทำกันแต่สามารถต้มชา กาแฟกินกันได้ แต่บางวันเรากับเมทฝรั่งก็แอบทำมาม่ากินกัน พอเบอร์รี่กลับมาก็วิ่งคะ เอามาม่าแอบกันแทบไม่ทันเลย
และถ้าเราอยากจะเห็นวิวในตอนกลางก็สามารถเห็นได้จากที่นี้เลย วิวทั่วกรุงโซลด้วย ด้วยความที่คอนโดนี้ตั้งค่อนข้างในกลางเมืองเวลาไปไหนมาไหนจึงสะดวกมาก ไม่ต้องเสียเงินนั่งรถไฟใต้ดินแค่เดินก็ถึงที่ที่เราจะไปและแถมหอยังมีร้านอาหารมากมาย Emart ขนาดใหญ่ด้วย
เมื่อเข้าพักกันแล้วเรากะจะนอนเก็บแรงไว้เพื่อไปเที่ยวพรุ้งนี้ แต่ดันได้เจอกับเมทฝรั่งที่พักในคอนโดเดียวกันชื่อว่า แอนดรูว์ เป็นนักเรียนป.โทที่มาเที่ยวเล่นที่นี้ เราก็ไม่รอช้าที่จะทำความรู้จักและบังเอิญกับที่แอนดรูว์กำลังจะแกไปเที่ยวหาเพื่อนในเกาหลี เพราะแกกำลังจะกลับสิงคโปร์ เมื่อแอนดรูว์ชวนเราก็ไม่รอช้าที่จะตอบตกลงเลย
คืนนี้เราได้ไปเที่ยวที่ถนนฮงแดซึ่งขึ้นชื่อมากเรื่องผับ บาร์ตอนกลางคืนเป็นแหล่งที่เที่ยวของวัยรุ่นเกาหลีมากและอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยฮงอิก ซึ่งเป็นที่ที่เราจะไปกันในวันพรุ้งนี้
ที่นั้นเราได้รู้จักกับ ปริ้นซ์ผู้หล่อสูงชาวสวิตเซอร์แลนด์และมาร์คหล่อตี๋ขี้เล่นชาวญี่ปุ่น แถมยังใจดีซื้อขนมให้กินกันอีก
และก็ไม่พ้นที่จะชวนพวกเรากินแอลกอฮอล์แต่ด้วยความเราแพ้แอลกอฮอล์อย่างหนักเราจึงปฏิเสธไปและส่งแฟนไปกินแทน
ส่วนเราก็ไปเดินถ่ายรูปบริเวณใกล้ๆแทนเพื่อเพิ่มความอยากเสียเงินแต่ก็ทำไม่ได้ต้องประหยัดไว้ก่อน ถ้าเหลือเงินช่วงหลังจะได้ใช้สบาย
เห็นแล้วอยากซื้อมากกกกกก คิดถึงลีมินโฮตอนเล่นเป็นคิมทันเลย
เบอรร์รี่บอกมาว่าร้านนี้อร่อย คนมากินเยอะในย่านนี้และที่สำคัญราคาก็แพงไปด้วยเป็นเรื่องธรรมดา เราจึงได้แต่มองแล้วเดินจากไป
เมื่อเดินมาสักพักก็เจอกับผับ บาร์มากมายที่เปิดอยู่แถวนั้น วัยรุ่นส่วนใหญ่....หล่อมากกกกกกกกก เรานี่มองตาไม่กระพริบเลยอยากแอบถ่ายรูปแต่ก็ไม่กล้าพอกลัวโดนด่า
เรากลับไปนั่งเม้าท์และฟังเพื่อนใหม่แชร์ประสบการณ์จนเกือบเที่ยงคืน ก็มีโปรแกรมใหม่ที่จะไปต่อกันที่บาร์ต่อใจเราไม่อยากไปเพราะมันดึกแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อเลยไม่คิดที่จะปฏิเสธ พวกเราจึงไปต่อกันที่บาร์ Tuesday's party ซึ่งบอกเลยการได้มาบาร์นี่เป็นประสบการณ์ใหม่ในต่างแดนมาก
เนื่อจากเราแพ้แอลกอฮอล์แอนดูรว์จึงเลี้ยงแป๊ปซี่และเลี้ยงเบีร์ยให้เรา
แถมมาร์คยังชวนเรา แฟนเรา ปริ้นซ์ แอนดูรว์ให้มาเล่นเบีร์ยปองกันอีก ตื้นเต้นมากๆเลยคะเพราะไม่เคยเล่นที่ไทยเลย
และยังได้หัดลองเล่นโต๊ะบอลแบบใช้มือเล่น ได้เล่นคู่กับเพื่อนใหม่ชาวเกาหลีซึ่งเมื่อยิงเข้าโกทุกครั้งเค้าจะกอดเรา เรานี่ตกใจมากเลยค่ะไม่เคยโดนใครจู่โจมแบบนี้ แต่เมื่อเล่นไปเรื่อยๆก็เริ่มชินและเรายังได้สอนภาษาไทยคำต่างๆให้เพื่อนชาวเกาหลีด้วย ทำให้รู้ว่าคนเกาหลีก็ไม่ได้เกียจคนไทยไปหมดแถมยังชอบและอยากเรียนรู้วัฒนธรรมของชาติเราอีกด้วย
และแล้วเมื่อแอนดูร์วได้ไปนั่งกินเหล้ากับคนอีกโต๊ะและได้คุยก็ทำให้รู้ว่าพี่โต๊ะนั้นเป็นคนไทยที่ทำงานที่เกาหลีนะให้เราลองเข้าไปคุยด้วย พอแฟนเราเดินไปถามว่าพี่คนไทยเปล่าครับเท่านั้นแระ พี่ก็ตอบกลับมาว่า "คนไทยค่ะ!" ตอนนั้นแระที่เราได้เจอกับพี่ๆคนไทยที่ใจดีทั้ง3คน คือพี่กานต์ ออมม่าผู้ใจดี ชอบทำกับข้าวและคอยช่วยเหลือ พี่อ๊ะคนที่พาไปกินน้ำแข็งสุดอร่อย พี่โอ๋คนที่มาบาร์เพื่อเอาบรรยากาศและกินน้ำเปล่า เป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลยที่ได้มาเจอพี่ๆเค้ากัน
หลังจากได้รู้จักกับกับพี่ๆเค้ากันแล้ว แอนดูรว์เกิดอาการไม่อยากกลับหอเค้าจึงชวนพวกเราและพี่ไปต่อกันที่ผับที่ขึ้นชื่อเกาหลีอย่าง "NB2" ต่อ ด้วยความที่ผับที่จะไปไม่เสียเงินเข้าเราเลยไปกันแต่ผับนั้นก็กำลังจะปิด เราจึงต้องไปผับที่เสียเงินแทน
ค่าเสียหานั้นก็คนละ1ใบตามที่พี่กานต์เรียกกันหรือก็คือ10000วอนนั้นเอง เราคิดว่าเอาวะเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตนะ ลองเข้าไปก็ไม่เสียหา พอเข้าแล้วลงมาเท่านั้นแระ
โอ้ววววววว ผับที่นี้น่ากลัวมากคุณลบภาพผับที่เมืองไทยไปได้เลย ที่นี่หนักกว่าเยอะมากคะทั้งลวง จับ กอด จูบอย่างเปิดเผยมาก
แถมผู้หญิงยังใจกล้ามาก เพราะแฟนเราเมาและง่วงมาถึงก็กินแล้วซบไหล่เราหลับ ผู้หญิงเกาหลีก็ไม่วายจะมาขายขนมจีบทั้งที่ก็นอนซบไหล่เรานั้นแระ พากันเดินมา3-4รอบแต่หนักสุดคือเดินมานั่งที่เก้าอี้แล้วหมุนตัวมามองเราแล้วหันก้มลงไปมองแฟนเรา เรานี่นั่งนิ่งเลยคะ คุณเธอใจกล้ามากกกก พอแฟนตื่นขึ้นมาแล้วเราเล่าให้ฟังเท่านั้นแระ บ่นเสียดายไม่น่านอนใหญ่เลยๆ มันน่าเอาเก้าอี้ทุ่มนัก!!
หลังจากออกจากผับมามันหนาวมากเลยคะ หนาวที่สุดตั้งแต่ได้ไปอยู่ที่โน้นก็ว่าได้ เมื่อเรากลับหอก็นอนเลยค่ะ ง่วงมากและตื่นมาอีกทีก็เย็นๆวันนั้นเราเลยไม่ได้ไปเที่ยวในช่วงเช้ากัน แต่ก็เอาน่ะเราก็ได้ประสบการณ์จากเมื่อคืนมากแบบที่หาจากที่ไหนไม่ได้เลย
ตื่นมาก็หิวเลยชวนกันจะไปหาไรกินที่เซเว่นและก็ไม่ลืมที่จะชวนแอนดูรว์ไปด้วย แต่แอนดูร์วกับแนะนำให้เราไปห้าง Emart
แทนเพราะมีของให้เราเลือกซื้อมาก ถูกและได้ของแถมเยอะเราจึงไม่รอช้าที่จะไปอีก
มาม่าลดราคา แถมอีกตั้งหากเราคิดถูกที่มาที่นี้เลยจริงๆแถมสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเราเห็นบรรดาของชิมฟรีเต็มไปหมดตามแบบในซีรี่ย์เกาหลีเลย ตอนแรกก็กังวลจะชิมดีไหม เดินไปใกล้ดูเชิงก่อน
พนักงานเห็นเรามองจึงจิ้มแล้วส่งมาให้เราลองชิมและยังบอกชิมไปเหอะ เพราะเค้าทำมาเพื่อให้ชิมไม่ต้องเกรงใจ เรานี่ยิ้มเลยจ้าาาา
เสร็จเราแน่ทุกบูธที่ให้ชิมเลย
หมูย่างชิ้นนี้เราก็ไปไฝว้กับมนุษย์ป้าเกาหลีมาอย่างมาก เพราะเค้าจิ้มกันทีคนละ5-8ชิ้นต่อ1ไม้ ส่วนเราไม้ละอันกว่าจะได้มานี่เหนื่อยค่ะ
ป้าที่ทำให้ชิมเห็นเราดังนั้นก็เอาไม้จิ้มมาให้เราอีกรอบ ซึ่งเยอะมากให้มาตั้งหลายอัน
แอนดูรว์ผู้ที่ทำให้เรารู้ว่าของถูกที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ไหน
และเราอาหารเมื่อนี้ของเราก็ได้มาม่าลดราคา ซื้อ4แถม1มาและน้ำเปล่าที่ถูกแสนถูกกกก
น้ำนั้นถ้าคุณออกไปซื้อตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปจะตกอยู่ที่ขวดละ700-1000วอน แต่ถ้าคุณซื้อใน Emart จะซื้อได้ในราคา 290วอนเท่านั้นเอง
และกินเสร็จก็เก็บขวดไว้เพื่อเติมน้ำกินในครั้งต่อไป
คืนนี้แอนดูร์วจะเป็นไกด์พาเราไปเที่ยวบริเวณใกล้ๆหอพักแต่เค้าต้องทำงานจึงขอทำงานให้เสร็จก่อน ด้วยความที่เรารู้แหล่งซื้อของถูกแล้วเราจะรอด้วยการออกไปซื้อของที่ Emart อีกรอบเพื่อเป็นของเก็บไว้กินตอนหิวกัน
รอนนี้มาเราไม่อายแระเพราะยังไงก็ฟังคนเกาหลีไม่ค่อยเข้าใจอยู่แล้วจึงเดินชิมทุกบูธที่ให้ชิมกันไปเลยจ้า
เนื่อจากจะประหยัดเงินกันเราจึงตัดสินใจจะซื้อขนมปังและนมข้นเพื่อทากินกัน แต่เดินยังไงก็ไม่เจอนมข้นสักทีมีแต่แยมเป็นส่วนใหญ่
แต่เราก็ไม่ถอยใจตัดสินใจซื้อมาเพื่อกินเล่นกับนมสดกัน
เราซื้อขนมปังมาในราคาแค่2300วอนและนมหรือกาแฟ4ขวดแถม2ในราคา4880วอน
เมื่อแอนดูร์วทำธุระเสร็จเราก็ได้เวลาออกเที่ยวยามราตรีกันแล้ววว ไม่น่าเชื่อเลยว่าที่พักเราจะอยู่ใกล้กับทงแดมุนเพียงแค่เดิน5นาทีเอง เราเกือบจะเสียเงินค่าSubwayเพื่อมาเที่ยวที่นี้
บริเวณนั้นมีพิพิธภัณฑ์ที่พึ่งสร้างใหม่ด้วย ด้านหน้ามีธงชาติของประเทศต่างๆมากมายเลย ลองมองกันดีๆแระมีของไทยด้วย
พอเราเดินข้ามถนนไปก็จะเจอร้านอาหารข้างทางมากมายให้เลือกกินกัน
หลักของการซื้อของถูกคือเดินไปเรื่อยๆและมองสังเกตราคาทุกๆร้าน แต่ละร้านราจะไม่เท่ากัน เมื่อเราเลือกร้านที่มีราคาโอเคกับเราแล้วก็เดินเข้าไปได้เลยจ้า
พอเดินมาอีกนิดเราก็จะเจอ Dong daemun Gate กันแล้วจ้าาาา สวยสมคำล่ำลือจริงๆ
>>>>>>>>>สามารถติดตามอ่านความสนุกในการใช้ชีวิตแบบงบน้อยได้ต่อตอนที่3ได้นะคะ
http://ppantip.com/topic/33279914
ทริป Backpack ตะลุยทั่วกรุงโซล กินอยู่อย่างราชาแต่งบอย่างยางก 10วันด้วยเงินไม่ถึงหมื่น!!! 11-20 มกราคม ตอนที่2
การจากที่ติดต่อการคนเกาหลีที่แบ่งห้องให้เช่าแล้ว เราก็เตรียมไปเพื่อเจอ Berry (ชื่อคนที่แบ่งห้องให้เช่า)ตามสถานที่ที่ได้นัดกันไว้
และเดินทางได้ยังบ้านของ Berry เราคิดว่าบ้านอาจไม่ใหญ่เพราะเค้าแบ่งให้เราเช่าในราคาไม่แพงเลย 2-9วัน คิดคืนละ250บาทไทยต่อ2คน
และเราต้องจ่ายก่อนตามปกติอยู่แล้ว เมื่อเห็นบ้านเท่านั้นแระ โอ้ววววววว หรูมาก!!! ทำตัวไม่ถูกเลยคะ
นี่เป็นคอนโดชั้น22 ที่พักในคืนที่2ของเรา บอกเลยไม่กล้าเข้าเลยยยย
บริเวณในห้องก็หรูไม่แพ้กัน แต่ในห้องนั้นจะไม่ค่อนมีเฟอร์นิเจอร์เลย เพราะเบอร์รี่เค้าบอกเค้าอยู่คนเดียวและไม่ค่อยอยู่บ้าน จึงมีห้องว่าง2ห้องปล่อยใช้เช่า
มีห้องครัว โต๊ะทานข้าวให้เราซื้อของมาทำกินกันได้ แต่ตอนที่เราไปดันไม่สามารถทำได้ เนื่อจากเมทที่ได้อยู่ก่อนหน้าเราได้ชวนเพื่อนมาทำอาหารกันทำให้ห้องมีกลิ่นและสกปรก เบอร์รี่จึงขอไม่ให้เราทำกันแต่สามารถต้มชา กาแฟกินกันได้ แต่บางวันเรากับเมทฝรั่งก็แอบทำมาม่ากินกัน พอเบอร์รี่กลับมาก็วิ่งคะ เอามาม่าแอบกันแทบไม่ทันเลย
และถ้าเราอยากจะเห็นวิวในตอนกลางก็สามารถเห็นได้จากที่นี้เลย วิวทั่วกรุงโซลด้วย ด้วยความที่คอนโดนี้ตั้งค่อนข้างในกลางเมืองเวลาไปไหนมาไหนจึงสะดวกมาก ไม่ต้องเสียเงินนั่งรถไฟใต้ดินแค่เดินก็ถึงที่ที่เราจะไปและแถมหอยังมีร้านอาหารมากมาย Emart ขนาดใหญ่ด้วย
เมื่อเข้าพักกันแล้วเรากะจะนอนเก็บแรงไว้เพื่อไปเที่ยวพรุ้งนี้ แต่ดันได้เจอกับเมทฝรั่งที่พักในคอนโดเดียวกันชื่อว่า แอนดรูว์ เป็นนักเรียนป.โทที่มาเที่ยวเล่นที่นี้ เราก็ไม่รอช้าที่จะทำความรู้จักและบังเอิญกับที่แอนดรูว์กำลังจะแกไปเที่ยวหาเพื่อนในเกาหลี เพราะแกกำลังจะกลับสิงคโปร์ เมื่อแอนดรูว์ชวนเราก็ไม่รอช้าที่จะตอบตกลงเลย
คืนนี้เราได้ไปเที่ยวที่ถนนฮงแดซึ่งขึ้นชื่อมากเรื่องผับ บาร์ตอนกลางคืนเป็นแหล่งที่เที่ยวของวัยรุ่นเกาหลีมากและอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยฮงอิก ซึ่งเป็นที่ที่เราจะไปกันในวันพรุ้งนี้
ที่นั้นเราได้รู้จักกับ ปริ้นซ์ผู้หล่อสูงชาวสวิตเซอร์แลนด์และมาร์คหล่อตี๋ขี้เล่นชาวญี่ปุ่น แถมยังใจดีซื้อขนมให้กินกันอีก
และก็ไม่พ้นที่จะชวนพวกเรากินแอลกอฮอล์แต่ด้วยความเราแพ้แอลกอฮอล์อย่างหนักเราจึงปฏิเสธไปและส่งแฟนไปกินแทน
ส่วนเราก็ไปเดินถ่ายรูปบริเวณใกล้ๆแทนเพื่อเพิ่มความอยากเสียเงินแต่ก็ทำไม่ได้ต้องประหยัดไว้ก่อน ถ้าเหลือเงินช่วงหลังจะได้ใช้สบาย
เห็นแล้วอยากซื้อมากกกกกก คิดถึงลีมินโฮตอนเล่นเป็นคิมทันเลย
เบอรร์รี่บอกมาว่าร้านนี้อร่อย คนมากินเยอะในย่านนี้และที่สำคัญราคาก็แพงไปด้วยเป็นเรื่องธรรมดา เราจึงได้แต่มองแล้วเดินจากไป
เมื่อเดินมาสักพักก็เจอกับผับ บาร์มากมายที่เปิดอยู่แถวนั้น วัยรุ่นส่วนใหญ่....หล่อมากกกกกกกกก เรานี่มองตาไม่กระพริบเลยอยากแอบถ่ายรูปแต่ก็ไม่กล้าพอกลัวโดนด่า
เรากลับไปนั่งเม้าท์และฟังเพื่อนใหม่แชร์ประสบการณ์จนเกือบเที่ยงคืน ก็มีโปรแกรมใหม่ที่จะไปต่อกันที่บาร์ต่อใจเราไม่อยากไปเพราะมันดึกแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อเลยไม่คิดที่จะปฏิเสธ พวกเราจึงไปต่อกันที่บาร์ Tuesday's party ซึ่งบอกเลยการได้มาบาร์นี่เป็นประสบการณ์ใหม่ในต่างแดนมาก
เนื่อจากเราแพ้แอลกอฮอล์แอนดูรว์จึงเลี้ยงแป๊ปซี่และเลี้ยงเบีร์ยให้เรา
แถมมาร์คยังชวนเรา แฟนเรา ปริ้นซ์ แอนดูรว์ให้มาเล่นเบีร์ยปองกันอีก ตื้นเต้นมากๆเลยคะเพราะไม่เคยเล่นที่ไทยเลย
และยังได้หัดลองเล่นโต๊ะบอลแบบใช้มือเล่น ได้เล่นคู่กับเพื่อนใหม่ชาวเกาหลีซึ่งเมื่อยิงเข้าโกทุกครั้งเค้าจะกอดเรา เรานี่ตกใจมากเลยค่ะไม่เคยโดนใครจู่โจมแบบนี้ แต่เมื่อเล่นไปเรื่อยๆก็เริ่มชินและเรายังได้สอนภาษาไทยคำต่างๆให้เพื่อนชาวเกาหลีด้วย ทำให้รู้ว่าคนเกาหลีก็ไม่ได้เกียจคนไทยไปหมดแถมยังชอบและอยากเรียนรู้วัฒนธรรมของชาติเราอีกด้วย
และแล้วเมื่อแอนดูร์วได้ไปนั่งกินเหล้ากับคนอีกโต๊ะและได้คุยก็ทำให้รู้ว่าพี่โต๊ะนั้นเป็นคนไทยที่ทำงานที่เกาหลีนะให้เราลองเข้าไปคุยด้วย พอแฟนเราเดินไปถามว่าพี่คนไทยเปล่าครับเท่านั้นแระ พี่ก็ตอบกลับมาว่า "คนไทยค่ะ!" ตอนนั้นแระที่เราได้เจอกับพี่ๆคนไทยที่ใจดีทั้ง3คน คือพี่กานต์ ออมม่าผู้ใจดี ชอบทำกับข้าวและคอยช่วยเหลือ พี่อ๊ะคนที่พาไปกินน้ำแข็งสุดอร่อย พี่โอ๋คนที่มาบาร์เพื่อเอาบรรยากาศและกินน้ำเปล่า เป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลยที่ได้มาเจอพี่ๆเค้ากัน
หลังจากได้รู้จักกับกับพี่ๆเค้ากันแล้ว แอนดูรว์เกิดอาการไม่อยากกลับหอเค้าจึงชวนพวกเราและพี่ไปต่อกันที่ผับที่ขึ้นชื่อเกาหลีอย่าง "NB2" ต่อ ด้วยความที่ผับที่จะไปไม่เสียเงินเข้าเราเลยไปกันแต่ผับนั้นก็กำลังจะปิด เราจึงต้องไปผับที่เสียเงินแทน
ค่าเสียหานั้นก็คนละ1ใบตามที่พี่กานต์เรียกกันหรือก็คือ10000วอนนั้นเอง เราคิดว่าเอาวะเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตนะ ลองเข้าไปก็ไม่เสียหา พอเข้าแล้วลงมาเท่านั้นแระ
โอ้ววววววว ผับที่นี้น่ากลัวมากคุณลบภาพผับที่เมืองไทยไปได้เลย ที่นี่หนักกว่าเยอะมากคะทั้งลวง จับ กอด จูบอย่างเปิดเผยมาก
แถมผู้หญิงยังใจกล้ามาก เพราะแฟนเราเมาและง่วงมาถึงก็กินแล้วซบไหล่เราหลับ ผู้หญิงเกาหลีก็ไม่วายจะมาขายขนมจีบทั้งที่ก็นอนซบไหล่เรานั้นแระ พากันเดินมา3-4รอบแต่หนักสุดคือเดินมานั่งที่เก้าอี้แล้วหมุนตัวมามองเราแล้วหันก้มลงไปมองแฟนเรา เรานี่นั่งนิ่งเลยคะ คุณเธอใจกล้ามากกกก พอแฟนตื่นขึ้นมาแล้วเราเล่าให้ฟังเท่านั้นแระ บ่นเสียดายไม่น่านอนใหญ่เลยๆ มันน่าเอาเก้าอี้ทุ่มนัก!!
หลังจากออกจากผับมามันหนาวมากเลยคะ หนาวที่สุดตั้งแต่ได้ไปอยู่ที่โน้นก็ว่าได้ เมื่อเรากลับหอก็นอนเลยค่ะ ง่วงมากและตื่นมาอีกทีก็เย็นๆวันนั้นเราเลยไม่ได้ไปเที่ยวในช่วงเช้ากัน แต่ก็เอาน่ะเราก็ได้ประสบการณ์จากเมื่อคืนมากแบบที่หาจากที่ไหนไม่ได้เลย
ตื่นมาก็หิวเลยชวนกันจะไปหาไรกินที่เซเว่นและก็ไม่ลืมที่จะชวนแอนดูรว์ไปด้วย แต่แอนดูร์วกับแนะนำให้เราไปห้าง Emart
แทนเพราะมีของให้เราเลือกซื้อมาก ถูกและได้ของแถมเยอะเราจึงไม่รอช้าที่จะไปอีก
มาม่าลดราคา แถมอีกตั้งหากเราคิดถูกที่มาที่นี้เลยจริงๆแถมสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเราเห็นบรรดาของชิมฟรีเต็มไปหมดตามแบบในซีรี่ย์เกาหลีเลย ตอนแรกก็กังวลจะชิมดีไหม เดินไปใกล้ดูเชิงก่อน
พนักงานเห็นเรามองจึงจิ้มแล้วส่งมาให้เราลองชิมและยังบอกชิมไปเหอะ เพราะเค้าทำมาเพื่อให้ชิมไม่ต้องเกรงใจ เรานี่ยิ้มเลยจ้าาาา
เสร็จเราแน่ทุกบูธที่ให้ชิมเลย
หมูย่างชิ้นนี้เราก็ไปไฝว้กับมนุษย์ป้าเกาหลีมาอย่างมาก เพราะเค้าจิ้มกันทีคนละ5-8ชิ้นต่อ1ไม้ ส่วนเราไม้ละอันกว่าจะได้มานี่เหนื่อยค่ะ
ป้าที่ทำให้ชิมเห็นเราดังนั้นก็เอาไม้จิ้มมาให้เราอีกรอบ ซึ่งเยอะมากให้มาตั้งหลายอัน
แอนดูรว์ผู้ที่ทำให้เรารู้ว่าของถูกที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ไหน
และเราอาหารเมื่อนี้ของเราก็ได้มาม่าลดราคา ซื้อ4แถม1มาและน้ำเปล่าที่ถูกแสนถูกกกก
น้ำนั้นถ้าคุณออกไปซื้อตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปจะตกอยู่ที่ขวดละ700-1000วอน แต่ถ้าคุณซื้อใน Emart จะซื้อได้ในราคา 290วอนเท่านั้นเอง
และกินเสร็จก็เก็บขวดไว้เพื่อเติมน้ำกินในครั้งต่อไป
คืนนี้แอนดูร์วจะเป็นไกด์พาเราไปเที่ยวบริเวณใกล้ๆหอพักแต่เค้าต้องทำงานจึงขอทำงานให้เสร็จก่อน ด้วยความที่เรารู้แหล่งซื้อของถูกแล้วเราจะรอด้วยการออกไปซื้อของที่ Emart อีกรอบเพื่อเป็นของเก็บไว้กินตอนหิวกัน
รอนนี้มาเราไม่อายแระเพราะยังไงก็ฟังคนเกาหลีไม่ค่อยเข้าใจอยู่แล้วจึงเดินชิมทุกบูธที่ให้ชิมกันไปเลยจ้า
เนื่อจากจะประหยัดเงินกันเราจึงตัดสินใจจะซื้อขนมปังและนมข้นเพื่อทากินกัน แต่เดินยังไงก็ไม่เจอนมข้นสักทีมีแต่แยมเป็นส่วนใหญ่
แต่เราก็ไม่ถอยใจตัดสินใจซื้อมาเพื่อกินเล่นกับนมสดกัน
เราซื้อขนมปังมาในราคาแค่2300วอนและนมหรือกาแฟ4ขวดแถม2ในราคา4880วอน
เมื่อแอนดูร์วทำธุระเสร็จเราก็ได้เวลาออกเที่ยวยามราตรีกันแล้ววว ไม่น่าเชื่อเลยว่าที่พักเราจะอยู่ใกล้กับทงแดมุนเพียงแค่เดิน5นาทีเอง เราเกือบจะเสียเงินค่าSubwayเพื่อมาเที่ยวที่นี้
บริเวณนั้นมีพิพิธภัณฑ์ที่พึ่งสร้างใหม่ด้วย ด้านหน้ามีธงชาติของประเทศต่างๆมากมายเลย ลองมองกันดีๆแระมีของไทยด้วย
พอเราเดินข้ามถนนไปก็จะเจอร้านอาหารข้างทางมากมายให้เลือกกินกัน
หลักของการซื้อของถูกคือเดินไปเรื่อยๆและมองสังเกตราคาทุกๆร้าน แต่ละร้านราจะไม่เท่ากัน เมื่อเราเลือกร้านที่มีราคาโอเคกับเราแล้วก็เดินเข้าไปได้เลยจ้า
พอเดินมาอีกนิดเราก็จะเจอ Dong daemun Gate กันแล้วจ้าาาา สวยสมคำล่ำลือจริงๆ
>>>>>>>>>สามารถติดตามอ่านความสนุกในการใช้ชีวิตแบบงบน้อยได้ต่อตอนที่3ได้นะคะ http://ppantip.com/topic/33279914