พึ่งรู้อย่างละเอียดว่า ศีล 227 ข้อของพระมีอะไรบ้าง เลยเอามาแบ่งปันกันครับ

ศีล ๒๒๗ ข้อของพระสงฆ์อันพึงประสงค์

หมวดปาราชิก มี ๔ ข้อ
๑ ห้ามภิกษุเสพเมถุนกับมนุษย์ อมุนษย์(เช่นสัตว์ดิรัจฉาน เปรต เป็นต้นไม่ว่าตายหรือยังมี ชีวิต อยู่ หรือแม้แต่ศพเมื่อมีจิ...ตรับจะทำเมถุนกับสิ่งนั้น
๒.ห้ามลักทรัพย์ ตั้งแต่ ๕ มาสก(หรือประมาณ ๑ บาทใน สมัยนี้)ขึ้นไป ถ้าลักทรัพย์ต่ำกว่าเป็นอาบัติข้ออื่น โดยมีจิตคิดจะเอาและได้ทรัพย์นั้นแล้ว
๓. ห้ามฆ่ามนุษย์และทำแท้งกับหญิงที่มีครรภ์ ( มีเจตนากระทำให้มนุษย์ตายหรือเด็กในครรภ์ตาย)
๔. ห้ามอวดอุตตริมนุษสธรรม คือไม่มีฌานก็ว่ามี ไม่มี ฌานก็ว่ามี ไม่ได้มรรคไม่ได้ผล ก็อ้างว่ามี ( ถ้ามีอยู่หรือถึงแล้วแสดงเพื่อประโยชน์ ก็ต้องห้ามเป็นอาบัติปาจิตตีย์ ผลของการอาบัติปาราชิก ปรับอาบัติไม่ได้ ถือขาดจากการครองสมณเพศไม่จำต้องบอกกล่าวหรือแจ้งแก่ผู้กระทำ เป็นเหตุปิดการทำมรรคผลนิพพานในชาตินี้ถ้าครองสมณเพศอยู่ถือว่าเป็นโจรปล้นพระศาสนาทำลายตนเองให้ถึงทุคติมีอบายภูมิเป็นที่เกิดอย่างแน่นอน เปรียบเสมือนต้นตาลที่ยอดด้วนย่อมไม่เกิดผลได้ )

หมวดสังฆาทิเสส มี ๑๓ ข้อ
๕. ห้ามทำน้ำอสุจิ ให้เคลื่อนด้วยความจงใจ (ยกเว้นฝัน)
๖ . ห้ามถูกต้องเคล้าคลึงกายหญิงด้วยความจงใจ
๗ . ห้ามพูดสอนความ พูดพาดพิงถึงทวารหนักทวารเบาแก่สตรี
๘. ห้ามพูดล่อหญิงให้บำเรอตนด้วยเมถุนธรรม
๙. ห้ามเป็นพ่อสื่อให้คนแต่งงานกัน
๑๐.ภิกษุขอให้สร้างกุฎิแก่ตนต้องมีขนาดกว้าง ๗ คืบยาว ๑๒ คืบด้วยคืบของพระพุทธเจ้า
๑๑.ห้ามสร้างวิหารใหญ่โดยสงฆ์มิได้กำหนดที่
๑๒.ห้ามโจทอาบัติปาราชิกไม่มีมูล
๑๓.ห้ามอ้างเลสโจทอาบัติปาราชิก
๑๔.ทำสังฆ์ให้แตกกัน(สงฆเภท)
๑๕.ห้ามเป็นพรรคพวกของผู้ทำสงฆ์ให้แตกกัน
๑๖.ห้ามเป็นคนว่ายากสอนยาก
๑๗.ห้ามเป็นผู้มีความประพฤติเลวทรามและประจบ คฤหัสถ์

หมวดอนิยตะ มี ๒ ข้อ
๑๘. ห้ามนั่งในที่ลับตากับหญิงสองต่อสอง(อาบัติ ปาราชิก, สงฆาทิเสส,หรือปาจิตตีย์ )
๑๙ ห้ามนั่งในที่ลับหูกับหญิงสองต่อสอง (อาบัติ สังฆาทิเสส , หรือปาจิตตีย์นิสสัคคีย์

หมวดนิสสัคคิยปาจิตตีย์ มี ๓๐ ข้อ
๒๐. ห้ามเก็บจีวรเกินจำเป็นไว้เกิน ๑๐ วัน (ยกเว้นทำเป็น สองเจ้าของ)
๒๑.ห้ามอยู่ปราศจากไตรจีวร แม้คืนหนึ่ง(ยกเว้น ภิกษุ(ได้รับสมมติ)
๒๒.ห้ามเก็บผ้าที่จะทำจีวรไว้เกิน ๑ เดือน(ยกเว้นทำเป็นสองเจ้าของ)
๒๓.ห้ามใช้นางภิกษุณีชักจีวรเก่า(จีวรที่ใช้แล้ว)
๒๔.ห้ามรับจีวรจากมือของภิกษุณี
๒๕.ห้ามขอจีวรต่อคฤหัสถ์ที่มิใช่ญาติ(ยกเว้นขอต่อคนปวารณา)
๒๖.ห้ามรับจีวรเกินกำหนดเมื่อจีวรถูกชิงหรือ หายไป
๒๗.ห้ามพูดให้เขาซื้อจีวรที่ดีกว่าเขากำหนดไว้เดิมถวาย
๒๘.ห้ามไปพูดให้เขารวมกันซื้อจีวรที่ดีถวาย
๒๙.ห้ามทวงจีวรเอาแก่คนที่รับฝากผู้อื่นเพื่อซื้อ จีวรถวายเกินกว่า ๓ ครั้ง
๓๐.ห้ามหล่อเครื่องปูนั่งพรมเจือด้วยไหม
๓๑.ห้ามหล่อเครื่องปูนั่งด้วยขนเจียม(ขนสัตว์) ดำล้วน
๓๒.ห้ามใช้ขนเจียมดำเกิน ๒ ส่วนใน ๔ ส่วนเมื่อหล่อเครื่องปูนั่ง
๓๓.ห้ามหล่อเครื่องปูนั่งให้ตัดของเก่าปนลงใน ของใหม่
๓๔.ห้ามการทำเครื่องปูนั่งให้ตัดของเก่าปนลงในของใหม่
๓๕.ห้ามนำขนเจียมไปด้วยตนเองเกิน ๓ โยชน์
๓๖.ห้ามใช้นางภิกษุณีที่ไม่ใช่ญาติทำการซักย้อมซึ่งขนเจียม
๓๗.ห้ามรับทองเงิน( ชาตะ รูปรชตะ)
๓๘.ห้ามทำการซื้อขายของด้วยเงินทอง
๓๙.ห้ามซื้อขายโดยใช้ของแลก
๔๐.ห้ามเก็บบาตรเกิน ๑ ลูกไว้เกิน ๓๐ วัน
๔๑.ห้ามขอบาตรเมื่อบาตรเป็นแผลงไม่เกิน ๕ แห่ง
๔๒.ห้ามเก็บเภสัช ๕(เนยใส, เนยข้น,น้ำมัน, น้ำผึ้ง ,น้ำอ้อย)เกิน ๗ วัน
๔๓.ห้ามแสวงและทำผ้าอาบน้ำฝนเกินกำหนด
๔๔.ให้จีวรภิกษุอื่นแล้วห้ามชิงคืนในภายหลัง
๔๕.ห้ามขอด้ายเอามาทอเป็นจีวร
๔๖.ห้ามไปกำหนดให้ช่างหูกทอจีวรให้ดีขึ้นเพื่อตน (ยกเว้นขอต่อคนปวารณา)
๔๗.ห้ามเก็บผ้าจำนำพรรษาไว้เกินกำหนด
๔๘.ห้ามภิกษุอยู่ป่าเก็บจีวรไว้ในบ้านเกิน ๖ คืน (ยกเว้นภิกษุได้รับสมมุติ)
๔๙.ห้ามน้อมลาภสงฆ์มาเพื่อตน

หมวดปาจิตตีย์ มี ๙๒ ข้อ
๕๐.ห้ามพูดปด(มุสาวาท)
๕๑.ห้ามด่า(ผรุสวาท)
๕๒.ห้ามพูดส่อเสียด(ปิสุณาวาท)
๕๓.ห้ามกล่าวธรรมพร้อมกับอนุปสัมบัน(ผู้ไม่ใช่ภิกษุ เช่นภิกษุณีสามเณรเป็นต้น)ในขณะสอน)
๕๔.ห้ามนอนร่วมกับอนุปสัมบันเกิน ๓ คืน
๕๕.ห้ามนอนร่วมกับหญิง
๕๖ห้ามแสดงธรรมสองต่อสองกับผู้หญิงเกิน ๖ คำ(ยกเว้นเมื่อมีผู้ชายที่รู้เดียงสาอยู่ด้วย)
๕๗.ห้ามบอกคุณวิเศษที่มีจริงแก่อนุปสัมบัน
๕๘.ห้ามบอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุแก่อนุปสัมบัน
๕๙.ห้ามขุดดินหรือใช้ให้ขุด
๖๐.ห้ามทำลายต้นไม้
๖๑.ห้ามพูดไฉไลหรือทำให้ยุ่งยากเมื่อถูกสอบสวน
๖๒.ห้ามติเตียนภิกษุผู้ทำการสงฆ์ไว้กลางแจ้ง
๖๓.ห้ามทิ้งเตียงตั่งของสงฆ์ไว้กลางแจ้ง
๖๔.ห้ามปล่อยที่นอนไว้ไม่เก็บงำ
๖๕.ห้ามนอนแทรกภิกษุผู้เข้าไปอยู่ก่อนเพื่อทำให้ภิกษุนั้นลุกหนีไป
๖๖.ห้ามฉุดคร่าภิกษุออกจากวิหารของสงฆ์ เพราะขัดใจ(ยกเว้นภิกษุอลัชชี)
๖๗.ห้ามนั่งนอนบนเตียงหรือตั่งโดยแรงที่อยู่ชั้นบนซึ่งมีผู้นอนอยู่ชั้นล่าง(เป็นเตียง ๒ ชั้น)
๖๘.ห้ามโบกฉาบวิหารใหญ่เกิน ๓ ชั้น
๖๙.ห้ามเอาน้ำมีตัวสัตว์รดหญ้าหรือดิน
๗๐.ห้ามสอนนางภิกษุณีเมื่อมิได้รับมอบหมายจากสงฆ์
๗๑.ห้ามสอนนางภิกษุณีตั้งแต่อาทิตย์ตกแล้ว
๗๒.ห้ามสอนนางภิกษุณีถึงที่อยู่
๗๓.ห้ามติเตียนภิกษุอื่นว่าสอนนางภิกษุณีเพราะเห็นแก่ลาภ
๗๔.ห้ามให้จีวรแก่นางภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ แต่ให้แลก เปลี่ยนจีวรกันได้
๗๕.ห้ามเย็บจีวรให้นางภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ
๗๖.ห้ามเดินทางไกลร่วมกับนางภิกษุณี เว้นไว้แต่หนทาง ที่จะไปมีอันตราย
๗๗.ห้ามชวนนางภิกษุณีเดินทางเรือร่วมกัน เว้นไว้แต่โดยสารหรือข้ามฟาก
๗๘.ห้ามฉันอาหารที่นางภิกษุณีไปแนะให้เขาถวาย
๗๙.ห้ามนั่งในที่ลับสองต่อสองกับนางภิกษุณี
๘๐.ห้ามฉันอาหารในที่ทานเกิน ๑ มื้อ(ยกเว้นแต่ป่วย)
๘๑.ห้ามขออาหารชาวบ้านเพื่อมาฉันรวมกลุ่มกับพวกของตน
๘๒.ห้ามนิมนต์แล้วไปฉันอาหารที่อื่น
๘๓.ห้ามรับบิณฑบาตเกิน ๓ บาตร
๘๔.ห้ามฉันอีกเมื่อฉันในที่นิมนต์เสร็จแล้ว
๘๕.ห้ามพูดให้ภิกษุที่ฉันอีกเพื่อจับผิด
๘๖.ห้ามฉันอาหารในเวลาวิกาล(วิกาลโภชนา)
๘๗.ห้ามฉันอาหารที่เก็บไว้ค้างคืน
๘๘.ห้ามขออาหารประณีตมาเพื่อฉันเอง(ยกเว้นขอต่อผู้ปวารณา)
๘๙.ห้ามฉันอาหารที่มิได้รับประเคน(ยกเว้นน้ำ)
๙๐.ห้ามยื่นอาหารด้วยมือให้ชีเปลือยและนักบวชอื่น
๙๑.ห้ามชวนภิกษุไปบิณฑบาตด้วยแล้วไล่กลับ
๙๒.ห้ามเข้าไปนั่งกีดขวางในห้องนอนของหญิงกับชายที่มีราคะ(เข้าไปขัดจังหวะชายหญิง)
๙๓.ห้ามนั่งในที่ลับมีที่กำบังกับหญิง
๙๔.ห้ามนั่งในที่ลับหูสองต่อสองกับหญิง
๙๕.ห้ามรับนิมนต์แล้วไปที่อื่นไม่บอกลาภิกษุซึ่งมีอยู่
๙๖.ห้ามขอปัจจัยเภสัชเกินกำหนดชนิดและเวลาที่เขาปวารณาไว้
๙๗..ห้ามไปดูกองทัพที่ยกออกไป
๙๘.ห้ามภิกษุมีกิจจำเป็นพักอยู่ในกองทัพเกิน ๓ คืน
๙๙.ห้ามดูเขารบกันเป็นต้นเมื่อมีกิจจำเป็นไปในกองทัพ
๑๐๐.ห้ามดื่มสุราเมรัย รวมของมึนเมาต่างๆ
๑๐๑.ห้ามจี้ภิกษุให้หัวเราะ
๑๐๒.ห้ามว่ายน้ำเล่น
๑๐๓.ห้ามแสดงความไม่เอื้อเฟื้อในวินัย ขืนประพฤติอนาจารอยู่
๑๐๔.ห้ามหลอกภิกษุให้กลัว(หรือตกใจ)
๑๐๕.ห้ามก่อกองไฟเพื่อผิง(ยกเว้นผิงถ่านไฟที่ปราศจากเปลวไฟ )
๑๐๖.ห้ามอาบน้ำบ่อย เว้นแต่มีเหตุ
๑๐๗.ห้ามทำเครื่องหมายจีวรที่ได้มาใหม่
๑๐๘.วิกัปจีวรไว้แล้วจะใช้ถอนก่อน
๑๐๙.ห้ามเล่นซ่อนบริขารของภิกษุอื่น
๑๑๐.ห้ามฆ่าสัตว์
๑๑๑.ห้ามดื่มน้ำมีตัวสัตว์
๑๑๒.ห้ามรื้อฟื้นอธิกรณ์ที่ตัดสินเป็นธรรมแล้ว
๑๑๓.ห้ามปกปิดอาบัติชั่วหยาบ(อาบัติปาราชิก,อาบัติสังฆาทิเสส)ของภิกษุอื่น
๑๑๔.ห้ามบวชบุคคลอายุไม่ถึง ๒๐ ปี
๑๑๕.ห้ามเดินทางร่วมกับโจรหรือพ่อค้าผู้หนีภาษี
๑๑๖.ห้ามชวนผู้หญิงเดินทางร่วมกัน
๑๑๗.ห้ามกล่าวตู่พระธรรมวินัย
๑๑๘.ห้ามคบหากินอยู่ร่วมกับภิกษุผู้กล่าวตู่พระธรรมวินัย
๑๑๙.ห้ามคบหาให้อุปัฏฐากกินอยู่ร่วมกับสามเณรผู้กล่าวตู่พระธรรมวินัย
๑๒๐.ห้ามพูดเลี่ยงเพื่อหวังจะไม่ศึกษาในสิกขาบท
๑๒๑.ห้ามกล่าวย่ำยีดูแคลนพระวินัย
๑๒๒.ห้ามพูดแก้ตัวว่าเพิ่งรู้ว่ามีในปาติโมกข์
๑๒๓.ห้ามทำร้ายร่างกายภิกษุ
๑๒๔.ห้ามเงื้อมือจะทำร้ายภิกษุ
๑๒๕.ห้ามโจทอาบัติสังฆาทิเสสไม่มีมูล
๑๒๖.ห้ามก่อความรำคาญแก่ภิกษุอื่น
๑๒๗.ห้ามแอบฟังความของภิกษุผู้ทะเลาะกัน
๑๒๘.มอบฉันทะให้ทำการแทนแล้วห้ามพูดติเตียน
๑๒๙.ในที่ประชุมสงฆ์ตั้งญัตติแล้วกำลังทำการวินิจฉัยห้ามลุกไปโดยไม่ให้ความยินยอมต่อสงฆ์(เว้นไปสุขา)
๑๓๐.ร่วมกับสงฆ์ให้จีวรแก่ภิกษุแล้วห้ามติเตียนภายหลัง
๑๓๑.ห้ามน้อมลาภสงฆ์มาเพื่อบุคคล
๑๓๒.ห้ามเข้าไปในพระราชฐานชั้นในโดยไม่ได้ รับราชานุญาต
๑๓๓.ห้ามเก็บของมีค่า(รัตนะ)ที่ตกอยู่(เว้นตกในวัดเก็บไว้คืน)
๑๓๔.ห้ามเข้าบ้านยามวิกาลต้องลาภิกษุก่อน(เว้นมีธุระด่วน)
๑๓๕.ห้ามทำหล่อมเข็มด้วย กระดูก,งา,เขาสัตว์
๑๓๖.ห้ามใช้เตียงตั่งมีเท้าสูงกว่า ๘ นิ้ว ด้วยนิ้วสุคต
๑๓๗.ห้ามใช้เตียงตั่งหุ้มด้วยนุ่น
๑๓๘.ห้ามใช้ผ้าปูนั่งมีขนาดเกินกว่าขนาดยาว ๒ คืบกว้าง ๑ คืบ ชาย ๑ คืบด้วยคืบสุคต
๑๓๙.ห้ามใช้ผ้าปิดฝีมีขนาดเกินกว่าขนาดยาว ๔ คืบ กว้าง ๒ คืบ ด้วยคืบสุคต
๑๔๐.ห้ามใช้ผ้าอาบน้ำฝนมีขนาดเกินกว่าขนาด ยาว ๖ คืบ กว้าง ๒ คืบด้วยคืบสุคต
๑๔๑.ห้ามใช้จีวรมีขนาดเท่ากับขนาดยาว ๙ คืบ กว้าง ๖ คืบ ด้วยคืบสุคตปาฎิเทสนียะ

หมวดปาฏิเทสนียะ มี ๔ ข้อ (ปรับเข้าอาบัติทุกกฏ)
๑๔๒.ห้ามรับของเคี้ยวของฉันจากมือนางภิกษุณี
๑๔๓.ให้ไล่นางภิกษุณีที่มายุ่งให้เขาถวายอาหาร
๑๔๔.ห้ามรับอาหารในสกุลที่สงฆ์สมมุติว่าเป็นเสขะ(ตระกูลที่ยากจน)นอกจากป่วยหรือเขานิมนต์แล้ว
๑๔๕..ห้ามรับอาหารที่เขาไม่ได้บอกไว้ก่อนเมื่ออยู่ป่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่