รักแรกของผม...ไม่เคยลืมเลย (ช-ช)

ผมเป็นเกย์ครับ อายุ 27 ปีแล้ว อยากจะมาแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ของผม ที่ผมรู้สึกประทับใจจนถึงวันนี้ เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับความรักครั้งแรกของผม ที่หลายคนอาจจะเคยมีความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน

เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยผมอายุ 17 ปี ตอนนั้นเรียนอยู่ ม.6 จำได้ว่าเพิ่งอกหักจากแฟนที่เป็นผู้หญิงมาหมาดๆ ผมเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กครับ ตอนนั้นยังดำๆ อยู่ เป็นเด็กเรียน เรียบร้อย มีแต่เพื่อผู้หญิง จึงถูกแซวบ่อยๆ ว่าเป็นเกย์หรือเปล่า จนเกิดความสับสน และมาหาคำตอบได้ตั้งแต่มาเจอเค้า....มาร์ช (นามสมมติ)

จำได้ว่าตอนนั้นผมถูกเพื่อนชวนไปทำค่ายอาสาที่โรงเรียนต่างอำเภอครับ เป็นอำเภอที่อยู่ในจังหวัดเดียวกันเพราะมีเพื่อนเก่าสมัยที่ไปเข้าค่ายวิศวะจุฬาฯ ชวนไป ไปเป็นทีมงาน Staff เจอเพื่อนใหม่มากมายครับ ทั้งรุ่นเดียวกัน และรุ่นน้อง ม.4 และ ม.5

ผมจำเป็นต้องไปค้างคืนเพื่อเตรียมงานหลายวันครับ ก็คือไปนอนบ้านเพื่อนที่ชวนไปนั่นแหละ เค้าชื่อว่า “โอปอ” (เพื่อนผู้หญิง) พอรุ่งเช้าก็ต้องเตรียมกิจกรรมต่างๆ กับทีมงาน ในทีมผมมีน้องผู้ชาย ม.5 อยู่คนหนึ่งครับ เค้าชื่อ “มาร์ช” มาร์ชเป็นคนสูง ขาว หล่อ ผิวพรรณดี มาร์ชแต่งตัวดีครับ ใช้ของแพง เหมือนจะเป็นลูกคนมีเงิน เป็นที่จับตาของรุ่นน้องผู้หญิงในโรงเรียนครับ น้องเค้าน่ารักครับ ทำให้ผมอดเเอบมองไม่ได้ แต่ผมหนะไม่ได้สนใจอะไรมากหรอก คนหล่อๆ ขี้เก๊กแบบนั้น อีกอย่างผมเป็นผู้ชายนี่หน่า....

ในระหว่างการเตรียมงาน เจ้ามาร์ช ก็จะชอบเดินมาคุยกับผม ว่าผมเป็นใครมาจากไหน แล้วก็จะมากวนๆ ผม ผมเองก็ไม่อยากจะคิดอะไรมาก ผมก็ทำงานของผมไป แล้วก็สอนน้องบ้างว่าต้องทำอย่างไรตามประสารุ่นพี่ แต่ผมเป็นคนซีเรียสครับ เวลาทำงานจะจริงจัง แต่มาร์ชเค้าจะออกๆ แนวฮาๆ แมนๆ เจ้าชู้ขี้เล่น มันก็ทำให้ผมสนุกไปอีกแบบ

วันต่อมา โทรศัพท์มือถือผมเกิดเสีย โอปอบอกว่าจะหาโทรศัพท์สำรองมาให้ยืมก่อนเพราะว่าผมจะต้องโทรติดต่อกับที่บ้านทุกวัน แล้วก็ไม่พ้น คุณมาร์ชครับ รีบเอาโทรศัทพ์มาให้ผมทันที แต่ผมก็ปฎิเสธ เพราะว่าโทรศัทพ์น้องเค้า เป็นโทรศัพ์รุ่นใหม่ ราคาแพง ผมกลัวจะไปทำโทรศัพท์น้องเค้าเสียหาย แล้วไม่รู้จะชดเชยยังไง ผมเลยขอเป็นเครื่องเก่าของน้องเค้าดีกว่า แต่น้องเค้าก็ยังจะยื้อให้ผมใช้เครื่องใหม่ แถมยังบอกด้วยว่า “เอาเครื่องนี้แหละไป เครื่องเก่ามันไม่ค่อยดีผมไม่อยากให้พี่ใช้ เครื่องใหม่เนี่ย ผมให้พี่ยืมคนเดียวนะ คนอื่นหนะผมไม่ให้จับหรอก” แล้วก็มองยิ้ม

เท่านั้นแหละ ผมก็เห็นสีหน้าของโอปอเปลี่ยนทันที เลยต้องรีบรับของมา แล้วพูดๆ กลบเกลื่อนไปว่า “เออๆ ขอบใจนะ ถ้าพังไม่มีตังซื้อใช้นะ แล้วจะหาว่าไม่เตือน”
มาร์ชเลยตอบมากว่า “แล้วผมจะรู้ได้ไงว่าพี่จะไม่ขโมยของๆ ผม ผมกลัวพี่ขโมยของผมกลับบ้าน เอาเบอร์พี่มาก่อน ถ้าพี่หายไป ผมจะได้โทรตามถูก”
ผมนี่ใจเต้นรัวเลย....มาร์ชหน้ายิ้มๆ โอปอก็ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่รู้จะทำไงได้แต่บอกว่า “เออๆ จำเบอร์ไม่ได้ วันนี้รีบ ถามโอปอได้ไหม” แล้วก็ต้องรีบจ้ำๆ เดินไป....
ระหว่างทำกิจกรรมในบ่ายวันนั้น ผมรู้สึกอยู่ตลอดเวลาเลยว่าถูกมาร์ชจ้องดูตลอดๆ มองไปทางมาร์ชทีไร น้องเค้าจะยิ้มมาทุกที ผมก็ได้แต่ทำเป็นว่ามองผ่าน ไม่เห็น เอ๋อๆ แล้วก็รีบมองไปทางอื่นทุกที...

ตกลางคืน หลังจากผมอาบน้ำเสร็จผมก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นดู โทรศัพท์รุ่นใหม่จอสี อยากรู้ว่ามีฟังก์ชั่นอะไรบ้าง และแล้วก็มีข้อความเข้า “ฝันดีนะครับ”.... เอาล่ะใครหว่า? มาบอกเราฝันดี เลยตอบกลับไปว่า “ใครครับ” แล้วก็ได้คำตอบมาว่า “ไม่บอก” ไอ้เราก็กลัวจะเสียเงิน อีกอย่างเหนื่อยแล้วด้วยเลยล้มต้วนอนไป ในใจก็นึกคิดว่าจะเป็นมาร์ชหรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากทำอะไรมากกลัวหน้าแตก...

เช้าวันต่อมา เป็นวันเตรียมงานวันสุดท้าย วันนี้แปลกที่ไม่มีเจ้าตัวยุ่งมาร์ชมาทำให้รำคาญใจ แต่ก็นึกอดคิดถึงไม่ได้ว่าน้องเค้าไปไหน...เลยไปถามโอปอ โอปอก็ไม่รู้ ผมเริ่มร้อนใจมองหาไปเรื่อยๆ ก็ไม่มี

พอได้เวลาพัก ผมก็เริ่มเดินตามหา ตามห้องต่างๆ  ว่าน้องเค้าอยู่แถวนั้นหรือเปล่า? แต่ก็ไม่มี จนเดินไปที่หอประชุม จำได้ว่าตอนนั้นเดินไปคนเดียวแล้วไม่มีใครเดินตามไปเลย พอหักเลี้ยวเท่านั้นแหละ ก็เห็นหนุ่มมาร์ช ยืนยิ้มอยู่ข้างหน้า ผมนี่ตกใจทำตัวไม่ถูก
“พี่ตามหาผมเหรอ”
“เปล่า พี่มาเดินเล่น” ผมตอบ
“เมื่อเช้าเห็นมองหาผมทั้งเช้า”
“เห้ยยยย ใครบอก”
“แสดงว่าหาผมจริงๆ ใช่มะ”
ผมนี่ไม่รู้จะหลบยังไงเลย
“ไม่รู้ได้ไงล่ะ ก็ผมแอบดูพี่ทั้งเช้าเลย เดินหาทั่วเลยนะ”
โอ้โห้ ใจผมนี่เต้นไม่เป็นจังหวะเลย โดนจับได้แบบคาหนังคาเขา ก็ได้แต่พูดกลบเกลื่อน
“นี่ พี่ก็หาเราไง เห็นว่าไม่มา มันมีงานต้องทำ”
“พี่ห่วงผมก็บอก”
ตอบไม่ถูกเลย
“เออ ก็ห่วงเห็นว่าไม่มา แล้วนี่มาทำไรที่นี่ล่ะ”
“ผมก็มาหาพี่แหละ เดินไวชะมัด ฮ่าๆๆๆ”
ผมไม่รู้จะพูดอะไร ก็เลยตลก กลบเกลือน “ฮ่าๆๆๆ” ตามสภาพ แล้วเราก็เดินกลับด้วยกัน

ระหว่างทำกิจกรรมช่วงบ่าย มาร์ชอยู่ข้างผมตลอด มองผมทำนู้นนี่นั่นแสดงออกจนเต็มที่ จนผมอาย เวลาน้องเค้ายิ้มมานี่ผมทำไรไม่ถูกเลยแต่ก็ต้องทำกลบเกลือน แสดงออกไม่ได้ แอบมียิ้มตอบไปบ้าง แต่ก็ต้องระวังสายตา พวกเพื่อนๆ หรือสาวๆข้างๆ รู้สึกถึงรัสมีอำมหิต..

เวลาที่มาร์ชทำกิจกรรมยุ่งๆ ผมก็จะหันไปแอบมองดูเค้า แต่พอเค้าหันมาผมก็ต้องทำเป็นว่ามองไปที่อื่น ไม่อยากละสายตาเลยครับ น้องเค้าน่ารักจริงๆ ใจดี และหล่อมาก ผมแอบมองเค้า พอเค้าหันมาผมก็ต้องรีบหันไปทางอื่น แล้วหันไปมองอีกตอนที่เค้าหันไปทางอื่น สลับไป สลับมา จนเค้ารู้ตัว รีบหันมามองผม ผมหลับไม่ทัน ก็ต้องทำเป็นมองไปทางอื่น น้องเค้าก็หัวเราะ ผมก็เลยหัวเราะตาม

อยู่แบบนี้มา 1 วันเต็มๆ จนเพื่อนๆ เริ่มสังเกตุเห็น แต่ผมก็พยายามไม่แสดงออกอะไร เพราะไม่อยากจะมโนไปเอง มาร์ชเค้าเป็นหนุ่มเพอเฟค ไม่กล้าอาจเอื้อม...

วันสุดท้ายของค่าย  มาร์ช เดินมาตาแดงจะให้ผมผูกข้อมือให้ ผมก็มานึกได้ว่าจะต้องจากกัน ใจก็หาย น้องบอกว่าผม “ขอกอดได้ไหม” ผมก็กอดน้องเค้าครับ มันอบอุ่นมาก ไม่กล้ากอดแน่น กลัวใจตัวเองจะคิดไกล ผมคืนโทรศัพท์ให้น้อง แล้วผมก็ขึ้นรถกลับบ้าน โดยมาร์ช กับเพื่อนๆ มาส่ง

หลังจากกลับบ้าน ผมก็คิดถึงเรื่องนี้ไม่หาย กะจะโทรไปหาแต่ก็ไม่มีเบอร์ จะไปขอเบอร์ที่โอปอ ก็กลัวเพื่อนจะสงสัย ร้อนใจไม่รู้จะทำไง และแล้วก็มีสายเข้า
“ฮัลโล ครับ”
“ฮัลโล ขอสายพี่เจครับ” (ชื่อผม ชื่อสมมติ)
“ครับ พูดอยู่ครับ”
“นี่มาร์ชเองนะ”

ผมนี่ดีใจมาก แล้วเราก็คุยกันเรื่องต่างๆ นาๆ เราเรื่องของกันและกัน แต่ก็ไม่ได้เล่าเรื่องความรักหรือแฟนอะไร แต่ค่าโทรศัพท์มันแพงครับ ผมเลยต้องออกไปที่ตู้สาธารณะ และโทรเข้าเบอร์บ้านไปเราคุยกันอยู่นาน จนมาร์ชบอกว่าโทรศัพท์เราถูกพ่อแม่ของมาร์ชแอบฟังครับ และมาร์ชทะเลาะกับคุณพ่อคุณแม่ ทางบ้านไม่ชอบที่มาร์ชเป็นแบบนี้แต่มาร์ชก็บอกผมว่าไม่เป็นไร แต่ผมหนะไม่เชื่อหรอก ผมคิดว่าทางบ้านของมาร์ชคงยอมรับไม่ได้เรื่องนี้แน่ๆ ผมเลยนัดเจอน้องเค้าในเมืองครับ ไปดูหนังที่เมเจอร์ด้วยกัน

ผมตื่นเต้นมาก เป็นการเดทครั้งแรกของผม ผมพยายามแต่งตัวให้ดีๆ ให้สมกับฐานะของเค้าหน่อย เราไปดูหนังด้วยกันครับ ตอนนั้นจำได้ว่าเป็นการ์ตูนสนุกๆ ในโรงหนัง เราจับมือกัน และผมก็ซบไหล่น้องเค้า ตื่นเต้นมากครับ เป็นครั้งแรก

ผมซบไปที่ไหล่ครับ ใจก็กลัวว่าคนจะมาเห็น แต่นาทีนี้ไม่สนใจแล้วเพราะว่าไม่รู้จักใครทั้งนั้น มาร์ชก็เอาหัวมาแนบหัวผมครับและหน้าผากเราก็ชนกัน พอหน้าของเราเข้ามาไกล้กันขี้น ใจผมนี่เต้นรัวเลย แต่ก็ไม่กล้าทำไปมากกว่านี้ เลยหลบหน้าหนีครับ เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง จนกระทั้งหนังจบ คนเริ่มลุกจากที่นั่ง เราสองคนก็ลุกขึ้นยืน ผมไม่ทันได้ตั้งตัว มาร์ชก็เอามือมากดที่ไหล่ผม ดึงเข้าไป มืออีกข้างหนึ่งจับที่ท้ายทอยผม แล้วก็พูดว่า “หลบนักใช่ไหม !!!” แล้วก็กดคอผมจูบกลางโรงหนังเลย ผมนี่ทรุดตัวลงเลย ขาอ่อน ริมฝีปากเราทาบกัน มันเป็นริมฝีปากอ่อนๆ นุ่ม ละมุน ที่มาแนบกันเบาๆ ใจผมเต้นรัว นี่คือจูบแรกของผมเลย ตอนนี้ก็ยังจำได้ มันสะกดทุกอย่าง มันคือความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน

พอจูบเสร็จ ผมอึ้งไปเลย ทุกอย่างว่างเปล่า เจ้ามาร์ชเอง ก็หัวเราะแล้วถามว่า “เป็นอะไร” ผมเองไม่รู้จะบอกไงได้แต่อิ้งๆ แล้วบอกไปว่า “เปล่า...ก็ดี” แล้วก็เขินเดินไป

หลังจากนั่นเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านครับ ....

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมต้องไปเรียนพิเศษ และอ่านหนังสือหนักมาก เพราะว่าต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย กำลังใจเดียวที่ผมมีก็คือมาร์ช เราเรียนเก่งกันทั้งคู่ครับ 3.5 อัพ ผมช่วงนั้นมีปัญหาทางบ้านด้วย เพราะคุณแม่ป่วย ผมต้องพาเเม่ไปโรงพยาบาล และผมก็ต้องสอบเข้ามาหาวิทยาลัยด้วย จนทำให้เราห่างๆ กันไป

ผมสอบติดมหาลัยในคณะดัง ต้องไปเรียนต่างจังหวัด ผมพยายามโทรไปบอกมาร์ช แต่ก็โทรไม่ติด ช่วงที่ทำกิจกรรมรับน้อง มาร์ชได้โทรมา ผมก็ไม่มีเวลาคุย เพราะต้องทำกิจกรรม ปรับตัว และย้ายหอ...เราเลยห่างกันไปอีก

ปีถัดมา ผมสอบชิงทุนได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ที่ยุโรปครับ อยากจะบอกเรื่องนี้กับเขา ผมพยายามติดต่อมาร์ช แต่ก็โทรไม่ติด และได้โทรไปถามที่โอปอ โอปอเล่าว่า มาร์ชมีปัญหาทางบ้าน และได้ย้ายไปเรียนที่มหาลัยที่นครปฐม ส่วนรายละเอียดไม่รู้

ผมเรียนจนจบปริญญาโทที่ยุโรป ได้มีโอกาศพบปะผู้คนมากมาย แต่รักแรกของผม จูบแรกของผมผมไม่เคยลืมเลย ผมทำงานเดินทางไปมาระหว่างยุโรป และประเทศไทย หลายๆ ครั้ง ในใจก็แอบหวังว่าจะได้เจอเค้าอีก และแล้ว....

7 ปีถัดมา....ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผมกำลังจะเดินทางกลับยุโรปแต่ตอนนั้นทำงานหนักมาก เลยไม่ได้พิถีพิถันเรื่องการแต่งตัวมากนัก ตอนนั้นผมกำลังจะเอาเงินบาทไทย ไปแลกเป็นเงินยูโร ระหว่างที่ยืนต่อคิวอยู่ ผมก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาคุ้นๆ  แต่ก็ไม่กล้าทัก ได้แต่มองๆ ส่วนเค้าเองก็มองมาแล้วก็ยิ้ม ผมก็ยิ้ม แล้วก็ถึงบางอ้อ ... “มาร์ช !!!”
“พี่เจ”
(พลาดอีกแล้ว เพราะว่าหน้าตาเยินมาก....)
“ใช่ เป็นไงบ้างไม่ได้เจอกันตั้งนาน” ผมดีใจมาก แต่ก็ต้องเก็บไว้ ไม่กล้าแสดงออกเท่าไหร่
“สบายดีครับ จะไปไหนอ่ะ”
“อ่อ พี่จะกลับฝรั่งเศส แล้วมาร์ชล่ะ”
“อ่อ มาร์ชทำงานอยู่ธนาคารที่นี่”
“อืมๆ ดีๆ”  แล้วผมก็ขอตัวกลับ

ในใจก็คิดว่า โอ๊ยยยยย โง่ๆๆๆๆ อยากเจอ อยากกอดแน่นๆ แต่ไม่กล้า อยากจะบ้าตาย ผมหันหลังเดินได้สักพัก ก็เห็นเงาๆ เดินตามมาข้างหลัง
“อ้าว ไม่ไปทำงานเหรอ”
“ทำๆ แต่จะเดินไปทางนี้พอดี พี่ไป Terminal ไหนอ่ะ”
“อ่อ แค่ข้างหน้านี่เอง เครื่องพี่ยังไม่ออกอ่ะ รออีก 1 ชั่วโมง”
“งั้นเดี๋ยวไปส่ง”
ผมนี่ดีใจที่สุด เรานั่งตรงประตูก่อนเข้าเครื่อง แล้วน้องเค้าก็เอามือถือออกมา แล้วน้องเค้าก็เริ่มเล่นไลน์
ผมเลยถามว่า “ไลน์เหรอ อ่อคนไทยเล่นเยอะเนอะ ที่นู้นไม่ค่อยรู้จักเลย”
“พี่ไม่มีไลน์เหรอ?”
“หือ ไมมีอ่ะ ไม่ได้ใช้ ใช้แต่ Whatapp”
ใจก็นึกว่าจะขอไลน์ดีไหม แต่ก็ไม่กล้า...
แล้วเราก็เริ่มเล่าเรื่องราวของเราให้กันฟัง มาร์ชทำงานอยู่ที่สนามบินเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ระหว่างเล่าเรื่อง ผมอยากจะถามคำถามมากมาย แต่ก็ไม่ได้ถาม แม้แต่เฟสผมก็ไม่กล้าถาม....ตัวมาร์ชเองก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้กับผม ผมก็เลยไม่กล้า....

“พี่ต้องไปแล้วนะ”
“ครับ”
“พี่ขอกอดทีได้ไหม”
“เอาดิ”
กอดนี้ผมกอดน้องเค้าแน่นมาก อยากจะบอกเหลือเกินว่าคิดถึง แต่ใจก็ไม่กล้า เพราะว่าไม่รู้ว่าตอนนี้เค้าอาจจะไม่ชอบผู้ชายแล้วก็ได้ อยากจะขอโทษ ที่ตอนนั้นมัวแต่ยุ่งวุ่นวาย จนทำให้เราห่างเหินกัน

แล้วผมก็เดินขึ้นเครื่องไป....

เวลาผ่านไป1 ปีแล้ว ผมไปมา ยุโรปกับไทย อีก 3 รอบเพราะเรื่องงาน คอยมองหา แถวๆ ที่เราได้เจอกันก็ไม่มี เดินตามหาตามธนาคารก็ไม่เจอ ในใจก็เเอบหวังว่าเค้าจะมาดักรอเราเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อก่อน แต่ก็ไม่มีวี่เเวว

ไม่รู้ว่าตัวมาร์ชเองจะมีครอบครัวแต่งงานกับผู้หญิงแล้วหรือยัง ถ้ามาร์ชมีโอกาศได้อ่านเรื่องนี้ ผมอยากจะบอกว่า พี่คนนี้ยังรักและห่วงเสมอ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้แต่ความรักความห่วงใย ที่พี่มีให้ไม่มีวันเปลี่ยน อยากพบอีกครั้ง อยากคุยนานๆ อยากรู้ว่านายคิดอะไร สบายดีหรือเปล่า.....อยากเจออีกจริงๆ

นี่เเหละครับ ความทรงจำดีๆ ที่ผมจะไม่มีวันลืม ช่วงเวลาที่เเสนดีกับความรักครั้งแรกของผม ผมหวังว่าสักวันเราสองคนคงได้มีโอกาศโคจรมาพบกันอีกครั้ง และครั้งนี้ผมจะไม่ปากแข็งอีก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่