อยากทราบว่ามีวิธีจัดการชีวิตสำหรับคนที่ไม่ชอบควันบุหรี่/แพ้ อย่างไรบ้างคะ??

ก่อนอื่นต้องแนะนำตัวเองคร่าวๆว่าเป็นคนที่ไม่ชอบควันบุหรี่อย่างรุนแรง เนื่องจากตนเองเป็นภูมิแพ้อยู่แล้วด้วย และไม่ชอบกลิ่นเหม็นๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  

          ตอนเด็กๆสงสัยมากค่ะ ว่าผู้ใหญ่ที่เค้ายืนสูบบุหรี่เค้าสูบไปเพื่ออะไร เหม็นก็เหม็น เคยไปดูหมอดูนะคะ หมอดูบอกว่า เมื่อถึงอายุ 18 ปีจะเป็นคนชอบเที่ยว ชอบกินเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวผู้ชาย เจ้าชู้ เสเพล มั่วโลกีย์ ซึ่งปัจจุบันอายุ 22 ปี ไม่สุงสิงกับเรื่องพวกนั้นเลยค่ะ เกลียดด้วยซ้ำ ก็เลยคิดว่าหมอดูก็ควรคู่กับหมอเดา ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ก็ถือว่าเค้าเตือนเราให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติค่ะ มีเพื่อนถามมาหลายคนนะคะ เป็นวัยรุ่นมาใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย เธอไม่เคยไปเที่ยวกลางคืนเลย (แต่คือจริงๆก็เคยนะคะ 1-2 ครั้ง ทั้งชีวิต) เหตุผลเพราะว่าบุหรี่นี่แหละค่ะ ทำให้ดิชั้นไม่ได้ทำในสิ่งที่วัยรุ่นปัจจับน วัยมัวเมาได้ทำกัน ทำให้ปัจจุบันยังโสด(ไม่รู้แปรผันตรงกับเรื่องไปเที่ยวกลางคืนหรือเปล่า) และไม่เคยมีแฟนเลยค่ะ (แอบเศร้านิดๆแต่ไม่ใช่ประเด็น) คือทุกวันนี้แม้กระทั่งร้านนั่งชิลล์ ร้านดริ้งเบาๆ ร้านนมที่ขายพวกเครื่องแอลกอฮอล์ด้วย คือถึงแม้จะมีแยกโซน แต่ก็มีเล็ดลอดกลิ่นควันบ้างอะไรบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าคนมันแพ้ นิดๆหน่อยๆก็จะแสดงอาการอ่ะค่ะ คือดิชั้นมีอาการแบบกระวนกระวาย ไม่ชอบ เหม็น แสบจมูก น้ำมูกไหล ปวดหัว รู้สึกเครียดมากๆ เหมือนเจออากาศร้อนๆแดดร้อนๆแล้วจนอยู่อย่างงั้นอ่ะค่ะ คือไปแค่ครั้งสองครั้งละเข็ดเลย จึงทำให้ทุกวันนี้ชีวิตจึงห่างไกลจากแหล่งอโคจรต่างๆไปโดยปริยาย (ซึ่งก็ดีนะคะ) เคยปรึกษาแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ แม่ก็บอกว่า "ดีแล้วที่ลูกเป็นคนดี อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องไปทำอะไรในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำ เพราะคิดว่ามันถูก เราทำในสิ่งที่ถูกในแบบของเรา ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว ใช้ชีวิตไปเถอะ สุขภาพเป็นของใคร ใครก็รัก ใครก็อยากดูแล " เราก็รู้สึกภูมิใจนะคะ ที่อย่างน้อยแม่เราก็ภูมิใจและเห็นเราเป็นคนดี ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ดีอะไรมากมายอ่ะค่ะ
          ที่แม่พูดถึงเรื่องสุขภาพขึ้นมา ย้อนไป 6 ปีที่แล้วนะคะ คือคุณพ่อเพิ่งเสียค่ะ ด้วยโรคมะเร็งปอด (อายุ55 ปี) พ่อเป็นคนที่แข็งแรงมาก เพราะเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอล พ่อเป็นคนที่ดูแลสุขภาพมากๆ จะออกกำลังกายแทบทุกวัน เสื้อผ้าทุกชิ้นจะเป็นเสื้อผ้าแนวสปอร์ตทั้งหมด แม้พ่อจะอายุเยอะแล้ว แต่หน้าตาพ่อไม่เหี่ยวเลย ผมแทบไม่ร่วง มีกล้าม ดูแข็งแรงและดูดีมากๆ หลังจากออกกำลังกายเสร็จพ่อจะกลับบ้านมาวอร์มร่างกาย ซิตอัพตลอดๆ และสิ่งสำคัญก็คือพ่อจะเป็นคนที่ไม่ชอบบุหรี่เอามากๆ (แต่ชอบดื่มเบียร์) พ่อจะเอาสัญลักษณ์ห้ามสูบบุหรี่มาติดเต็มบ้าน และพ่อก็ทำงานเกี่ยวกับมูลนิธิรณรงค์เพื่อยาเสพติดด้วย (สมัยก่อนเรื่องยาเสพติดระบาดมาก) แต่หลังจากพ่อก็ป่วย ล้มลงอย่างไม่มีสาเหตุและเข้า รพ. แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอด ซึ่งพักหลังนี้พ่อไปเที่ยวกับเพื่อนๆของพ่อบ่อยๆ ซึ่งกลุ่มเพื่อนของพ่อเป็นกลุ่มเพื่อนฝรั่งขับช้อปเปอร์ นักดนตรี และศิลปินต่างๆ ทำให้อาจจะได้รับควันบุหรี่มือสองจากการไปเที่ยวดริ้งและมักจะมีคนจุดสูบขึ้นมาระหว่างดริ้ง (ซึ่งมีคนเคยบอกว่าผู้ได้รับควันบุหรี่มือสองจะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งมากกว่าผู้สูบที่มีก้นกรอง) ดิชั้นเสียใจมากๆค่ะ นอกจากเรื่องพ่อแล้ว แม่ดิชั้นก็เป็นมะเร็งเต้านมเหมือนกัน แต่เป็นมา 20 ปีแล้ว ทุกวันนี้แม่ทานอาหารมังสวิรัต และดูแลตัวเองอย่างดีมาก สิ่งที่ดิชั้นกลัวที่สุดคือดิชั้นจะมีโอกาสเป็นมะเร็งในอนาคตจากพันธุกรรมเนื่องจากมีความเสี่ยงสูง ทุกวันนี้ดิชั้นก็ป่วยเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว มีโรคกระเพาะตามมาจากการทำงานเก็บเงินระหว่างเรียนและความเครียดของการเรียนในมหาวิทยาลัย(ที่บ้านขัดสนเงินช่วงนึงเพราะต้องกู้มาสร้างห้องเช่า เลยหาเงินขายของทางไอจีและตามตลาดนัด) แพทย์บอกว่าดิชั้นไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลังทุกชนิด บุหรี่ ยาแก้ปวด(ยกเว้นพารา) อาหารรสจัด การนอนหลังทานอาหารน้อยกว่า4ชั่วโมง เพราะจะทำให้ดิชั้นแสบท้องและอาการหนักขึ้น ซึ่งดิชั้นก็เลี่ยงทุกอย่างโดยเฉพาะแอลกอฮอล์นี่ตัดไปเลยค่ะ เพราะว่าพ่วงไปกับบุหรี่ที่แน่นอนว่าไม่มีอยู่ในสมองอยู่แล้ว ซึ่งเป็นข้อดีที่เสียเงินไปกับเรื่องพวกนี้น้อยลง แต่ปัจจุบันดิชั้นก็ยังจัดการกับชีวิตไม่ได้ในเรื่องควันบุหรี่  
จะขอยกเป็นข้อๆไปเลยนะคะ จะได้แยกให้เห็นประเด็นชัดๆเลย มีดังนี้ค่ะ
1.ช่วงวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมาดิชั้นไปเคาดาวน์ที่เชียงคานมาค่ะ อากาศเย็นสบาย หมอกลงเบาๆ ใครๆก็อยากไปเที่ยว เพราะเป็นสถานที่ที่เหมาะกับอากาศและลมหนาว แต่ทำไมน่ะหรอคะ? พออากาศหนาวจะทำให้มีคนอยากจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบมากขึ้น เค้าอาจจะไม่รู้ตัวนะคะ ว่าที่ๆเค้ายืนมันไม่ใช่ต้นลม ลมมันพัดมาควันบุหรี่ก็ได้กลิ่นกันทุกคนค่ะ ยิ่งช่วงเทศกาลคนเยอะมาก ทุกคนได้กลิ่นกันหมดค่ะ แต่ก็พูดไม่ได้ เพราะเค้าเป็นผู้ชายวัยกลางคน หน้าตาเหี้ยมๆหน่อย ลำพังตัวเองเป็นผู้หญิงตัวเตี้ยๆ ไม่อยากจะไปว่าอะไรเขาหรอกค่ะ กลัวโดนสวนกลับมา เพราะเคยเจอมาแล้วค่ะ ครั้งนึงก่อนหน้านี้ที่นี่แหละ ไปบอกว่า "โทษนะคะ รบกวนหยุดสูบได้ไหมคะ ดิชั้นแพ้บุหรี่ค่ะ " เค้าก็ทำหน้าเสียสติ และต่อว่าดิชั้นว่า "ยุ่งอะไรด้วย อยู่ห่างกันตั้งไกล เธอยังจะได้กลิ่นหรอ?" ตอนนั้นดิชั้นปลีกตัวไม่ได้จริงๆ เพราะคนมันเยอะ พื้นที่มันแคบ แออัด จะให้ดิชั้นกระโจนตัวออกไปก็ไม่ได้ ตอนนั้นกำลังถ่ายรูปริมโขงอยู่กับพระอาทิตย์ ถ้าเกิดว่าวิ่งไปหลบควันบุหรี่ในห้องพักแล้วจะให้ดิชั้นมาเที่ยวทำไมละคะ? ดิชั้นมั่นใจค่ะ ว่าผู้หญิงแม่ลูกอ่อนคนที่อยู่ข้างๆดิชั้นก็ไม่พอใจคุณเช่นกัน เพราะเค้าหอบลูกมาด้วย ใครจะอยากให้ลูกตนเองสูดดมควันที่ไม่ดีล่ะคะ ที่สาธารณะมันไม่ใช่ที่สูบบุหรี่อ่ะค่ะ นี่ยังไม่รวมถึงคนท้องนะคะ
2.ไปทานสเต็กที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับเพื่อนตอนเวลา 2 ทุ่ม มีผู้ชายโต๊ะข้างๆจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ สูบประมาณ 3 มวนต่อกัน มวนแรกยอมรับว่าดิชั้นทนค่ะ เพราะคิดว่ามันจะจบ แต่พอมวนที่2-3 เริ่มไม่ไหวค่ะว่าอะไรกันหนักกันหนา ร้านสเต็กมีเบียร์มาเสริฟก็จริงแต่มันไม่ใช่ร้านเหล้า ร้านนั่งชิวล์ คือนอกจากจะขายสเต็กที่ร้านมีตามสั่งด้วย และมีครอบครัวมากินด้วย ดิชั้นไม่พอใจมากค่ะ ย้ายโต๊ะไปข้างใน แต่ปรากฏว่ากลิ่นมาอบเข้าไปข้างในค่ะ หนักกว่าเดิม ไม่ไหวจึงบอกพนักงานให้ไปสะกิดเป้าหมายให้รู้ตัวว่า โต๊ะนี้มีคนเป็นภูมิแพ้ ช่วยหยุดสูบได้ไหม เค้าก็ดีนะคะหยุดสูบ และเรื่องก็จบลง คือหลายคนมองเป็นเรื่องเล็ก หรือแบบว่าถ้าคุณจะเรื่องมากสมัยนี้ใครก็สูบกัน ทำไมไม่ไปซื้อสเต็กมากินเองที่บ้านไรแบบนี้  บางทีเราก็อยากได้บรรยากาศที่ร้าน เรื่องแบบนี้มันพูดยากค่ะ แต่ถ้าคุณติดบุหรี่จริงๆน่าจะทำตัวให้เรียบร้อยก่อนออกมาจากบ้านนะคะ เพราะคนที่ไม่สูบบุหรี่บนโลกนี้มีมากกว่าคนสูบอีกค่ะ
3.ตอนปิดเทอม ไปหารายได้พิเศษที่ร้านขายของสะดวกซื้อ(ร้านของชำแถวบ้านไม่ใช่เฟรนไชย์) แน่นอนว่าร้านสะดวกซื้อเป็นห้องแอร์ จะมีเด็กมาส่งของในร้านเป็นประจำ ดิชั้นไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่า การส่งของมันทำให้เครียดถึงขนาดต้องสูบบุหรี่หรอคะ? ซึ่งที่ดิชั้นโดนมันมากกว่านั้นค่ะ คือ เด็กส่งของมักจะคาบบุหรี่ทุกคนและสองมือจะยกของหนักๆ เดินเข้ามาในร้าน ขนของประมาณ 10 กล่องลังต่อครั้ง พอเด็กออกไป ดิชั้นต้องกลั้นหายใจ และเปิดพัดลมเพิ่มหันพัดลมไปทางประตู (จากที่มีแอร์เปิดอยู่แล้ว) แล้วเปิดประตูออก  เพื่อไล่อากาศ เป็นประจำประมาณ 10-20 นาที (เพราะที่ร้านเล็กค่ะ และเป็นห้องทางแคบเข้าไป กลิ่นมันเลยยังอยู่ และมีแอร์ตัวเดียว) ถามว่าเกรงใจเจ้าของร้านไหม ตอบว่ามาก เพราะเจ้าของร้านเป็นคนประหยัด และเป็นญาติของญาติอีกทีค่ะ แต่เวลาที่ดิชั้นทำแบบนี้ญาติจะไม่ได้เฝ้าด้วย แต่บางวันถ้าพ่อเจ้าของร้านนั่งดูทีวีข้างในห้องอีกทีนึง ดิชั้นจะไม่ทำค่ะ เพราะเค้าจะได้ยินเสียงพัดลม ดิชั้นต้องทนค่ะ
4.ขับรถมอเตอไซต์ในเมือง (ที่ตจว.) คือจะไปซื้อกับข้าวให้แม่ค่ะ แต่ มักจะเจอกับรถมอเตอรไซต์คันข้างหน้า สูบบุหรี่ คือไม่คาบ ก็ถือคีบไว้ที่มือ ไม่ก็รถบรรทุกที่คนขับจะชอบยื่นแขนออกมาถือบุหรี่ไว้ ถ้านับความถี่ก็อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งที่จะพบเหตุการณ์อันเลวร้ายนี้ หลายครั้งที่ดิชั้นพยายามแซง ยิ่งรถบรรทุก มีครั้งนึงที่ดิชั้นจะพยายามแซง แต่เกือบโดนรถชน เพราะว่ารถบรรทุกเป็นรถใหญ่ ขับเร็ว บางทีก็ขับกลางถนน หลบทางไม่ได้ หลังจากครั้งนั้นก็ระมัดระวังมากขึ้น ไม่แซงเพราะอันตราย แต่ถ้ามมอเตอไซต์ด้วยกันจะพยายามแซงค่ะ แต่มันจะแซงไม่สำเร็จเพราะเป็นคนขับรถช้าอยู่แล้ว ซึ่งดิชั้นก็ต้องทนค่ะ
5.ไปทานเค้กที่ร้านเค้กแห่งหนึ่งกับเพื่อน แต่เจ้าของร้านเป็นคนสูบบุหรี่จัด เลยยืนสูบบุหรี่หน้าร้าน (แอบมุมแถวเก้าอี้หน้าร้าน) ในร้านเป็นห้องแอร์ค่ะ แต่เป็นประตูเลื่อน ถ้าเลื่อนเข้าเลื่อนออกจากลูกค้าที่เข้าร้าน กลิ่นจะโชยทันที เพราะแอร์ดูดควันเข้าจากเครื่องแอร์ที่อยู่ในสุดของร้าน (เจ้าของร้านสูบจัดมาก 7-8 มวนต่อครั้ง) ดิชั้นไม่ไปอีกเลยค่ะ และไปแต่ร้านที่มีเจ้าของร้านเป็นผู้หญิงหรือเป็นครอบครัวแม่ลูกอ่อนแทน แต่โชคร้ายที่ร้านแบบนี้มักเปิดตอนกลางวัน และปิดหกโมงเย็น ดิชั้นซึ่งเพิ่งเลิกจากการไปขายของตลาดนัดตอน4ทุ่มก็เลยต้องได้ลดน้ำหนักลงไปโดยปริยาย
6.ไปรับน้องที่โรงเรียนประถม เป็นน้องญาติค่ะ ญาติวานให้ไปรับเพราะไม่ว่าง วันนั้นเป็นกีฬาสีเลยเลิกบ่ายสาม เด็กๆก็จะอยู่บนอัฒจรรย์ เตรียมลงมาหลังจากเชียร์เสร็จ ผู้ปกครองจะนั่งรอข้างล่างหลังจากดูโชว์ที่เด็กๆแสดงแปรแสตนด์ไปแล้ว ดิชั้นนั่งดูอยู่ก็ได้กลิ่นตุๆคล้ายบุหรี่ (เป็นเรื่องปกติที่จะไวเป็นพิเศษ) ดิชั้นก็เห็นภารโรงกวาดขยะ พร้อมปากคาบบุหรี่ไปด้วย กำลังเก็บขยะและกวาดใบไม้หลังอัฒจรรย์เงียบๆคนเดียว แต่กลิ่นควันที่ลอยขึ้นไปข้างบน ซึ่งเด็กๆก็นั่งกันเด็มอัฒจรรย์ มันไม่ใช่เรื่องดีเลย หลังจากเสร็จงานดิชั้นให้น้องรอกับเพื่อนก่อน แล้วดิชั้นจึงเดินไปบอกภารโรง เค้าก็ยิ้มๆค่ะ แต่เหมือนจะไม่รู้เรื่อง เพราะเหมือนเค้าจะเป็นลุงแก่ๆคนนึงที่ไม่รู้ประสีประสา (เดาเอาไม่ได้ตั้งใจดูถูก) แกก็อืมๆไปตามประสา แต่ก็ไม่ได้ขอโทษอะไร
7.สถานีขนส่ง หรือบขส. เรื่องนี้ทุกคนรู้ดีค่ะ โดยเฉพาะคนขับรถ จะสูบบุหรี่ ทั้งๆที่มีป้ายห้ามสูบบุหรี่จาก สสส. นะคะ แต่ว่าทุกคนก็สูบหน้าป้าย (ตอนนั้นไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปอยากถ่ายรูปมากๆ) ช่วงนั้นจะนั่งรถเข้า กทม ไปซื้อของที่ jj มาขาย ตอนเดินในชานชาลาดิชั้นต้องปิดปากและจมูกจนถึงขึ้นรถค่ะ แต่บางทีที่รถจอดให้เข้าห้องน้ำ คนขับรถมักแวะสูบบุหรี่และรีบกลับเข้ามาโดยเร็ว โดยที่กลิ่นยังเต็มปากอยู่ บางทีกลิ่นก็จะฟุ้งเต็มรถ ร่วมกับประตูรถที่เปิดให้เข้าออกผู้โดยสารที่เข้าห้องน้ำ ดิชั้นรับไม่ได้จริงๆค่ะ เพราะอากาศในรถก็ไม่ได้ดีอะไรตั้งแต่แรก (เป็นกลิ่นในรถอับๆอ่ะค่ะ) พอมีควันบุหรี่ฟุ้งเข้ามา ดิชั้นต้องรีบเอายาดมมาอุดไว้เลย แล้วก็กินพาราไป 1 เม็ด พักหลังดิชั้นเปลี่ยนเป็นสั่งของมา แต่ราคาจะแพงขึ้น กำไรน้อยลง ก็ต้องยอมรับสภาพค่ะ แต่บางทีช่วงปิดเทอมก็จะฝากเพื่อนที่เรียนกทม.ให้ขนกลับมา ก็ถือว่าโชคดี แต่บางทีเพื่อนก็ยุ่ง ก็ไม่ได้ฝาก ก็โชคร้ายไป

เหตุการณ์ทำนองนี้ยังมีอีกเยอะค่ะ และดิชั้นเชื่อว่า ทุกๆคนก็ต้องมีปัญหาแบบดิชั้น ดิชั้นกลุ้มใจมาก และรู้สึกว่าทำไมสังคมทุกวันนี้ลำบากจัง ทั้งๆที่ดิชั้นก็ไม่ได้เป็นโรคร้ายอะไร เคยไปหาแพทย์ เค้าบอกว่า เป็นภูมิแพ้อากาศมากกว่า (ชอบเป็นตอนตื่นนอน อาการคือ ไอ จาม มีน้ำมูก แต่สายๆจะหาย) แพทย์บอกไม่จำเป็นต้องใช้ยา เพียงแต่หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น บุหรี่ เพราะจะทำให้ระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ อย่าว่าแต่ชีวิตประจำวันเลยค่ะ แม้แต่ที่ รพ. เวลาไปหาแพทย์ ญาติผู้ป่วยหลัง รพ. สูบบุหรี่เพียบ เศษขยะก้นกรองเรี่ยราดเป็นขยะทุกที่ หรือ ไป อำเภอ ก็มีข้าราชการสีกากี ยืนสูบบุหรี่กับเป็นวง หลังตึก เป็นภาพที่ ไม่เหมาะสมกับเยาวชนมากๆ (หลังอำเภอ เป็นโรงเรียนประถมที่ไปรับน้องนั่นแหละ ) แม้แต่ดิชั้นไปตัดผมที่ร้าน ขณะที่กำลังสระผม ตัดผมแล้ว และรอระหว่างทำสี ช่างก็ไปยืนสูบหรี่หลังร้าน และกลับมาล้างให้ดิชั้นด้วยปากที่พูดไป ควันออกมาพร้อมกับกลิ่น ดิชั้นก็ต้องนั่งทน เป็นชั่วโมง (ช่างชอบชวนคุย)
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
จากเหตุการณ์ส่วนนึงที่ดิชั้นได้ยกตัวอย่างมานะคะ ในชีวิตประจำวันของเราแทบจะตลอดเวลาจะต้องได้สัมผัสหรือพบเจอกับควันบุหรี่อย่างไม่คาดคิดอยู่เสมอ ทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งมากขึ้น แม้แต่ผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ใน รพ. ก็เป็นผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ พบว่ามีจำนวนมากขึ้น อยากให้ทุกคนตระหนักถึงเรื่องนี้นะคะ แหล่งอโคจร ต่างๆดิชั้นว่าก็น่าจะเพียงพอแล้วต่อการมัวเมาหรือหมกม่นกับ แอลกอฮอล์ บุหรี่ อะไรพวกนี้ อย่าให้ชีวิตประจำวันกลางวันแสกๆ เอาบุหรี่มารบกวนคนรอบข้างในที่สาธารณะอีกเลย หากคุณติดจริงควรจะหาทางบำบัดซะหรือทำตัวเองให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน หรือไปสูบในห้องอับ เพื่อเป็นการให้เกียรติกับคนรอบข้าง อย่าให้คนอื่นมาดูถูกคุณว่า "เห็นแก่ตัว " เพียงเพราะคุณเอาบุหรี่เข้ามาในชีวิตของคุณเลยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่