ควรบอกไหมคะว่ามีธุรกิจส่วนตัวใน Resume สมัครงาน ตอนนี้อยากกลับมาทำงานประจำน่ะค่ะ

สวัสดีค่ะ ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ ดิฉันอายุเพิ่ง 28 ปี เมื่อสองเดือนก่อน
กำลังวิตกกับการหางาน บางที่เค้ารับคนอายุไม่เกิน 27 แล้วค่ะ อยากจะร้องไห้
เริ่มหว่านใบสมัครงานไปแล้ว ซึ่งสายงานของดิฉันมีงานให้เลือกไม่มากนัก จึงส่งไปได้ไม่ถึง 5 ที่ และเงียบหายหมดเลย
สายงานที่ถนัดนั้นรับคนจำกัดอยู่แล้วด้วย งานที่ท้าทายน่าสนใจนานๆ จะเปิดรับที แถมวงการตอนนี้ค่อนข้างซบเซา

ดิฉันเลยสงสัยว่าเป็นเพราะเขียนบอกใน Resume ไปว่างานล่าสุด คือ ผู้จัดการธุรกิจส่วนตัวของครอบครัวหรือเปล่าคะ
จริงๆ เป็นงานสายเดียวกับอาชีพที่ทำมาเลย เพียงแต่เปลี่ยนบทบาทมาเป็นคนขายแทนคนผลิตอ่ะค่ะ

ทีนี้พอมาลองคิดๆ ดู บางทีบริษัทหรือ HR เค้าอาจจะมองว่าดิฉันอาจจะมีแนวโน้มออกจากงานเมื่อไหร่ก็ได้หรือเปล่าคะ
เพราะมีธุรกิจของตัวเองอยู่แล้ว เค้าถึงไม่รับพิจารณาเลย
แม้ประสบการณ์เราจะปึ้กมาก อย่างน้อยๆ ก็น่าจะได้เข้าสัมภาษณ์บ้างซักที่

ขอเล่าย้อนความหน่อยนึงว่าก่อนหน้านี้ทำงานในวงการสื่อสิ่งพิมพ์
มีประสบการณ์ในสายเฉพาะทาง เกือบ 5 ปี มีผลงานที่แสดงศักยภาพอยู่หลายชิ้น
ได้ทำงานประจำที่ถนัด เป็นงานในฝันเลยก็ว่าได้ เป็นรุ่นบุกเบิกสร้างสำนักพิมพ์กันมาจนมีแววไปได้ดี แต่ยังไม่ค่อยมั่นคงนัก
ดิฉันก็พยายามคิดไว้เสมอว่าเราต้องเตรียมพร้อมหาทางหนีทีไล่ แต่ก็ไม่คิดว่าบริษัทจะไปเร็วเมื่อย่างเข้าสู่ปีที่ 3
เราไม่ใช่ฝ่ายบริหารอ่ะค่ะ ไม่มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นมากนัก แม้เราจะมองจุดที่พลาดออก แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
พอถึงวันที่ สนพ.ปิดตัวจริงๆ ก็แอบอกหักมากทีเดียว
แถมมาปิดเอาตอนนึกว่าทุกอย่างจะยังพอไปได้ แต่สุดท้ายก็ต้องมาตกงานกะทันหันค่ะ
โชคดีที่ก่อนหน้านั้นดิฉันกำลังเริ่มทำร้านของตัวเองไปด้วย
รีโนเวทแผงนิตยสารของที่บ้าน (ตึกแถว 1 คูหา 5 ชั้น) เป็นร้านหนังสือเต็มตัว ซึ่งดิฉันตั้งใจทำเอาไว้เป็นแผนสำรองเผื่อตอนแก่ค่ะ
กะจะมาทำเต็มตัว 35 อัพ อะไรแบบนั้น แค่กะจะเริ่มไว้ก่อน พอดีประจวบเหมาะอะไรหลายอย่างที่ทำให้เราเห็นความเป็นไปได้ทางธุรกิจ
มีคอนเนคชัน อุดมการณ์และแรงบันดาลใจทำให้ตัดสินใจทำร้านหนังสือ โดยใช้เงินทุนส่วนตัวทั้งหมด

แต่ด้วยความที่ธุรกิจนี้กำไรไม่มาก แค่พออยู่ได้ ไม่เจ๊ง เพราะไม่มีค่าเช่า ทำเลก็ติดถนน อยู่ในย่านชุมชนและราชการ
แต่หนังสือไม่ใช่สินค้าที่ขายได้ง่ายอย่างสินค้าอื่นค่ะ ถ้าไม่เจ๋งจริงก็อยู่ยากทีเดียว
เงินหมุนเวียนไม่พอมาพัฒนาร้าน เช่น วางเงินมัดจำหนังสือหลักหมื่น เพื่อเพิ่มหนังสือสำนักพิมพ์ที่ต้องการเข้าร้าน เป็นต้น
รายได้หลักยังคงอยู่ที่แผนกนิตยสารของคุณพ่อ ส่วนแผนกหนังสือ กำไรไม่ถึงหมื่นต่อเดือน บางเดือนตกไปห้าพันก็มี
และเมื่อมองปัญหาและจุดอ่อนของร้านตัวเองแล้วก็คิดว่าคงยากจะดึงกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้นได้ ถ้าไม่ขยายเปิดพื้นที่ทำกิจกรรมบนชั้นสอง
และทำกิจการอื่นควบคู่ไปด้วยตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า เช่น มีพื้นที่นั่งทานขนมกับเครื่องดื่ม เป็นต้น ก็ต้องมีทุนอีกหลายแสน
เงินแผนกนิตยสารกับแผนกหนังสือคนละกระเป๋ากันนะคะ ถ้าดิฉันจะพัฒนาอะไรเพิ่มต้องเก็บเงินมาออกเองหมด
เพราะทางคุณพ่อก็ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว

ดิฉันไม่อยากกู้เท่าไหร่ จึงคิดจะกลับมาทำงานเก็บเงินอีกครั้ง และคิดถึงการทำงานสำนักพิมพ์ด้วย อายุยังทำได้อยู่
ตอนนี้ถ้าหางานไม่ได้จริงๆ ก็ทำใจ ทำร้านต่อไป ทุกร้านเล็กๆ ก็กำไรน้อยท้อแท้ไม่ต่างกัน แต่ก็ไม่หมดหวังหรืออยากล้มเลิกกันนะคะ
ทางเลือกอีกทางคือหันมาเป็นนักเขียน เขียนหนังสือส่งประกวดหรือส่งสำนักพิมพ์ แต่ก็ต้องใช้เวลาทุ่มเทอย่างมาก ไม่ใช่จะสำเร็จง่ายๆ
อีกทางคือทำงานฝีมือขายในเว็บ Etsy ค่ะ เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้องานศิลปะในต่างประเทศ

แต่ตอนนี้เมื่อไม่สามารถโฟกัสอะไรได้อย่างเต็มที่ ทำให้ยากมากทีเดียวที่จะทำอะไรได้สำเร็จ ค่อนข้างชีวิตสับสนทีเดียวค่ะช่วงนี้
ขอคำแนะนำและกำลังใจ รวมถึงฝากอุดหนุนร้านหนังสืออิสระทั่วประเทศด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่