รีวิว A Hard Day (2014) หนังทริลเลอร์ที่โคตรสนุกจากเกาหลีใต้

A Hard Day (2014)


1) พล็อตหนังเล่าเหตุการณ์ต่อเนื่องทับซ้อนกันคือ งานศพแม่ของเขากำลังเริ่ม, ตำรวจสืบสวนภายในกำลังมุ่งหน้าไปยึดหลักฐานเพื่อจับเขาข้อหารับสินบน, และเขาเร่งรีบจนขับรถชนคนตาย แล้วตั้งแต่นั้นมันเป็นเรื่องของคนที่โคตรซวย ซวยฉิ_หาย ซวยแบบ non-stop ทำอะไรก็ไม่เป็นดั่งใจต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอด หนังสร้างสถานการณ์ให้ตัวเอกประสบเคราะห์กรรมจนคนดูต้องขำในโชคชะตาที่โคตรซวยของเขา เป็นหนังที่บันเทิงโคตร ๆ ในความทุกข์ยากของตัวละคร คำจำกัดความชื่อหนังว่า hard day มันยังดูเบาไปเลยเมื่อเราเห็นสิ่งที่ตัวละครเผชิญ

2) โหมดที่ยอดเยี่ยมคงหนีไม่พ้นการเป็นหนังทริลเลอร์ระทึกขวัญด้วยการโหมกระหน่ำสร้างอุปสรรคให้ตัวละครต้องแก้ไข ความซวยของตัวละครคือความบันเทิงสุด ๆ สำหรับคนดู อันที่จริงเรากำลังเอาใจช่วยให้เขาทำชั่วสำเร็จด้วยซ้ำ แม้มันจะมีบางอย่างที่รู้สึกว่ายัดเยียดพล็อตความบังเอิญเข้ามา แต่มันยังทำให้เราสนุก ไม่รู้สึกว่าเว่อร์จนน่าหงุดหงิด มีความบังเอิญในระดับกำลังดี หนังทำให้ผมนั่งขำได้ตลอดทั้งที่มันไม่ใช่หนังคอเมดี้แต่เป็นหนังทริลเลอร์ลุ้นระทึกของแท้



3) ชอบการกำกับภาพฉากไล่ล่าในหนังเรื่องนี้มาก ฉากแรกคือ car chase ที่ผมคิดว่าเขาได้แรงบันดาลใจมาจากหนังออสการ์เรื่อง The French Connection (1971) เทคนิคที่ A Hard Day ใช้คือการถ่ายบางส่วนด้วยวิธี "Undercrancking" หรือการถ่ายความเร็วต่ำ เช่นถ่าย 12 เฟรมต่อวินาที แล้วนำมาฉายที่ 24 เฟรม ภาพที่ได้ก็จะเร็วกว่าถึงสองเท่า กับอีกฉากคือตอนใช้มุมกล้อง Bird's Eye View โชว์ฉากไล่ล่าจากมุมสูง ตอนดูนี่รู้สึกอย่างกับเล่น GTA สมัย PS1 (ใครเกิดทันน่าจะเก๊ท) ผมว่าสองฉากนี้มันโชว์ฝีมือผู้กำกับว่าคุมหนังทริลเลอร์ได้อยู่หมัด

4) หนังมันมีความสมเหตุสมผลในการเอาตัวรอดและไม่รอดของตัวละครนำ องค์แรกของหนังมันพูดถึงการหาทางเอาตัวรอดจากเรื่องวุ่น ๆ ที่เจอ พอทุกอย่างเหมือนจะลงตัวก็เข้าสู่องค์สองที่เป็นการสืบสวนไล่ล่า (แต่ก็ยังซวยไม่เลิกอยู่ดีนะ ฮ่าๆๆ)



5) แต่ผมไม่ค่อยชอบองค์สามเท่าไรเพราะมันเหมือนทิ้งดาบที่ถือไว้ตลอดทั้งเรื่องแล้วไปจับกระบองมาไล่ฟาด (ไม่ได้บอกว่าองค์สามไม่ดี แค่ไม่ชอบ) เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ ว่าทำไมถึงไม่ชอบ ยกตัวอย่างหนังของ 'เวส คราเวน' เรื่อง Red Eye ที่แบ่งเป็นสามองค์คือโรแมนติก, ทริลเลอร์ชิงไหวชิงพริบ และปิดองค์สุดท้ายด้วยทริลเลอร์สยองขวัญฆาตกรโรคจิตแต่ผมชอบองค์สามของ Red Eye เพราะเรามีความผูกพันกับสไตล์หนังของเวส คราเวนจนรู้สึกสนุกและชอบที่เขาเอาลายเซ็นตัวเองมาใช้ปิดหนังชิงไหวชิงพริบ แต่กลับ A Hard Day ผมไม่ได้รู้จักผู้กำกับ พอเห็นหนังที่เลือกใช้สไตล์หนึ่งเล่าเรื่องอย่างดีแต่หาทางลงไม่สวยจึงอดเสียดายไม่ได้ แต่กระนั้นในความไม่ชอบองค์สุดท้ายก็ยังชอบในความแข็งแรงของธีมหนังที่ยังประเคนความซวยให้ตัวละครนำได้ไม่รู้จบ!!

6) ลูกเล่นการกำกับทริลเลอร์ฉากที่ชอบที่สุดยกให้ตอนส่งของช่วงท้าย มันทั้งลุ้นระทึกทั้งฮา ที่ฮาคือเราฮาว่ามันจะไม่เป็นดั่งใจอะไรขนาดนั้น ทั้งลุ้นทั้งฮาไปพร้อม ๆ กัน เป็นฉากที่ผู้กำกับโชว์ฝีมือโดยแท้ ชอบที่ฉากนี้มันสามารถขยี้ความลุ้นระทึกซ้ำ ๆ ได้ในฉากเดียว จากที่คิดว่าจะไม่รอดกลายเป็นรอดแบบหายใจไม่ทั่วท้องแล้วเขาก็ขยี้ซ้ำให้คนดูรู้สึกแบบเดิมอีกรอบทันที เก่งมากยกนิ้วให้เลย (แถมยังฮาด้วย)



7) ใครกำลังมองหาหนังทริลเลอร์น้ำดีที่โคตรสนุก ย้ำว่าโคตรสนุก ผมไม่อยากให้พลาด A Hard Day เลยจริง ๆ ครับ

Director: Seong-hoon Kim

Genre: crime, thriller, action
8/10

--------------------------------------------------------------------------
ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ หนังโปรดของข้าพเจ้า
https://www.facebook.com/MyFavouriteFilms
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่