เรื่องของอดีตนักแสดงที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังจากการที่เป็นนักแสดงและได้รับบทเป็น Birdman แต่วันนี้กลับตกอับ ไม่มีใครมาสนใจ เหลียวแล และเขาต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยการแสดงละครบรอดเวย์ แต่แล้ว Birdman ก็กลับมาหาเขาอีกครั้งพร้อมกับทำให้เขานึกถึงวันที่เคยโด่งดัง ทำให้เขาต้องสู้กับอดีตเพื่อโอกาสที่จะกู้ชื่อเสียงของเขา
เป็นหนังดราม่า ตลกร้าย ที่จิกกัดวงการฮอลลีวูดได้เจ็บแสบมาก เพราะกัดทั้งดารา คนทำหนัง นักวิจารณ์ หรือแม้แต่คนดู เหมือนโดนตบหน้าเป็นฉาดๆ กับการกระแนะกระแหน หนังดังๆหลายเรื่องที่สร้างชื่อให้นักแสดงจากบทบู๊แอคชั่นถล่มด้วย CG กับชุดซุปเปอร์ฮีโร่สุดประหลาด แค่นี้ก็สร้างชื่อให้เป็นที่จดจำของคนดูได้ทั่วโลกแล้ว เจ็บจี๊ดใจมาก!
การเดินเรื่องเป็นแบบ Long Take เทคนิคเริ่ด ที่ดูกลมกลืน แถมด้วย soundtrack ที่สุดยอดในการแสดงอารมณ์ จังหวะ และความรู้สึกของตัวละครได้เข้ากัน (จังหวะกลองแอบทำให้รู้สึกถึงเรื่อง Whiplash) เล่าด้วยละครซ้อนภาพยนตร์ที่ผสมจินตนาการที่แปลกแหวกแนว ทั้งตลกร้าผสมดราม่า ชวนเพ้อเหมือนคนสองบุคลิก ที่อยากพยายามพิสูจน์ตัวเอง ด้วยการฉีกหน้ากาก แล้วแสดงตัวตนออกมาเพื่อให้คนสนใจ และยอมรับในตัวริกแกนอีกครั้ง
เป็นหนังที่เน้นแค่บท และพลังในการแสดงของนักแสดงล้วนๆ แหวกแนว แหวกตลาด องค์ประกอบเริ่ด ไม่ต้องเน้นขายแอ็คชั่น CG มี Soundtrack เหมือนเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ ความรู้สึกให้ระเบิดออกมา แบบขำๆ แสบๆ คันๆ สมแล้วที่ได้เข้าชิง Oscar หลายสาขา และคงจะไปสกิดต่อมนักวิจารณ์เข้าหลายคน 5555
นักแสดงทุกคนแสดงได้ดี มีพลังมาก โดยเฉพาะ
Michael Keaton ที่รับบท ริกแกน เบิร์ดแมน อดีตนักแสดงหนังฮีโร่ตกอับ ที่มีความซับซ้อนในตัวละครสูงมาก เหมือนคนหลายบุคลิก
Emma Stone นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าชิงรางวัลใหญ่อย่างออสการ์ บทของเธอในเรื่องนี้อาจดูไม่เยอะ แต่ถือว่าได้แสดงความสามารถกว่าเรื่องอื่นที่ผ่านมา และเธอก็ทำออกมาได้ดี ด้วยบทลูกสาวที่มีปัญหาและไม่ค่อยลงรอยกับพ่อ (สวยด้วย น่ารักด้วย อันนี้อวย 555)
Edward Norton กับบท ไมค์ ที่ถือเป็นตัวแทนของนักแสดงรุ่นใหม่สมัยนี้ ที่มีความสามารถแต่กลับสร้างชื่อเสียงแบบฉาบฉวย เหมือนเสแสร้งแสดงละครตลอดเวลาแม้แต่ในชีวิตจริง เอ็ดเวิร์ด แสดงได้ดีมาก
สรุป
- เป็นหนังดราม่า ตลกร้าย ที่เหมาะสำหรับคอหนัง ที่ผ่านการดูหนังมาเยอะพอสมควร เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่เก็ตมุข จิกกัด ในหลายๆฉาก
- เทคนิคการถ่ายทำแบบ Long Take ที่ดูไหลลื่น แปลก แต่น่าสนใจ
- Soundtrack เป็นส่วนช่วยกระตุ้นอารมณ์คนดูของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
- ในเรื่องนี้มีนักแสดงดังๆ หลายคน และนักแสดงหลายคนได้แสดงพลังออกมาด้วยบทที่ใช้อารมณ์ล้วนๆ
- ด้วยบท และการเล่าเรื่องที่แปลกนี้ อาจจะไม่เหมาะกับคนดูหนังทั่วไป เพราะบทพูดค่อนข้างเยอะ เป็นหนังแนวเสียดสีวงการภาพยนตร์ จึงต้องเป็นคนที่ติดตามเรื่องราวพวกนี้พอสมควรถึงจะเข้าใจมุข และจะขำมากๆ
- ถ้าคุณเป็นคอหนังรางวัล เรื่องนี้คู่ควรที่ต้องดู ไม่ควรพลาดเด็ดขาด ดูแล้วจะรู้สึกแสบๆ คันๆ โดยเฉพาะนักวิจารณ์ที่มักใช้คำรุณแรงในการวิจารณ์หนัง ที่เป็นเหมือนกันทำลายจิตวิญญาณ ของคนทำหนัง
My vote 9/10
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/55dada55/photos/760067687403873
[SR] Birdman มายาดาว - หนังที่ตบหน้าวงการฮอลลีวูด จนต้องยกรางวัลให้
เป็นหนังดราม่า ตลกร้าย ที่จิกกัดวงการฮอลลีวูดได้เจ็บแสบมาก เพราะกัดทั้งดารา คนทำหนัง นักวิจารณ์ หรือแม้แต่คนดู เหมือนโดนตบหน้าเป็นฉาดๆ กับการกระแนะกระแหน หนังดังๆหลายเรื่องที่สร้างชื่อให้นักแสดงจากบทบู๊แอคชั่นถล่มด้วย CG กับชุดซุปเปอร์ฮีโร่สุดประหลาด แค่นี้ก็สร้างชื่อให้เป็นที่จดจำของคนดูได้ทั่วโลกแล้ว เจ็บจี๊ดใจมาก!
การเดินเรื่องเป็นแบบ Long Take เทคนิคเริ่ด ที่ดูกลมกลืน แถมด้วย soundtrack ที่สุดยอดในการแสดงอารมณ์ จังหวะ และความรู้สึกของตัวละครได้เข้ากัน (จังหวะกลองแอบทำให้รู้สึกถึงเรื่อง Whiplash) เล่าด้วยละครซ้อนภาพยนตร์ที่ผสมจินตนาการที่แปลกแหวกแนว ทั้งตลกร้าผสมดราม่า ชวนเพ้อเหมือนคนสองบุคลิก ที่อยากพยายามพิสูจน์ตัวเอง ด้วยการฉีกหน้ากาก แล้วแสดงตัวตนออกมาเพื่อให้คนสนใจ และยอมรับในตัวริกแกนอีกครั้ง
เป็นหนังที่เน้นแค่บท และพลังในการแสดงของนักแสดงล้วนๆ แหวกแนว แหวกตลาด องค์ประกอบเริ่ด ไม่ต้องเน้นขายแอ็คชั่น CG มี Soundtrack เหมือนเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ ความรู้สึกให้ระเบิดออกมา แบบขำๆ แสบๆ คันๆ สมแล้วที่ได้เข้าชิง Oscar หลายสาขา และคงจะไปสกิดต่อมนักวิจารณ์เข้าหลายคน 5555
นักแสดงทุกคนแสดงได้ดี มีพลังมาก โดยเฉพาะ
Michael Keaton ที่รับบท ริกแกน เบิร์ดแมน อดีตนักแสดงหนังฮีโร่ตกอับ ที่มีความซับซ้อนในตัวละครสูงมาก เหมือนคนหลายบุคลิก
Emma Stone นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าชิงรางวัลใหญ่อย่างออสการ์ บทของเธอในเรื่องนี้อาจดูไม่เยอะ แต่ถือว่าได้แสดงความสามารถกว่าเรื่องอื่นที่ผ่านมา และเธอก็ทำออกมาได้ดี ด้วยบทลูกสาวที่มีปัญหาและไม่ค่อยลงรอยกับพ่อ (สวยด้วย น่ารักด้วย อันนี้อวย 555)
Edward Norton กับบท ไมค์ ที่ถือเป็นตัวแทนของนักแสดงรุ่นใหม่สมัยนี้ ที่มีความสามารถแต่กลับสร้างชื่อเสียงแบบฉาบฉวย เหมือนเสแสร้งแสดงละครตลอดเวลาแม้แต่ในชีวิตจริง เอ็ดเวิร์ด แสดงได้ดีมาก
สรุป
- เป็นหนังดราม่า ตลกร้าย ที่เหมาะสำหรับคอหนัง ที่ผ่านการดูหนังมาเยอะพอสมควร เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่เก็ตมุข จิกกัด ในหลายๆฉาก
- เทคนิคการถ่ายทำแบบ Long Take ที่ดูไหลลื่น แปลก แต่น่าสนใจ
- Soundtrack เป็นส่วนช่วยกระตุ้นอารมณ์คนดูของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
- ในเรื่องนี้มีนักแสดงดังๆ หลายคน และนักแสดงหลายคนได้แสดงพลังออกมาด้วยบทที่ใช้อารมณ์ล้วนๆ
- ด้วยบท และการเล่าเรื่องที่แปลกนี้ อาจจะไม่เหมาะกับคนดูหนังทั่วไป เพราะบทพูดค่อนข้างเยอะ เป็นหนังแนวเสียดสีวงการภาพยนตร์ จึงต้องเป็นคนที่ติดตามเรื่องราวพวกนี้พอสมควรถึงจะเข้าใจมุข และจะขำมากๆ
- ถ้าคุณเป็นคอหนังรางวัล เรื่องนี้คู่ควรที่ต้องดู ไม่ควรพลาดเด็ดขาด ดูแล้วจะรู้สึกแสบๆ คันๆ โดยเฉพาะนักวิจารณ์ที่มักใช้คำรุณแรงในการวิจารณ์หนัง ที่เป็นเหมือนกันทำลายจิตวิญญาณ ของคนทำหนัง
My vote 9/10
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้