มนุษย์นกที่โหดสาด สะบัดปีกทีเปลือกวงการหนังฮอลลีวู้ดปัจจุบันเลือดออกซิบๆกันเลยทีเดียว คหสต.นะ เรื่องนี้เหมาะที่จะได้ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากออสการ์ที่สุดละ ถูกจริตเราจริงจัง
ไมเคิล คีตันรับบทเป็น ริกเก้นดาราที่กินบุญเก่า เคยโด่งดังในอดีตเพราะรับบทเป็นซูเปอร์ฮีโร่แบบไตรภาคเรื่อง Birdman ที่พยายามขวนขวายหาทางกลับมาดังอีกครั้งด้วยการผันตัวเองมาเล่นละครเวที แต่ฮีเป็นมีปมนะ ฮีเลยได้ยินเสียงอิมนุษย์นกมาพูดกับฮีตลอดเวลา พูดไม่พูดปล่าว มันยังตอกย้ำอดีตให้ฮีเจ็บช้ำอยู่บ่อยๆ แถมนักแสดงร่วมในละครอย่างไมค์ (เอดเวิร์ด นอร์ตัน) ก็ดันติสต์แตกแย่งซีนฮีจนไม่ลงรอยกันอีกต่างหาก ปัญหาเรื่องงานมีไม่พอ ยังจะดูเหมือนฮีไม่ลงรอยกับลูกสาวอีก กลายเป็นว่าอิเสียง Birdman ที่คุยกับแกบ่อยๆน่ะ จะเข้าใจแกดีที่สุดซะงั้น
หนังกัดเจ็บมาก เพิ่งรู้ว่าอินาริตู(ผู้กำกับ)เป็นร๊อตไวเลอร์ก็เรื่องนี้แหละ ท่าทางพ่อจะเก็บกดมานาน อันที่จริงเราว่าอินาริตูไม่ได้แขวะคนสร้างหนังอย่างเดียวนะ พี่แกกัดทั้ง คนสร้างหนัง คนดูหนัง คนเล่นหนัง นักวิจารณ์รวมไปถึงสังคมเราทุกวันนี้ด้วย ที่ดันไปให้ค่ากับอะไรที่เป็น "กระแส" ... ทำให้การให้ค่า "ความสามารถที่แท้จริง" มันลดทอนลง โอ้ยย.. มันกระชากใจเราเหลือเกิน
ไมเคิล คีตัน คือนักแสดงนำชายในใจเราไปแล้ว คือแกเล่นเป็นตัวเองอยู่หรือป่าว? คือได้ข่าวว่าแกเล่นเป็น Batman เป็นซูเปอร์ฮีโร่มาก่อนแล้วแกก็หายต๋อมไปกับกาลเวลา เด็กยุคใหม่ๆมีใครรู้จักแกมั้ย ? แกไปเดินถนนจะมีคนจำแกได้มั้ย ? สรุปแล้วนี่คือแกเล่นหนังแซวตัวเองอยู่เนอะ ... พูดเป็นเล่นไป แต่การแสดงแกโคตรมีพลังเลย ฉากระเบิดอารมณ์ในห้องแต่งตัว เราโคตรรรรอึดอัด อัดอั้น ... พูดได้ว่าจมไปกับความมืด ดิ่ง ให้อารมณ์เป็นนกปีกหักสุดๆ
การกำกับของอินาริตูพูดไม่เคยทำให้ผิดหวัง การใช้กล้องถ่ายภาพให้อารมณ์แบบ hand held การใช้ดนตรีประกอบแค่กลองชุดอันเดียว ...Long Take พวกนั้นมัน.. ต้องสแตนติ่ง โอเวชั่นฮร่ะ !!
ทั้งหมดทั้งมวลเพียงแค่อยากจะบอกว่า ... เชียร์เธอนะจ้ะ Birdman และคุณไมเคิล คีตัน ขอให้ได้ขอให้โดนในออสการ์
ให้คะแนน 10/10
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- หนังเรื่องนี้ถ่ายทำที่ด้านหลังโรงละคร St.James ใน Broadway จริงๆ และบางครั้งนักแสดงจะต้องจำบทถึง 15 หน้า และจะต้องเดินและเคลื่อนไหวให้ได้ตามจุดที่ผู้กำกับสั่งมาแบบเป๊ะๆ .... เยสสสสสสสปะละ
- มีฉากนึงในหนังที่ริกเก้นบอกว่า เขาไม่ได้เล่นหนังอีกเลยนับจาก Birdman ปี 1992 ซึ่งก็เป็นปีเดียวกันกับที่ Batman Returns เข้าฉาย และก็เป็นหนัง Batman เรื่องสุดท้ายของไมเคิล คีตัน ก่อนที่จะกลับมาเล่น Birdman เช่นกัน
- ไม่ใช่แค่ไมเคิล คีตันนะจ้ะ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตันในชีวิตจริง ก็ขึ้นชื่อเรื่องความอินดี้ในการทำงาน และนับได้ว่าเป็นนักแสดงที่ทำงานด้วยยากคนนึง .. พี่เอ็ดเค้ายอมรับเองนะเธอ
- ไมเคิล คีตันกับเอ็ดเวิร์ด นอร์ตันมานั่งนับกันว่าในฉาก Long Take ใครเล่นพลาดมากที่สุด หวยออกที่ Emma Stone ฮร่ะ แต่พลาดน้อยสุด Zach Galifianakis
(คหสต.อันนี้ต้องนับถือนักแสดงจริงๆ คือต้องมีสมาธิมากๆ บทก็ต้องเอา บล้อคกิ้งก็ต้องเป๊ะ อารมณ์ก็ต้องมาอีก ถ้าเป็นเรานะ แค่ได้เล่นเรื่องนี้ก็คุ้มแล้วอะ เหมือนได้พัฒนาตัวเอง)
- เธอจ๋า..รู้มั้ย หนังเรื่องนี้ 1 ชม. 59 นาที มีการตัดฉากที่เห็นได้ชัดจริงๆแค่ 16 ครั้งเท่านั้น
- ไมเคิล คีตันบอกว่าการเล่นหนังเรื่องนี้ท้าทายที่สุด เพราะตัวละครในเรื่องนิสัยใจคอไม่มีส่วนคล้ายฮีเลยยยยยยยย
- เซอพรายส์... เราจะได้เห็นคุณปู่ Martin Scorsese นั่งเนียนๆอยู่กับคนดูที่โรงละคร ในฉากที่พระเอกวิ่งกลับมาจาก Time's Square
[CR] Birdman :: สะบัดปีกทีวงการหนังเลือดออกซิบๆกันเลยทีเดียว
มนุษย์นกที่โหดสาด สะบัดปีกทีเปลือกวงการหนังฮอลลีวู้ดปัจจุบันเลือดออกซิบๆกันเลยทีเดียว คหสต.นะ เรื่องนี้เหมาะที่จะได้ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากออสการ์ที่สุดละ ถูกจริตเราจริงจัง
ไมเคิล คีตันรับบทเป็น ริกเก้นดาราที่กินบุญเก่า เคยโด่งดังในอดีตเพราะรับบทเป็นซูเปอร์ฮีโร่แบบไตรภาคเรื่อง Birdman ที่พยายามขวนขวายหาทางกลับมาดังอีกครั้งด้วยการผันตัวเองมาเล่นละครเวที แต่ฮีเป็นมีปมนะ ฮีเลยได้ยินเสียงอิมนุษย์นกมาพูดกับฮีตลอดเวลา พูดไม่พูดปล่าว มันยังตอกย้ำอดีตให้ฮีเจ็บช้ำอยู่บ่อยๆ แถมนักแสดงร่วมในละครอย่างไมค์ (เอดเวิร์ด นอร์ตัน) ก็ดันติสต์แตกแย่งซีนฮีจนไม่ลงรอยกันอีกต่างหาก ปัญหาเรื่องงานมีไม่พอ ยังจะดูเหมือนฮีไม่ลงรอยกับลูกสาวอีก กลายเป็นว่าอิเสียง Birdman ที่คุยกับแกบ่อยๆน่ะ จะเข้าใจแกดีที่สุดซะงั้น
หนังกัดเจ็บมาก เพิ่งรู้ว่าอินาริตู(ผู้กำกับ)เป็นร๊อตไวเลอร์ก็เรื่องนี้แหละ ท่าทางพ่อจะเก็บกดมานาน อันที่จริงเราว่าอินาริตูไม่ได้แขวะคนสร้างหนังอย่างเดียวนะ พี่แกกัดทั้ง คนสร้างหนัง คนดูหนัง คนเล่นหนัง นักวิจารณ์รวมไปถึงสังคมเราทุกวันนี้ด้วย ที่ดันไปให้ค่ากับอะไรที่เป็น "กระแส" ... ทำให้การให้ค่า "ความสามารถที่แท้จริง" มันลดทอนลง โอ้ยย.. มันกระชากใจเราเหลือเกิน
ไมเคิล คีตัน คือนักแสดงนำชายในใจเราไปแล้ว คือแกเล่นเป็นตัวเองอยู่หรือป่าว? คือได้ข่าวว่าแกเล่นเป็น Batman เป็นซูเปอร์ฮีโร่มาก่อนแล้วแกก็หายต๋อมไปกับกาลเวลา เด็กยุคใหม่ๆมีใครรู้จักแกมั้ย ? แกไปเดินถนนจะมีคนจำแกได้มั้ย ? สรุปแล้วนี่คือแกเล่นหนังแซวตัวเองอยู่เนอะ ... พูดเป็นเล่นไป แต่การแสดงแกโคตรมีพลังเลย ฉากระเบิดอารมณ์ในห้องแต่งตัว เราโคตรรรรอึดอัด อัดอั้น ... พูดได้ว่าจมไปกับความมืด ดิ่ง ให้อารมณ์เป็นนกปีกหักสุดๆ
การกำกับของอินาริตูพูดไม่เคยทำให้ผิดหวัง การใช้กล้องถ่ายภาพให้อารมณ์แบบ hand held การใช้ดนตรีประกอบแค่กลองชุดอันเดียว ...Long Take พวกนั้นมัน.. ต้องสแตนติ่ง โอเวชั่นฮร่ะ !!
ทั้งหมดทั้งมวลเพียงแค่อยากจะบอกว่า ... เชียร์เธอนะจ้ะ Birdman และคุณไมเคิล คีตัน ขอให้ได้ขอให้โดนในออสการ์
ให้คะแนน 10/10
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- หนังเรื่องนี้ถ่ายทำที่ด้านหลังโรงละคร St.James ใน Broadway จริงๆ และบางครั้งนักแสดงจะต้องจำบทถึง 15 หน้า และจะต้องเดินและเคลื่อนไหวให้ได้ตามจุดที่ผู้กำกับสั่งมาแบบเป๊ะๆ .... เยสสสสสสสปะละ
- มีฉากนึงในหนังที่ริกเก้นบอกว่า เขาไม่ได้เล่นหนังอีกเลยนับจาก Birdman ปี 1992 ซึ่งก็เป็นปีเดียวกันกับที่ Batman Returns เข้าฉาย และก็เป็นหนัง Batman เรื่องสุดท้ายของไมเคิล คีตัน ก่อนที่จะกลับมาเล่น Birdman เช่นกัน
- ไม่ใช่แค่ไมเคิล คีตันนะจ้ะ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตันในชีวิตจริง ก็ขึ้นชื่อเรื่องความอินดี้ในการทำงาน และนับได้ว่าเป็นนักแสดงที่ทำงานด้วยยากคนนึง .. พี่เอ็ดเค้ายอมรับเองนะเธอ
- ไมเคิล คีตันกับเอ็ดเวิร์ด นอร์ตันมานั่งนับกันว่าในฉาก Long Take ใครเล่นพลาดมากที่สุด หวยออกที่ Emma Stone ฮร่ะ แต่พลาดน้อยสุด Zach Galifianakis
(คหสต.อันนี้ต้องนับถือนักแสดงจริงๆ คือต้องมีสมาธิมากๆ บทก็ต้องเอา บล้อคกิ้งก็ต้องเป๊ะ อารมณ์ก็ต้องมาอีก ถ้าเป็นเรานะ แค่ได้เล่นเรื่องนี้ก็คุ้มแล้วอะ เหมือนได้พัฒนาตัวเอง)
- เธอจ๋า..รู้มั้ย หนังเรื่องนี้ 1 ชม. 59 นาที มีการตัดฉากที่เห็นได้ชัดจริงๆแค่ 16 ครั้งเท่านั้น
- ไมเคิล คีตันบอกว่าการเล่นหนังเรื่องนี้ท้าทายที่สุด เพราะตัวละครในเรื่องนิสัยใจคอไม่มีส่วนคล้ายฮีเลยยยยยยยย
- เซอพรายส์... เราจะได้เห็นคุณปู่ Martin Scorsese นั่งเนียนๆอยู่กับคนดูที่โรงละคร ในฉากที่พระเอกวิ่งกลับมาจาก Time's Square