ปกติไม่ค่อยตั้งกระทู้แนวนี้เท่าไร เพราะไม่เคยเจอกับตัว ครั้งนี้เจอกับตัวจึงขอเล่าเอาไว้เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ และอยากทราบความคิดเห็นของสมาชิกห้องศาสนาครับ เรื่องมีอยู่ว่า...
เมื่อเช้าผมได้ไปตักบาตรตามปกติ ที่ตลาดศาลายา ซึ่งทุกทีจะไป-กลับโดยนั่งรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง แต่วันนี้นึกครึ้มเดินไป-กลับแทนเพื่อคิดว่าออกกำลังกายเสียหน่อย...
ผมได้ไปตักบาตรกับพระสงฆ์ในตลาดเสร็จเรียบร้อย ซื้อกับข้าวกำลังเดินกลับ ระหว่างที่เดินกลับเจอพระธุดงค์รูปหนึ่ง ท่านยืนอยู่ท้ายตลาด ผมเดินเลยผ่านไปแล้ว แต่ก็เกิดรู้สึกว่าอยากทำบุญกับพระธุดงค์ก็ดีนานๆ จะเจอที จึงได้กลับไปซื้อของมาใส่บาตรท่าน
หลังจากใส่บาตรเสร็จแล้วท่านก็ได้ให้พร ผมก็ลุกขึ้นกำลังจะกลับ ระหว่างที่กำลังจะกลับท่านได้พูดขอผมว่า
พ :
"โยม ช่วยบริจาคทำบุญผ้าไตรได้มั้ย" ----- ซึ่งผมก็คิดในใจว่าท่านเอ่ยปากขอผมแบบนี้ อาบัตินะท่าน แต่ก็คิดในใจอีกทีว่าท่านอาจจะ
เดือดร้อนจริงๆ หรือเปล่าถึงเอ่ยปากขอ ผมจึงได้ตรวจสอบท่านก่อนว่าท่านเป็นพระจริงๆ หรือไม่ด้วยการถามไปว่า
ศ :
"ท่านมาจากไหนแล้วกำลังจะไปไหน" ----- ผมถาม
พ :
"อาตมาไม่ไปรวมกลุ่มกับพระรูปอื่นในตลาด เพราะคนแออัด มาจากจังหวัดเลยมาจากรถไฟ แล้วกำลังจะลงไปทางภาคใต้ต่อ" ----- ท่านตอบ
ศ :
"ผ้าไตรเท่าไร" --- ผมถาม
พ :
"ประมาณ ๑,๗๐๐ บาท ถ้าโยมทำ บุญให้โยมใส่ซองให้เรียบร้อยเลยนะ" ---- ท่านตอบ
ศ :
"เดี๋ยวนี้พระแบบนี้เยอะ ผมไม่รู้ว่าควรทำหรือเปล่า" ----- ท่านก็ให้นามบัตรมาด้วยมือสั่นๆ แล้วก็ให้ดูใบสุทธิด้วยมือที่สั่นๆ ผิดปกติ โดยนามบัตรท่านเป็น
พระมหา XXXXXX XXXXXX (ขอสงวนนามไว้หลังไมล์ครับ) มาจากวัดโพธิ์ชุน บ้านทุ่งโพธิ์ ต.ปวนพุ อ.หนองหิน จ.เลย โทร. XXX-XXX-XXXX ดูน่าเชื่อถือ
พ :
"อาตมาดูคนไม่ผิด โยมกับอาตมาต้องทำบุญมาร่วมกัน ถึงได้เจอกัน" ----- ท่านพูด
ศ :
"ได้ๆ ผมจะร่วมทำบุญชุดหนึ่ง แต่ผมเองก็ไม่ใช่คนมีมากมายอะไร ถ้าทำผมอาจจะบอกบุญเพื่อหาเจ้าภาพร่วม" ---- ผมเผลอสติไป เลยรับปากกับท่าน
พ :
"โยมจะพาอาตมาไปซื้อก็ได้นะ" ----- ท่านพูด
พ :
"ร้านอยู่ พุทธมณฑล สาย ๒" ----- ท่านให้ดูป้ายร้าน บริขาร ๕๖ (ตรงนี้น่าแปลกว่าท่านบอกเป็นพระสงฆ์เพิ่มมาจาก จ.เลย แต่รู้จัก พุทธมณฑลสาย ๒ ร้านขายดีกว่าผมเสียอีก ผมก็เลยดูนามบัตรอีกครั้งหนึ่ง แล้วผมก็ถามท่านไปว่า)
พ :
"สวดคาถา" แล้วให้ผ้ายันต์ผมมา 1 แผ่น
ศ :
"ท่านรู้จักท่านพระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตฺโต หรือเปล่า"..... ท่านก็ทำหน้างงๆ
พ :
"อาตมา...ไม่รู้จัก"
ศ :
"ท่านอยู่วัดญาณเวศกวัน เป็นปราชญ์ของโลกในศาสนาพุทธเลยนะท่าน"
ศ :
"ท่านรู้จักท่านพุทธทาสหรือเปล่า?"
พ :
"รู้จักท่านพุทธทาส อยู่พุทธมณฑล สาย ๓ ไง!" ----- ท่านก็บอกอย่างมั่นใจ ผมก็ขำ แล้วก็บอกท่านไปว่า
ศ :
"ท่านพุทธทาสน่ะนะท่าน! อยู่พุทธมณฑลสาย ๓"
พ :
"อาตมายังไปปฏิบัติธรรมกับท่านมาเลย" ----- ท่านพูดต่อ ผมก็อึ้งเลย ผมก็เลยพูดว่า
ศ :
"ท่านพุทธทาสท่านอยู่ภาคใต้ อ.ไชยา"
พ :
"อ๋อ ท่านอยู่ภาคใต้ อ.ไชยา"
ศ :
"ผมเป็นศิษย์มหาจุฬาฯ ประธาน ป.โท รุ่น ๒๓"
พ :
"เป็นศิษย์มหาจุฬาฯ?" --- แล้วท่านก็ยื่นม้วนซองให้ผมอีกหนึ่งม้วน
พ :
"อาตมากำลังจะสร้างพระนี้" ---- ผมถึงกับอึ้งรับมา แต่ก็ไม่ได้ดู
พ :
"คลี่ดูซิ" ----- ผมก็ไม่คลี่ดู ท่านมองหน้าผมแล้วพูดว่า
พ :
"อันนี้ ไม่ได้เรี่ยไรให้ดูเฉยๆ" ----- ผมก็ดู เป็นรูปพระแล้วโครงการกำลังจะสร้างพร้อมใบรับบริจาค
ศ :
"ท่านรอผมอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหนนะ เดี๋ยวผมมา จะพาท่านไปซื้อผ้าไตร"
หลังจากนั้นผมก็บอกท่านไปว่า...เดี๋ยวผมมาท่านรอที่นี้ อย่าไปไหนนะ ผมจะถวายให้ แต่ผมจะพาท่านไปซื้อ แล้วหลังจากนั้นผมก็มาโทรหาพี่ที่รู้จักว่าควรจะทำอย่างไรดี เผลอรับปากไป จะถวายท่านดีหรือไม่ แล้วผมเองก็ได้ตรวจสอบในอินเตอร์เน็ต ปรากฏว่าวัดโพธิ์ชุน ไม่มีชื่อนี้ มีแต่วัดโพธิ์ชุม พระชื่อนี้ ฉายานี้ แต่เป็นคนละวัด คือ...
พระเทพวิสุทธิเวที (xxx xxxxxx) เป็นเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม กทม. รูปที่ ๙
ผมค้นไปอีกเพื่อหาไปเจอเว็บไซต์หนึ่ง บอกว่าเป็นร้านขายดอกไม้ของวัดนี้ โดยใช้ชื่อของวัดโพธิ์ชุม ชื่อ ร้านดอกไม้.name ผมจึงได้ลองโทรไปเพื่อจะได้ทราบเบอร์วัดโพธิ์ชุมนี้
http://xn--12c1bo8ag6d6a1lpbh.name/Temple.aspx?n=15364&p=52
ปรากฎว่ามี Call-Center รับด้วยเบอร์มือถือ แต่ว่า Call-Center บอกว่าไม่ได้ติดต่อกับวัดนี้โดยตรง ผมก็แปลกใจว่าทำไมใช้ชื่อวัดมาขายดอกไม้ เหมือนเป็นตัวแทนของวัด แต่ไม่รุ้จัก เบอร์โทรของวัดเป็นได้หรือที่ไม่ได้ติดต่อกับวัด เขาให้ผมโทรไปถามที่ Bug1113 ผมจึงได้โทรไปที่ Bug1113 และหาในสมุดหน้าเหลืองก็ไม่มีเบอร์นี้ จึงได้คุยกับพี่ที่รู้จักซึ่งลูกทุกคนของพี่คนนี้บวชเป็นเปรียญธรรมอยู่วัดจักรวรรดิ์จึงได้ พี่ที่รู้จักบอกว่าอย่าไปทำบุญนะ เพราะบางทีเขาเป็นขบวนการ พี่เขาเคยรับพระธุดงค์ขึ้นรถมาเหมือนกัน แต่พอจะลงขอปัจจัยต่างๆ เดี๋ยวนี้เขาไม่รับพระขึ้นรถแล้ว เราปฏิเสธไปไม่บาปหรอก พระท่านนั่นแหละที่บาปตั้งแต่แรกแล้วที่เอ่ยปากขอ ระวังจะเป็นขบวนการ และเราเองให้ไปก็ไม่ได้บุญ ถ้าจะทำจริงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปด้วย บอกให้ท่านรอก่อนได้มั้ย ท่านพักอยู่ที่ไหน ผมจึงได้โทรกลับไปบอกกับท่านว่า
ศ :
"ท่านครับวันนี้ผมไม่สะดวก ไม่ทราบว่าท่านรอพรุ่งนี้ได้มั้ยครับ ผมจะพาโยมอีกคนหนึ่งที่จะร่วมไปด้วย"
พ :
"ได้โยม" (ท่านรอได้)
พ :
"อาตมาติดคุยกับโยมอยู่ แค่นี้นะ เดี๋ยวโทรกลับ"
แล้วท่านก็ได้วางโทรศัพท์ไป หลังจากนั้น พี่ที่ผมรู้จักได้บอกว่าลูกที่เป็นเปรียญธรรมได้บอกว่าอย่าไปทำเลยนะ ท่านไม่สนับสนุนให้ปฏิเสธไปเลย ไม่บาปแน่นอน ผมจึงได้รอโทรศัพท์แล้วหลังจากนั้น ก็มีโยมโทรศัพท์มาหาผมจากเบอร์ของพระรูปนั้น
โยมใครก็ไม่รู้ :
"เดี๋ยวคุยกับพระนะ ท่านอยู่ในโรงอาหารแล้ว" แล้วพระก็รับสาย
ศ :
"ที่ผมจะร่วมทำบุญกับท่านในวันพรุ่งนี้ เจ้าภาพร่วมนั้นเขาไม่ร่วมทำบุญแล้วน่ะครับ"
พ :
"ทำไมล่ะโยม ขอครึ่งหนึ่งไม่ได้หรือ (คือประมาณ ๘๐๐ บาท)"
ศ :
"คือ มันเป็นอาบัติน่ะท่าน ขอโทษด้วยนะครับ นิมนต์ท่านขอจากโยมท่านอื่นเถอะนะครับ"
พ :
"แล้วก็ให้รอ!!"
ศ :
"ขอโทษนะครับท่าน กราบนมัสการครับ" ----- แล้วผมก็วางสายไป
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ก็ไม่ได้ให้เห็นว่าผมทำผิดหรือถูก พระท่านคือจริงหรือเท็จ แต่เพื่อเป็นเล่าประสบการณ์เหตุการณ์ที่เจอมาให้ฟัง แล้วอาจจะใช้เป็นอุทาหรณ์ให้ทราบว่า ถ้าเราเจอแบบนี้เราจะทำอย่างไร แต่ผมว่าเราอย่าได้เผลอไปตบปากรับคำเอาง่ายๆ ถ้าเราไม่พร้อมเราก็ปฏิเสธไปเลยดีที่สุด ไม่บาปครับ แต่ถ้าจะทำบุญควรตรวจสอบพิจารณาเสียก่อน เพราะบางทีอาจจะเป็นขบวนการได้ครับ ควรทำบุญอันประกอบไปด้วย "ปัญญา" ศรัทธาต้องมีปัญญาเป็นตัวนำครับ
*** [ พระวินัย ] ***
๒๕.ห้ามขอจีวรต่อคฤหัสถ์ที่มิใช่ญาติ(ยกเว้นขอต่อคนปวารณา)
ในพระไตรปิฎก ได้มีการกำหนดพระวินัยไว้ว่า
พระภิกษุนั้นไม่อาจเอ่ยปากขอสิ่ง ใดจากผู้มิใช่ญาติ
และผู้ไม่ปวารณา กล่าวคือ มีสิทธิ์ขอได้เฉพาะแก่ผู้
เป็นญาติ “บนสาม-ล่างสาม” ได้แก่ บิดา มารดา ปู่ย่า
ตายาย ทวด ถือว่าเป็นญาติข้างบนสามอันดับ และ ลูก
หลาน เหลน ถือว่าเป็นญาติข้างล่างสามอันดับ รวมเป็น
๖ ชั้น นับตนเองเข้าไปด้วยเป็น ๗ อันดับ ดังที่เรียกกันว่า
“เจ็ดชั่วโคตร” นั่นแล
เล่าเหตุการณ์ ไปตักบาตรตอนเช้าได้เจอพระธุดงค์ขอถวายปัจจัยซื้อผ้าไตร ๑,๗๐๐+
เมื่อเช้าผมได้ไปตักบาตรตามปกติ ที่ตลาดศาลายา ซึ่งทุกทีจะไป-กลับโดยนั่งรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง แต่วันนี้นึกครึ้มเดินไป-กลับแทนเพื่อคิดว่าออกกำลังกายเสียหน่อย...
ผมได้ไปตักบาตรกับพระสงฆ์ในตลาดเสร็จเรียบร้อย ซื้อกับข้าวกำลังเดินกลับ ระหว่างที่เดินกลับเจอพระธุดงค์รูปหนึ่ง ท่านยืนอยู่ท้ายตลาด ผมเดินเลยผ่านไปแล้ว แต่ก็เกิดรู้สึกว่าอยากทำบุญกับพระธุดงค์ก็ดีนานๆ จะเจอที จึงได้กลับไปซื้อของมาใส่บาตรท่าน
หลังจากใส่บาตรเสร็จแล้วท่านก็ได้ให้พร ผมก็ลุกขึ้นกำลังจะกลับ ระหว่างที่กำลังจะกลับท่านได้พูดขอผมว่า
พ : "โยม ช่วยบริจาคทำบุญผ้าไตรได้มั้ย" ----- ซึ่งผมก็คิดในใจว่าท่านเอ่ยปากขอผมแบบนี้ อาบัตินะท่าน แต่ก็คิดในใจอีกทีว่าท่านอาจจะ
เดือดร้อนจริงๆ หรือเปล่าถึงเอ่ยปากขอ ผมจึงได้ตรวจสอบท่านก่อนว่าท่านเป็นพระจริงๆ หรือไม่ด้วยการถามไปว่า
ศ : "ท่านมาจากไหนแล้วกำลังจะไปไหน" ----- ผมถาม
พ : "อาตมาไม่ไปรวมกลุ่มกับพระรูปอื่นในตลาด เพราะคนแออัด มาจากจังหวัดเลยมาจากรถไฟ แล้วกำลังจะลงไปทางภาคใต้ต่อ" ----- ท่านตอบ
ศ : "ผ้าไตรเท่าไร" --- ผมถาม
พ : "ประมาณ ๑,๗๐๐ บาท ถ้าโยมทำ บุญให้โยมใส่ซองให้เรียบร้อยเลยนะ" ---- ท่านตอบ
ศ : "เดี๋ยวนี้พระแบบนี้เยอะ ผมไม่รู้ว่าควรทำหรือเปล่า" ----- ท่านก็ให้นามบัตรมาด้วยมือสั่นๆ แล้วก็ให้ดูใบสุทธิด้วยมือที่สั่นๆ ผิดปกติ โดยนามบัตรท่านเป็น พระมหา XXXXXX XXXXXX (ขอสงวนนามไว้หลังไมล์ครับ) มาจากวัดโพธิ์ชุน บ้านทุ่งโพธิ์ ต.ปวนพุ อ.หนองหิน จ.เลย โทร. XXX-XXX-XXXX ดูน่าเชื่อถือ
พ : "อาตมาดูคนไม่ผิด โยมกับอาตมาต้องทำบุญมาร่วมกัน ถึงได้เจอกัน" ----- ท่านพูด
ศ : "ได้ๆ ผมจะร่วมทำบุญชุดหนึ่ง แต่ผมเองก็ไม่ใช่คนมีมากมายอะไร ถ้าทำผมอาจจะบอกบุญเพื่อหาเจ้าภาพร่วม" ---- ผมเผลอสติไป เลยรับปากกับท่าน
พ : "โยมจะพาอาตมาไปซื้อก็ได้นะ" ----- ท่านพูด
พ : "ร้านอยู่ พุทธมณฑล สาย ๒" ----- ท่านให้ดูป้ายร้าน บริขาร ๕๖ (ตรงนี้น่าแปลกว่าท่านบอกเป็นพระสงฆ์เพิ่มมาจาก จ.เลย แต่รู้จัก พุทธมณฑลสาย ๒ ร้านขายดีกว่าผมเสียอีก ผมก็เลยดูนามบัตรอีกครั้งหนึ่ง แล้วผมก็ถามท่านไปว่า)
พ : "สวดคาถา" แล้วให้ผ้ายันต์ผมมา 1 แผ่น
ศ : "ท่านรู้จักท่านพระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตฺโต หรือเปล่า"..... ท่านก็ทำหน้างงๆ
พ : "อาตมา...ไม่รู้จัก"
ศ : "ท่านอยู่วัดญาณเวศกวัน เป็นปราชญ์ของโลกในศาสนาพุทธเลยนะท่าน"
ศ : "ท่านรู้จักท่านพุทธทาสหรือเปล่า?"
พ : "รู้จักท่านพุทธทาส อยู่พุทธมณฑล สาย ๓ ไง!" ----- ท่านก็บอกอย่างมั่นใจ ผมก็ขำ แล้วก็บอกท่านไปว่า
ศ : "ท่านพุทธทาสน่ะนะท่าน! อยู่พุทธมณฑลสาย ๓"
พ : "อาตมายังไปปฏิบัติธรรมกับท่านมาเลย" ----- ท่านพูดต่อ ผมก็อึ้งเลย ผมก็เลยพูดว่า
ศ : "ท่านพุทธทาสท่านอยู่ภาคใต้ อ.ไชยา"
พ : "อ๋อ ท่านอยู่ภาคใต้ อ.ไชยา"
ศ : "ผมเป็นศิษย์มหาจุฬาฯ ประธาน ป.โท รุ่น ๒๓"
พ : "เป็นศิษย์มหาจุฬาฯ?" --- แล้วท่านก็ยื่นม้วนซองให้ผมอีกหนึ่งม้วน
พ : "อาตมากำลังจะสร้างพระนี้" ---- ผมถึงกับอึ้งรับมา แต่ก็ไม่ได้ดู
พ : "คลี่ดูซิ" ----- ผมก็ไม่คลี่ดู ท่านมองหน้าผมแล้วพูดว่า
พ : "อันนี้ ไม่ได้เรี่ยไรให้ดูเฉยๆ" ----- ผมก็ดู เป็นรูปพระแล้วโครงการกำลังจะสร้างพร้อมใบรับบริจาค
ศ : "ท่านรอผมอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหนนะ เดี๋ยวผมมา จะพาท่านไปซื้อผ้าไตร"
หลังจากนั้นผมก็บอกท่านไปว่า...เดี๋ยวผมมาท่านรอที่นี้ อย่าไปไหนนะ ผมจะถวายให้ แต่ผมจะพาท่านไปซื้อ แล้วหลังจากนั้นผมก็มาโทรหาพี่ที่รู้จักว่าควรจะทำอย่างไรดี เผลอรับปากไป จะถวายท่านดีหรือไม่ แล้วผมเองก็ได้ตรวจสอบในอินเตอร์เน็ต ปรากฏว่าวัดโพธิ์ชุน ไม่มีชื่อนี้ มีแต่วัดโพธิ์ชุม พระชื่อนี้ ฉายานี้ แต่เป็นคนละวัด คือ...
พระเทพวิสุทธิเวที (xxx xxxxxx) เป็นเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม กทม. รูปที่ ๙
ผมค้นไปอีกเพื่อหาไปเจอเว็บไซต์หนึ่ง บอกว่าเป็นร้านขายดอกไม้ของวัดนี้ โดยใช้ชื่อของวัดโพธิ์ชุม ชื่อ ร้านดอกไม้.name ผมจึงได้ลองโทรไปเพื่อจะได้ทราบเบอร์วัดโพธิ์ชุมนี้
http://xn--12c1bo8ag6d6a1lpbh.name/Temple.aspx?n=15364&p=52
ปรากฎว่ามี Call-Center รับด้วยเบอร์มือถือ แต่ว่า Call-Center บอกว่าไม่ได้ติดต่อกับวัดนี้โดยตรง ผมก็แปลกใจว่าทำไมใช้ชื่อวัดมาขายดอกไม้ เหมือนเป็นตัวแทนของวัด แต่ไม่รุ้จัก เบอร์โทรของวัดเป็นได้หรือที่ไม่ได้ติดต่อกับวัด เขาให้ผมโทรไปถามที่ Bug1113 ผมจึงได้โทรไปที่ Bug1113 และหาในสมุดหน้าเหลืองก็ไม่มีเบอร์นี้ จึงได้คุยกับพี่ที่รู้จักซึ่งลูกทุกคนของพี่คนนี้บวชเป็นเปรียญธรรมอยู่วัดจักรวรรดิ์จึงได้ พี่ที่รู้จักบอกว่าอย่าไปทำบุญนะ เพราะบางทีเขาเป็นขบวนการ พี่เขาเคยรับพระธุดงค์ขึ้นรถมาเหมือนกัน แต่พอจะลงขอปัจจัยต่างๆ เดี๋ยวนี้เขาไม่รับพระขึ้นรถแล้ว เราปฏิเสธไปไม่บาปหรอก พระท่านนั่นแหละที่บาปตั้งแต่แรกแล้วที่เอ่ยปากขอ ระวังจะเป็นขบวนการ และเราเองให้ไปก็ไม่ได้บุญ ถ้าจะทำจริงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปด้วย บอกให้ท่านรอก่อนได้มั้ย ท่านพักอยู่ที่ไหน ผมจึงได้โทรกลับไปบอกกับท่านว่า
ศ : "ท่านครับวันนี้ผมไม่สะดวก ไม่ทราบว่าท่านรอพรุ่งนี้ได้มั้ยครับ ผมจะพาโยมอีกคนหนึ่งที่จะร่วมไปด้วย"
พ : "ได้โยม" (ท่านรอได้)
พ : "อาตมาติดคุยกับโยมอยู่ แค่นี้นะ เดี๋ยวโทรกลับ"
แล้วท่านก็ได้วางโทรศัพท์ไป หลังจากนั้น พี่ที่ผมรู้จักได้บอกว่าลูกที่เป็นเปรียญธรรมได้บอกว่าอย่าไปทำเลยนะ ท่านไม่สนับสนุนให้ปฏิเสธไปเลย ไม่บาปแน่นอน ผมจึงได้รอโทรศัพท์แล้วหลังจากนั้น ก็มีโยมโทรศัพท์มาหาผมจากเบอร์ของพระรูปนั้น
โยมใครก็ไม่รู้ : "เดี๋ยวคุยกับพระนะ ท่านอยู่ในโรงอาหารแล้ว" แล้วพระก็รับสาย
ศ : "ที่ผมจะร่วมทำบุญกับท่านในวันพรุ่งนี้ เจ้าภาพร่วมนั้นเขาไม่ร่วมทำบุญแล้วน่ะครับ"
พ : "ทำไมล่ะโยม ขอครึ่งหนึ่งไม่ได้หรือ (คือประมาณ ๘๐๐ บาท)"
ศ : "คือ มันเป็นอาบัติน่ะท่าน ขอโทษด้วยนะครับ นิมนต์ท่านขอจากโยมท่านอื่นเถอะนะครับ"
พ : "แล้วก็ให้รอ!!"
ศ : "ขอโทษนะครับท่าน กราบนมัสการครับ" ----- แล้วผมก็วางสายไป
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ก็ไม่ได้ให้เห็นว่าผมทำผิดหรือถูก พระท่านคือจริงหรือเท็จ แต่เพื่อเป็นเล่าประสบการณ์เหตุการณ์ที่เจอมาให้ฟัง แล้วอาจจะใช้เป็นอุทาหรณ์ให้ทราบว่า ถ้าเราเจอแบบนี้เราจะทำอย่างไร แต่ผมว่าเราอย่าได้เผลอไปตบปากรับคำเอาง่ายๆ ถ้าเราไม่พร้อมเราก็ปฏิเสธไปเลยดีที่สุด ไม่บาปครับ แต่ถ้าจะทำบุญควรตรวจสอบพิจารณาเสียก่อน เพราะบางทีอาจจะเป็นขบวนการได้ครับ ควรทำบุญอันประกอบไปด้วย "ปัญญา" ศรัทธาต้องมีปัญญาเป็นตัวนำครับ
*** [ พระวินัย ] ***
๒๕.ห้ามขอจีวรต่อคฤหัสถ์ที่มิใช่ญาติ(ยกเว้นขอต่อคนปวารณา)
ในพระไตรปิฎก ได้มีการกำหนดพระวินัยไว้ว่า
พระภิกษุนั้นไม่อาจเอ่ยปากขอสิ่ง ใดจากผู้มิใช่ญาติ
และผู้ไม่ปวารณา กล่าวคือ มีสิทธิ์ขอได้เฉพาะแก่ผู้
เป็นญาติ “บนสาม-ล่างสาม” ได้แก่ บิดา มารดา ปู่ย่า
ตายาย ทวด ถือว่าเป็นญาติข้างบนสามอันดับ และ ลูก
หลาน เหลน ถือว่าเป็นญาติข้างล่างสามอันดับ รวมเป็น
๖ ชั้น นับตนเองเข้าไปด้วยเป็น ๗ อันดับ ดังที่เรียกกันว่า
“เจ็ดชั่วโคตร” นั่นแล