เรื่องมันยาววววววววววววว .. เกี่ยวกับครอบครัวคนจีน หัวข้อเรื่องตั้งไม่ถูก -__-^ // แต่ช่วยมองในฐานะคนในนะคะ

คือเราอยากให้มองในฐานะคนในครอบครัว หรือ แทนตัวเองเป็นคนในครอบครัว เลยค่ะ
ไม่มองในฐานะคนนอกนะคะ

เราอยากรู้ว่าถ้าเป็นคุณ คุณจะคิดและทำอย่างไร ขอแบบจากความสัตย์จริง -..-
อยากได้ความคิดเห็นแบบผู้ใหญ่ มีเหตุและผล ไม่โลกสวย แต่มองโลกในแง่ความจริงค่ะ

เรื่องยาวมาก เพราะมันเริ่มจากสมัยแม่แต่งงานมาเป็นสะใภ้ในครอบครัวคนจีนครอบครัวนึงค่ะ
แต่เราจะเล่าสั้นๆเกี่ยวกับเรื่องในอดีตนะคะ จะยาวช่วงปัจจุบันค่ะ

ปัจจุบัน .. เรื่องมันมีอยู่ว่า
อาม่า(แม่ของพ่อ)อยู่บ้านหลังใหญ่คนเดียวค่ะ ซึ่งอาม่าอายุ80กว่าแล้วค่ะ
ส่วนเราทำธุรกิจส่วนตัว(ขายของ)อยู่อีกบ้าน แต่ไม่ไกลบ้านอาม่านัก ห่างกันประมาณ20กว่าเมตร

อาม่าต้องการให้เราย้ายไปขายที่บ้านอาม่าเลย แต่แม่เราก็บอกว่าติดสัญญาเช่าบ้านหลังนี้ไว้อีกหลายปี
ซึ่งนั่นทำให้อาม่าหงุดหงิด เพราะแกบอกว่า ถ้าเราจะขายของ ให้มาขายที่บ้านแก แกไม่คิดค่าเช่า
บ้านหลังที่เราขายของอยู่ ค่าเช่าเกือบ 10,000 บาทต่อเดือนค่ะ

เหตุเกิดเมื่อวานนี้คือ ..
อาม่ามาหาเราที่ร้านค่ะ ซึ่งวันนี้คือเราขายไม่ดีเลย
อาม่าเลยพูดกับเราเรื่องนี้ค่ะ ปกติคืออาม่าพูดกับพ่อและแม่เราค่ะ
นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้คุยกับอาม่าเรื่องนี้ตรงๆ

(สรรพนามอาจดูรุนแรง แต่พูดจริงๆไม่ได้ดูรุนแรงขนาดนั้นค่ะ
อาม่าเป็นคนจีน พูดไทยได้ แต่เขียนไทยไม่ได้ แกไม่น่าจะเข้าใจว่ามันคือคำเรียกแทนแบบหยาบค่ะ -__-')

อาม่า :: ค่าเช่าก็แพง ขายก็ไม่ดี ทำไมไม่ย้ายไปขายบ้านกุ
เรา :: ยิ้มมมม (คิดในใจ .. ตอบยังไงดีวะ - -'')

อาม่า :: เนี่ย คุยกับแม่มะรึง มันบอกว่าติดสัญญาเช่าหลายปี แต่กุจำได้มันเคยบอกว่าปีเดียว นี่มาบอกกุว่าสัญญาหลายปี(ทำหน้าแนวเคืองๆ)
กุบอกมันแล้วว่าให้มาขายบ้านกุ กุไม่คิดค่าเช่ากับหลาน กุบอกตั้งนานแล้ว แล้วแม่มะรึงทำงี้ถูกเหรอ มะรึงว่าถูกเหรอ! (อันนี้อาม่าขึ้นเสียงจริงๆ)
เรา :: อ่า (คิดในใจ .. ทำยังไงดีวะ = =)

อาม่า :: เดี๋ยวก่อนๆ กุเคยพูดกับมันแล้วตอนนั้น เดี๋ยวกุพูดอีกที ให้ผ่านช่วงตรุษจีนก่อน (ทำหน้าโกรธจริงจัง)
เรา :: ... (เงียบฉี่)

สักพักเราก็พูดว่า :: ทำไมไม่ลองถาม__(ชื่อพี่สาวเรา แทนว่า เม นะ)เมดูอ่ะ เมน่าจะรู้นะว่าแม่เช่ากี่ปี
อาม่า :: ทำไมกุต้องถาม ทำไมกุจะไม่รู้ กุจำได้ว่าแม่มะรึงบอกกุว่าปีเดียว!

อาม่า :: ถ้ามาขายบ้านกุ ค่าเช่ากุก็ไม่คิด กุจะเอาอะไรกับหลาน แม่มะรึงคิดว่ากุจะเอาอะไรกับหลาน ห๊า
ถ้ามาขาย กุก็จะได้มีเพื่อนด้วย นี่กุอยู่บ้านคนเดียว ให้หลานมาขาย จะได้มาอยู่เป็นเพื่อนกุ
เรา :: ... (หลังจากเงียบไปนานก็พูดนิดนึง) อ๋อม่า จริงๆ __(ชื่อเรา แทนว่าโม นะ)โมรู้นะว่าทำไมไม่ไป เพราะม่าดูนะ บ้านนี้มี 3 ชั้น
ชั้นแรกเราขายของก็จริง แต่ส่วนกลางบ้านจนถึงหลังบ้าน เราไว้ตั้งของร้านเราเต็มไปหมดนะ
ชั้นที่2,3 ก็วางของร้านพ่อเต็มไปหมดด้วย(บ้านหลังนี้ส่วนหน้าคือร้านเรา ส่วนหลังจนถึงชั้นบนๆคือโกดังค่ะ)
บ้านอาม่าอ่ะ วางได้แค่ชั้นแรกนะ

อาม่าฟังแล้วก็พูดว่า :: มะรึงก็เคยเห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่า ชั้นสองบ้านกุก็ว่าง ของก็วางได้ เมื่อก่อนตอนกุขายของก็วางได้ตั้งเยอะ
เราคิดในใจ :: (เอ่อคือ .. บ้านอาม่าอะ วางได้เยอะก็จริงนะ แต่ไม่เยอะเท่าที่นี่นะ ที่นี่สามชั้นยังวางของไม่พอเลย แล้วของนี่คือหนักมากกกก
ชิ้นเดียวนี่เกือบสิบกิโลอ่ะ แล้วคิดดูว่าโคตรหลายชิ้น ซ้อนๆกันไปอีกกก -__-

- ส่วนบ้านอาม่าคือ เป็นบ้านไม้ สร้างมานานแล้ว คือเราว่ามันเหมาะแค่อยู่อาศัยแล้วอ่ะ ไม่สามารถเป็นโกดังเก็บของหนักได้แน่ๆ
- ส่วนของที่อาม่าขายเมื่อก่อนนี่คือพวกขนมซองไง เก็บได้เยอะก็จริง แต่มันไม่หนักไง Y_Y)

และเราได้แค่คิด ไม่กล้าพูดออกไป เพราะเรื่องนี้รู้ๆกันอยู่ว่าเราขายอะไร อาม่าขายอะไร น้ำหนักไม่ได้ครึ่งกันเลยด้วยซ้ำ -__-

จากนั้น อาม่าก็พูดวนๆเรื่องนี้อีก แบบเสียงนี่ฟังออกเลยว่าแค้นเคืองแม่เรามากที่ต่อสัญญา ไม่ยอมไปขายที่บ้านแก
คือแกพูดแบบหน้านี่แสดงออกถึงความโกรธ และหยดน้ำตาไหลออกมาด้วย
คือเรานี่เห็นแล้วคิดเลย สงสัยแค้นจัด และกุซวยแน่ๆ =__=
จากนั้น เราก็เงียบ และได้แค่ยิ้มๆกับอาม่า

________________________________

หลังจากปิดร้าน เราก็กลับบ้าน
และพูดกับแม่

เรา :: แม่ อาม่าบอกว่าแม่เคยบอกว่าสัญญาแค่ปีเดียว นี่ทำไมแม่ไปต่ออีก อาม่าบอกก่อนแม่จะต่ออีกว่าให้ย้ายไปบ้านอาม่า
วันนี้อาม่ามาพูดน้ำเสียงนี่เคืองมาก
แม่ :: ใครจะเช่าบ้านขายของแค่ปีเดียว ปีเดียวอ่ะคือจ่ายค่าเช่า ปีนึงแบ่งสองครั้ง

เรา :: ไม่รู้ อาม่าว่าแกจำได้แม่บอกแกแบบนี้
แม่ :: -__-

เรา :: นี่ถ้าชั้นเป็นอาม่า ชั้นไม่ให้สมบัติใครสักคน(อาม่ารวยค่ะ)
แม่ :: ครั้งที่แล้ว รู้ป่ะว่าอาม่าพูดยังไง ตอนนั้นเธอไม่อยู่ มีอาม่า พ่อและชั้นในรถ
อาม่าพูดกับชั้นว่า ทำไมไม่ย้ายไปขายบ้านแก ชั้นก็บอกแกว่าสัญญาบ้านเช่าหลายปี แกก็ขึ้นเสียงเลยว่าแกจำได้ว่าครั้งก่อนบอกแกว่าปีเดียว
ชั้นเลยเงียบ อาม่าแกก็พูดขึ้นมาแบบเหยียดแบะปากเลยว่า "สมบัติกุจะเอา แต่ให้มาอยู่เป็นเพื่อนกุ ไม่มา" ชั้นเลยเงียบ ไม่อยากเถียงแก เดี๋ยวเรื่องยาว

เราเลยถามแม่ตรงๆ :: แม่ พูดจริงๆเลยนะ ทำไมไม่ย้ายไปบ้านอาม่าอะ
แม่ :: งั้นถามเธอกลับ เธออยากไปไหม ?
เราเงียบสักพัก แล้วพูดว่า :: ไม่ใช่ว่าไปไม่ได้นะ เราอ่ะไม่มีอะไรอยู่แล้ว แต่บ้านเช่านี่สิ ถ้าย้ายไปบ้านอาม่าปุ๊บ คนมาเช่าต่อนี่คู่แข่งร้านเราแน่นอน
(เพราะบ้านเช่าหลังนี้ ก่อนจะเช่า มีคนอยากเช่า2คน คือเรากับข้างบ้าน ซึ่งขายของเดียวกันเลย แต่เค้าขายเป็นอาชีพเสริมนะ แต่เราจะเป็นอาชีพหลักเลย)
ถ้าไปบ้านอาม่า แล้วคนนั้นเค้าได้หลังนี้ไป จบแน่ๆ ลูกค้าที่สร้างมาสามปี -_-

แม่เลยพูดว่า :: อ่าห้ะ แต่บอกเลย ถ้าเธอจะไป ชั้นจะคุยให้ แต่ตัดสินใจดีๆนะ อย่าบอกว่าอะไรก็ได้ แล้วมาลงที่ชั้น ชั้นโดนด่าคนเดียว
... เราเงียบ ...

แล้วจากนั้นก็คุยกันเรื่องนี้แหละ แต่เราเรียบเรียงไม่ถูก เพราะคุยเยอะมากกกกกกก
แต่เหตุผลแรกของแม่คือ ..
" เธอยังไม่เคยไปอยู่กับม่าตลอดเวลา เธอไม่รู้หรอก ชั้นอยู่มาเป็นสิบปีนะ กว่าชั้นจะออกมาตั้งตัวเอง
ที่ชั้นทำอยู่คือกันเธอไว้ไม่ให้เจอแบบชั้น ถ้าเธอย้ายไปบ้านม่า ไม่ใช่แค่ไปขายของ แต่หลังจากนั้นเธอต้องอยู่กับเค้าทั้งวันนะ
กินข้าวอาบน้ำคุยนอน คือเธอต้องฟังเค้า อย่าไปเถียงเค้า
ชั้นรู้ว่าเธอนิสัยชอบเถียง แต่ถ้าเธอปรับตัวไม่ได้ อยู่กับเค้า เธอจะทำให้เค้าปวดหัวกว่าเดิม
ตอนชั้นอยู่ ขนาดชั้นไม่เถียง ชั้นยังโดนเลย เธอจะเหลือไหม? "


เรา :: ก็คุยด้วยเหตุผลสิ ถ้าเราพูด แสดงว่าเราต้องมีเหตุผลเหมือนกัน ถ้ามีเหตุผล เค้าก็ต้องรับฟังอยู่แล้วแหละ
แม่ :: จากที่เธอเห็น เธอว่าเค้าฟังไหม ?
.. เราเงียบ ..
(คิดในใจ .. เออนั่นแหละ นิสัยอาม่าเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร อาม่าไม่สนใจเหตุผลคนอื่นนะ
อย่างเดียวที่เรารับรู้ด้วยตัวเองมานานคือ อาม่าฟังแค่ลูกๆของอาม่าเท่านั้น แต่ก็แค่ฟังนะ -_-)

เหตุผลข้อ 2 ของแม่ :: รู้ไหมทำไมชั้นถึงยืดเวลาต่อสัญญาอีก..ปี?
ถ้าเธอย้ายไปบ้านอาม่าในช่วงนี้(ช่วงนี้เป็นช่วงที่อาม่าคิดแบ่งสมบัติค่ะ)
แล้วมีคนมาเช่าบ้านหลังนี้ไป เธอจะกลับมาไม่ได้แล้วนะ คิดให้ไกล ไม่ใช่แค่ปัจจุบันนะ

ถ้าเธอทำอาชีพนี้ไปอีกหลายปี เธอรู้ไหมว่าถ้าพูดตรงๆคือ ถ้าอาม่าแบ่งสมบัติแล้วบ้านนี้ไม่ได้พ่อเธอ
ถึงตอนนี้อาม่าจะบอกว่าไม่คิดค่าเช่าให้อยู่ฟรี แต่ถ้าหลายปีต่อมาไม่มีอาม่า บ้านหลังนี้ตกเป็นของลุงๆป้าๆ
ถ้าตอนนั้นเธอมีลูกค้าติด เค้าก็สามารถให้เธอออกไปได้ เพราะบ้านเป็นของเค้า ถึงตอนนั้นเธอไม่มีที่แล้วนะ
มันอยู่ที่ว่าเค้าจะให้เธอเช่า หรือให้เธอออก เพราะไม่มีหรอกที่อาม่าให้เค้าไปแล้ว เค้าจะให้เธอค้าขายที่นั่นฟรีอีก


หลังจากฟังแม่พูดจบ เราอึ้งค่ะ ไม่คิดเลย ไม่ได้มองข้อนี้เลยสักนิดเดียว
คือถ้าฟังดีๆนะ มันคิดได้หลายแง่ บางคนฟังแล้วคิดว่า โหหน้าเงินชัดๆ บางคนคิดว่า เห้ยมันก็จริงนะ
คือแม่เราเป็นแนวแบบมองการณ์ไกลอ่ะ เราคิดแต่ปัจจุบัน แต่แม่มองไปถึงอนาคตด้วยเลยไรงี้

แล้วพ่อเราก็เดินมาพอดี เราก็ถามพ่อว่าพ่อคิดว่าไง?

คือพ่อเป็นคนรักครอบครัวนะ พ่อใจเย็น คือพ่อความคิดบวกอ่ะ
ปกติถ้าผิดหรือไม่ดี พูดกับพ่อตรงๆ พ่อก็จะพูดจะบอกเลยนะ
แต่ตอนนี้ถามพ่อเรื่องอาม่า คือมันก็จริงเรื่องที่แม่เราพูดไง แต่พอคิดไปถึงอาม่าก็ตัดสินใจไม่ได้อีก
พ่อเลยขอไม่พูด ฟังอย่างเดียว

ส่วนแม่เราอ่ะ ออกแนวพูดให้เห็นเลยว่าเป็นยังไง
ซึ่งคือแม่พูดเรื่องจริงอ่ะ ถามว่าหน้าเงินไหม? เราว่ามันมีเหตุผลในตัวของมันอ่ะ = =

เราก็เลยถามแม่ไปว่า :: แล้วถ้าอาม่ายกให้พ่อล่ะ เราต้องย้ายไปไหม?
แม่ก็ตอบว่า :: "ไม่ต้องย้าย ถ้าเกิดว่ายกให้พ่อ จะให้พี่สาวเธอกลับมาทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้านอาม่าแทน จะได้ไม่มีคู่แข่งเช่า และพี่ก็ยังได้อยู่นี่ด้วย"

(คือเมื่อปีก่อน เค้าคิดๆกันไว้ว่าจะให้พี่เปิดร้านที่บ้านอาม่า เพราะอาม่าบอกว่ามาเลย อาม่าให้อยู่ฟรี
แต่เพราะแม่กลัวว่าถ้าเกิดบ้านอาม่ายกให้ลุงป้า แล้วต้องย้ายออก มันจะลำบากเราอีก
เพราะของที่ตั้งก็ไม่รู้จะไปตั้งที่ไหนต่อแน่นอน
อีกอย่าง ถ้าอาม่าไม่อยู่แล้ว จะมีค่าเช่าบ้านเกิดขึ้นแน่นอน เพราะบ้านเค้า ใครจะให้เปิดร้านฟรี -_-')

__________________________

บอกก่อนว่า เรา พ่อ และลุง สลับกันไปนอนเป็นเพื่อนอาม่าที่บ้านทุกคืน
และก่อนหน้านี้สองปีกว่า เราเรียนอยู่ค่ะ
ทำให้คนที่ไปนอนเป็นเพื่อนอาม่าคือ พี่สาวเราทั้งสองคนรับหน้าที่ไปนอน
จนตอนนี้พี่สาวทั้งสองแต่งงานออกไปแล้ว

ทีแรกลุง(น้องชายพ่อ)บอกว่า "ดีจัง ต่อไปก็คิวโมแล้ว"
คือที่ผ่านมา พี่เราทำงานเสร็จก็กลับบ้านอาบน้ำ และไปนอนที่บ้านอาม่าทุกวัน
พี่คนแรกแต่งงานปุ๊บ คนที่สองก็ไปนอนกับอาม่าแทน ตอนนี้คนที่สองแต่งออกไปแล้ว
เหลือแค่เราค่ะ ลุงก็เลยพูดว่า ดีๆไรงี้

แม่เราเลยพูดว่า "อ่อ โมมันไม่เหมือนพี่ๆมันนะ จะให้มันไปนอนทุกคืนเหรอ ฝันไปก่อน"
ลุงเลยว่า "ทำไมเหรอ"
แม่เราสาธยายเลยค่ะ "โมมันโลกส่วนตัวสูง ดื้อ ไม่ฟังใครอยู่แล้ว คราวนี้สงสัยต้องสลับกันไปนอน ลุง พ่อ โม"
ลุง "ร้องไห้เงิบค่ะ)"

และตามนั้นค่ะ เราเป็นคนยังงั้นเลย
รอบนี้เลยกลายเป็นเรา ลุง และพ่อสลับกันไปนอนกับอาม่า

ซึ่งคือแม่เราอ่ะ พูดกับเราว่า
"อาม่าบอกชั้นว่า เรื่องเงินแล้วจะเอา พองี้ไม่มาอยู่เป็นเพื่อนกุสักคนใช่ไหม
แล้วทำไมไม่บอกลูกตัวเอง(ลุง)บ้าง ไม่ทำอะไร ทำไมไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ตัวเอง(ลุงไม่ได้ทำงานค่ะ แต่อาม่าให้เงินลุง เดือนละ20,000บาท)
นี่ตอนนี้ครอบครัวบ้านชั้นก็แทบจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอยู่แล้วยังจะว่าชั้นอีก
พี่เธอสองคนชั้นก็ส่งไปนอนทุกคืนตลอด นี่ก็มาถึงรุ่นเธอก็มีพ่อไปช่วยอีกคน
ลูกลุง ลูกป้าคนอื่นๆ ไม่เห็นส่งมาช่วยเลย แล้วนี่ยังจะว่าชั้นอีก
คนอื่นไม่ช่วย รอมาแค่ตอนแบ่งสมบัติ แบ่งให้คนอื่นเยอะกว่าพ่อเธออีก(อาม่าแบ่งไปแล้วน่าจะ7/10ส่วนค่ะ เราคิดเอง = =')
ตอนนี้คนอื่นใครให้ลูกมาอยู่กับแกบ้าง นอกจากบ้านเรา
ทั้งที่บ้านเราไม่ว่างสักคน คนว่างๆทำไมไม่ไปด่า"

-..- คือมันดูเห็นแก่เงิน แต่มันมีความจริงแฝงอยู่ในนั้นค่ะ -_-
เราไม่รู้จะคิดยังไงต่อไปเหมือนกัน
เรารู้แค่ว่า เราไม่ได้มองอาม่าว่าต้องให้สมบัติเรานะ
แต่เราฟังแล้วคิดว่าแม่มีเหตุผลมากกว่า ซึ่งถ้าคนนอกมองจะคิดว่า โหมันหน้าเงินจริงๆ
คือถ้ามาอยู่ในเหตุการณ์นะ จะเข้าใจค่ะ
=_____________________=

เราไม่รู้ต้องทำยังไงดี รู้แค่เราเล่ายาวมากเลยใครจะอ่านวะ T_T
ใครให้คำปรึกษาได้ โดยมองในจุดที่เรายืนอยู่
ช่วยเราด้วยเถอะค่ะ =/\=


เราอาจเล่าอดีตต่ออีกนิด จะได้เข้าใจจุดที่แม่และเรายืนอยู่
แต่เล่าในเม้นถัดไปนะคะ เพราะเกรงว่าจะไม่พอ

ขอเกริ่นๆแค่ว่า "เป็นลูกสะใภ้คนจีน เป็นดั่งคนใช้" เม่าหนาว
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ -/\-
เราจะเล่าบางส่วนเพิ่มเติมนะคะ ..

ปกติทุกวันนี้ อาม่ามาคุยกับเราที่ร้านทุกวันค่ะ
มีแค่บางวันเท่านั้นที่แกจะออกไปข้างนอก หรือทำความสะอาดบ้านเลยไม่ได้มา

ช่วงเวลาแล้วแต่เลยค่ะ บางวันแกก็มาเที่ยงๆ คุยกันสัก 10 นาที แกก็เดินไปบ้านเรา(ร้านพ่อแม่) อยู่คุยกับพ่อแม่เป็นชั่วโมงๆ
ซึ่งที่ร้านพ่อแม่ก็ทำธุรกิจส่วนตัว มีลูกค้าเข้าออกตลอดเหมือนกันค่ะ
นี่หมายถึงบางวันนะคะ อาม่าจะเดินกลับมาจากบ้านพ่อแม่ และแวะร้านเรานี่บ่าย3 บ่าย4 และอยู่คุยกับเราที่ร้านจน 6 โมงเย็นค่ะ

ช่วงเช้าอาม่าจะอยู่บ้าน ทำอาหารกินเอง หรือซื้อกินค่ะ
ส่วนช่วงเย็น อาม่าจะทำกินเอง ซื้อกิน บางครั้งก็ฝากลุงซื้อ หรือลุง(น้องชายพ่อ)นำอาหารจากที่บ้านตัวเองมาให้ค่ะ

ส่วนบ้านเราไม่ต้องพูดถึงค่ะ ว่าทำไมไม่ทำอาหารให้อาม่ากิน
เพราะเวลาจะทำกินเองก็ไม่มีอยู่แล้วค่ะ -___-

และเวลาประมาณ 9.00 - 12.00 น. นี่ ลุงจะมานั่งคุยกับพ่อแม่เราที่บ้านพ่อบ่อยมาก
นี่คือเวลาที่เปิดร้านทำงานด้วยนะ -__-'
แต่เราไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ไปรวมตัวที่บ้านอาม่า มารวมกันบ้านเราทำไม Facepalm

ทุกวันอาทิตย์ บ้านเราจะเข้าเมืองไปซื้อของชอปปิ้ง เที่ยว หรือแวะไปเยี่ยมแม่ของแม่(ยายเป็นคนจีนเหมือนกันค่ะ ซึ่งอาศัยอยู่กับพี่ชายแม่)
โดยสัดส่วนครึ่งๆมีอาม่าไปด้วย และไม่มีอาม่าไปด้วยค่ะ
สัดส่วนที่ไม่มีอาม่าไปด้วย หมายถึง วันนั้นจะแวะไปเยี่ยมยายค่ะ


นานๆที ยายและอาม่าถึงจะได้เจอกันค่ะ เพราะรถพ่อนั่งไม่พอค่าาาา = ='
เจอกันทีนี่คือต้องมีรถลูกหลานค่ะถึงจะพอ
โดยทุกวันอาทิตย์ที่มีอาม่าหรือยาย พ่อแม่เราจะพาไปกินMK หรืออาหารที่อาม่าหรือยายรีเควสมาค่ะ
พาไปชอปปิ้งซื้อของค่ะ แต่รุ่นนี้เหนื่อยเร็ว เดินเยอะไม่ค่อยได้นะ บางทีหลานๆหรือแม่ต้องจับมือเดิน หรือโอบหลังระวังให้ค่ะ

และบอกเลยว่าบ้านเรามีวันพักผ่อนวันเดียวคือวันอาทิตย์ ซึ่งเราว่าเราก็ได้ให้เวลาวันนี้แบบที่เราก็เต็มที่แล้วนะทั้งอาม่า ทั้งยาย
คือยังไงอ่ะ เราช่วย เราทำทุกอย่างที่ตัวเองจะไม่เดือดร้อน และทำตามใจคนอื่นแล้ว
ทั้งที่เวลาส่วนตัวตัวเองเราก็อยากมีอ่ะ -_-

_________

อีกเรื่องคือ อาม่ามีลูก 5 คนค่ะ
ลูกชาย 3 คนแรก อีกสองคนเป็นผู้หญิง
พ่อเราเป็นคนที่ 2 ค่ะ

ลูกอาม่าผู้หญิง เคยชวนอาม่าไปอยู่ที่นู่น(จังหวัดอื่น)ด้วยกัน แต่อาม่าไม่ไป เพราะห่วงบ้าน
อีกเหตุผลที่อาม่าเคยบอกคือ ลูกแต่งงานไปแล้ว จะให้ไปอยู่บ้านสามีลูก อาม่าก็ว่ากระไรอยู่(คนจีนจะแนวนี้ค่ะ)

______________
เดี๋ยวมาเพิ่มค่ะ เรื่องยาวจริงจัง =_=
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่