ขอรีกระทู้อีกครั้งแยกเป็นตอนๆ เนื่องจากแอบดองไปนิด แหะๆ เริ่มกันใหม่แบบเป็นตอนๆ รัวๆกันไปเลยทีเดียวเอ้า!!!
ไม่พูดพร่ำเพรื่อยืดเยื้อมากมาย (?) เริ่มต้นวันแรกกันเลยดีกว่า
ส่วนสายการบินและที่พัก กลับไปดูที่ กระทู้นี้ >>>
http://ppantip.com/topic/33045560/
:: Day 1 ::
http://ppantip.com/topic/33213055
:: Day 2 ::
http://ppantip.com/topic/33213121
:: Day 3 ::
http://ppantip.com/topic/33213484
Day 1 : 17 June 2014 (Tue)
BKK(Donmeung) > Seoul(Incheon) > Hello Korea Guesthouse Hongdae>
Seoul N Tower >Myeong-Dong Market
เริ่มต้นเช้าวันที่ 17 ด้วยความตื่นเต้น (ก่อนหน้านั้นคือหายตื่นเต้นไปแล้ว เพราะหลังจากจองตั๋วก็ตั้ง 2 เดือน) แม้ว่าการเก็บเสื้อผ้าเตรียมกระเป๋าไปตะลุยกรุงโซลด้วยความขี้เกียจ - -;; และเนื่องจากเราไม่ได้จองที่นั่งไว้ทำให้ไม่สามารถเช็คอินล่วงหน้าได้ค่ะ (ขนาดซื้อที่นั่งธรรมดายังตั้ง 500 บาท T^T) แล้วแอร์เอเชียเปิดให้ทำการเช็คอินหน้าเค้าเตอร์ 4 ชั่วโมงก่อนเครื่องออก และปิดเค้าเตอร์ก่อนเครื่องออก 1 ชั่วโมง หมายความว่าเครื่องออก 08:05 น. ก็จะเปิดให้บริการช่วงตี 4 แน่ละว่าเรากลัวคนเยอะ เลยจะไปกันตั้งแต่ตอนนั้น แต่สุดท้ายแล้วเราถึงสนามบินกันตอน 6 โมงเช้าค่ะ 555+ (แล้วจะคิดไปแต่เช้าเพื่อ?)
คนก็แอบเยอะอยู่นะ เครื่องบิน Airbus A330-300 (333) จะนั่งได้ 377 คน (business + economy) แต่ก็นั่นแหละ เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ช้านะ คนทยอยเข้าไปกันเยอะแล้ว ขาไปเราได้นั่งติดกันค่ะ 41D 41F (ABC-DFG-HIJ) มันคือที่นั่งแถวกลาง แอบเสียดายที่ไม่ได้นั่งติดหน้าต่าง คือเราค่อนข้างจะอึดอัดเวลานั่งตรงกลาง แม้ว่าจะติดทางเดินก็เหอะ แต่มันไม่เห็นอะไรเลย =_=
และแล้วเวลาอาหารก็มาถึง คือเราไม่ได้สั่งอาหารไว้ตั้งแต่แรก แล้วก่อนขึ้นเครื่องก็กินแล้วด้วยนะ 555 แต่พอถึงเวลาจริงกลิ่นอาหารมันเย้ายวนใจสุดๆ (เห็นคนอื่นกินไม่ได้ ต้องกินตาม) ก็เสียเงินค่าอาหารกันไปเบาๆ บนเครื่องคนละ 180 บาท (ถ้าซื้อล่วงหน้า 150 บาท มีให้เลือกมากกว่า) น้ำตาจะไหลพรากๆ คือถ้าอยู่ในไทย 180 บาท บางที่ก็หรูมากนะ แต่นี่มากล่องเดียว ธรรมดามากกกกกกกกก แล้วคือมันไม่มีให้เลือกเยอะ เรากับเพื่อนก็เลยสั่งไก่เทอริยากิมากินกันแก้เซ็ง ส่วนน้ำเปล่าถ้าซื้อบนเครื่องก็ 40 บาทมั้ง แต่ถ้าซื้อจากดิวตี้ฟรีก็ 20 บาท (แต่ขากลับเขาประกาศว่าห้ามนำอาหารขึ้นมาทางเองบนเครื่องบิน!!! จะโหดร้ายไปถึงไหนค๊าาาาาา ก็บนเครื่องมันแพงขนาดนั้น -*-)
นี่คือของแจกจ้า สำหรับเที่ยวบินรอบปฐมฤกษ์ คือน้ำเปล่า 1 ขวด และช็อกโกแลต 2 ชิ้น ข้างในมีไส้ =_= แต่รวมๆ แล้วก็อร่อยดี
นั่งอย่างเบื่อๆ หลับๆ ตื่นๆ ตลอด 5 ชั่วโมง เราก็ถึงสนามบินอินชอนแล้วววววววว อร๊ายยยย ในที่สุดความทรมานก็สิ้นสุดลงเสียที แต่กว่าจะผ่านออกจาก Immigration ได้นี่ก็นานมาก ขนาดหนีมนุษย์ป้าจากไทยมาเกาหลีแล้วยังเจอมนุษย์ป้าไทยตามมารังควานถึงเกาหลีกันเลยทีเดียว
ขอบ่นแป็บ คือคิดว่ามันเป็นมารยาทในการต่อแถวเข้าห้องน้ำนะ เพราะคนเยอะมาก เขาก็ยืนต่อแถวกันไม่ไปแออัดหน้าประตู (คือต่อแถวกันตรงที่ล้างมือ) แล้วป้าแกมาจากไหนไม่รู้(จริงๆ น่าจะเรียกยาย) คนเขาต่อแถวกันเป็น 10 คน แต่กลับเดินเข้าไปด้านในเฉยเลย แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร เพลียจริงๆ -*-
หลังจากนั้นก็ออกมาต่อแถวเพื่อผ่าน Immigration ซึ่งนานมากกกกกกกก เพื่อนเราอีก 3 คนออกไปรอตรงที่รับกระเป๋านานมาก ส่วนเพื่อนอีกคนที่มาเกาหลีก่อนก็นั่งกินหนมรากงอกรออยู่ตรงที่รอรับ
Kyaaa~ ในที่สุดเราก็ออกมาได้แล้วจ้าาาาา คือไม่รู้ว่าช้าตรงไหน หรืออะไรยังไง พอหลังๆ เริ่มปล่อยเร็วขึ้น มีอีกไฟลท์ที่ลงเวลาใกล้ๆ กันพอดีด้วย เป็นสนามบินที่วุ่นวายมากพอสมควรเลย
พอออกมาถึงอาคารผู้โดยสารขาเข้าแล้ว เราก็ตรงไปขอเช่าน้องไข่ wifi ทันที เรา print คูปองมาใช้ด้วย สามารถติดตามโปรโมชั่นของน้องไข่ได้ที่
http://roaming.kt.com/renewal/eng/main.asp เอาจริงๆอยากเรียกมันว่าไข่เน่ามาก บางทีก็ใช้ได้ดีไม่มีปัญหา บางครั้งก็ไม่สามารถใช้งานมันได้เลย จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเพราะอะไร - -^
นี่คือหน้าตาของน้องไข่เน่า (<<< หมั่นไส้) แอบรู้สึกว่ามันเก่าๆ
กว่าจะได้น้องไข่เน่ามานี่ก็แสนยากลำบาก จนวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าเราภาษาอังกฤษแย่ที่ฟังพนักงานพูดไม่รู้เรื่องหรือว่าอะไรกันแน่... แต่กว่าจะเข้าใจนี่ใช้เวลานานมาก T_T แต่สุดท้ายเราก็ได้มันมาไว้ในครอบครองโดยเสียค่ามัดจำไว้ 200,000 วอน ก็ 6000 กว่าบาทจ้า ฮืออออ (แต่ค่าเช่าแค่วันละ 8000 วอน)
พอจัดการเรื่องน้องไข่เน่าเสร็จ คุณเพื่อนที่อุตส่าห์นั่งรถไฟมารอรับเราถึงสนามบินก็พาเราเดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน เพื่อไปขึ้นรถไฟไปที่พัก (น่ารักสุดๆ คือนอกจากมารับแล้ว ยังช่วยตามหาที่พักให้เราด้วย)
ตอนนั่งรถไฟเราใช้วิธีกดบัตรไปก่อนค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าต่างจากรถไฟฟ้าที่ไทยตรงที่ของไทยไม่ต้องคืนบัตร เพราะสอดบัตรแล้วเป็นการคืนบัตรอัตโนมัติ แต่ว่าที่นี่เป็นการเช่าบัตรค่ะ เราต้องเอาบัตรไปคืนด้วยเมื่อออกจากสถานีแล้วจะได้เงินมันจำคือ 500 วอน (เราไปซื้อ T-money ที่สถานีฮงอิก ก็เลยใช้วิธีกดบัตรธรรมดาไปก่อน)
หน้าตาบัตร (ผ่านการใช้งานอย่างเต็มที่ แม้จะเป็นบัตรแข็งแต่สีนี่ไปหมดแล้วจ้า)
การเดินทางบนรถไฟสู่สถานีฮงอิกใช้เวลานานพอสมควรเลย ไม่แน่ใจว่าชั่วโมงกว่าๆ หรือเกือบชั่วโมง แต่ก็ประมาณนี้แหละ โชคดีที่เป็นสถานีต้นทาง เลยได้นั่งแบบสบายๆ ของก็เยอะพอสมควรเลย สายที่เรานั่งไปสถานีฮงอิก ตรงจากสนามบินอินชอนชื่อ Airport railroad ค่ะ แค่ 7 สถานีเอง (แต่ไกลนะ) แล้วก็ราคาอยู่ที่ 3,850 วอน (ระยะเวลาพอๆ กับรถด่วนค่ะ แต่ราคาถูกว่าครึ่ง ต้องเซฟเงินไว้)
ถ้าไม่นั่งรถไฟ ก็สามารถนั่งรถบัสไปลงที่ป้ายรถเมล์หน้าสถานีฮงอิกได้เลย
บนรถคนเยอะใช่เล่นนะ...
เนื่องจากสกิลการฟังภาษาเกาหลียังไม่ทำงานค่ะบอกเลย ยังฟังไม่ค่อยออกว่าเขาพูดว่าถึงสถานีไหนแล้ว (เคยได้ยินว่าคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แล้วไปอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง สภาพแวดล้อมจะเป็นตัวกระตุ้นให้เราพูดได้เอง แต่ต้องใช้เวลาซักระยะ แต่นี่เราไปไม่ถึง 10 วัน ภาษาก็พูดไม่ได้ แม้ว่าจะฟังเกาหลีบ้าง พอได้บางคำ มันจะได้อะไรมั้ยนะ... แต่แอบบอกก่อนเลยว่า มันก็พอได้อยู่นะ คือแปลไม่ได้ แต่ฟังจับเป็นคำได้ว่าพูดว่าอะไร พอเจอซ้ำๆ บ่อยๆ มันทำให้เราพอเข้าใจไปเองจริงๆ <<< หรือมโน?!) เลยได้แต่เดินตามเพื่อนไปเรื่อยๆ เพื่อนลุก เราก็ลุกตามค่ะ 5555+
เดินออกจากสถานีตามแผนที่ที่เกสเฮ้าส์ให้มา ซึ่งก็คือทางออกที่ 2 ค่ะ แล้วก็เริ่มผจญภัยตามหาที่พักที่อยู่ไกลแสนไกลกันทันที - -
มาดูหลังจากเอาของเก็บที่เกสเฮ้าส์ดีกว่า มาถึงวันแรกก็ผิดแผนเลยจ้าาาาา เพราะเราออกมาจากสนามบินช้ากว่าที่คิดไว้ ทำให้ไปขึ้นโซลทาวเวอร์ไม่ทันแน่ๆ (เขาปิดไม่ให้ขึ้นประมาณ 2 ทุ่ม แต่อยู่ด้านบนได้ถึง 5 ทุ่ม) เรากับเพื่อนอีก 2 คนเลยตกลงกันว่าจะไปมยองดงกันเลย (ส่วนอีก 3 คนว่าจะอยู่แถวๆ ที่พักก่อน) แล้วเรื่องก็เกิดที่ตรงนี้แหละ...
...เมื่อเราหลงทาง...
คือหลงจริงจ้า จำทางที่เดินเข้าไปไม่ได้ ออกผิดซอยเลี้ยวผิดทาง ไม่มีการเดินถอยหลังนะ เดินหน้าตรงไปเลย ไหนๆ ก็ไปแล้ว ไปกันตั้ง 3 คน ยังไงก็ต้องหาวิธีกลับได้แหละ (มั่นใจสุดๆ = = ไม่รู้เอาความมั่นใจมากจากไหน)
ปรากฏว่าเราเดินไปเรื่อยๆ มันก็ไปคนละทางกับตอนที่เราเข้าไปเรื่อยๆ แบบไปไกลมากกกกกกกก ไม่รู้จะขำดีมั้ย แล้วก็คงเป็นโชคดีที่เพื่อนที่ไปด้วย ก็คือคนที่มารอรับเราที่สนามบินเนี่ยแหละ อ่านเกาหลีออก พอพูดได้ (ถ้าไปกัน 2 คนอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าเดิมหน่อย 555+)
หลังจากเดินไปเรื่อยๆ สุดท้ายเลยคิดกันว่า นั่งรถเมล์ไปลงมยองดงเลยละกัน!!! (แหนะ กล้าอีกละ T-money ก็ยังไม่ได้เติมตังนะ เพราะก่อนเราไปนี่คือคำนวณค่าใช้จ่ายไว้หมดแล้ว แต่พอจ่ายส่วนเข้าเมืองแยกทำให้เรายังไม่ได้แยกเงินส่วนนั้นไว้ ก็เลยยังไม่เติม คำนวณเงินใหม่ก่อน พลาดตลอดจ้า) ก็ไปยืนกันที่ป้ายรถเมล์แล้วก็ทำการแกะภาษาเกาหลี เพื่อหาป้ายที่จะไปลงมยองดงกัน แอบยากตรงที่เราต้องค่อยๆ สะกดมันเนี่ยแหละ
อ้ะ! ในที่สุดรถก็มาแล้ว ถ้ามีบัตร T-money ก็ใช้แตะตรงประตูหน้าแล้วก็เข้าไปนั่งได้เลย แต่ตอนลงจากรถก็ต้องแตะออกด้วยนะ (ไม่งั้นอาจจะโดนบวกค่าใช้บริการไปจนสุดสาย) แต่เนื่องจากเราไม่มี!!! ก็หย่อนเงินลงไปจ่ะ 2000 วอน 2 คน แบบไม่รู้ด้วยนะว่าเราจ่ายขาดจ่ายเกินอะไรยังไง เพราะมันมีราคาเขียนไว้หลายราคา เพื่อนบอกเราว่ามันเป็นช่วงอายุ แบบเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุไรงี้ ราคาจะแตกต่างกันไปเล็กน้อย พอจะถามคีซานิม (คนขับรถ) เขาก็โบกมือให้เราไปนั่ง แบบไม่อยากจะคุยด้วยซะงั้น ให้เรานั่งๆ ไปเหอะ = =
ไม่อยากจะเม้าท์!!! แต่ต้องเม้าท์แล้วแหละ ลักษณะภูมิประเทศของเกาหลีเป็นภูเขา อย่างที่ทุกคนเข้าใจเนี่ยแหละ แล้วลักษณะการวางผังเมืองของเขาก็เป็นแบบกริด (แบ่งเป็นบล็อกๆ คิดว่าน่าจะใช่) เขาขับวนรอบบล็อกอะ แบบเราเห็นตึกนั้นแล้ว ผ่านไปแป็บนึงก็ขับผ่านตึกนั้นอีก แต่คนละมุมถนนกัน
ตอนนั่งนี่แทบอ้วกนะบอกเลย คือเขาค่อนข้างขับเหวี่ยงอ่ะ มันเลี้ยวบ่อย มีขึ้นเนิน เบรกแรงพอสมควร แบบคันหน้าเบรกแล้ว แต่ลุงแกยังไม่เบรกจ้า TOT
แต่ต้องชื่นชมเรื่องเวลามาก แล้วก็ขับอยู่ในเลนของเขานะ ไม่มีการแซงรถไรงี้แบบบ้านเรา (แม้ว่าการขับรถจะเป็นญาติกับสาย 8 บ้านเรา) เสียดายจำไม่ได้ว่านั่งสายอะไร แต่เป็นรถธรรมดา แง้มหน้าต่างนิดๆ พอ เพราะฝนเริ่มตก ลมแรงเข้ามาถึงด้านในกันเลยทีเดียว
ในที่สุดก็ถึงมยองดงแล้วววววววว แหล่งช้อปปิ้งงงงงง *0*
วันนี้สำรวจค่ะบอกเลย แบบสำรวจร้านที่อยู่ใต้ดิน (พวกร้านซีดีเนี่ยแหละ เหล่าติ่งน่าจะรู้จักกันดี) ส่วนบนดินก็เต็มไปด้วยร้านเครื่องสำอาง ที่มีแทบทุกยี่ห้อ ตั้งห่างกันไม่มาก = = รวมไปถึงกระเป๋า รองเท้า เคสมือถือ เสื้อผ้า คือมีแทบทุกอย่างอ่ะ คนเกาหลีก็เยอะ นักท่องเที่ยวก็เยอะ อาหารรถเข็นก็มีมากมายให้เลือกละลานตามาก (แอบบอกนิดนึงว่าแพงอยู่เหมือนกันนะ คือแพงกว่าย่านที่เราพักนะ)
[CR] :: Day 1 :: อันยอง~ แทฮันมินกุก!! Trip 9 days 8 nights @ South Korea
ไม่พูดพร่ำเพรื่อยืดเยื้อมากมาย (?) เริ่มต้นวันแรกกันเลยดีกว่า
ส่วนสายการบินและที่พัก กลับไปดูที่ กระทู้นี้ >>> http://ppantip.com/topic/33045560/
:: Day 1 :: http://ppantip.com/topic/33213055
:: Day 2 :: http://ppantip.com/topic/33213121
:: Day 3 :: http://ppantip.com/topic/33213484
BKK(Donmeung) > Seoul(Incheon) > Hello Korea Guesthouse Hongdae>
Seoul N Tower>Myeong-Dong Marketเริ่มต้นเช้าวันที่ 17 ด้วยความตื่นเต้น (ก่อนหน้านั้นคือหายตื่นเต้นไปแล้ว เพราะหลังจากจองตั๋วก็ตั้ง 2 เดือน) แม้ว่าการเก็บเสื้อผ้าเตรียมกระเป๋าไปตะลุยกรุงโซลด้วยความขี้เกียจ - -;; และเนื่องจากเราไม่ได้จองที่นั่งไว้ทำให้ไม่สามารถเช็คอินล่วงหน้าได้ค่ะ (ขนาดซื้อที่นั่งธรรมดายังตั้ง 500 บาท T^T) แล้วแอร์เอเชียเปิดให้ทำการเช็คอินหน้าเค้าเตอร์ 4 ชั่วโมงก่อนเครื่องออก และปิดเค้าเตอร์ก่อนเครื่องออก 1 ชั่วโมง หมายความว่าเครื่องออก 08:05 น. ก็จะเปิดให้บริการช่วงตี 4 แน่ละว่าเรากลัวคนเยอะ เลยจะไปกันตั้งแต่ตอนนั้น แต่สุดท้ายแล้วเราถึงสนามบินกันตอน 6 โมงเช้าค่ะ 555+ (แล้วจะคิดไปแต่เช้าเพื่อ?)
คนก็แอบเยอะอยู่นะ เครื่องบิน Airbus A330-300 (333) จะนั่งได้ 377 คน (business + economy) แต่ก็นั่นแหละ เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ช้านะ คนทยอยเข้าไปกันเยอะแล้ว ขาไปเราได้นั่งติดกันค่ะ 41D 41F (ABC-DFG-HIJ) มันคือที่นั่งแถวกลาง แอบเสียดายที่ไม่ได้นั่งติดหน้าต่าง คือเราค่อนข้างจะอึดอัดเวลานั่งตรงกลาง แม้ว่าจะติดทางเดินก็เหอะ แต่มันไม่เห็นอะไรเลย =_=
และแล้วเวลาอาหารก็มาถึง คือเราไม่ได้สั่งอาหารไว้ตั้งแต่แรก แล้วก่อนขึ้นเครื่องก็กินแล้วด้วยนะ 555 แต่พอถึงเวลาจริงกลิ่นอาหารมันเย้ายวนใจสุดๆ (เห็นคนอื่นกินไม่ได้ ต้องกินตาม) ก็เสียเงินค่าอาหารกันไปเบาๆ บนเครื่องคนละ 180 บาท (ถ้าซื้อล่วงหน้า 150 บาท มีให้เลือกมากกว่า) น้ำตาจะไหลพรากๆ คือถ้าอยู่ในไทย 180 บาท บางที่ก็หรูมากนะ แต่นี่มากล่องเดียว ธรรมดามากกกกกกกกก แล้วคือมันไม่มีให้เลือกเยอะ เรากับเพื่อนก็เลยสั่งไก่เทอริยากิมากินกันแก้เซ็ง ส่วนน้ำเปล่าถ้าซื้อบนเครื่องก็ 40 บาทมั้ง แต่ถ้าซื้อจากดิวตี้ฟรีก็ 20 บาท (แต่ขากลับเขาประกาศว่าห้ามนำอาหารขึ้นมาทางเองบนเครื่องบิน!!! จะโหดร้ายไปถึงไหนค๊าาาาาา ก็บนเครื่องมันแพงขนาดนั้น -*-)
นี่คือของแจกจ้า สำหรับเที่ยวบินรอบปฐมฤกษ์ คือน้ำเปล่า 1 ขวด และช็อกโกแลต 2 ชิ้น ข้างในมีไส้ =_= แต่รวมๆ แล้วก็อร่อยดี
นั่งอย่างเบื่อๆ หลับๆ ตื่นๆ ตลอด 5 ชั่วโมง เราก็ถึงสนามบินอินชอนแล้วววววววว อร๊ายยยย ในที่สุดความทรมานก็สิ้นสุดลงเสียที แต่กว่าจะผ่านออกจาก Immigration ได้นี่ก็นานมาก ขนาดหนีมนุษย์ป้าจากไทยมาเกาหลีแล้วยังเจอมนุษย์ป้าไทยตามมารังควานถึงเกาหลีกันเลยทีเดียว
ขอบ่นแป็บ คือคิดว่ามันเป็นมารยาทในการต่อแถวเข้าห้องน้ำนะ เพราะคนเยอะมาก เขาก็ยืนต่อแถวกันไม่ไปแออัดหน้าประตู (คือต่อแถวกันตรงที่ล้างมือ) แล้วป้าแกมาจากไหนไม่รู้(จริงๆ น่าจะเรียกยาย) คนเขาต่อแถวกันเป็น 10 คน แต่กลับเดินเข้าไปด้านในเฉยเลย แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร เพลียจริงๆ -*-
หลังจากนั้นก็ออกมาต่อแถวเพื่อผ่าน Immigration ซึ่งนานมากกกกกกกก เพื่อนเราอีก 3 คนออกไปรอตรงที่รับกระเป๋านานมาก ส่วนเพื่อนอีกคนที่มาเกาหลีก่อนก็นั่งกินหนมรากงอกรออยู่ตรงที่รอรับ
Kyaaa~ ในที่สุดเราก็ออกมาได้แล้วจ้าาาาา คือไม่รู้ว่าช้าตรงไหน หรืออะไรยังไง พอหลังๆ เริ่มปล่อยเร็วขึ้น มีอีกไฟลท์ที่ลงเวลาใกล้ๆ กันพอดีด้วย เป็นสนามบินที่วุ่นวายมากพอสมควรเลย
พอออกมาถึงอาคารผู้โดยสารขาเข้าแล้ว เราก็ตรงไปขอเช่าน้องไข่ wifi ทันที เรา print คูปองมาใช้ด้วย สามารถติดตามโปรโมชั่นของน้องไข่ได้ที่ http://roaming.kt.com/renewal/eng/main.asp เอาจริงๆอยากเรียกมันว่าไข่เน่ามาก บางทีก็ใช้ได้ดีไม่มีปัญหา บางครั้งก็ไม่สามารถใช้งานมันได้เลย จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเพราะอะไร - -^
นี่คือหน้าตาของน้องไข่เน่า (<<< หมั่นไส้) แอบรู้สึกว่ามันเก่าๆ
กว่าจะได้น้องไข่เน่ามานี่ก็แสนยากลำบาก จนวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าเราภาษาอังกฤษแย่ที่ฟังพนักงานพูดไม่รู้เรื่องหรือว่าอะไรกันแน่... แต่กว่าจะเข้าใจนี่ใช้เวลานานมาก T_T แต่สุดท้ายเราก็ได้มันมาไว้ในครอบครองโดยเสียค่ามัดจำไว้ 200,000 วอน ก็ 6000 กว่าบาทจ้า ฮืออออ (แต่ค่าเช่าแค่วันละ 8000 วอน)
พอจัดการเรื่องน้องไข่เน่าเสร็จ คุณเพื่อนที่อุตส่าห์นั่งรถไฟมารอรับเราถึงสนามบินก็พาเราเดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน เพื่อไปขึ้นรถไฟไปที่พัก (น่ารักสุดๆ คือนอกจากมารับแล้ว ยังช่วยตามหาที่พักให้เราด้วย)
ตอนนั่งรถไฟเราใช้วิธีกดบัตรไปก่อนค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าต่างจากรถไฟฟ้าที่ไทยตรงที่ของไทยไม่ต้องคืนบัตร เพราะสอดบัตรแล้วเป็นการคืนบัตรอัตโนมัติ แต่ว่าที่นี่เป็นการเช่าบัตรค่ะ เราต้องเอาบัตรไปคืนด้วยเมื่อออกจากสถานีแล้วจะได้เงินมันจำคือ 500 วอน (เราไปซื้อ T-money ที่สถานีฮงอิก ก็เลยใช้วิธีกดบัตรธรรมดาไปก่อน)
หน้าตาบัตร (ผ่านการใช้งานอย่างเต็มที่ แม้จะเป็นบัตรแข็งแต่สีนี่ไปหมดแล้วจ้า)
การเดินทางบนรถไฟสู่สถานีฮงอิกใช้เวลานานพอสมควรเลย ไม่แน่ใจว่าชั่วโมงกว่าๆ หรือเกือบชั่วโมง แต่ก็ประมาณนี้แหละ โชคดีที่เป็นสถานีต้นทาง เลยได้นั่งแบบสบายๆ ของก็เยอะพอสมควรเลย สายที่เรานั่งไปสถานีฮงอิก ตรงจากสนามบินอินชอนชื่อ Airport railroad ค่ะ แค่ 7 สถานีเอง (แต่ไกลนะ) แล้วก็ราคาอยู่ที่ 3,850 วอน (ระยะเวลาพอๆ กับรถด่วนค่ะ แต่ราคาถูกว่าครึ่ง ต้องเซฟเงินไว้)
ถ้าไม่นั่งรถไฟ ก็สามารถนั่งรถบัสไปลงที่ป้ายรถเมล์หน้าสถานีฮงอิกได้เลย
บนรถคนเยอะใช่เล่นนะ...
เนื่องจากสกิลการฟังภาษาเกาหลียังไม่ทำงานค่ะบอกเลย ยังฟังไม่ค่อยออกว่าเขาพูดว่าถึงสถานีไหนแล้ว (เคยได้ยินว่าคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แล้วไปอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง สภาพแวดล้อมจะเป็นตัวกระตุ้นให้เราพูดได้เอง แต่ต้องใช้เวลาซักระยะ แต่นี่เราไปไม่ถึง 10 วัน ภาษาก็พูดไม่ได้ แม้ว่าจะฟังเกาหลีบ้าง พอได้บางคำ มันจะได้อะไรมั้ยนะ... แต่แอบบอกก่อนเลยว่า มันก็พอได้อยู่นะ คือแปลไม่ได้ แต่ฟังจับเป็นคำได้ว่าพูดว่าอะไร พอเจอซ้ำๆ บ่อยๆ มันทำให้เราพอเข้าใจไปเองจริงๆ <<< หรือมโน?!) เลยได้แต่เดินตามเพื่อนไปเรื่อยๆ เพื่อนลุก เราก็ลุกตามค่ะ 5555+
เดินออกจากสถานีตามแผนที่ที่เกสเฮ้าส์ให้มา ซึ่งก็คือทางออกที่ 2 ค่ะ แล้วก็เริ่มผจญภัยตามหาที่พักที่อยู่ไกลแสนไกลกันทันที - -
มาดูหลังจากเอาของเก็บที่เกสเฮ้าส์ดีกว่า มาถึงวันแรกก็ผิดแผนเลยจ้าาาาา เพราะเราออกมาจากสนามบินช้ากว่าที่คิดไว้ ทำให้ไปขึ้นโซลทาวเวอร์ไม่ทันแน่ๆ (เขาปิดไม่ให้ขึ้นประมาณ 2 ทุ่ม แต่อยู่ด้านบนได้ถึง 5 ทุ่ม) เรากับเพื่อนอีก 2 คนเลยตกลงกันว่าจะไปมยองดงกันเลย (ส่วนอีก 3 คนว่าจะอยู่แถวๆ ที่พักก่อน) แล้วเรื่องก็เกิดที่ตรงนี้แหละ...
...เมื่อเราหลงทาง...
คือหลงจริงจ้า จำทางที่เดินเข้าไปไม่ได้ ออกผิดซอยเลี้ยวผิดทาง ไม่มีการเดินถอยหลังนะ เดินหน้าตรงไปเลย ไหนๆ ก็ไปแล้ว ไปกันตั้ง 3 คน ยังไงก็ต้องหาวิธีกลับได้แหละ (มั่นใจสุดๆ = = ไม่รู้เอาความมั่นใจมากจากไหน)
ปรากฏว่าเราเดินไปเรื่อยๆ มันก็ไปคนละทางกับตอนที่เราเข้าไปเรื่อยๆ แบบไปไกลมากกกกกกกก ไม่รู้จะขำดีมั้ย แล้วก็คงเป็นโชคดีที่เพื่อนที่ไปด้วย ก็คือคนที่มารอรับเราที่สนามบินเนี่ยแหละ อ่านเกาหลีออก พอพูดได้ (ถ้าไปกัน 2 คนอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าเดิมหน่อย 555+)
หลังจากเดินไปเรื่อยๆ สุดท้ายเลยคิดกันว่า นั่งรถเมล์ไปลงมยองดงเลยละกัน!!! (แหนะ กล้าอีกละ T-money ก็ยังไม่ได้เติมตังนะ เพราะก่อนเราไปนี่คือคำนวณค่าใช้จ่ายไว้หมดแล้ว แต่พอจ่ายส่วนเข้าเมืองแยกทำให้เรายังไม่ได้แยกเงินส่วนนั้นไว้ ก็เลยยังไม่เติม คำนวณเงินใหม่ก่อน พลาดตลอดจ้า) ก็ไปยืนกันที่ป้ายรถเมล์แล้วก็ทำการแกะภาษาเกาหลี เพื่อหาป้ายที่จะไปลงมยองดงกัน แอบยากตรงที่เราต้องค่อยๆ สะกดมันเนี่ยแหละ
อ้ะ! ในที่สุดรถก็มาแล้ว ถ้ามีบัตร T-money ก็ใช้แตะตรงประตูหน้าแล้วก็เข้าไปนั่งได้เลย แต่ตอนลงจากรถก็ต้องแตะออกด้วยนะ (ไม่งั้นอาจจะโดนบวกค่าใช้บริการไปจนสุดสาย) แต่เนื่องจากเราไม่มี!!! ก็หย่อนเงินลงไปจ่ะ 2000 วอน 2 คน แบบไม่รู้ด้วยนะว่าเราจ่ายขาดจ่ายเกินอะไรยังไง เพราะมันมีราคาเขียนไว้หลายราคา เพื่อนบอกเราว่ามันเป็นช่วงอายุ แบบเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุไรงี้ ราคาจะแตกต่างกันไปเล็กน้อย พอจะถามคีซานิม (คนขับรถ) เขาก็โบกมือให้เราไปนั่ง แบบไม่อยากจะคุยด้วยซะงั้น ให้เรานั่งๆ ไปเหอะ = =
ไม่อยากจะเม้าท์!!! แต่ต้องเม้าท์แล้วแหละ ลักษณะภูมิประเทศของเกาหลีเป็นภูเขา อย่างที่ทุกคนเข้าใจเนี่ยแหละ แล้วลักษณะการวางผังเมืองของเขาก็เป็นแบบกริด (แบ่งเป็นบล็อกๆ คิดว่าน่าจะใช่) เขาขับวนรอบบล็อกอะ แบบเราเห็นตึกนั้นแล้ว ผ่านไปแป็บนึงก็ขับผ่านตึกนั้นอีก แต่คนละมุมถนนกัน
ตอนนั่งนี่แทบอ้วกนะบอกเลย คือเขาค่อนข้างขับเหวี่ยงอ่ะ มันเลี้ยวบ่อย มีขึ้นเนิน เบรกแรงพอสมควร แบบคันหน้าเบรกแล้ว แต่ลุงแกยังไม่เบรกจ้า TOT
แต่ต้องชื่นชมเรื่องเวลามาก แล้วก็ขับอยู่ในเลนของเขานะ ไม่มีการแซงรถไรงี้แบบบ้านเรา (แม้ว่าการขับรถจะเป็นญาติกับสาย 8 บ้านเรา) เสียดายจำไม่ได้ว่านั่งสายอะไร แต่เป็นรถธรรมดา แง้มหน้าต่างนิดๆ พอ เพราะฝนเริ่มตก ลมแรงเข้ามาถึงด้านในกันเลยทีเดียว
ในที่สุดก็ถึงมยองดงแล้วววววววว แหล่งช้อปปิ้งงงงงง *0*
วันนี้สำรวจค่ะบอกเลย แบบสำรวจร้านที่อยู่ใต้ดิน (พวกร้านซีดีเนี่ยแหละ เหล่าติ่งน่าจะรู้จักกันดี) ส่วนบนดินก็เต็มไปด้วยร้านเครื่องสำอาง ที่มีแทบทุกยี่ห้อ ตั้งห่างกันไม่มาก = = รวมไปถึงกระเป๋า รองเท้า เคสมือถือ เสื้อผ้า คือมีแทบทุกอย่างอ่ะ คนเกาหลีก็เยอะ นักท่องเที่ยวก็เยอะ อาหารรถเข็นก็มีมากมายให้เลือกละลานตามาก (แอบบอกนิดนึงว่าแพงอยู่เหมือนกันนะ คือแพงกว่าย่านที่เราพักนะ)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น