เราทุกคนต่างก็มี "บาบาดุค" อยู่ในตัว

เพิ่มมีโอกาสได้ดูหนังเรื่อง บาบาดุค ครับ นึกเสียดายที่พลาดชมในจอเงิน


ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดเห็นเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้

--------------------------------------------------
Mister Babadook เป็นหนังสือเล่มสีแดงที่เป็นนิทานก่อนนอนสำหรับเด็กๆ (หรือเปล่า?) ซึ่งในเรื่องไม่ได้บอกว่ามันเข้ามาอยู่ที่ชั้นวางหนังสือของตัวละครหลักได้ยังไง

บาบาดุค เล่าเรื่องของ หญิงม้าย (อมีเลีย แวเน็ต) สามีตายด้วยอุบัติเหตุ ซึ่งต่อมาเธอต้องเลี้ยงลูกชาย (แซมเมล) ตามลำพังมาตลอดจนกระทั่งลูกชายของตัวเองอายุได้หกขวบ เหตุการณ์ประหลาดจึงเริ่มต้นขึ้นในคืนวันหนึ่งขณะที่ เธอหยิบหนังสือนิทานก่อนนอนเล่มหนึ่งมาอ่านให้ลูกชายของเธอฟังเหมือนที่ทำอยู่เป็นประจำ หนังสือเล่มนั้นชื่อ Mister Babadook

ข้อความและรูปวาดประกอบในหนังสือที่ผู้เขียนกับนักวาดภาพ นำเสนอออกมาได้ชวนหดหู่และน่าสะพรึงกลัว จนอมีเลียไม่สามารถทนอ่านให้ลูกชายตนได้ฟังต่อจนจบ ในที่สุดบาบาดุกก็เริ่มเข้ามาในชีวิตของเธอ จากที่เคยไม่เชื่อจนต้องเชื่อว่ามันมีจริงๆ
เหตุการณ์แปลกๆที่เกิดตามมา เช่นเศษแก้วที่อยู่ในอาหารเหลวคล้ายโจ้กที่เธอทำให้ลูกชายกิน รูปถ่ายคู่กับแฟนเก่าที่ถูกปากกาขีดแต้มใบหน้าจนเละ ตู้เสื้อผ้าที่ล้มลง ในที่สุดเธอต้องพาลูกชายไปหาหมอจิตเวชและพึ่งพายาระงับประสาท นำไปสู่โรคที่เธอต้องเผชิญคือนอนไม่หลับ เพราะทุกคราที่หลับตานอนเธอจะเห็นบาบาดุคมาหาทุกครั้ง

นักแสดงนำทั้งสอง  Essie Davis (อมีเลีย) จากภาพยนตร์เรื่อง The Matrix และ Noah Wiseman (แซม) แสดงได้ดีมากๆ ตัวละครมีพัฒนาการในด้านอารมณ์และกายภาพ โดยเฉพาะอมีเลียที่ตอนแรกก็ดูสีหน้าไม่ค่อยปกตินัก เนื่องจากต้องเลี้ยงลูกคนเดียวและอยู่ตามลำพังมาหกปี เมื่อเธอต้องเจอกับเรื่องเหนือธรรมชาติและความดื้อ ซน แก่น ของลูกชาย ทำให้เราแทบจะเปลี่ยนไปเป็นอีกคน
เด็กน้อย  Noah Wiseman ที่แสดงเป็นแซม แสดงได้สมบทบาท ทุกครั้งที่ออกมาในซีน อดนึกถึงเด็กไฮเปอร์กับออทิสติกไม่ได้ ฉากไคล์แม็กซ์ที่แซมพยายามช่วยแม่ของตนจากปิศาจร้ายเป็นอะไรที่ดูแล้วกินใจและอดลุ้นไม่ได้
หนังจงใจนำเสนอแสง เงาภายในบ้านด้วยสีฟ้าหม่น ทึมๆ ซึ่งเป็นตัวแทนของความเศร้าโศก หดหู่ของตัวเอกของเรื่อง เราแทบจะไม่เห็นสีอื่นใดเลยที่แสดงถึงความสดใส หรือร่าเริง

ดนตรีประกอบไม่ใส่เข้ามาจนหนวกหู น่ารำคานหรือ จงใจใส่ซาวด์แบบกระแทกให้ตกใจในฉากที่บาบาดุคออกมา แต่เป็นดนตรีที่ประหยัดในท่าทีในการค่อยๆเผยออกมาในฉากที่สำคัญหรือบีบอารมณ์คนดู

บาบาดุกนำเสนอด้านมืดในจิตใจของตัวละคร นั่นคืออมีเลีย หรือแม้กระทั่งแซมเองก็ตามที ทุกคนต่างมือ บาบาดุค อยู่ในใจ อยู่ที่ว่าจะปล่อยให้มันออกมาทำร้ายเราเองหรือคนที่เรารักหรือเปล่า เรามีทางเลือกสองทางคือ กักขังมันเอาไว้ หรือจะปล่อยมันออกมาต่อสู้กับเราและพยายมกำราบมันให้ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้คือ เราไม่สามารถกำจัดด้านมืด นี้ให้สิ้นซาก เหมือนที่ในหนังสือปกแดงเรื่องบาบาดุคกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ... If it’s in a word or it’s in a look, you can’t get rid of the Babadook.  

บาบาดุค เป็นภาพยนตร์แนวปิศาจร้ายแบบ จิตวิทยาสัญลักษณ์ ที่ตีแผ่ด้านมืดความชั่วร้ายในใจของมนุษย์ บางคนสามารถเก็บมันเอาไว้ได้จนตายแต่บางคนเมื่อเขาได้พบเจออะไรบางอย่างที่ไปกระตุ้นความชั่วร้ายนี้ มันก็จะเผยออกมาให้เห็น เหมือนในเรื่องที่หนังสือนิทานเล่มนั้นกลายเป็นตัว ทริกเกอร์ ความชั่วร้ายที่ถูกกักเก็บในใจอมีเรียออกมา

หนังต้องการนำเสนอสิ่งที่กล่าวมาผ่านความน่าสะพรึงกลัวของปิศาจร้ายที่ชื่อ บาบาดุค ถึงแม้เราจะไม่รู้ที่มาหรือต้นกำเนิดของมัน แต่เราก็ตระหนักรับรู้ดีว่า ท้ายสุดแล้ว ความรัก สามารถเอาชนะได้ในทุกๆสิ่ง โดยเฉพาะรักระหว่างแม่กับลูก

บาบาดุคเป็นหนังผี (ปิศาจ) อีกเรื่องที่แปลก (ในชื่อของปีศาจ) ในแง่เหนือหาการนำเสนอและพล็อต แต่องค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดที่หนังนำเสนอความบันเทิงตลอดความยาว 93 นาที ทำให้เราจดจ่อและสนุก ขนลุก ลุ้นไปกับตัวละครในเรื่อง เมื่อหนังจบลง เราลุกเดินออกจากโรงยังมีสิ่งที่เหลือติดความรู้สึกกลับมานั่นคือ...เราตระหนักรู้ว่า เราทุกคนต่างก็มี บาบาดุค อยู่ในตัว

Ba BA- ba DOOK! DOOK! DOOk!

แนะนำให้ดูครับ  4/5
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่