กระทู้เดิมเริ่มยาว ก็ขออนุญาติแตกกระทู้นะครับ แต่โดยส่วนตัวชอบคำตอบของความเห็นที่ 2 มากที่สุด
(ขออนุญาติคงแท็กกระทู้ตามต้นฉบับนะครับ)
>> หนุ่มกุมภวา
"ความเห็นส่วนตัวนะครับ ศาสนาอิสลาม เขาจะให้เด็กเล็กทุกๆคนเข้าเรียนในโรงเรียนสอนศาสนา ซึ่งศาสนาอื่น ไม่มีบังคับ อันนี้แหละคือวิธีที่จะชักจูงเด็กง่าย เด็กสอนให้เป็นหมอก็เป็นหมอ สอนให้เป็นครูก็จะเป็นครู แล้วถ้ามีคนต้องการเด็กเป็นเครื่องมือ สอนให้เด็กเป็นผู้ก่อการร้าย คุณว่าเด็กจะเป็นไหม ไม้อ่อนมันดัดง่ายครับ "
ก็ขอเล่าเรื่องราวในฐานะมุสลิมคนนึงนะครับ และเคยเรียนศาสนามาและจะพยายามใช้ศัพท์ง่ายๆ ให้เข้าใจกันนะครับ ระหว่างอ่านแนะนำ playlist นี้ (
https://www.youtube.com/watch?v=zQJV2VufoZA ชอบเป็นพิเศษ)
เรื่องเด็กมุสลิมเรียนศาสนาเยอะนี่เรื่องจริงครับ เวลาส่วนใหญ่ในสมัยเด็กของผมตั้งแต่ 8 ขวบจนอายุ 15-16 เฉพาะเสาร์ อาทิตย์ ผมจะหมดไปกับการเรียนศาสนา(ที่เรียกว่าเรียนฟัรดูอีน) ที่มัสยิดตั้งแต่เวลา 9.00 - 12.00 เนื้อหาก็เกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์อิสลาม เรื่องตาชั่งบุญบาป การตัดสินบุญบาปในโลกหน้าที่เรียกว่าอาคีเราะห์ ชีวิตหลังความตายในสุสาน ศาสดาที่สำคัญมีกี่ท่าน ชื่ออะไรบ้าง ประวัติศาสดาแต่ละท่าน บลาๆๆ จากนั้นก็พักเที่ยง ละหมาด และกลับมาเรียนต่อ 13.00 - 16.30 ก็มีเรียนทฤษฏีเยอะแยะ เต็มไปหมด เช่น การทำความสะอาดร่างกาย กฎข้อบังคับ ข้อห้าม เช่น ห้ามกางเกงขาสั้นเหนือหัวเข่าสำหรับผู้ชาย ห้ามการพนันทุกชนิด ห้ามดอกเบี้ย เรียนฮะดิษ (คำพูดของศาสดา) ฯลฯ และส่งท้ายละหมาดช่วงเย็น จากนั้นก็กลับบ้าน อาจจะมีไปวิ่งเล่น ปั่นจักรยาน หนีไปเล่นน้ำกับเพื่อนบ้าง
แต่พอเริ่ม 18.30 ผมก็ต้องเริ่มอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนหนังสือช่วงค่ำต่อ(อีกแล้ว) และละหมาดรวมกัน (ตรงนี้แล้วแต่นะครับ อย่างผมอยู่กระบี่ จะเรียนที่บ้านครูซึ่งเรียกว่า "บาลาย" แทน แต่บางที่เค้าก็จะไปมัสยิดกันเลย ก็มีอ่านอัลกุรอาน(คัมภีร์) ตั้งแต่เล่มเล็กๆ ไปจนถึงเล่มใหญ่ จน 20.30 ละหมาดรวมอีกครั้งจึงจะเลิกกลับบ้านนอน ถึงช่วงละครช่อง 7 พอดี ตอนนั้นติดหนังเรื่องเก็บแผ่นดิน สนุกมาก ^^ แล้วก็หมดแรงนอน
คราวนี้บางคนอาจจะระแวงว่า เสาร์ อาทิตย์ เอาเด็กไปรวมกัน สอนหรือปลูกฝังอะไรไม่ดีป่าวว่ะ ผมต้องบอกว่าหลักสูตรที่นำมาสอน มีคนกำหนดมาให้นะครับ ครูไม่ได้คิดขึ้นเอง มีองค์กรที่ชื่อว่า สมาคมคุรุสัมพันธ์ซึ่งเป็นองค์กรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กำหนดมาว่าระดับชั้นนี้ๆ ต้องสอนอะไรบ้าง มีสอบเหมือนเรียนโรงเรียนทั่วไปทุกอย่าง อย่างผมเองเรียน ป.1 - ป.6 ก็มีสอบ ผมเองก็เดินทางมาสอบที่มัสยิดจังหวัดนนทบุรีเหมือนกัน จำชื่อไม่ได้ แต่สวยมาก
แต่ที่ดีอย่างหนึ่งก็คือ ผมได้เรียนโรงเรียนสายสามัญ(อิศรานุสรณ์กระบี่) ไม่ได้ถูกบังคับถึงขนาดให้เรียนปอเนาะ เวลาเข้าแถวหน้าเสาธง "อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ" ผมก็ยืนนิ่งๆ นะแต่ในใจนี่กุท่องตามได้แล้วเว้ย เฮ้ย 5555+ ซึ่งผมว่ามันเป็นข้อดีนะ เหมือนผมอยู่ตรงกลางระหว่างสองโลก เห็นและเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างที่มุสลิมบางคนอาจจะไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องศาสนากับคนอื่นซักเท่าไร เวลาพักเที่ยงกินข้าว โรงเรียนไม่มีแยกให้นะครับ ว่าร้านนี้อิสลาม ร้านนี้พุทธ ผมก็ต้องกินรวมกับคนอื่นๆ จนพักหลังๆ กุกินแต่ปลานี่แหละ เพลเซฟที่สุดล่ะ
พอจบ ม.3 ต่อปวช มีเพื่อนกินเหล้า เล่นไพ่กินตังกัน ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรซักอย่างห้ามไว้โดยอัตโนมัติ คือ การปลูกฝังแต่เด็กมันได้ผลมากนะครับ ผมก็หนีไปร้านหนังสือ ไปเส้งโห หาหนังสือมาอ่าน ใช้ชีวิตต่างจากคนอื่นๆ ไปเลย ตอนนั้นมองเพื่อนที่เป็นอิสลามแต่เค้าไม่ได้เรียน แล้วไปนั่งกินเหล้ากับคนอื่นว่าน่าเกลียดล่ะ ไม่ดีเลย
พอขึ้นมหาลัย วิศวะเท่านั้นแหละ เข้าร่วมทีมโรบอท นรกเลย แก็งขี้เมาทั้งนั้นนี่หว่า ก็ตามเค้าง่ายๆ เลยครับทีนี้ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าต้องเข้าสังคม แต่ก็ยังละหมาดอยู่ ซึ่งตรงนี้ผมก็รู้แล้วว่ามันผิดนะ แต่ก็รู้สึกได้ว่าระบบความคิดมันเปลี่ยนไปนะ เริ่มปล่อยวางมากขึ้น (แต่ไม่ได้ถึงขนาดกินหมู แต่เวลาเพื่อนชวนไปร้านหมูกะทะก็ไปนะ แต่ขอแยกกะทะ) เจอเพื่อนที่เป็นคริสต์ ก็ถามๆ ก็รู้เพิ่มมาบ้างว่ามีแคร์ มีฮาเลลูยา ทุกวันอาทิตย์นะ ฮ่าๆ มีเล่นดนตรีด้วย เจ๋งแฮะ เดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร อะไรก็ไม่เหมือนกันในแต่ละนิกายโปรเตสแตนซ์กับคาทอลิก และก็รู้จักเพื่อนที่เป็นจีนคนหนึ่งก็ถามเรื่องลำดับญาติ มีก๋อง มีอาอี่ เตี่ยเป็นใคร แค่เพราะอยากจะเข้าใจคนอื่นๆ ให้มากขึ้น
จนปัจจุบันทำงานแล้วที่กรุงเทพนี่แหละ ผมก็ยังละหมาดอยู่ คืนวันพฤหัสบดีผมก็ยังอ่านกุรอานให้พ่ออยู่ (พ่อผมเสียนานล่ะ) แต่เหล้าก็กินอยู่นะ มีเพื่อนชวนบ้าง รัชดาบ้าง เหม่งจ๋ายบ้าง ตะลอนไปทั่ว (บารากุอะไรก็ดูดตาม รสมิ้นหอมมาก ^^) แต่ก็ไม่บ่อย อาจจะปีล่ะครั้ง 2 ครั้ง มุสลิมที่ดีๆ (ไม่ใช่ผมนะ) จะถือมาก เพราะว่าดื่มเหล้าและทำอะไรพวกนี้จะบาปหนักและนับไปเลย 40 วัน คุณทำบุญแค่ไหน ก็ไม่มีผลและไม่ได้อะไรเลย แต่บาปยังนับไปปกติ ก็พยายามจินตนาการตามเหมือนกันนะ ถ้าตาชั่งบุญบาปของผมมองเห็นเนี่ยะ มันคงจะเอียงไปเกือบ 90 องศาแล้วล่ะมั้ง ฮ่าๆ
คราวนี้ที่มาเล่าตรงนี้ อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไปหน่อย แต่คิดว่าหลายๆ คนน่าจะเข้าใจธรรมชาติมุสลิมมากขึ้น พอเข้าใจความรู้สึกที่แตกต่างจากคนอื่น คนอื่นทำได้ แต่เราทำไม่ได้นะ อิสลามเองก็มีหลายสาขา หลายนิกาย อย่างในไทยนี่เรียกว่า ซุนหนี่ (ชื่อเต็มๆ อะลิส ซุนนะฮ์ วัลญามะอะฮ์) ซึ่งผมว่าเป็นนิกายที่รักสงบ ไม่อยากจะวุ่นวายกับใคร ทำตามอัลกุรอานและการกระทำของศาสดาเป็นหลัก ในประเทศไทยจะเป็นกลุ่มนี้ 99% แต่กลุ่มที่เรื่องเยอะมักจะเป็นชีอะห์ ซึ่งจะพบเยอะแถบตะวันออกกลาง กลุ่มนี้จะเคร่งมากและไม่ถือตามศาสดาคนสุดท้ายแต่จะไปตามผู้นำคนอื่นแทน
ที่พยายามจะบอกก็คือเวลาเราอยู่กลับคนกลุ่มที่เป็นแบบเดียวกับเรามากๆ มากมันง่ายที่จะคล้อยตาม เหมือนเวลาฝึกทหาร สั่งซ้ายหัน ขวาหันได้หมด มันจะค่อยๆ หล่อหลอมและมองคนที่แตกต่างจากกลุ่มเราว่าไม่ดี ยิ่งถ้าเริ่มแต่เด็กหรือวัยรุ่นก็ยิ่งอันตรายเข้าไปอีก อย่างเรื่องในสามจังหวัดชายแดนใต้ ผมก็เชื่อส่วนตัวนะว่า โรงเรียนหรือปอเนาะบางแห่งก็มีส่วนเกี่ยวข้องและสอนอะไรผิดๆ เพราะตอนนี้ปอเนาะแถบกระบี่ พังงาจะมีนักเรียนจากสตูล ปัตตานี ยะลาที่ผู้ปกครองที่นู่นส่งลูกมาเรียนที่นี่แทนเหมือนกัน เพราะอะไร เพราะเค้าเองก็ไม่ไว้ใจ ปอเนาะแถวบ้านเค้าเองเช่นกัน
แล้วกฎของอิสลามจะเคร่งมาก ข้อห้ามล้านแปด มีแนวทางการปฎิบัติที่กำหนดมาให้ตลอดตั้งแต่เกิดจนตาย เน้นเรื่องโลกหน้ามากเกินไป (ในมุมมองผมนะ) จนบางทีเราก็ละเลยความสุขในโลกนี้ อย่างผมเองก็แหกกฎมันซะหลายข้อแล้ว แต่ข้อที่ผมแหกก็ขอแค่ทำไปแล้วไม่กระทบใคร กระทบแค่ตัวเองก็พอ ไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดทำคนตาย ผมกินเบียร์ ก็นั่งกินร้าน เงียบๆ ฟังดนตรี คุยเรื่องราวกับเพื่อน ไม่ได้ไปขับรถไปชนใคร (เพราะไม่มีให้ขับ ฮ่าๆ) ปล่อยวาง ใช้ชีวิตสนุกๆ บ้างแค่นี้แหละ ที่ผมต้องการ
หรือวันข้างหน้า ถ้ามีลูกผมก็ไม่ได้บังคับให้เค้าเรียนศาสนาถึงขนาดไปต้องไปอยู่ปอเนาะ เรียนสายสามัญ จันทร์ถึงศุกร์ ส่วนศาสนาก็เรียนเสาร์ อาทิตย์นี่แหละ เกินพอแล้ว หรือถ้าลูกจะกินเบียร์ ก็ขอให้เค้าอายุเกิน 18 ปีก่อน เหมือนที่ผมมาเริ่มตอนมหาลัย และที่สำคัญอย่ากินบ่อย
ผมชอบคำพูดหนึ่งของอาจารย์ที่เคยผมเรื่องโครงสร้างฐานข้อมูล เค้าบอกว่า คนส่วนใหญ่จะถือไม้บรรทัดคนละอันมาตั้งแต่เกิดแล้ว เปรียบได้กับมุมมองและบรรทัดฐานของเราเองที่มีต่อเรื่องต่างๆ ปัญหาส่วนใหญ่มันเริ่มเกิดขึ้นเวลาเราเอาไม้บรรทัดของเราไปวัดคนอื่นนี่แหละ ผมก็ เออ จริงของอาจารย์
อ้างอิง
สมาคมคุรุสัมพันธ์
http://www.kurusampan.com/
เพลงคาเซ เก็บแผ่นดิน ฮ่าๆๆ
https://www.youtube.com/watch?v=7YI0Pq9-EE0
ขอแตกประเด็นหน่อยนะครับ -> ทำไมผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่ต้องเป็นอิสลามคะ
(ขออนุญาติคงแท็กกระทู้ตามต้นฉบับนะครับ)
>> หนุ่มกุมภวา
"ความเห็นส่วนตัวนะครับ ศาสนาอิสลาม เขาจะให้เด็กเล็กทุกๆคนเข้าเรียนในโรงเรียนสอนศาสนา ซึ่งศาสนาอื่น ไม่มีบังคับ อันนี้แหละคือวิธีที่จะชักจูงเด็กง่าย เด็กสอนให้เป็นหมอก็เป็นหมอ สอนให้เป็นครูก็จะเป็นครู แล้วถ้ามีคนต้องการเด็กเป็นเครื่องมือ สอนให้เด็กเป็นผู้ก่อการร้าย คุณว่าเด็กจะเป็นไหม ไม้อ่อนมันดัดง่ายครับ "
ก็ขอเล่าเรื่องราวในฐานะมุสลิมคนนึงนะครับ และเคยเรียนศาสนามาและจะพยายามใช้ศัพท์ง่ายๆ ให้เข้าใจกันนะครับ ระหว่างอ่านแนะนำ playlist นี้ (https://www.youtube.com/watch?v=zQJV2VufoZA ชอบเป็นพิเศษ)
เรื่องเด็กมุสลิมเรียนศาสนาเยอะนี่เรื่องจริงครับ เวลาส่วนใหญ่ในสมัยเด็กของผมตั้งแต่ 8 ขวบจนอายุ 15-16 เฉพาะเสาร์ อาทิตย์ ผมจะหมดไปกับการเรียนศาสนา(ที่เรียกว่าเรียนฟัรดูอีน) ที่มัสยิดตั้งแต่เวลา 9.00 - 12.00 เนื้อหาก็เกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์อิสลาม เรื่องตาชั่งบุญบาป การตัดสินบุญบาปในโลกหน้าที่เรียกว่าอาคีเราะห์ ชีวิตหลังความตายในสุสาน ศาสดาที่สำคัญมีกี่ท่าน ชื่ออะไรบ้าง ประวัติศาสดาแต่ละท่าน บลาๆๆ จากนั้นก็พักเที่ยง ละหมาด และกลับมาเรียนต่อ 13.00 - 16.30 ก็มีเรียนทฤษฏีเยอะแยะ เต็มไปหมด เช่น การทำความสะอาดร่างกาย กฎข้อบังคับ ข้อห้าม เช่น ห้ามกางเกงขาสั้นเหนือหัวเข่าสำหรับผู้ชาย ห้ามการพนันทุกชนิด ห้ามดอกเบี้ย เรียนฮะดิษ (คำพูดของศาสดา) ฯลฯ และส่งท้ายละหมาดช่วงเย็น จากนั้นก็กลับบ้าน อาจจะมีไปวิ่งเล่น ปั่นจักรยาน หนีไปเล่นน้ำกับเพื่อนบ้าง
แต่พอเริ่ม 18.30 ผมก็ต้องเริ่มอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนหนังสือช่วงค่ำต่อ(อีกแล้ว) และละหมาดรวมกัน (ตรงนี้แล้วแต่นะครับ อย่างผมอยู่กระบี่ จะเรียนที่บ้านครูซึ่งเรียกว่า "บาลาย" แทน แต่บางที่เค้าก็จะไปมัสยิดกันเลย ก็มีอ่านอัลกุรอาน(คัมภีร์) ตั้งแต่เล่มเล็กๆ ไปจนถึงเล่มใหญ่ จน 20.30 ละหมาดรวมอีกครั้งจึงจะเลิกกลับบ้านนอน ถึงช่วงละครช่อง 7 พอดี ตอนนั้นติดหนังเรื่องเก็บแผ่นดิน สนุกมาก ^^ แล้วก็หมดแรงนอน
คราวนี้บางคนอาจจะระแวงว่า เสาร์ อาทิตย์ เอาเด็กไปรวมกัน สอนหรือปลูกฝังอะไรไม่ดีป่าวว่ะ ผมต้องบอกว่าหลักสูตรที่นำมาสอน มีคนกำหนดมาให้นะครับ ครูไม่ได้คิดขึ้นเอง มีองค์กรที่ชื่อว่า สมาคมคุรุสัมพันธ์ซึ่งเป็นองค์กรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กำหนดมาว่าระดับชั้นนี้ๆ ต้องสอนอะไรบ้าง มีสอบเหมือนเรียนโรงเรียนทั่วไปทุกอย่าง อย่างผมเองเรียน ป.1 - ป.6 ก็มีสอบ ผมเองก็เดินทางมาสอบที่มัสยิดจังหวัดนนทบุรีเหมือนกัน จำชื่อไม่ได้ แต่สวยมาก
แต่ที่ดีอย่างหนึ่งก็คือ ผมได้เรียนโรงเรียนสายสามัญ(อิศรานุสรณ์กระบี่) ไม่ได้ถูกบังคับถึงขนาดให้เรียนปอเนาะ เวลาเข้าแถวหน้าเสาธง "อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ" ผมก็ยืนนิ่งๆ นะแต่ในใจนี่กุท่องตามได้แล้วเว้ย เฮ้ย 5555+ ซึ่งผมว่ามันเป็นข้อดีนะ เหมือนผมอยู่ตรงกลางระหว่างสองโลก เห็นและเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างที่มุสลิมบางคนอาจจะไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องศาสนากับคนอื่นซักเท่าไร เวลาพักเที่ยงกินข้าว โรงเรียนไม่มีแยกให้นะครับ ว่าร้านนี้อิสลาม ร้านนี้พุทธ ผมก็ต้องกินรวมกับคนอื่นๆ จนพักหลังๆ กุกินแต่ปลานี่แหละ เพลเซฟที่สุดล่ะ
พอจบ ม.3 ต่อปวช มีเพื่อนกินเหล้า เล่นไพ่กินตังกัน ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรซักอย่างห้ามไว้โดยอัตโนมัติ คือ การปลูกฝังแต่เด็กมันได้ผลมากนะครับ ผมก็หนีไปร้านหนังสือ ไปเส้งโห หาหนังสือมาอ่าน ใช้ชีวิตต่างจากคนอื่นๆ ไปเลย ตอนนั้นมองเพื่อนที่เป็นอิสลามแต่เค้าไม่ได้เรียน แล้วไปนั่งกินเหล้ากับคนอื่นว่าน่าเกลียดล่ะ ไม่ดีเลย
พอขึ้นมหาลัย วิศวะเท่านั้นแหละ เข้าร่วมทีมโรบอท นรกเลย แก็งขี้เมาทั้งนั้นนี่หว่า ก็ตามเค้าง่ายๆ เลยครับทีนี้ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าต้องเข้าสังคม แต่ก็ยังละหมาดอยู่ ซึ่งตรงนี้ผมก็รู้แล้วว่ามันผิดนะ แต่ก็รู้สึกได้ว่าระบบความคิดมันเปลี่ยนไปนะ เริ่มปล่อยวางมากขึ้น (แต่ไม่ได้ถึงขนาดกินหมู แต่เวลาเพื่อนชวนไปร้านหมูกะทะก็ไปนะ แต่ขอแยกกะทะ) เจอเพื่อนที่เป็นคริสต์ ก็ถามๆ ก็รู้เพิ่มมาบ้างว่ามีแคร์ มีฮาเลลูยา ทุกวันอาทิตย์นะ ฮ่าๆ มีเล่นดนตรีด้วย เจ๋งแฮะ เดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร อะไรก็ไม่เหมือนกันในแต่ละนิกายโปรเตสแตนซ์กับคาทอลิก และก็รู้จักเพื่อนที่เป็นจีนคนหนึ่งก็ถามเรื่องลำดับญาติ มีก๋อง มีอาอี่ เตี่ยเป็นใคร แค่เพราะอยากจะเข้าใจคนอื่นๆ ให้มากขึ้น
จนปัจจุบันทำงานแล้วที่กรุงเทพนี่แหละ ผมก็ยังละหมาดอยู่ คืนวันพฤหัสบดีผมก็ยังอ่านกุรอานให้พ่ออยู่ (พ่อผมเสียนานล่ะ) แต่เหล้าก็กินอยู่นะ มีเพื่อนชวนบ้าง รัชดาบ้าง เหม่งจ๋ายบ้าง ตะลอนไปทั่ว (บารากุอะไรก็ดูดตาม รสมิ้นหอมมาก ^^) แต่ก็ไม่บ่อย อาจจะปีล่ะครั้ง 2 ครั้ง มุสลิมที่ดีๆ (ไม่ใช่ผมนะ) จะถือมาก เพราะว่าดื่มเหล้าและทำอะไรพวกนี้จะบาปหนักและนับไปเลย 40 วัน คุณทำบุญแค่ไหน ก็ไม่มีผลและไม่ได้อะไรเลย แต่บาปยังนับไปปกติ ก็พยายามจินตนาการตามเหมือนกันนะ ถ้าตาชั่งบุญบาปของผมมองเห็นเนี่ยะ มันคงจะเอียงไปเกือบ 90 องศาแล้วล่ะมั้ง ฮ่าๆ
คราวนี้ที่มาเล่าตรงนี้ อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไปหน่อย แต่คิดว่าหลายๆ คนน่าจะเข้าใจธรรมชาติมุสลิมมากขึ้น พอเข้าใจความรู้สึกที่แตกต่างจากคนอื่น คนอื่นทำได้ แต่เราทำไม่ได้นะ อิสลามเองก็มีหลายสาขา หลายนิกาย อย่างในไทยนี่เรียกว่า ซุนหนี่ (ชื่อเต็มๆ อะลิส ซุนนะฮ์ วัลญามะอะฮ์) ซึ่งผมว่าเป็นนิกายที่รักสงบ ไม่อยากจะวุ่นวายกับใคร ทำตามอัลกุรอานและการกระทำของศาสดาเป็นหลัก ในประเทศไทยจะเป็นกลุ่มนี้ 99% แต่กลุ่มที่เรื่องเยอะมักจะเป็นชีอะห์ ซึ่งจะพบเยอะแถบตะวันออกกลาง กลุ่มนี้จะเคร่งมากและไม่ถือตามศาสดาคนสุดท้ายแต่จะไปตามผู้นำคนอื่นแทน
ที่พยายามจะบอกก็คือเวลาเราอยู่กลับคนกลุ่มที่เป็นแบบเดียวกับเรามากๆ มากมันง่ายที่จะคล้อยตาม เหมือนเวลาฝึกทหาร สั่งซ้ายหัน ขวาหันได้หมด มันจะค่อยๆ หล่อหลอมและมองคนที่แตกต่างจากกลุ่มเราว่าไม่ดี ยิ่งถ้าเริ่มแต่เด็กหรือวัยรุ่นก็ยิ่งอันตรายเข้าไปอีก อย่างเรื่องในสามจังหวัดชายแดนใต้ ผมก็เชื่อส่วนตัวนะว่า โรงเรียนหรือปอเนาะบางแห่งก็มีส่วนเกี่ยวข้องและสอนอะไรผิดๆ เพราะตอนนี้ปอเนาะแถบกระบี่ พังงาจะมีนักเรียนจากสตูล ปัตตานี ยะลาที่ผู้ปกครองที่นู่นส่งลูกมาเรียนที่นี่แทนเหมือนกัน เพราะอะไร เพราะเค้าเองก็ไม่ไว้ใจ ปอเนาะแถวบ้านเค้าเองเช่นกัน
แล้วกฎของอิสลามจะเคร่งมาก ข้อห้ามล้านแปด มีแนวทางการปฎิบัติที่กำหนดมาให้ตลอดตั้งแต่เกิดจนตาย เน้นเรื่องโลกหน้ามากเกินไป (ในมุมมองผมนะ) จนบางทีเราก็ละเลยความสุขในโลกนี้ อย่างผมเองก็แหกกฎมันซะหลายข้อแล้ว แต่ข้อที่ผมแหกก็ขอแค่ทำไปแล้วไม่กระทบใคร กระทบแค่ตัวเองก็พอ ไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดทำคนตาย ผมกินเบียร์ ก็นั่งกินร้าน เงียบๆ ฟังดนตรี คุยเรื่องราวกับเพื่อน ไม่ได้ไปขับรถไปชนใคร (เพราะไม่มีให้ขับ ฮ่าๆ) ปล่อยวาง ใช้ชีวิตสนุกๆ บ้างแค่นี้แหละ ที่ผมต้องการ
หรือวันข้างหน้า ถ้ามีลูกผมก็ไม่ได้บังคับให้เค้าเรียนศาสนาถึงขนาดไปต้องไปอยู่ปอเนาะ เรียนสายสามัญ จันทร์ถึงศุกร์ ส่วนศาสนาก็เรียนเสาร์ อาทิตย์นี่แหละ เกินพอแล้ว หรือถ้าลูกจะกินเบียร์ ก็ขอให้เค้าอายุเกิน 18 ปีก่อน เหมือนที่ผมมาเริ่มตอนมหาลัย และที่สำคัญอย่ากินบ่อย
ผมชอบคำพูดหนึ่งของอาจารย์ที่เคยผมเรื่องโครงสร้างฐานข้อมูล เค้าบอกว่า คนส่วนใหญ่จะถือไม้บรรทัดคนละอันมาตั้งแต่เกิดแล้ว เปรียบได้กับมุมมองและบรรทัดฐานของเราเองที่มีต่อเรื่องต่างๆ ปัญหาส่วนใหญ่มันเริ่มเกิดขึ้นเวลาเราเอาไม้บรรทัดของเราไปวัดคนอื่นนี่แหละ ผมก็ เออ จริงของอาจารย์
อ้างอิง
สมาคมคุรุสัมพันธ์ http://www.kurusampan.com/
เพลงคาเซ เก็บแผ่นดิน ฮ่าๆๆ https://www.youtube.com/watch?v=7YI0Pq9-EE0