ทุกวันนี้การจะหากล้องสักหนึ่งตัวเป็นเรื่องที่ง่ายมาก และด้วยเทคโนโลยีของความรวดเร็วทางด้านการสื่อสารทำให้ทุกวันนี้มีภาพถ่ายจากทุกมุมโลกผ่านเข้ามาสู่สายตาของเราจนนับไม่ถ้วนในแต่ละวัน ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องดี แต่เรื่องที่ดีส่วนใหญ่แล้ว จะแฝงเอาไว้ด้วยภัยอันตรายที่เราไม่รู้ตัว
ผมเป็นแฟนฟุตบอลสโมสรอาร์เซนอล มาตั้งแต่วัยเยาว์ จนเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว แม้ว่าสโมสรไม่ค่อยได้เเชมป์สักเท่าไหร่ ผมก็ยังตามเชียร์และแบ่งเวลามาติดตามดูการแข่งขันฟุตบอลของอาร์เซนอลอยู่เสมอ แต่ถ้าเลยเที่ยงคืนแล้วละก็ ขอนอนดีกว่า แล้วค่อยตื่นขึ้นมาเช็คผลฟุตบอลก็พอ
กระทู้ในวันนี้ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องฟุตบอลมากนัก แต่จะขอพูดถึงภาพถ่ายมากกว่า ที่เรามักจะตัดสินใจว่าคนทั้งชีวิตว่าดีหรือเลว จากภาพเพียงภาพเสี้ยววินาทีเท่านั้น
เมื่อไม่กี่วันก่อนได้มีภาพถ่ายของนักฟุตบอลของอาร์เซนอล ที่ชื่อว่า Jack Wilshere ได้มีภาพถ่ายว่าไปท่องราตรีและมือถือสายสำหรับสูบบารากุหรือมอระกู่ หรือ ชีชะฮ์ (อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วเรียกว่าอะไรนะครับ) สำหรับนักฟุตบอลอาชีพแล้ว การทำลายสุขภาพตนเองโดยเฉพาะการสูบบุหรี่นั้นจะไม่ได้รับการอนุญาต จะเห็นได้ว่าจะไม่ค่อยเห็นภาพถ่ายนักฟุตบอลอาชีพจากยุโรปสูบหรี่ ถ้ามีภาพหลุดออกมาก็จะกลายเป็นข่าวใหญ่โตเลยทีเดียว
ภาพจาก
http://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-2942421/Jack-Wilshere-needs-learn-master-life-second-life-does-not-define-insists-Arsene-Wenger.html ได้ลงข่าวเกี่ยวกับ Jack Wilshere ขณะท่องราตรีและมือถือสายสำหรับสูบชีชะฮ์
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกของนักฟุตบอลรายนี้ที่เป็นข่าวเกี่ยวการสูบบุหรี่ ซึ่งแน่นอนว่าผู้จัดการทีมอย่าง Arsène Wenger จะพูดอย่างไรหลังจากที่ได้เคยตักเตือนมาสองครั้งแล้ว
Arsène Wenger ก็ได้แถลงข่าวว่า ผมได้ถามเขาแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้สูบ
เรื่องสูบไม่สูบ ผมไม่ได้นำมาเป็นประเด็นที่สำคัญของกระทู้นี้ แต่ผมรู้สึกว่า Arsène Wenger ใช้คำพูดๆ หนึ่งที่มีความหมายกินใจและได้แง่คิดอย่างมากในโลกที่เต็มไปด้วยกล้องถ่ายรูปปัจจุบัน
หนึ่งในคำพูดของ Arsène Wenger นั้นก็คือ " I think today it's much more difficult because everywhere you go people make photos and a photo shows one second of your life. It doesn't define who you are. "
" ผมคิดว่าชีวิตในปัจจุบันช่างอยู่ยากกว่าเก่าซะเหลือเกิน ทุกหนทุกแห่งที่คุณไปจะพบผู้คนถ่ายภาพ และภาพหนึ่งภาพนั้นก็แสดงชีวิตคุณเพียงเสี้ยววินาที มันไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่าคุณเป็นใคร" (ผมไม่ได้นักแปลมืออาชีพนะครับ เลยแปลเเบบที่ผมเข้าใจ)
ข้อมูลจาก
http://www.arsenal.com/news/news-archive/20150206/extra-wenger-on-wilshere-and-redknapp
จากคำพูดดังกล่าวผมคิดว่าเหมาะกับโลกยุคปัจจุบันที่พวกเราเสพสื่อกันมาก และบางคนก็ปราศจากวิจารณญาณ พอเห็นภาพต่างๆ ตามหน้าอินเตอร์เนต แม้ว่าภาพนั้นจะแสดงออกมาถึงคนๆ นั้นเพียงแค่เสี้ยววินาที เราก็จะตัดสินเลยว่าคนๆ นี้เลว คนๆ นี้ดี ทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้รู้จักคนๆ นั้นเลยทั้งชีวิต ผมคงไม่จำเป็นต้องยกตัวอย่างออกมานะครับ เพราะว่ามันคงเยอะมาก หลายครั้งที่ผมได้เข้าไปอ่านในในการแสดงความคิดเห็นของแต่ละคน หลายคนก็ให้แนวความคิดที่ดีไม่หลงไปตามแนวความคิดของผู้เขียนซะก่อน บอกให้รอข้อมูลมากกว่านี้เราถึงจะตัดสินกันได้ ซึ่งในบางครั้งเราเชื่ออะไรมากเกินไปจนขาดการใช้เหตุผล
ผมขอยกตัวอย่างภาพหนึ่งภาพที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับภาพเพียงแค่เสี่ยววินาทีสามารถทำลายชีวิตคนได้ทั้งชีวิต
ภาพนี้เอามาจาก wikipedia จริงภาพนี้มีเยอะมากครับ หาคำว่า Nguyễn Ngọc Loan ใน Google เดี๋ยวก็เจอครับ
หากไม่ทราบเรื่องที่มาที่ไปแทบทุกคนจะบอกเลยว่าคนถือปืนเลวมาก ทำกับคนบริสุทธิที่ปราศจากอาวุธได้อย่างไร
แต่หากท่านทราบที่มาที่ไปว่าก่อนที่ช่างภาพซึ่งมีนามว่า Eddie Adams จะได้บันทึกภาพนี้ไว้เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ค.ศ.1968 นั้นก็ได้เกิดอะไรขึ้น
ภาพนี้เป็นภาพที่ พลจัตวา Nguyễn Ngọc Loan ขณะดำรงตำแหน่ง South Vietnamese National Police ได้สังหารทหารเวียตกงที่ไซง้อน แล้วทำไม พลจัตวา Nguyễn Ngọc Loan จะต้องยิงทหารเวียตกงคนนี้ด้วย เหตุผลก็มีอยู่ว่า ทหารเวียตกงเพิ่งฆ่าชาวบ้านที่ไร้อาวุธและไร้ทางสู้นับสิบคน
ภาพนี้ได้ทำให้ผู้ถ่ายภาพอย่าง Eddie Adams ได้รับรางวัล the 1969 Pulitzer Prize for Spot News Photography แต่ภาพนี้ได้ทำลายชีวิตของ Nguyễn Ngọc Loan และครอบครัวเป็นอย่างมาก เพราะ Nguyễn Ngọc Loan กลายเป็นผู้ร้ายในสายตาชาวโลก โรงพยาบาลปฏิเสธที่จะรักษา เมื่อ Nguyễn Ngọc Loan และครอบครัวก็ได้อพยพไปยังสหรัฐอเมริกา เปิดร้านอาหาร ก็ถูกบีบบังคับให้ปิดตัวลง
ผมไม่บอกว่า Nguyễn Ngọc Loan เป็นคนดีหรือคนเลว หรือจะบอกว่าการที่ Nguyễn Ngọc Loan ยิงทหารเวียตกงนั้นถูกหรือผิด อันนั้นผมไม่ขอออกความคิดเห็น เพราะการกระทำแต่ละอย่างจะถูกหรือผิด บางครั้งก็ขึ้นสถานการณ์และช่วงเวลา ในบางครั้งเราไม่สามารถเปรียบเทียบเหตุการณ์เดียวกันที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนกับปัจจุบันได้
แต่ผมแน่ใจว่าเมื่อทุกคนที่ได้รู้ข้อเท็จจริงแล้ว ทำให้บางคนสามารถเปลี่ยนความคิดจากเเรกเริ่มที่ได้เห็นภาพ นั้นก็หมายความว่าเราไม่สามารถตัดสินคนได้จากเหตุการณ์เพียงแค่เสี้ยววินาทีจากภาพถ่ายได้เท่านั้น
Eddie Adams รู้สึกเสียใจมากที่ภาพดังกล่าวได้ทำลายชีวิตของ Nguyễn Ngọc Loan และครอบครัว ซึ่ง Eddie Adams ก็ได้กล่าวต่อไปว่า
" ท่านนายพลได้สังหารเวียตกงด้วยปืน แต่ผมได้สังหารท่านด้วยกล้อง"
Eddie Adams ได้กล่าวต่อไปอีกว่าภาพถ่ายยังคงเป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดในโลก คนทั่วไปพร้อมที่จะเชื่อในภาพถ่าย แม้ว่าภาพถ่ายจะโกหก ภาพถ่ายนั้นจะมีความจริงปรากฏเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น สิ่งที่ภาพถ่ายนี้ไม่ได้พูดนั้นก็คือ คุณจะทำอย่างไร ถ้าคุณเป็นท่านนายพลในช่วงเวลาและในสถานที่นั้นในวันที่ร้อน และคุณจับคนเลวๆ หลังจากที่เขาได้เป่าสมองทหารอเมริกาไปหนึ่ง สอง หรือว่าสามคนแล้ว
หลังจากนั้น Adams ก็ได้กล่าวขอโทษต่อ Nguyễn และครอบครัวที่ได้ทำลายชื่อเสียงของเขาลงไป เมื่อ Nguyễn Ngọc Loan ได้เสียชีวิตลงด้วยโลกมะเร็งที่ Virginia Adams ได้ยกย่อง Nguyễn Ngọc Loan ว่าเป็นบุคคลที่เป็นวีรบุรุษและชาวอเมริกาควรที่จะร้องไห้ในการจากไปของเขา Adams ไม่อยากให้เขาจากไปอย่างนี้โดยที่ประชาชนชาวอเมริกาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย
หลายคนคงจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า ภาพหนึ่งภาพ แทนคำพูดได้ล้านคำ แล้วท่านจะแน่ใจได้หรอว่าคนที่ถ่ายภาพกำลังสื่อคำพูดอะไรให้ท่าน และท่านจะแน่ใจได้หรือว่าภาพนั้นกำลังพูดความจริงกับท่านอยู่
ตอนนี้ผมก็ได้เข้าสู่วัยกลางคนแล้ว คงเป็นช่วงเวลาที่จะหากล้องดีๆ มาคู่กายสักหนึ่งตัวในอนาคตอันใกล้ เเละมันคงจะนำมาซึ่งภาพถ่ายที่สวยงามให้ทุกท่านได้เห็นกัน หรือไม่เเน่มันอาจกลายเป็นอาวุธที่สำคัญที่ค่อยมาสังหารผู้คนบริสุทธิ์ และอาจรวมทั้งมันอาจย้อนกลับมาสังหารตัวผมเอ็งก็เป็นได้ครับ
ขอฝากทิ้งท้ายในประโยคของ Arsène Wenger ที่ว่า A photo shows one second of your life. It doesn't define who you are.
จากคำพูดที่ว่า A photo shows one second of your life. It doesn't define who you are.
ผมเป็นแฟนฟุตบอลสโมสรอาร์เซนอล มาตั้งแต่วัยเยาว์ จนเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว แม้ว่าสโมสรไม่ค่อยได้เเชมป์สักเท่าไหร่ ผมก็ยังตามเชียร์และแบ่งเวลามาติดตามดูการแข่งขันฟุตบอลของอาร์เซนอลอยู่เสมอ แต่ถ้าเลยเที่ยงคืนแล้วละก็ ขอนอนดีกว่า แล้วค่อยตื่นขึ้นมาเช็คผลฟุตบอลก็พอ
กระทู้ในวันนี้ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องฟุตบอลมากนัก แต่จะขอพูดถึงภาพถ่ายมากกว่า ที่เรามักจะตัดสินใจว่าคนทั้งชีวิตว่าดีหรือเลว จากภาพเพียงภาพเสี้ยววินาทีเท่านั้น
เมื่อไม่กี่วันก่อนได้มีภาพถ่ายของนักฟุตบอลของอาร์เซนอล ที่ชื่อว่า Jack Wilshere ได้มีภาพถ่ายว่าไปท่องราตรีและมือถือสายสำหรับสูบบารากุหรือมอระกู่ หรือ ชีชะฮ์ (อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วเรียกว่าอะไรนะครับ) สำหรับนักฟุตบอลอาชีพแล้ว การทำลายสุขภาพตนเองโดยเฉพาะการสูบบุหรี่นั้นจะไม่ได้รับการอนุญาต จะเห็นได้ว่าจะไม่ค่อยเห็นภาพถ่ายนักฟุตบอลอาชีพจากยุโรปสูบหรี่ ถ้ามีภาพหลุดออกมาก็จะกลายเป็นข่าวใหญ่โตเลยทีเดียว
ภาพจาก http://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-2942421/Jack-Wilshere-needs-learn-master-life-second-life-does-not-define-insists-Arsene-Wenger.html ได้ลงข่าวเกี่ยวกับ Jack Wilshere ขณะท่องราตรีและมือถือสายสำหรับสูบชีชะฮ์
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกของนักฟุตบอลรายนี้ที่เป็นข่าวเกี่ยวการสูบบุหรี่ ซึ่งแน่นอนว่าผู้จัดการทีมอย่าง Arsène Wenger จะพูดอย่างไรหลังจากที่ได้เคยตักเตือนมาสองครั้งแล้ว
Arsène Wenger ก็ได้แถลงข่าวว่า ผมได้ถามเขาแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้สูบ
เรื่องสูบไม่สูบ ผมไม่ได้นำมาเป็นประเด็นที่สำคัญของกระทู้นี้ แต่ผมรู้สึกว่า Arsène Wenger ใช้คำพูดๆ หนึ่งที่มีความหมายกินใจและได้แง่คิดอย่างมากในโลกที่เต็มไปด้วยกล้องถ่ายรูปปัจจุบัน
หนึ่งในคำพูดของ Arsène Wenger นั้นก็คือ " I think today it's much more difficult because everywhere you go people make photos and a photo shows one second of your life. It doesn't define who you are. "
" ผมคิดว่าชีวิตในปัจจุบันช่างอยู่ยากกว่าเก่าซะเหลือเกิน ทุกหนทุกแห่งที่คุณไปจะพบผู้คนถ่ายภาพ และภาพหนึ่งภาพนั้นก็แสดงชีวิตคุณเพียงเสี้ยววินาที มันไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่าคุณเป็นใคร" (ผมไม่ได้นักแปลมืออาชีพนะครับ เลยแปลเเบบที่ผมเข้าใจ)
ข้อมูลจาก http://www.arsenal.com/news/news-archive/20150206/extra-wenger-on-wilshere-and-redknapp
จากคำพูดดังกล่าวผมคิดว่าเหมาะกับโลกยุคปัจจุบันที่พวกเราเสพสื่อกันมาก และบางคนก็ปราศจากวิจารณญาณ พอเห็นภาพต่างๆ ตามหน้าอินเตอร์เนต แม้ว่าภาพนั้นจะแสดงออกมาถึงคนๆ นั้นเพียงแค่เสี้ยววินาที เราก็จะตัดสินเลยว่าคนๆ นี้เลว คนๆ นี้ดี ทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้รู้จักคนๆ นั้นเลยทั้งชีวิต ผมคงไม่จำเป็นต้องยกตัวอย่างออกมานะครับ เพราะว่ามันคงเยอะมาก หลายครั้งที่ผมได้เข้าไปอ่านในในการแสดงความคิดเห็นของแต่ละคน หลายคนก็ให้แนวความคิดที่ดีไม่หลงไปตามแนวความคิดของผู้เขียนซะก่อน บอกให้รอข้อมูลมากกว่านี้เราถึงจะตัดสินกันได้ ซึ่งในบางครั้งเราเชื่ออะไรมากเกินไปจนขาดการใช้เหตุผล
ผมขอยกตัวอย่างภาพหนึ่งภาพที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับภาพเพียงแค่เสี่ยววินาทีสามารถทำลายชีวิตคนได้ทั้งชีวิต
ภาพนี้เอามาจาก wikipedia จริงภาพนี้มีเยอะมากครับ หาคำว่า Nguyễn Ngọc Loan ใน Google เดี๋ยวก็เจอครับ
หากไม่ทราบเรื่องที่มาที่ไปแทบทุกคนจะบอกเลยว่าคนถือปืนเลวมาก ทำกับคนบริสุทธิที่ปราศจากอาวุธได้อย่างไร
แต่หากท่านทราบที่มาที่ไปว่าก่อนที่ช่างภาพซึ่งมีนามว่า Eddie Adams จะได้บันทึกภาพนี้ไว้เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ค.ศ.1968 นั้นก็ได้เกิดอะไรขึ้น
ภาพนี้เป็นภาพที่ พลจัตวา Nguyễn Ngọc Loan ขณะดำรงตำแหน่ง South Vietnamese National Police ได้สังหารทหารเวียตกงที่ไซง้อน แล้วทำไม พลจัตวา Nguyễn Ngọc Loan จะต้องยิงทหารเวียตกงคนนี้ด้วย เหตุผลก็มีอยู่ว่า ทหารเวียตกงเพิ่งฆ่าชาวบ้านที่ไร้อาวุธและไร้ทางสู้นับสิบคน
ภาพนี้ได้ทำให้ผู้ถ่ายภาพอย่าง Eddie Adams ได้รับรางวัล the 1969 Pulitzer Prize for Spot News Photography แต่ภาพนี้ได้ทำลายชีวิตของ Nguyễn Ngọc Loan และครอบครัวเป็นอย่างมาก เพราะ Nguyễn Ngọc Loan กลายเป็นผู้ร้ายในสายตาชาวโลก โรงพยาบาลปฏิเสธที่จะรักษา เมื่อ Nguyễn Ngọc Loan และครอบครัวก็ได้อพยพไปยังสหรัฐอเมริกา เปิดร้านอาหาร ก็ถูกบีบบังคับให้ปิดตัวลง
ผมไม่บอกว่า Nguyễn Ngọc Loan เป็นคนดีหรือคนเลว หรือจะบอกว่าการที่ Nguyễn Ngọc Loan ยิงทหารเวียตกงนั้นถูกหรือผิด อันนั้นผมไม่ขอออกความคิดเห็น เพราะการกระทำแต่ละอย่างจะถูกหรือผิด บางครั้งก็ขึ้นสถานการณ์และช่วงเวลา ในบางครั้งเราไม่สามารถเปรียบเทียบเหตุการณ์เดียวกันที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนกับปัจจุบันได้
แต่ผมแน่ใจว่าเมื่อทุกคนที่ได้รู้ข้อเท็จจริงแล้ว ทำให้บางคนสามารถเปลี่ยนความคิดจากเเรกเริ่มที่ได้เห็นภาพ นั้นก็หมายความว่าเราไม่สามารถตัดสินคนได้จากเหตุการณ์เพียงแค่เสี้ยววินาทีจากภาพถ่ายได้เท่านั้น
Eddie Adams รู้สึกเสียใจมากที่ภาพดังกล่าวได้ทำลายชีวิตของ Nguyễn Ngọc Loan และครอบครัว ซึ่ง Eddie Adams ก็ได้กล่าวต่อไปว่า
" ท่านนายพลได้สังหารเวียตกงด้วยปืน แต่ผมได้สังหารท่านด้วยกล้อง"
Eddie Adams ได้กล่าวต่อไปอีกว่าภาพถ่ายยังคงเป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดในโลก คนทั่วไปพร้อมที่จะเชื่อในภาพถ่าย แม้ว่าภาพถ่ายจะโกหก ภาพถ่ายนั้นจะมีความจริงปรากฏเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น สิ่งที่ภาพถ่ายนี้ไม่ได้พูดนั้นก็คือ คุณจะทำอย่างไร ถ้าคุณเป็นท่านนายพลในช่วงเวลาและในสถานที่นั้นในวันที่ร้อน และคุณจับคนเลวๆ หลังจากที่เขาได้เป่าสมองทหารอเมริกาไปหนึ่ง สอง หรือว่าสามคนแล้ว
หลังจากนั้น Adams ก็ได้กล่าวขอโทษต่อ Nguyễn และครอบครัวที่ได้ทำลายชื่อเสียงของเขาลงไป เมื่อ Nguyễn Ngọc Loan ได้เสียชีวิตลงด้วยโลกมะเร็งที่ Virginia Adams ได้ยกย่อง Nguyễn Ngọc Loan ว่าเป็นบุคคลที่เป็นวีรบุรุษและชาวอเมริกาควรที่จะร้องไห้ในการจากไปของเขา Adams ไม่อยากให้เขาจากไปอย่างนี้โดยที่ประชาชนชาวอเมริกาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย
หลายคนคงจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า ภาพหนึ่งภาพ แทนคำพูดได้ล้านคำ แล้วท่านจะแน่ใจได้หรอว่าคนที่ถ่ายภาพกำลังสื่อคำพูดอะไรให้ท่าน และท่านจะแน่ใจได้หรือว่าภาพนั้นกำลังพูดความจริงกับท่านอยู่
ตอนนี้ผมก็ได้เข้าสู่วัยกลางคนแล้ว คงเป็นช่วงเวลาที่จะหากล้องดีๆ มาคู่กายสักหนึ่งตัวในอนาคตอันใกล้ เเละมันคงจะนำมาซึ่งภาพถ่ายที่สวยงามให้ทุกท่านได้เห็นกัน หรือไม่เเน่มันอาจกลายเป็นอาวุธที่สำคัญที่ค่อยมาสังหารผู้คนบริสุทธิ์ และอาจรวมทั้งมันอาจย้อนกลับมาสังหารตัวผมเอ็งก็เป็นได้ครับ
ขอฝากทิ้งท้ายในประโยคของ Arsène Wenger ที่ว่า A photo shows one second of your life. It doesn't define who you are.