แล้วกัน ตนเอง ว่า 2 แต่ ให้คนอื่นๆ 3 !? ..ไหงเป็นงั้น.!#?

⚑ พระองค์จึงทรงปรารภเพื่อทรงเลือกรัตนะ ⚑

ธรรมดารัตนะ มี 2 อย่าง คือ มีวิญญาณ ไม่มีวิญญาณ.  ในรัตนะ 2 อย่างนั้น  รัตนะไม่มีวิญญาณ
ได้แก่ ทอง และ เงิน เป็นต้น  ที่มีวิญญาณได้แก่สิ่งที่เนื่องกับ อินทรีย์.  

รัตนะไม่มีวิญญาณเป็นเครื่องใช้ ด้วยสามารถแห่งเครื่องประดับในส่วนของรัตนที่มีวิญญาณนั้นเทียว
ในรัตนะ 2 อย่างนี้ รัตนะที่มีวิญญาณจึงประเสริฐที่สุด. รัตนะแม้วิญญาณ มี 2 อย่าง คือ ติรัจฉานรัตนะ  มนุษย์รัตน.  

ในรัตนะ 2 อย่าง นั้น ดิรัจฉานรัตน ได้แก่ ช้าง ม้า  ติรัจฉานรัตนะ แม้นั้น     เกิดขึ้นเพื่อเป็นเครื่องใช้ของมนุษย์ทั้งหลายนั้นเทียว  ในรัตนะ 2 อย่างนั้น มนุษย์รัตนะประเสริฐที่สุดด้วยประการฉะนี้. แม้มนุษย์รัตนะก็มี 2 อย่าง คือ อิตถีรัตนะ ปุริสรัตนะ.  

ในรัตนะ 2 อย่างนั้น   แม้อิตถีรัตนะ ซึ่งเกิดแก่พระเจ้าจักรพรรดิ  ย่อมเป็นอุปโภคของบุรุษแล  ในรัตนะ 2 อย่างนี้ ปุริสรัตนะเทียว ประเสริฐที่สุด ด้วยประการฉะนี้. แม้ปุริสรัตนะ ก็มี 2 อย่างคือ  อาคาริกรัตนะ 1 อนาคาริกรัตนะ 1.  ก็แลอาคาริกรัตนะนั้น  พระเจ้าจักรพรรดิย่อมทรงนมัสการแม้สามเณรที่บวชในวันนี้ด้วยเบญจางคประดิษฐ์.  

ในรัตนะทั้ง 2 อย่างแม้นี้ อนาคาริกรัตนะเท่านั้น ประเสริฐที่สุด. แม้อนาคาริกรัตนะ ก็มี 2 อย่าง คือ  เสกขะรัตนะ 1 อเสกขะรัตนะ 1.  ในอนาคาริกรัตนะ 2 อย่างนั้น พระเสกขะตั้งแสนย่อมไม่ถึงส่วนแห่งพระอเสกขะ.ในรัตนะ 2 อย่าง แม้นี้  อเสกขะรัตนะเท่านั้นประเสริฐสุด.   อเสกขะรัตนะแม้นั้น  ก็มี 2 อย่าง คือ   พุทธรัตนะ  และสาวกรัตนะ.  ในอเสกขะรัตนะนั้น   สาวกรัตนะแม้ตั้งแสน ก็ไม่ถึงส่วนของพุทธรัตนะ.  

ในรัตนะ 2 อย่างแม้นี้  พุทธรัตนะเท่านั้นประเสริฐที่สุดทุกประการ.  

แม้พุทธรัตนะ ก็มี 2 อย่าง ชื่อ ปัจเจกพุทธรัตนะ กับสัพพัญญูพุทธรัตนะ.  ในพุทธรัตนะนั้น ก็แล พระปัจเจกพุทธรัตนะตั้งแสน ก็ไม่ถึงส่วนของสัพพัญญูพุทธเจ้า.  ในรัตนะ 2 อย่างแม้นี้ สัพพัญญูพุทธรัตนะเท่านั้น ประเสริฐที่สุดด้วยทุกประการฉะนี้. ก็ขึ้นชื่อว่า ด้วยรัตนะที่เสมอด้วยพุทธะรัตนะย่อมไม่มี...

.........................................................................

ตปุสสะและภัลลิกะ เป็นแบบอย่างในการถึงพระรัตนะ ทั้ง 2 คือพระพุทธ และพระธรรม (เอตทัคคะ คือผู้ถึงรัตนะ ทั้ง 2 ก่อน)

ไตรรัตน์ เป็นเรื่องของการอยากได้ศาสนา ซึ่งมีอายุเพียง 5,000 ปีพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ(เช่นพระพุทธะสิขี)ไม่มุ่งเน้นการมีศาสนา

ไม่ทรงแสดงปาติโมกข์ ไม่ทรงกำหนดพยากรณ์เรื่องกำหนดวาระของศาสนา

..เราชาวสองไม่ต้องแยกเว้าวอนจะเอาศาสนาอยู่ (ด้วยการถึงไตรรัตน์) หรือไม่ ? ซึ่งไม่ใช่อมตะธรรม (เพราะมีกำหนด 5 พันปี)

ก็เหมือนชาวพุทธตาบอดทั่วไปเช่นกัน ที่เข้าใจว่า การถึงไตรรัตน์ ดีทีสุด ซึ่งแท้จริงแล้วตามธรรมดารัตนะ มี 2 อย่าง.( ดังพรรณนามาแล้วแต่ต้น )

อาศัยมรรคาในช่วงว่างระหว่างพุทธันดร ไว้เป็นแหล่งพำนักภูมิปฏิภาณบำเพ็ญ กันเถอะ.

ไม่ต้องเลี้ยวกลับสู่ศาสนาที่ต้องการศาสดาอีกต่อไป ไม่ต้องเป็นทาส ไม่ต้องเป็นศาสดา ไม่ต้องเป็นสาวก .

ท่านรู้หรือไม่ว่า ปัจเจกพุทธะ เป็นภูมิปฏิภาณบำเพ็ญที่ปลอดโปร่งการกดขี่มากกว่า เพราะว่า ไม่ต้องเป็นข้าทาส ไม่ต้องเป็นศาสดา และไม่ต้องเป็นสาวก .


เสรีภาพ ที่เสมอภาค ย่อมดีกว่าพุทธภูมิเป็นไหนๆ  ในกุมภการชาดก พุทธะแสดงเรื่อง พระปัจเจกพุทธ 4 พระองค์ ที่ตรัสรู้ในสมัยเดียวกัน.

! ส่งเสริมไตรรัตน์ ส่งเสริมธรรมะจัดตั้ง ส่งเสริมธรรมะปลอม. เราจะปลุกเร้า และปลูกฝังสัทธรรมปฏิรูปไปอีกทำไม ?

ก็ในเมื่อรู้แน่ชัดอยู่แล้ว ว่า ตัวศาสนา มันไม่ใช่ ! อมตะธรรม

............................................................................
Credit
✿ : www.tripitaka91.com/91book/book23/351_400.htm#351
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่