⚑ พระองค์จึงทรงปรารภเพื่อทรงเลือกรัตนะ ⚑
ธรรมดารัตนะ มี 2 อย่าง คือ มีวิญญาณ ไม่มีวิญญาณ. ในรัตนะ 2 อย่างนั้น รัตนะไม่มีวิญญาณ
ได้แก่ ทอง และ เงิน เป็นต้น ที่มีวิญญาณได้แก่สิ่งที่เนื่องกับ อินทรีย์.
รัตนะไม่มีวิญญาณเป็นเครื่องใช้ ด้วยสามารถแห่งเครื่องประดับในส่วนของรัตนที่มีวิญญาณนั้นเทียว
ในรัตนะ 2 อย่างนี้ รัตนะที่มีวิญญาณจึงประเสริฐที่สุด. รัตนะแม้วิญญาณ มี 2 อย่าง คือ ติรัจฉานรัตนะ มนุษย์รัตน.
ในรัตนะ 2 อย่าง นั้น ดิรัจฉานรัตน ได้แก่ ช้าง ม้า ติรัจฉานรัตนะ แม้นั้น เกิดขึ้นเพื่อเป็นเครื่องใช้ของมนุษย์ทั้งหลายนั้นเทียว ในรัตนะ 2 อย่างนั้น มนุษย์รัตนะประเสริฐที่สุดด้วยประการฉะนี้. แม้มนุษย์รัตนะก็มี 2 อย่าง คือ อิตถีรัตนะ ปุริสรัตนะ.
ในรัตนะ 2 อย่างนั้น แม้อิตถีรัตนะ ซึ่งเกิดแก่พระเจ้าจักรพรรดิ ย่อมเป็นอุปโภคของบุรุษแล ในรัตนะ 2 อย่างนี้ ปุริสรัตนะเทียว ประเสริฐที่สุด ด้วยประการฉะนี้. แม้ปุริสรัตนะ ก็มี 2 อย่างคือ อาคาริกรัตนะ 1 อนาคาริกรัตนะ 1. ก็แลอาคาริกรัตนะนั้น พระเจ้าจักรพรรดิย่อมทรงนมัสการแม้สามเณรที่บวชในวันนี้ด้วยเบญจางคประดิษฐ์.
ในรัตนะทั้ง 2 อย่างแม้นี้ อนาคาริกรัตนะเท่านั้น ประเสริฐที่สุด. แม้อนาคาริกรัตนะ ก็มี 2 อย่าง คือ เสกขะรัตนะ 1 อเสกขะรัตนะ 1. ในอนาคาริกรัตนะ 2 อย่างนั้น พระเสกขะตั้งแสนย่อมไม่ถึงส่วนแห่งพระอเสกขะ.ในรัตนะ 2 อย่าง แม้นี้ อเสกขะรัตนะเท่านั้นประเสริฐสุด. อเสกขะรัตนะแม้นั้น ก็มี 2 อย่าง คือ พุทธรัตนะ และสาวกรัตนะ. ในอเสกขะรัตนะนั้น
สาวกรัตนะแม้ตั้งแสน ก็ไม่ถึงส่วนของพุทธรัตนะ.
ในรัตนะ 2 อย่างแม้นี้ พุทธรัตนะเท่านั้นประเสริฐที่สุดทุกประการ.
แม้พุทธรัตนะ ก็มี 2 อย่าง ชื่อ ปัจเจกพุทธรัตนะ กับสัพพัญญูพุทธรัตนะ. ในพุทธรัตนะนั้น ก็แล พระปัจเจกพุทธรัตนะตั้งแสน ก็ไม่ถึงส่วนของสัพพัญญูพุทธเจ้า. ในรัตนะ 2 อย่างแม้นี้ สัพพัญญูพุทธรัตนะเท่านั้น ประเสริฐที่สุดด้วยทุกประการฉะนี้.
ก็ขึ้นชื่อว่า ด้วยรัตนะที่เสมอด้วยพุทธะรัตนะย่อมไม่มี...
.........................................................................
ตปุสสะและภัลลิกะ เป็นแบบอย่างในการถึงพระรัตนะ ทั้ง 2 คือพระพุทธ และพระธรรม (เอตทัคคะ คือผู้ถึงรัตนะ ทั้ง 2 ก่อน)
ไตรรัตน์ เป็นเรื่องของการอยากได้ศาสนา ซึ่งมีอายุเพียง
5,000 ปีพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ(เช่นพระพุทธะสิขี)ไม่มุ่งเน้นการมีศาสนา
ไม่ทรงแสดงปาติโมกข์ ไม่ทรงกำหนดพยากรณ์เรื่องกำหนดวาระของศาสนา
..เราชาวสองไม่ต้องแยกเว้าวอนจะเอาศาสนาอยู่ (ด้วยการถึงไตรรัตน์) หรือไม่ ? ซึ่งไม่ใช่อมตะธรรม (เพราะมีกำหนด 5 พันปี)
ก็เหมือนชาวพุทธตาบอดทั่วไปเช่นกัน ที่เข้าใจว่า การถึงไตรรัตน์ ดีทีสุด ซึ่งแท้จริงแล้วตามธรรมดารัตนะ มี 2 อย่าง.( ดังพรรณนามาแล้วแต่ต้น )
อาศัยมรรคาในช่วงว่างระหว่างพุทธันดร ไว้เป็นแหล่งพำนักภูมิปฏิภาณบำเพ็ญ กันเถอะ.
ไม่ต้องเลี้ยวกลับสู่ศาสนาที่ต้องการศาสดาอีกต่อไป ไม่ต้องเป็นทาส ไม่ต้องเป็นศาสดา ไม่ต้องเป็นสาวก .
ท่านรู้หรือไม่ว่า ปัจเจกพุทธะ เป็นภูมิปฏิภาณบำเพ็ญที่ปลอดโปร่งการกดขี่มากกว่า เพราะว่า ไม่ต้องเป็นข้าทาส ไม่ต้องเป็นศาสดา และไม่ต้องเป็นสาวก .
เสรีภาพ ที่เสมอภาค ย่อมดีกว่าพุทธภูมิเป็นไหนๆ ในกุมภการชาดก พุทธะแสดงเรื่อง พระปัจเจกพุทธ 4 พระองค์ ที่ตรัสรู้ในสมัยเดียวกัน.
! ส่งเสริมไตรรัตน์ ส่งเสริมธรรมะจัดตั้ง ส่งเสริมธรรมะปลอม. เราจะปลุกเร้า และปลูกฝังสัทธรรมปฏิรูปไปอีกทำไม ?
ก็ในเมื่อรู้แน่ชัดอยู่แล้ว ว่า
ตัวศาสนา มันไม่ใช่ ! อมตะธรรม
............................................................................
Credit
✿ : www.tripitaka91.com/91book/book23/351_400.htm#351
แล้วกัน ตนเอง ว่า 2 แต่ ให้คนอื่นๆ 3 !? ..ไหงเป็นงั้น.!#?
ธรรมดารัตนะ มี 2 อย่าง คือ มีวิญญาณ ไม่มีวิญญาณ. ในรัตนะ 2 อย่างนั้น รัตนะไม่มีวิญญาณ
ได้แก่ ทอง และ เงิน เป็นต้น ที่มีวิญญาณได้แก่สิ่งที่เนื่องกับ อินทรีย์.
รัตนะไม่มีวิญญาณเป็นเครื่องใช้ ด้วยสามารถแห่งเครื่องประดับในส่วนของรัตนที่มีวิญญาณนั้นเทียว
ในรัตนะ 2 อย่างนี้ รัตนะที่มีวิญญาณจึงประเสริฐที่สุด. รัตนะแม้วิญญาณ มี 2 อย่าง คือ ติรัจฉานรัตนะ มนุษย์รัตน.
ในรัตนะ 2 อย่าง นั้น ดิรัจฉานรัตน ได้แก่ ช้าง ม้า ติรัจฉานรัตนะ แม้นั้น เกิดขึ้นเพื่อเป็นเครื่องใช้ของมนุษย์ทั้งหลายนั้นเทียว ในรัตนะ 2 อย่างนั้น มนุษย์รัตนะประเสริฐที่สุดด้วยประการฉะนี้. แม้มนุษย์รัตนะก็มี 2 อย่าง คือ อิตถีรัตนะ ปุริสรัตนะ.
ในรัตนะ 2 อย่างนั้น แม้อิตถีรัตนะ ซึ่งเกิดแก่พระเจ้าจักรพรรดิ ย่อมเป็นอุปโภคของบุรุษแล ในรัตนะ 2 อย่างนี้ ปุริสรัตนะเทียว ประเสริฐที่สุด ด้วยประการฉะนี้. แม้ปุริสรัตนะ ก็มี 2 อย่างคือ อาคาริกรัตนะ 1 อนาคาริกรัตนะ 1. ก็แลอาคาริกรัตนะนั้น พระเจ้าจักรพรรดิย่อมทรงนมัสการแม้สามเณรที่บวชในวันนี้ด้วยเบญจางคประดิษฐ์.
ในรัตนะทั้ง 2 อย่างแม้นี้ อนาคาริกรัตนะเท่านั้น ประเสริฐที่สุด. แม้อนาคาริกรัตนะ ก็มี 2 อย่าง คือ เสกขะรัตนะ 1 อเสกขะรัตนะ 1. ในอนาคาริกรัตนะ 2 อย่างนั้น พระเสกขะตั้งแสนย่อมไม่ถึงส่วนแห่งพระอเสกขะ.ในรัตนะ 2 อย่าง แม้นี้ อเสกขะรัตนะเท่านั้นประเสริฐสุด. อเสกขะรัตนะแม้นั้น ก็มี 2 อย่าง คือ พุทธรัตนะ และสาวกรัตนะ. ในอเสกขะรัตนะนั้น สาวกรัตนะแม้ตั้งแสน ก็ไม่ถึงส่วนของพุทธรัตนะ.
ในรัตนะ 2 อย่างแม้นี้ พุทธรัตนะเท่านั้นประเสริฐที่สุดทุกประการ.
แม้พุทธรัตนะ ก็มี 2 อย่าง ชื่อ ปัจเจกพุทธรัตนะ กับสัพพัญญูพุทธรัตนะ. ในพุทธรัตนะนั้น ก็แล พระปัจเจกพุทธรัตนะตั้งแสน ก็ไม่ถึงส่วนของสัพพัญญูพุทธเจ้า. ในรัตนะ 2 อย่างแม้นี้ สัพพัญญูพุทธรัตนะเท่านั้น ประเสริฐที่สุดด้วยทุกประการฉะนี้. ก็ขึ้นชื่อว่า ด้วยรัตนะที่เสมอด้วยพุทธะรัตนะย่อมไม่มี...
.........................................................................
ตปุสสะและภัลลิกะ เป็นแบบอย่างในการถึงพระรัตนะ ทั้ง 2 คือพระพุทธ และพระธรรม (เอตทัคคะ คือผู้ถึงรัตนะ ทั้ง 2 ก่อน)
ไตรรัตน์ เป็นเรื่องของการอยากได้ศาสนา ซึ่งมีอายุเพียง 5,000 ปีพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ(เช่นพระพุทธะสิขี)ไม่มุ่งเน้นการมีศาสนา
ไม่ทรงแสดงปาติโมกข์ ไม่ทรงกำหนดพยากรณ์เรื่องกำหนดวาระของศาสนา
..เราชาวสองไม่ต้องแยกเว้าวอนจะเอาศาสนาอยู่ (ด้วยการถึงไตรรัตน์) หรือไม่ ? ซึ่งไม่ใช่อมตะธรรม (เพราะมีกำหนด 5 พันปี)
ก็เหมือนชาวพุทธตาบอดทั่วไปเช่นกัน ที่เข้าใจว่า การถึงไตรรัตน์ ดีทีสุด ซึ่งแท้จริงแล้วตามธรรมดารัตนะ มี 2 อย่าง.( ดังพรรณนามาแล้วแต่ต้น )
อาศัยมรรคาในช่วงว่างระหว่างพุทธันดร ไว้เป็นแหล่งพำนักภูมิปฏิภาณบำเพ็ญ กันเถอะ.
ไม่ต้องเลี้ยวกลับสู่ศาสนาที่ต้องการศาสดาอีกต่อไป ไม่ต้องเป็นทาส ไม่ต้องเป็นศาสดา ไม่ต้องเป็นสาวก .
ท่านรู้หรือไม่ว่า ปัจเจกพุทธะ เป็นภูมิปฏิภาณบำเพ็ญที่ปลอดโปร่งการกดขี่มากกว่า เพราะว่า ไม่ต้องเป็นข้าทาส ไม่ต้องเป็นศาสดา และไม่ต้องเป็นสาวก .
เสรีภาพ ที่เสมอภาค ย่อมดีกว่าพุทธภูมิเป็นไหนๆ ในกุมภการชาดก พุทธะแสดงเรื่อง พระปัจเจกพุทธ 4 พระองค์ ที่ตรัสรู้ในสมัยเดียวกัน.
! ส่งเสริมไตรรัตน์ ส่งเสริมธรรมะจัดตั้ง ส่งเสริมธรรมะปลอม. เราจะปลุกเร้า และปลูกฝังสัทธรรมปฏิรูปไปอีกทำไม ?
ก็ในเมื่อรู้แน่ชัดอยู่แล้ว ว่า ตัวศาสนา มันไม่ใช่ ! อมตะธรรม
............................................................................
Credit
✿ : www.tripitaka91.com/91book/book23/351_400.htm#351