ผมทำงานที่ปัจจุบันมา 5 ปีแล้วครับ ช่วงแรกที่เข้ามามีคนเก่าที่เป็นคนสอนงานอยู่คนหนึ่ง แต่พอผ่านไป 2 ปีเค้าก็หายไปเฉยๆโดยไม่ได้ลาออก
ผมก็เลยกลายเป็นคนเก่าแทน
ในช่วงนี้ ผมเลยต้องรับผิดชอบงานเพิ่มขึ้นเพื่อรอคนใหม่มาไปพลางๆก่อน ช่วงปลายปีนั้นผมเลยได้รับการปรับเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษ ตัวเลขก็ถือว่าเยอะพอสมควรครับ เพราะตอนนั้นถ้าผมออกอีกคน แผนกที่ผมอยู่งานต้องหยุดชงักทันทีเพราะไม่มีใครทำได้เลยในตอนนั้นแม้แต่หัวหน้างานผม
หลังจากที่คนเก่าหายสาบสูญไปประมาณ 1 เดือน หัวหน้าก็รับเด็กจบใหม่เข้ามา 1 คน ซึ่งแน่นอนครับไม่เป็นงาน ไม่เคยทำงาน แต่เค้าก็จบทางนี้มาโดยตรง จึงพอเข้าใจทฤษฎีได้ง่าย ผมก็ต้องรับหน้าที่สอนงานไป
ก็ไม่มีปัญหาอะไรสำหรับผม สอนได้บอกได้อยู่แล้ว ไม่หวงวิชา ผมรู้อะไรผมก็บอกไปตามตรงไม่ปิดบัง ก็เข้ากันได้ดีครับ ทำงานร่วมกันได้ดี น้องเค้าก็ให้ความเคารพเชื่อฟังดี เรียนรู้ได้เร็วตามสมควร
จนผ่านมาอีก 2 ปีครึ่ง ก็มีปัญหาขึ้น เมื่อเด็กจบใหม่คนนั้นมาบอกว่าจะลาออก ได้งานใหม่แล้ว (เริ่มเก่งแล้ว) หัวหน้างานก็ไม่อยากให้ออกเพราะไม่อยากรับคนใหม่มาฝึกหัดอีก(ตอนนั้นก็มีรับเข้ามาเริ่มฝึกอยู่คนหนึ่งแล้ว) ผมเองก็ไม่อยากให้ออก เพราะถ้าออก ก็หนักที่ผมอีกแน่ ไหนต้องฝึกเด็กใหม่ ไหนต้องเร่งงานเพราะช่วงนั้นงานแน่นมาก หัวหน้าก็เลยยื่นข้อเสนอปรับเงินให้ เด็กใหม่คนนั้นก็เลยอยู่ต่อ
จากเหตุการณ์นั้น ส่วนตัวผมเอง ผมเลยคิดว่ามันไม่ค่อยเป็นธรรมสำหรับผม เพราะอยู่มาก่อน เป็นคนสอนงานเด็กใหม่ และที่สำคัญ ไม่ได้คิดว่าจะลาออก ไม่ได้เอาใจออกจากองค์กร แต่กลับถูกมองข้าม ปรับเงินให้แต่คนที่จะลาออก คนที่อยู่ไม่ได้อะไรเลย ซึ่งผมก็ไม่ได้โลภมากถึงขั้นที่ว่าอยากได้ปรับขึ้นอีกเท่าเด็กใหม่ แค่ขยับให้อีกซักเล็กน้อยให้เห็นว่าไม่ได้ถูกมองข้ามผมก็พอใจแล้วครับ
ซึ่งผมก็ได้นำความในใจนี้ ไปคุยกับหัวหน้า แต่ตอนนั้นเค้าอ้างว่าไม่ใช่ช่วงเวลาการปรับเงินประจำปี ไว้รอสิ้นปีจะจัดให้ โอเค ผมก็รอดูจนสิ้นปี ซึ่งผลที่ออกมาก็ไม่ใช่อย่างที่หัวหน้างานรับปากไว้ เพราะตัวเลขออกมา ก็เป็นปกติไม่มีพิเศษอะไร แถมน้อยกว่าการปรับปีที่แล้วอีก สอบถามก็ได้รับคำตอบว่า
เค้าเสนอให้แล้วแต่ผู้จัดการโรงงานไม่ยอมให้ ซึ่งผมก็เชื่อ 50 : 50 (เพราะก่อนหน้า จะได้ตามที่หัวหน้ารับปากทุกครั้ง) ผมก็เลยเริ่ม เซ็งๆ เบื่อๆ แล้วล่ะครับที่เจอแบบนี้ รู้สึกเหมือนโดนหลอกใช้ยังไงไม่รู้ เพื่อนๆคิดว่าไงกันบ้างครับ
ปล. ผมไม่มีปัญหากับเด็กใหม่คนนั้นนะครับ ยังทำงานด้วยกันได้ตามปกติ ผมใจกว้างพอแยกแยะได้ครับ ความผิดไม่ได้อยู่ที่คนรับแต่อยู่ที่คนให้ เพราะการทำงานใครก็อยากได้เงินทั้งนั้น
เริ่มรู้สึกเบื่อกับงานที่ทำกันยังครับ ถ้าเบื่อ เบื่อเพราะอะไร ลองมาเล่าสู่กันฟังครับ
ผมก็เลยกลายเป็นคนเก่าแทน
ในช่วงนี้ ผมเลยต้องรับผิดชอบงานเพิ่มขึ้นเพื่อรอคนใหม่มาไปพลางๆก่อน ช่วงปลายปีนั้นผมเลยได้รับการปรับเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษ ตัวเลขก็ถือว่าเยอะพอสมควรครับ เพราะตอนนั้นถ้าผมออกอีกคน แผนกที่ผมอยู่งานต้องหยุดชงักทันทีเพราะไม่มีใครทำได้เลยในตอนนั้นแม้แต่หัวหน้างานผม
หลังจากที่คนเก่าหายสาบสูญไปประมาณ 1 เดือน หัวหน้าก็รับเด็กจบใหม่เข้ามา 1 คน ซึ่งแน่นอนครับไม่เป็นงาน ไม่เคยทำงาน แต่เค้าก็จบทางนี้มาโดยตรง จึงพอเข้าใจทฤษฎีได้ง่าย ผมก็ต้องรับหน้าที่สอนงานไป
ก็ไม่มีปัญหาอะไรสำหรับผม สอนได้บอกได้อยู่แล้ว ไม่หวงวิชา ผมรู้อะไรผมก็บอกไปตามตรงไม่ปิดบัง ก็เข้ากันได้ดีครับ ทำงานร่วมกันได้ดี น้องเค้าก็ให้ความเคารพเชื่อฟังดี เรียนรู้ได้เร็วตามสมควร
จนผ่านมาอีก 2 ปีครึ่ง ก็มีปัญหาขึ้น เมื่อเด็กจบใหม่คนนั้นมาบอกว่าจะลาออก ได้งานใหม่แล้ว (เริ่มเก่งแล้ว) หัวหน้างานก็ไม่อยากให้ออกเพราะไม่อยากรับคนใหม่มาฝึกหัดอีก(ตอนนั้นก็มีรับเข้ามาเริ่มฝึกอยู่คนหนึ่งแล้ว) ผมเองก็ไม่อยากให้ออก เพราะถ้าออก ก็หนักที่ผมอีกแน่ ไหนต้องฝึกเด็กใหม่ ไหนต้องเร่งงานเพราะช่วงนั้นงานแน่นมาก หัวหน้าก็เลยยื่นข้อเสนอปรับเงินให้ เด็กใหม่คนนั้นก็เลยอยู่ต่อ
จากเหตุการณ์นั้น ส่วนตัวผมเอง ผมเลยคิดว่ามันไม่ค่อยเป็นธรรมสำหรับผม เพราะอยู่มาก่อน เป็นคนสอนงานเด็กใหม่ และที่สำคัญ ไม่ได้คิดว่าจะลาออก ไม่ได้เอาใจออกจากองค์กร แต่กลับถูกมองข้าม ปรับเงินให้แต่คนที่จะลาออก คนที่อยู่ไม่ได้อะไรเลย ซึ่งผมก็ไม่ได้โลภมากถึงขั้นที่ว่าอยากได้ปรับขึ้นอีกเท่าเด็กใหม่ แค่ขยับให้อีกซักเล็กน้อยให้เห็นว่าไม่ได้ถูกมองข้ามผมก็พอใจแล้วครับ
ซึ่งผมก็ได้นำความในใจนี้ ไปคุยกับหัวหน้า แต่ตอนนั้นเค้าอ้างว่าไม่ใช่ช่วงเวลาการปรับเงินประจำปี ไว้รอสิ้นปีจะจัดให้ โอเค ผมก็รอดูจนสิ้นปี ซึ่งผลที่ออกมาก็ไม่ใช่อย่างที่หัวหน้างานรับปากไว้ เพราะตัวเลขออกมา ก็เป็นปกติไม่มีพิเศษอะไร แถมน้อยกว่าการปรับปีที่แล้วอีก สอบถามก็ได้รับคำตอบว่า
เค้าเสนอให้แล้วแต่ผู้จัดการโรงงานไม่ยอมให้ ซึ่งผมก็เชื่อ 50 : 50 (เพราะก่อนหน้า จะได้ตามที่หัวหน้ารับปากทุกครั้ง) ผมก็เลยเริ่ม เซ็งๆ เบื่อๆ แล้วล่ะครับที่เจอแบบนี้ รู้สึกเหมือนโดนหลอกใช้ยังไงไม่รู้ เพื่อนๆคิดว่าไงกันบ้างครับ
ปล. ผมไม่มีปัญหากับเด็กใหม่คนนั้นนะครับ ยังทำงานด้วยกันได้ตามปกติ ผมใจกว้างพอแยกแยะได้ครับ ความผิดไม่ได้อยู่ที่คนรับแต่อยู่ที่คนให้ เพราะการทำงานใครก็อยากได้เงินทั้งนั้น