จริงๆ หนังเข้ามานานมากแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสไปดู
ความสวยงามของหนังเรื่องนี้คือ
ในยุคสมัยที่โลกหมุนไปจนเรามีหนัง 3D สวยๆ ได้ไม่ยาก
Studio Ghibli กลับเลือกเอานิทานพิ้นบานของญี่ปุ่นอย่างตำนานคนตัดไผ่
มานำเสนอเป็นอนิเมชั่นด้วยวิธีการดั้งเดิมอย่างการวาดมือ
เลยทำให้ภาพของหนังเรื่องนี้มีเสน่ห์อย่างประหลาด
หนังบอกเล่าเรื่องราวของคนตัดไผ่ที่บังเอิญพบเด็กสาวในป่าไผ่
เด็กสาวซึ่งเติบโตดั่งเทพนิยาย นำโชคลาภมาสู่ตนมากมาย
จนคนตัดไผ่อาจหลงผิด คิดว่าตนเข้าใจเจตจำนงค์แห่งสวรรค์
นำพาเจ้าหญิงตัวน้อยที่เคยเติบโตอย่างร่าเริงในป่าชนบท
สู่เมืองหลวงเพื่อให้องค์หญิงกลายเป็นหญิงสูงศักดิ์ตามที่ตนคิด
เป็นความสุขในแบบฉบับของคนตัดไผ่ที่อยากมอบให้กับองค์หญิง
หนังตั้งคำถามกับคำว่า “ความสุข”
ความสุขของแต่ละคนหน้าเป็นเช่นไร
จำเป็นหรือไม่ที่ความสุขของแต่ละคนจะต้องเหมือนกัน
และที่สำคัญการยัดเยียดความสุข มันใช่ความสุขหรือไม่?
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
เค้าคนนั้นควรมีสิทธิ์ที่จะได้เลือกวิถีชีวิตของตนเอง
เค้าคนนั้นควรมีสิทธิ์ที่จะได้เติบโตอย่างที่ตัวเองต้องการ
และที่สำคัญคือความหวังดีของเหล่าผู้ใหญ่
หากเป็นความหวังดีที่ไม่ระมัดระวัง
ก็อาจเป็นการทำลายกันและกันตลอดกาล
และเมื่อถึงเวลาที่ความสัมพันธ์สะบั้นลง
เวลานั้นก็อาจสายเกินกว่าจะหวนกลับไปแก้ไขอะไรๆ ได้อีก
หนังเรื่องนี้อาจไม่ทำให้น้ำตานองหน้าเหมือน The Wind Rise
แต่ก็ชวนให้รื้นๆ อยู่ตรงขอบตาเหมือนกัน
รีวิวสั้นๆ “The Tale of Princess Kaguya”
จริงๆ หนังเข้ามานานมากแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสไปดู
ความสวยงามของหนังเรื่องนี้คือ
ในยุคสมัยที่โลกหมุนไปจนเรามีหนัง 3D สวยๆ ได้ไม่ยาก
Studio Ghibli กลับเลือกเอานิทานพิ้นบานของญี่ปุ่นอย่างตำนานคนตัดไผ่
มานำเสนอเป็นอนิเมชั่นด้วยวิธีการดั้งเดิมอย่างการวาดมือ
เลยทำให้ภาพของหนังเรื่องนี้มีเสน่ห์อย่างประหลาด
หนังบอกเล่าเรื่องราวของคนตัดไผ่ที่บังเอิญพบเด็กสาวในป่าไผ่
เด็กสาวซึ่งเติบโตดั่งเทพนิยาย นำโชคลาภมาสู่ตนมากมาย
จนคนตัดไผ่อาจหลงผิด คิดว่าตนเข้าใจเจตจำนงค์แห่งสวรรค์
นำพาเจ้าหญิงตัวน้อยที่เคยเติบโตอย่างร่าเริงในป่าชนบท
สู่เมืองหลวงเพื่อให้องค์หญิงกลายเป็นหญิงสูงศักดิ์ตามที่ตนคิด
เป็นความสุขในแบบฉบับของคนตัดไผ่ที่อยากมอบให้กับองค์หญิง
หนังตั้งคำถามกับคำว่า “ความสุข”
ความสุขของแต่ละคนหน้าเป็นเช่นไร
จำเป็นหรือไม่ที่ความสุขของแต่ละคนจะต้องเหมือนกัน
และที่สำคัญการยัดเยียดความสุข มันใช่ความสุขหรือไม่?
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
เค้าคนนั้นควรมีสิทธิ์ที่จะได้เลือกวิถีชีวิตของตนเอง
เค้าคนนั้นควรมีสิทธิ์ที่จะได้เติบโตอย่างที่ตัวเองต้องการ
และที่สำคัญคือความหวังดีของเหล่าผู้ใหญ่
หากเป็นความหวังดีที่ไม่ระมัดระวัง
ก็อาจเป็นการทำลายกันและกันตลอดกาล
และเมื่อถึงเวลาที่ความสัมพันธ์สะบั้นลง
เวลานั้นก็อาจสายเกินกว่าจะหวนกลับไปแก้ไขอะไรๆ ได้อีก
หนังเรื่องนี้อาจไม่ทำให้น้ำตานองหน้าเหมือน The Wind Rise
แต่ก็ชวนให้รื้นๆ อยู่ตรงขอบตาเหมือนกัน