>> ใครว่าเปิดร้านในห้างแล้วมันจะดีเสมอไป โดยเฉพาะห้างแบรนด์ดังที่ค่าเช่าแสนจะโหดร้ายกับคนค้าขายตัวเล็กๆ ...

ผมแค่อยากแชร์ประสบการณ์ (เจ๊ง) + ระบายความรู้สึกเฉยๆนะครับ  ไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก

ห้างศูนย์กลางได้ก่อกำเนิดขึ้นที่จังหวัดใหญ่แห่งนึงมาครบ  1 ปีพอดี ผมก็ได้รับการติดต่อว่าให้นำอาหารของทางร้านไปให้กรรมการจากกรุงเทพทดสอบ  (คือผมไปทิ้งใบสมัครไว้ระยะเวลานึงแล้ว)

ผมจัดเตรียมอาหารจากที่ร้านจริง (สาขาที่ไม่ได้อยู่ในห้าง)  ไปแบบจัดเต็มครบทุกเมนูของร้าน มีคู่แข่งเมนูเดียวกันหลายๆเจ้ามาร่วมทดสอบ  แต่ผมก็มั่นใจในรสชาติและหน้าตา ของอาหารร้านผม แต่ก็หวั่นๆว่าจะผ่านมั้ย

ผ่านไปไม่ถึง 1 เดือน เจ้าหน้าที่ของฟู้ดคอร์ท หรือ ฟู้ดปาร์ค (ขอใช้ตัวย่อว่า ฟป)  ก็ติดต่อมาบอกว่าผ่านการทดสอบให้มาเปิดร้านได้ตอนปีใหม่นี้  ได้นัดให้ผมไปฟังรายละเอียดคร่าวๆ  คร่าวๆจริงๆครับ บอกแค่ว่าห้างจะทำป้ายให้ (แต่ผมเสียตังเองนะ)   และหัก  31 % ของยอดขาย  +  vat อีก 7% ของอะไรพอถามก็อธิบายไม่เคลียร์  (พอมาทำจริงกลายเป็นของยอดขายเราอีก เอาไปโคตรเยอะ)  และยังต้องเสียค่าแรกเข้าประมาณครึ่งแสนกันเลยทีเดียว

ด้วยความที่ผมและเพื่อน (หุ้นส่วน) ตื่นเต้นดีใจได้เปิดในห้าง ก็อยากจะทำล่ะครับ อยากจะทำให้ดีที่สุด ก็ซื้ออุปกรณ์หม้อตู้ ฯลฯ กันเป็นอย่างดี (เริ่มลงทุนเป็นหมื่นละ)
ระหว่างนั้น ผมต้องเป็นคนคอยถามทางเจ้าหน้าที่เองตลอด  ว่าจะเข้าไปจัดร้านได้ตอนไหน ร้านเก่าออกตอนไหน เข้าได้กี่โมง มีอุปกรณ์อะไรให้บ้าง บลา บลา บลา

คือพอเปิดร้านได้แล้ว ก็ยิ่งเหนื่อยใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ ฟป มากๆ ไม่รู้เขาแย่ หรือระบบงานแย่ คือนึกอยากจะมาบอกอะไรตอนไหน ก็มาบอก จะให้แก้/ปรับ/เปลี่ยน/ติ  บอกกันซึ่งๆดื้อๆ  (ทำไมไม่จัดประชุมร้านค้ารายใหม่ บอกรายเอียดให้เป็นกิจจะลักษณะรวดเดียวไปเลย )

ตอนเอาสัญญามาให้เซ็น (เปิดร้านไป  5  วันละ  เพิ่งเอาสัญญามาให้เซ็น) สัญญาหลายหน้ามาก  ผมก็อ่านจนหมด  แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้  เพราะคิดว่าเดี๋ยวได้สำเนา ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บอก  สำเนายังให้ไม่ได้  เดี๋ยวให้ทาง GM ผู้บริหารเซนต์ก่อน  อ่าว เฮ้ย! ควรเซ็นรับรู้รายละเอียดเงื่อนไขมาก่อนแล้วป่ะ  ก่อนจะมาให้ผู้เช่าเซ็นต์ งงอะ  (ตอนนี้สิ้นเดือนผ่านไปแล้ว ก็ยังไม่ได้สำเนาสัญญา)

สุดท้ายยอดขายห่วยมาก  มีดีอยู่แค่ไม่กี่วัน  (ยอดขายร้านสาขานอกห้างของผมยังแจ่มแจ๋วกว่านี้มาก)  
ผมเห็นท่าจะไม่ดีละ ยอดขายก็ไม่ค่อยสวยมาก  แล้วหักค่าจ้างเด็ก หักค่าเช่าของทางห้าง (ที่เอาไปโคตรเยอะ) ประดุจเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของเราเลยทีเดียว (ขายได้มาก เขาก็ได้มาก  ขายได้น้อยไป  เขาก็อาจจะเชิญเราออก)  ผมเลยไปขอปรับราคาขายขึ้นจานละ 5  บาท และขอลด% ค่าเช่า ทำท่าว่าจะไม่ให้  แต่ผมพูดว่า ให้ผมไปคุยกับผู้ใหญ่ที่ตัดสินใจได้โดยตรงเลยก็ได้  ผมจะอธิบายรายละเอียดค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้เขาฟังเอง  ว่าทำไมถึงจะอยู่ไม่ได้  เจ้าหน้าที่ถึงยอมรับทำเรื่องลด% ให้  แต่ถ้าได้คือคงลดได้เต็มที่แค่  2 %  OMG!!  จาก  31  เป็น  29%  เนี่ยนะ  มันจะดีขึ้นตรงไหนเนี่ย

สรุปยอดขายเดือนนี้ทั้งเดือน  ได้ประมาณ  160,000  แต่ต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมด  1 แสนเศษๆ เหลือประมาณ  6  หมื่น ทางห้างเอาไปแล้ว  52,000  นี่ยังไม่รวมค่าแรกเข้าเลยนะ ค่าเด็กลูกจ้างผมก็ต้องควักเนื้อ  แล้วผมได้อะไร
สาขาข้างนอก ค่าตึกแค่  2  หมื่น  ถ้ายอดขายพอๆกัน (จริงๆยอดขายดีกว่า)  ก็ยังเหลือๆ 3 หมื่นเอามาเป็นค่าแรงค่าเหนื่อยได้บ้าง  แต่นี่ไม่เหลืออะไรเลย  ร้านอื่นๆก็เริ่มอยู่ไม่ได้  ก็หมุนเวียนเปลี่ยนเจ้ากันไป  (วิ่งผลัดกันมาล้มตาย)

ผมไม่ได้จะว่าทางห้างเพียงฝ่ายเดียวหรอกนะครับ  เขาก็มีสิทธิ์ตั้งราคาค่าเช่าของเขา  เราไม่พอใจก็ไม่ต้องเช่า  แต่ผมแค่อยากมาแชร์ประสบการณ์ว่า  คนขายอาหารในฟู้ดคอร์ทได้ ก็ไม่ใช่ไก่กาเท่าไร  ก็ต้องมีทุนพอสมควร ถ้าอาหารอร่อยจริง ราคาสมเหตุจริง เปิดข้างนอกดีกว่า หาทำเลดีๆ บริการดีๆ ทำสบายใจกว่า  ในห้างเอา%เยอะเกินไป  (เอา%น้อยกว่านี้เขาก็อยู่ได้ แต่เขาจะเอาเยอะ)  แถมเงื่อนไขเยอะ  เราจะขยับทำอะไรก็ต้องตามเขา ฟังเขา   พอกันที ผมนี่รีบมูฟออกมาเลย ขาดทุนอีกตังหาก  ถือว่าซื้อประสบการณ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่