สนับสนุนเนื้อหา โดยสนุกดอคคอม
เป็นศิลปินอีกคนที่ชีวิตจริงไม่ต่างจากในละครเลย สำหรับอดีตนางแบบชื่อดัง
"ยุ้ย รจนา" เพราะหลังจากที่เธอเพิ่งรักษาตัวและได้ออกจากโรงพยาบาล ก็ได้มีแฟนคลับใจบุญคนหนึ่งไปรับมาอาศัยอยู่ด้วยที่บ้าน เหมือนทุกอย่างกำลังจะไปได้สวย จนล่าสุด มีกระแสข่าวหลุดออกมาว่า ยุ้ย รจนา ได้หอบผ้าหนีออกมาจากบ้านแฟนคลับคนนั้นแล้ว งานนี้พอมีโอกาสได้เจอเจ้าตัวที่มาร่วมบันทึกเทปรายการคนดังนั่งเคลียร์ ยุ้ยก็ถึงกลับปล่อยโฮ ทนไม่ไหวกับชีวิตที่เกิดขึ้น ทั้งยังพลอยทำให้ผู้เป็นแม่ลำบากไปด้วย
ชีวิตตอนนี้เป็นไงบ้าง ?
"ตอนนี้ก็พยายามดูแลสุขภาพตัวเอง แล้วก็คุณแม่ด้วยค่ะ"
มีข่าวว่าเราหนีออกมาจากบ้านแฟนคลับที่เคยเอาเราไปอยู่ด้วย ?
"ออกมาจริงค่ะ"
สาเหตุที่ออกมา ?
"ถ้าเราออกมาแล้วเราสบายใจ ชีวิตเราดีขึ้น เราเปลี่ยนไป (น้ำตาซึม) แล้วก็คนที่เรารักมากที่สุด เห็นเรามีความสุข ยุ้ยก็ภูมิใจแล้วก็ดีใจค่ะที่เราได้ออกมา เราไม่ได้ไปโดนเก็บตัว หรือโดนขัง หรืออะไรอย่างนี้ค่ะ"
หรือเพราะเขาขังเราไม่ให้ออกไปไหน ?
"ก็ออกไปได้ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ออกไปไหน แต่ว่าส่วนตัวยุ้ย ยุ้ยไม่คิดอะไรถ้าคิดว่าตัวเองไม่มีที่อยู่ อยู่ได้ แต่อยู่ไปวันๆ โดยที่ไม่มีอะไรดีขึ้นมา"
ตอนที่อยู่กับเขา เขาดูแลไม่ดี ?
"เขาก็ให้เราอยู่ เขาก็ไม่ได้มาดูแลอะไรเรามาก เพราะว่าเราก็โตแล้ว แต่เรื่องส่วนตัวเราก็ต้องคิดเองทำเอง บางทีเราคิดคนเดียวทำคนเดียว มันก็ไม่เหมือนคนที่เป็นกระจกให้เรา ซึ่งกระจกนั้นก็คือคุณแม่ คุณแม่ยุ้ยเขาไม่สบาย แล้วก็ไม่สบายใจ เมื่อมาเห็นยุ้ยตกอยู่ในสภาพนี้ เขาก็บอกว่าโอเค แม่จะไปนะ แล้วจะอยู่ได้รึป่าว ยุ้ยก็บอกว่าถ้าแม่ไม่อยู่ ยุ้ยก็ไม่อยู่เหมือนกัน มันไม่ได้อยู่กับสถานที่เท่าไหร่ มันอยู่ที่เรา ถ้าเราไม่มีความสุข ร้องไห้ น้ำตาตกใน ร้องไห้ทุกวัน เศร้าไม่มีความสุข มันก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม มันเหมือนชีวิตที่ไม่เป็นชีวิต"
อึดอัดตรงไหน ที่ทำให้ไม่มีความสุข ?
"ยุ้ยคิดว่า เราไปหาที่ที่มันอิสระมากกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างยุ้ยเชื่อคุณแม่ค่ะ เพราะว่าคุณแม่เขาบวชมา 5 ปี เขาเห็นโลกมากกว่าเรา เราอยู่ในทางโลกมานาน แต่เรายังไม่ได้ อยู่ในทางธรรมเลย"
ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ?
"ตอนนี้ยุ้ยกับแม่อยู่ที่วัด เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้ก็จะกลับวัด อยู่วัดที่สุพรรณค่ะ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ช่วยเขาทำโน้นทำนี่ รดน้ำต้นไม้ เช็ดถ้วย เช็ดชาม คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ มันก็เพลินไป ทำให้ชีวิตเรามีคุณค่ามากขึ้น"
ออกจากบ้านเขามานานแค่ไหน ?
"ออกมา 2 อาทิตย์กว่าแล้ว ยุ้ยก็ไปอยู่ที่วัดเลยกับคุณแม่"
มีปัญหาอะไรถึงต้องออกจากบ้านนั้นมา ?
"ยุ้ยจะ บอกว่ายังไงดี ทุกคนก็รักชีวิต เขาต้องมีครอบครัว เขารักชีวิต แต่ยุ้ยก็ต้องหาจุดยืนของตัวเอง หาคุณค่าสำหรับชีวิตของตัวเองเหมือนกัน"
ตอนนั้นเราไม่มีงาน ?
"อยู่ที่นั่นมันก็ไม่ค่อยได้รับงาน ไม่มีงานอะไรค่ะ"
เขาเอ่ยปากไหม อยากให้เราออกไปอยู่ข้างนอก ?
"เขา ไม่ได้เอ่ยปาก โอเค รับมาอยู่ด้วยแล้วออกมาจากโรงพยาบาลก็ให้อยู่ อยู่ได้ก็อยู่ไป อยู่ไม่ได้ก็อยู่ไป เขาไม่ได้ว่าไม่ได้บังคับ จะอยู่หรือจะไป แต่ยุ้ยก็ยังงงๆ อยู่ ตอนที่ยุ้ยออกมาที่ชาร์ตแบตยุ้ย ยุ้ยว่ามันอยู่ข้างล่างอยู่ในตู้ แล้วพอยุ้ยกับแม่ไม่อยู่วันหนึ่งมันมาอยู่ในกระเป๋ายุ้ย กับแว่นตายุ้ยก็ไม่รู้ว่าใครเอามาใส่ ยุ้ยไม่รู้ว่าอันนี้เป็นการเจตนา"
เหมือนเขาจงใจที่ไล่เรา ?
"เราไม่มีทางเลือก เขาจะให้อยู่หรือจะไล่เรา"
มันทำให้เรารู้สึกว่าเขาไม่อยากให้อยู่ ?
"ใช่ค่ะ แต่เขาจะบอกว่าไม่ให้อยู่ก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากเสียหน้า เพราะสื่อมวลชนก็รู้เยอะ"
นี่คือจุดที่ทำให้เราอยากออกมา ?
"มันมีหลายจุดค่ะ ยุ้ยอยู่นี่ก็ 2 ครั้งเกือบปีหนึ่งแล้ว เกือบครึ่งปีที่ยุ้ยไปอยู่โรงพยาบาล แล้วก็มาอยู่กับเขาอีก 5 เดือน ก็เกือบปี มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น คือตอนนี้ถึงเราจะลำบาก แต่เราก็ยังมีชีวิตมีอิสระ"
ตอนที่อยู่กับเขาไม่มีงานเลย ?
"ก็มีออกรายการบ้าง 3-4 รายการ แต่มันก็ไม่ได้พอกินอะไร เดือนหนึ่งก็มีซักครั้ง 2 ครั้ง บางทีไม่พอกินขอยืมเงินเขา 500 บางทีก็ให้ยืม ยืมมากกว่า 500 เขาก็บอกไม่สะดวก ล่าสุดก็ว่าจะไปทำงาน ที่ไม่ได้ ยุ้ยก็ยืมเงินเขา เดี๋ยวได้งานก็จะคืนให้ เขาก็บอกจะให้ แต่ก็ไม่ให้ ทำให้เราเสียงานด้วย เขาก็ไม่เข้าใจเรา เราโทรไปติดต่อเขาก็ไม่โทร เราคิดว่างานแคนเซิ้ลไปแล้ว เพราะเขาก็ไม่ติดต่อเราเลย เราก็โอเคไม่ไปก็ไม่ไป ถ้าเราไปแล้วไม่มีเบอร์โทรคนที่ติดต่อที่เราต้องไปทำงานให้เขา แล้วเราต้องไปหาใคร แม่ก็บอกลองสุ่มๆ ไป แต่เราติดต่อใครไม่ได้ ไปทำไม จนวินาทีสุดท้ายเขาโทรมา แต่ตอนนั้นมันช้าไปแล้ว เราก็อยากไปออกรายการ เรามาหาหมอจังหวะมันไม่ได้พอดี สาเหตุที่ไม่ไปงานนั้นไม่ใช่ว่าเราเบี้ยว เราก็อยากได้เงิน เงินน้อยเงินมากก็เป็นเงิน เพราะว่าเราลำบากจริงๆ เราต้องมีงานทำ เราจะอยู่ไปวันๆ ทำงานให้เขาเช็ดปัดกวาด เฝ้าร้านให้เขา แต่ว่าเงินเดือนเราก็ไม่ได้ แต่ทำไปเพื่อแลกกับการที่เขาให้เราอยู่"
ขอโอกาส ?
"ไหนๆ พี่ๆสื่อก็มาวันนี้แล้ว ยุ้ยก็อยากขอโอกาส คือโอกาสยุ้ยได้มาตลอดแต่ไม่เคยสร้างให้มันมีประโยชน์เลย ยุ้ยขอบคุณและครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วแต่พี่ๆจะเมตตาเพราะว่า ครั้งนี้ยุ้ยสงสารคุณแม่ (ร้องไห้) ไม่อยากเห็นคุณแม่เป็นแบบนี้ อยากให้คุณแม่แข็งแรง เขาอยากช่วยเรา เมื่อก่อนยุ้ยเคยดี แต่เดี๋ยวนี้ยุ้ยทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว"
น้อยใจโชคชะตาชีวิตบ้างหรือเปล่า ?
"ก็น้อยใจค่ะ เคยน้อยใจ แต่เดี๋ยวนี้ดีขึ้น ตอนที่เราไม่มีความสุข ไม่สายมันแย่มากๆ เลย แต่ตอนนี้มันจะยังไง แต่เราก็มีความสุข สิ่งที่แล้วมายุ้ยขอให้มันผ่านไปด้วยดี"
อยากหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งเลยไหม ?
"ถ้ามีทุนก็อยากจะเปิดร้านส้มตำ อยากมีเงิน อยากเปิดร้านส้มตำเล็กๆ"
ยุ้ย รจนา ปล่อยโฮ! ชีวิตเร่ร่อนหลังหนีออกจากบ้านแฟนคลับ!?
เป็นศิลปินอีกคนที่ชีวิตจริงไม่ต่างจากในละครเลย สำหรับอดีตนางแบบชื่อดัง "ยุ้ย รจนา" เพราะหลังจากที่เธอเพิ่งรักษาตัวและได้ออกจากโรงพยาบาล ก็ได้มีแฟนคลับใจบุญคนหนึ่งไปรับมาอาศัยอยู่ด้วยที่บ้าน เหมือนทุกอย่างกำลังจะไปได้สวย จนล่าสุด มีกระแสข่าวหลุดออกมาว่า ยุ้ย รจนา ได้หอบผ้าหนีออกมาจากบ้านแฟนคลับคนนั้นแล้ว งานนี้พอมีโอกาสได้เจอเจ้าตัวที่มาร่วมบันทึกเทปรายการคนดังนั่งเคลียร์ ยุ้ยก็ถึงกลับปล่อยโฮ ทนไม่ไหวกับชีวิตที่เกิดขึ้น ทั้งยังพลอยทำให้ผู้เป็นแม่ลำบากไปด้วย
ชีวิตตอนนี้เป็นไงบ้าง ?
"ตอนนี้ก็พยายามดูแลสุขภาพตัวเอง แล้วก็คุณแม่ด้วยค่ะ"
มีข่าวว่าเราหนีออกมาจากบ้านแฟนคลับที่เคยเอาเราไปอยู่ด้วย ?
"ออกมาจริงค่ะ"
สาเหตุที่ออกมา ?
"ถ้าเราออกมาแล้วเราสบายใจ ชีวิตเราดีขึ้น เราเปลี่ยนไป (น้ำตาซึม) แล้วก็คนที่เรารักมากที่สุด เห็นเรามีความสุข ยุ้ยก็ภูมิใจแล้วก็ดีใจค่ะที่เราได้ออกมา เราไม่ได้ไปโดนเก็บตัว หรือโดนขัง หรืออะไรอย่างนี้ค่ะ"
หรือเพราะเขาขังเราไม่ให้ออกไปไหน ?
"ก็ออกไปได้ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ออกไปไหน แต่ว่าส่วนตัวยุ้ย ยุ้ยไม่คิดอะไรถ้าคิดว่าตัวเองไม่มีที่อยู่ อยู่ได้ แต่อยู่ไปวันๆ โดยที่ไม่มีอะไรดีขึ้นมา"
ตอนที่อยู่กับเขา เขาดูแลไม่ดี ?
"เขาก็ให้เราอยู่ เขาก็ไม่ได้มาดูแลอะไรเรามาก เพราะว่าเราก็โตแล้ว แต่เรื่องส่วนตัวเราก็ต้องคิดเองทำเอง บางทีเราคิดคนเดียวทำคนเดียว มันก็ไม่เหมือนคนที่เป็นกระจกให้เรา ซึ่งกระจกนั้นก็คือคุณแม่ คุณแม่ยุ้ยเขาไม่สบาย แล้วก็ไม่สบายใจ เมื่อมาเห็นยุ้ยตกอยู่ในสภาพนี้ เขาก็บอกว่าโอเค แม่จะไปนะ แล้วจะอยู่ได้รึป่าว ยุ้ยก็บอกว่าถ้าแม่ไม่อยู่ ยุ้ยก็ไม่อยู่เหมือนกัน มันไม่ได้อยู่กับสถานที่เท่าไหร่ มันอยู่ที่เรา ถ้าเราไม่มีความสุข ร้องไห้ น้ำตาตกใน ร้องไห้ทุกวัน เศร้าไม่มีความสุข มันก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม มันเหมือนชีวิตที่ไม่เป็นชีวิต"
อึดอัดตรงไหน ที่ทำให้ไม่มีความสุข ?
"ยุ้ยคิดว่า เราไปหาที่ที่มันอิสระมากกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างยุ้ยเชื่อคุณแม่ค่ะ เพราะว่าคุณแม่เขาบวชมา 5 ปี เขาเห็นโลกมากกว่าเรา เราอยู่ในทางโลกมานาน แต่เรายังไม่ได้ อยู่ในทางธรรมเลย"
ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ?
"ตอนนี้ยุ้ยกับแม่อยู่ที่วัด เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้ก็จะกลับวัด อยู่วัดที่สุพรรณค่ะ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ช่วยเขาทำโน้นทำนี่ รดน้ำต้นไม้ เช็ดถ้วย เช็ดชาม คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ มันก็เพลินไป ทำให้ชีวิตเรามีคุณค่ามากขึ้น"
ออกจากบ้านเขามานานแค่ไหน ?
"ออกมา 2 อาทิตย์กว่าแล้ว ยุ้ยก็ไปอยู่ที่วัดเลยกับคุณแม่"
มีปัญหาอะไรถึงต้องออกจากบ้านนั้นมา ?
"ยุ้ยจะ บอกว่ายังไงดี ทุกคนก็รักชีวิต เขาต้องมีครอบครัว เขารักชีวิต แต่ยุ้ยก็ต้องหาจุดยืนของตัวเอง หาคุณค่าสำหรับชีวิตของตัวเองเหมือนกัน"
ตอนนั้นเราไม่มีงาน ?
"อยู่ที่นั่นมันก็ไม่ค่อยได้รับงาน ไม่มีงานอะไรค่ะ"
เขาเอ่ยปากไหม อยากให้เราออกไปอยู่ข้างนอก ?
"เขา ไม่ได้เอ่ยปาก โอเค รับมาอยู่ด้วยแล้วออกมาจากโรงพยาบาลก็ให้อยู่ อยู่ได้ก็อยู่ไป อยู่ไม่ได้ก็อยู่ไป เขาไม่ได้ว่าไม่ได้บังคับ จะอยู่หรือจะไป แต่ยุ้ยก็ยังงงๆ อยู่ ตอนที่ยุ้ยออกมาที่ชาร์ตแบตยุ้ย ยุ้ยว่ามันอยู่ข้างล่างอยู่ในตู้ แล้วพอยุ้ยกับแม่ไม่อยู่วันหนึ่งมันมาอยู่ในกระเป๋ายุ้ย กับแว่นตายุ้ยก็ไม่รู้ว่าใครเอามาใส่ ยุ้ยไม่รู้ว่าอันนี้เป็นการเจตนา"
เหมือนเขาจงใจที่ไล่เรา ?
"เราไม่มีทางเลือก เขาจะให้อยู่หรือจะไล่เรา"
มันทำให้เรารู้สึกว่าเขาไม่อยากให้อยู่ ?
"ใช่ค่ะ แต่เขาจะบอกว่าไม่ให้อยู่ก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากเสียหน้า เพราะสื่อมวลชนก็รู้เยอะ"
นี่คือจุดที่ทำให้เราอยากออกมา ?
"มันมีหลายจุดค่ะ ยุ้ยอยู่นี่ก็ 2 ครั้งเกือบปีหนึ่งแล้ว เกือบครึ่งปีที่ยุ้ยไปอยู่โรงพยาบาล แล้วก็มาอยู่กับเขาอีก 5 เดือน ก็เกือบปี มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น คือตอนนี้ถึงเราจะลำบาก แต่เราก็ยังมีชีวิตมีอิสระ"
ตอนที่อยู่กับเขาไม่มีงานเลย ?
"ก็มีออกรายการบ้าง 3-4 รายการ แต่มันก็ไม่ได้พอกินอะไร เดือนหนึ่งก็มีซักครั้ง 2 ครั้ง บางทีไม่พอกินขอยืมเงินเขา 500 บางทีก็ให้ยืม ยืมมากกว่า 500 เขาก็บอกไม่สะดวก ล่าสุดก็ว่าจะไปทำงาน ที่ไม่ได้ ยุ้ยก็ยืมเงินเขา เดี๋ยวได้งานก็จะคืนให้ เขาก็บอกจะให้ แต่ก็ไม่ให้ ทำให้เราเสียงานด้วย เขาก็ไม่เข้าใจเรา เราโทรไปติดต่อเขาก็ไม่โทร เราคิดว่างานแคนเซิ้ลไปแล้ว เพราะเขาก็ไม่ติดต่อเราเลย เราก็โอเคไม่ไปก็ไม่ไป ถ้าเราไปแล้วไม่มีเบอร์โทรคนที่ติดต่อที่เราต้องไปทำงานให้เขา แล้วเราต้องไปหาใคร แม่ก็บอกลองสุ่มๆ ไป แต่เราติดต่อใครไม่ได้ ไปทำไม จนวินาทีสุดท้ายเขาโทรมา แต่ตอนนั้นมันช้าไปแล้ว เราก็อยากไปออกรายการ เรามาหาหมอจังหวะมันไม่ได้พอดี สาเหตุที่ไม่ไปงานนั้นไม่ใช่ว่าเราเบี้ยว เราก็อยากได้เงิน เงินน้อยเงินมากก็เป็นเงิน เพราะว่าเราลำบากจริงๆ เราต้องมีงานทำ เราจะอยู่ไปวันๆ ทำงานให้เขาเช็ดปัดกวาด เฝ้าร้านให้เขา แต่ว่าเงินเดือนเราก็ไม่ได้ แต่ทำไปเพื่อแลกกับการที่เขาให้เราอยู่"
ขอโอกาส ?
"ไหนๆ พี่ๆสื่อก็มาวันนี้แล้ว ยุ้ยก็อยากขอโอกาส คือโอกาสยุ้ยได้มาตลอดแต่ไม่เคยสร้างให้มันมีประโยชน์เลย ยุ้ยขอบคุณและครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วแต่พี่ๆจะเมตตาเพราะว่า ครั้งนี้ยุ้ยสงสารคุณแม่ (ร้องไห้) ไม่อยากเห็นคุณแม่เป็นแบบนี้ อยากให้คุณแม่แข็งแรง เขาอยากช่วยเรา เมื่อก่อนยุ้ยเคยดี แต่เดี๋ยวนี้ยุ้ยทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว"
น้อยใจโชคชะตาชีวิตบ้างหรือเปล่า ?
"ก็น้อยใจค่ะ เคยน้อยใจ แต่เดี๋ยวนี้ดีขึ้น ตอนที่เราไม่มีความสุข ไม่สายมันแย่มากๆ เลย แต่ตอนนี้มันจะยังไง แต่เราก็มีความสุข สิ่งที่แล้วมายุ้ยขอให้มันผ่านไปด้วยดี"
อยากหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งเลยไหม ?
"ถ้ามีทุนก็อยากจะเปิดร้านส้มตำ อยากมีเงิน อยากเปิดร้านส้มตำเล็กๆ"