“ลูกหมี รัศมี” ออกมาเผย สงสาร “ยุ้ย รจนา” บอกรู้จักกันมากว่า 10 ปี อีกฝ่ายมีปัญหาชีวิตเยอะ พร้อมแจงยุ้ย รจนา เคยประสบความสำเร็จอย่างมากในต่างประเทศ แต่กลับมาเมืองไทย ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครให้เกียรติเลยทำให้น้อยใจ จนกลายเป็นคนประหม่าไม่มั่นใจ ลั่นจะชวนเพื่อนนางแบบไปเยี่ยม
เป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจให้กับวงการนางแบบไม่น้อย กับข่าวคราวของ “ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา” อดีตนางแบบไทยที่โกอินเตอร์ไปโด่งดังในระดับโลก แต่ปัจจุบันชีวิตตกอับ กลายเป็นคนเร่ร่อน และยังมีอาการคล้ายวิกลจริต โดยตอนนี้เจ้าตัวถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งที่ผ่านมามีรายงานว่ามีเพื่อนพี่น้องเพื่อนๆนางแบบเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งคนที่เคยรู้จักกับ ยุ้ย รจนา มาเป็นกว่า 10 ปี ก็คือ “ลูกหมี รัศมี ทองสิริไพรศรี” ซึ่งกับเรื่องนี้ลูกหมีเผยว่า รู้สึกสงสาร แจงเท่าที่ตนรู้จักอีกฝ่ายเป็นคนมีปัญหาเรื่องส่วนตัวเยอะ
“ส่วนตัวรู้จักพี่ยุ้ยมาเป็นกว่า 10 ปีแล้วค่ะ ในฐานะที่เป็นรุ่นน้องในวงการเดินแบบ คือเห็นข่าวแล้วเราก็เข้าใจชีวิตเขาเพราะว่าเวลาทำงานหรือทุกครั้งที่เจอ ก็จะรู้สไตล์ของพี่ยุ้ยการพูดหรือการคุย เหมือนเขาจะมีปัญหาในเรื่องส่วนตัวของเขาเยอะ”
“ในส่วนที่ลูกหมีทราบคือตอนที่พี่ยุ้ยกลับมาจากเมืองนอก เขาก็จะมีบุคลิกหรือลักษณะการพูดที่เป็นแบบนี้อยู่แล้ว คือเหมือนเวลาพูดใจเขาจะไปเรื่องอื่น คือส่วนตัวคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่มีบุคลิกแบบนี้ เหมือนเป็นคนไม่ค่อยมีสติไม่ค่อยมีสมาธิ คือลักษณะเหมือนเป็นคนเบลอๆ งงๆ”
เผยอีกฝ่ายดื่มจริง คิดว่าการดื่มส่งผลทำให้เป็นแบบนี้ แจงอีกฝ่ายเคยประสบความสำเร็จอย่างมากที่ต่างประเทศ แต่กลับมาเมืองไทยกลับไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครให้เกียรติเลยทำให้น้อยใจ จนกลายเป็นคนประหม่าไป
“คือของพวกนี้ถ้าไม่สามารถควบคุมความคิดตัวเองได้ ยิ่งอยู่คนเดียวไม่มีครอบครัว ต้องระวังเรื่องความคิดมาก คิดว่ามาจากพวกนี้เพราะมันอาจไม่ได้เห็นผลทันที มันน่าจะสะสม (สรุปเขาดื่มใช่ไหม?) จริงๆ เวลาเจอกันก็ ชั่วโมงกว่า 2 ชั่วโมง ก็ไม่ได้ดื่มเป็นเรื่องเป็นราว ก็ทราบว่าเขาดื่ม ก็มีหลายสิ่ง คือคนเราที่ประสบความสำเร็จมากๆ แต่พอกลับมาถึงเมืองไทยไม่มีใครสนใจเลย ยิ่งไม่มีการให้เกียรติ เขาก็น่าจะเริ่มน้อยใจมาตั้งแต่ตรงนั้น เท่าที่ดูจากพฤติกรรมนะ ทำให้เขากลายเป็นคนประหม่า แต่เราก็ไม่คิดว่าจะเป็นถึงขนาดนี้ ก็สงสารพี่ยุ้ยนะคะ ยังไงลูกหมีก็เป็นกำลังใจให้นะคะ”
เผยอีกฝ่ายเคยปรึกษาว่าทำงานสนุกไหม เพราะเวลาทำงานเหมือนจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง
“เราก็จะคุยกับเขาค่อนข้างเยอะ คือลูกหมีถ้าไม่ได้ทำงานก็จะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่เวลาเดินแฟชั่นโชว์ก็จะอยู่ด้วยกันเป็นชั่วโมง ก็จะนั่งคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ อย่างล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว เขาเปิดโรงเรียนสอนเดินแบบก็จะมาปรึกษา โรงเรียนเดินแบบกับลูกหมี ยังคิดอยู่เลยว่าดีจังที่เขาเปิดโรงเรียนสอนเดินแบบ ก็มีน้องๆ มาช่วย เราก็ยังรู้สึกดี แต่ก็จะมีอีกเรื่องคือเขาจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง บางทีถามเราว่าทำงานมีความสุขไหม แบบเวลาทำงานเขาจะไม่ค่อยมั่นใจ คือเหมือนตอนกลับจากเมืองนอกแล้วไม่ค่อยมีคนต้อนรับเขา ยิ่งเรื่องอื่น เรื่องครอบครัว เรื่องสังคม เรื่องส่วนตัว เหมือนเขาว้าเหว่เหงา”
ตกใจหลังทราบข่าว บอกจะเข้าไปเยี่ยม
“ก็ตกใจค่ะ คือเหมือนเราเป็นรุ่นน้องแล้วเขาเคยสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองไทย คือปัญหาเขาค่อนข้างจะหนักมากๆ แต่สิ่งเดียวที่จะช่วยเขาได้คือตัวเขาเอง ก็พูดตรงๆ เลยว่าสงสารจับใจ กับเพื่อนๆ ก็ได้คุยค่ะ แต่ก็ไม่ได้มีอะไร คือเราก็ไม่ได้รวมตัวกันตั้งแต่ต้น แต่ถ้าชวนกันไปก็คงไปช่วย แต่ลูกหมีก็คิดว่าจะไปหาพี่เขาเพราะในวงการ ก็ถือว่าเราคุยกับเขามากที่สุดคิดว่าน่าจะช่วยเขาได้ แต่เห็นว่าเข้ารักษาที่โรงพยาบาล แต่ไม่แน่ใจว่าจะเข้าเยี่ยมได้หรือเปล่า คิดว่าอีกวัน 2 วันจะติดต่อไป”
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000110260
“ลูกหมี รัศมี” เผยสงสาร “ยุ้ย รจนา” บอกรู้จักกันมา 10 ปี อีกฝ่ายมีปัญหาเรื่องส่วนตัวรุมเร้าตลอด
เป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจให้กับวงการนางแบบไม่น้อย กับข่าวคราวของ “ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา” อดีตนางแบบไทยที่โกอินเตอร์ไปโด่งดังในระดับโลก แต่ปัจจุบันชีวิตตกอับ กลายเป็นคนเร่ร่อน และยังมีอาการคล้ายวิกลจริต โดยตอนนี้เจ้าตัวถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งที่ผ่านมามีรายงานว่ามีเพื่อนพี่น้องเพื่อนๆนางแบบเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งคนที่เคยรู้จักกับ ยุ้ย รจนา มาเป็นกว่า 10 ปี ก็คือ “ลูกหมี รัศมี ทองสิริไพรศรี” ซึ่งกับเรื่องนี้ลูกหมีเผยว่า รู้สึกสงสาร แจงเท่าที่ตนรู้จักอีกฝ่ายเป็นคนมีปัญหาเรื่องส่วนตัวเยอะ
“ส่วนตัวรู้จักพี่ยุ้ยมาเป็นกว่า 10 ปีแล้วค่ะ ในฐานะที่เป็นรุ่นน้องในวงการเดินแบบ คือเห็นข่าวแล้วเราก็เข้าใจชีวิตเขาเพราะว่าเวลาทำงานหรือทุกครั้งที่เจอ ก็จะรู้สไตล์ของพี่ยุ้ยการพูดหรือการคุย เหมือนเขาจะมีปัญหาในเรื่องส่วนตัวของเขาเยอะ”
“ในส่วนที่ลูกหมีทราบคือตอนที่พี่ยุ้ยกลับมาจากเมืองนอก เขาก็จะมีบุคลิกหรือลักษณะการพูดที่เป็นแบบนี้อยู่แล้ว คือเหมือนเวลาพูดใจเขาจะไปเรื่องอื่น คือส่วนตัวคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่มีบุคลิกแบบนี้ เหมือนเป็นคนไม่ค่อยมีสติไม่ค่อยมีสมาธิ คือลักษณะเหมือนเป็นคนเบลอๆ งงๆ”
เผยอีกฝ่ายดื่มจริง คิดว่าการดื่มส่งผลทำให้เป็นแบบนี้ แจงอีกฝ่ายเคยประสบความสำเร็จอย่างมากที่ต่างประเทศ แต่กลับมาเมืองไทยกลับไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครให้เกียรติเลยทำให้น้อยใจ จนกลายเป็นคนประหม่าไป
“คือของพวกนี้ถ้าไม่สามารถควบคุมความคิดตัวเองได้ ยิ่งอยู่คนเดียวไม่มีครอบครัว ต้องระวังเรื่องความคิดมาก คิดว่ามาจากพวกนี้เพราะมันอาจไม่ได้เห็นผลทันที มันน่าจะสะสม (สรุปเขาดื่มใช่ไหม?) จริงๆ เวลาเจอกันก็ ชั่วโมงกว่า 2 ชั่วโมง ก็ไม่ได้ดื่มเป็นเรื่องเป็นราว ก็ทราบว่าเขาดื่ม ก็มีหลายสิ่ง คือคนเราที่ประสบความสำเร็จมากๆ แต่พอกลับมาถึงเมืองไทยไม่มีใครสนใจเลย ยิ่งไม่มีการให้เกียรติ เขาก็น่าจะเริ่มน้อยใจมาตั้งแต่ตรงนั้น เท่าที่ดูจากพฤติกรรมนะ ทำให้เขากลายเป็นคนประหม่า แต่เราก็ไม่คิดว่าจะเป็นถึงขนาดนี้ ก็สงสารพี่ยุ้ยนะคะ ยังไงลูกหมีก็เป็นกำลังใจให้นะคะ”
เผยอีกฝ่ายเคยปรึกษาว่าทำงานสนุกไหม เพราะเวลาทำงานเหมือนจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง
“เราก็จะคุยกับเขาค่อนข้างเยอะ คือลูกหมีถ้าไม่ได้ทำงานก็จะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่เวลาเดินแฟชั่นโชว์ก็จะอยู่ด้วยกันเป็นชั่วโมง ก็จะนั่งคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ อย่างล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว เขาเปิดโรงเรียนสอนเดินแบบก็จะมาปรึกษา โรงเรียนเดินแบบกับลูกหมี ยังคิดอยู่เลยว่าดีจังที่เขาเปิดโรงเรียนสอนเดินแบบ ก็มีน้องๆ มาช่วย เราก็ยังรู้สึกดี แต่ก็จะมีอีกเรื่องคือเขาจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง บางทีถามเราว่าทำงานมีความสุขไหม แบบเวลาทำงานเขาจะไม่ค่อยมั่นใจ คือเหมือนตอนกลับจากเมืองนอกแล้วไม่ค่อยมีคนต้อนรับเขา ยิ่งเรื่องอื่น เรื่องครอบครัว เรื่องสังคม เรื่องส่วนตัว เหมือนเขาว้าเหว่เหงา”
ตกใจหลังทราบข่าว บอกจะเข้าไปเยี่ยม
“ก็ตกใจค่ะ คือเหมือนเราเป็นรุ่นน้องแล้วเขาเคยสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองไทย คือปัญหาเขาค่อนข้างจะหนักมากๆ แต่สิ่งเดียวที่จะช่วยเขาได้คือตัวเขาเอง ก็พูดตรงๆ เลยว่าสงสารจับใจ กับเพื่อนๆ ก็ได้คุยค่ะ แต่ก็ไม่ได้มีอะไร คือเราก็ไม่ได้รวมตัวกันตั้งแต่ต้น แต่ถ้าชวนกันไปก็คงไปช่วย แต่ลูกหมีก็คิดว่าจะไปหาพี่เขาเพราะในวงการ ก็ถือว่าเราคุยกับเขามากที่สุดคิดว่าน่าจะช่วยเขาได้ แต่เห็นว่าเข้ารักษาที่โรงพยาบาล แต่ไม่แน่ใจว่าจะเข้าเยี่ยมได้หรือเปล่า คิดว่าอีกวัน 2 วันจะติดต่อไป”
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000110260