แม่เราอายุ 87 ปี สุขภาพทั่วไปแข็งแรงตามวัย แต่สภาพร่างกายคือ โค้ง หรือ คู้ เวลาเดินคือหัวปักลงดิน เราจะเป็นลูกที่ใกล้ชิดกับแม่และพ่อ
เราเป็นข้าราชการค่ะ มีเวลาดูแลพ่อแม่ได้เยอะว่าลูกคนอื่นๆ (พ่อแม่มีลูก 4 คน) เมื่อสองปีที่แล้ว เดือน ก.พ. 66 เราต้องย้ายมารับตำแหน่งใหม่
ไกลบ้านประมาณ 360 กม. เราไปเยี่ยมแม่ เดือนละครั้ง ส่วนใหญ่ก็ 2 คืน คือไปเย็นวันศุกร์ กลับกลางคืนวันอาทิตย์ ยกเว้นลาพักผ่อน ก็จะไปอยู่ด้วยหลายวันหน่อย
เวลาไปเยี่ยมแม่ ก็ไปทำกับข้าวให้กิน พาไปทำบุญที่วัด ขับรถพาไปเที่ยว หรือถ้าไม่ได้เอารถยนต์ไป ก็แค่ทำกับข้าวกินด้วยกัน นั่งคุยเม้าส์มอย ไปทั้งวัน
แม่อยู่ด้วยความหวังว่าเราจะย้ายกลับ แต่พอผ่านมาเกือบ 2 ปี แม่ก็ทำใจได้ละ ว่าเราคงจะไม่ย้ายแล้ว เราคิดไปเองนะว่าแม่ทำใจยอมรับได้
แต่ในความเป็นจริงคือ แม่เหงามาก ไม่มีกำลังใจเลย กำลังแรงกายก็ลดลงทุกวัน ชะเง้อมองแต่ทาง ถามหาแต่ลูกหลาน ว่าเมื่อไหร่จะมา
แม่อาศัยอยู่บ้านกับลูกชายคนสุดท้องของแก พร้อมหลานสาว หลานเขยค่ะ พวกเขาดูแลแม่อย่างดี แต่ไม่เคยพาไปไหน และไม่ค่อยคุยกับแก
ปล่อยให้แม่นั่งเหงาคนเดียวแทบทุกวัน
เรามาอยู่ไกลบ้าน ก็เหงามากเช่นกัน ปัญหาในที่ทำงานก็มีเป็นปกติ ซึ่งเราก็รับได้ เพราะอยู่ในวงการนี้มา 20 ปี เจอมาทุกแบบอยู่แล้ว
แต่การอยู่ห่างแม่ในภาวะที่ทั้งเราและแม่ก็ต่างอายุเยอะ คือทำใจยากมากค่ะ อีก 7 ปี เราก็เกษียณ ได้แต่หวังให้แม่มีอายุยืนยาว รอวันที่เราจะกลับไปอยู่ด้วย
อยากไปหาแม่ให้ถี่กว่านี้ แต่เราก็เหนื่อยมาก เวลาเดินทางไปกลับ ชวนแม่มาอยู่ด้วยแม่ก็ไม่มา เพราะแม่ติดบ้าน ปลายปีนี้ เราลาพักผ่อน มีเวลาไปอยู่บ้าน 5 วัน
เราชวนแม่ไปบวชชีที่วัด แม่ดีใจมาก ตอนนี้คงนับวันรอ สงสารแม่จังค่ะ อยากทำไห้ดีกว่านี้ จะเก็บความทรงจำในช่วงที่พาแม่ไปบวชชีที่วัด มาเล่าให้ฟังนะคะ
ปัญหาของคนแก่
เราเป็นข้าราชการค่ะ มีเวลาดูแลพ่อแม่ได้เยอะว่าลูกคนอื่นๆ (พ่อแม่มีลูก 4 คน) เมื่อสองปีที่แล้ว เดือน ก.พ. 66 เราต้องย้ายมารับตำแหน่งใหม่
ไกลบ้านประมาณ 360 กม. เราไปเยี่ยมแม่ เดือนละครั้ง ส่วนใหญ่ก็ 2 คืน คือไปเย็นวันศุกร์ กลับกลางคืนวันอาทิตย์ ยกเว้นลาพักผ่อน ก็จะไปอยู่ด้วยหลายวันหน่อย
เวลาไปเยี่ยมแม่ ก็ไปทำกับข้าวให้กิน พาไปทำบุญที่วัด ขับรถพาไปเที่ยว หรือถ้าไม่ได้เอารถยนต์ไป ก็แค่ทำกับข้าวกินด้วยกัน นั่งคุยเม้าส์มอย ไปทั้งวัน
แม่อยู่ด้วยความหวังว่าเราจะย้ายกลับ แต่พอผ่านมาเกือบ 2 ปี แม่ก็ทำใจได้ละ ว่าเราคงจะไม่ย้ายแล้ว เราคิดไปเองนะว่าแม่ทำใจยอมรับได้
แต่ในความเป็นจริงคือ แม่เหงามาก ไม่มีกำลังใจเลย กำลังแรงกายก็ลดลงทุกวัน ชะเง้อมองแต่ทาง ถามหาแต่ลูกหลาน ว่าเมื่อไหร่จะมา
แม่อาศัยอยู่บ้านกับลูกชายคนสุดท้องของแก พร้อมหลานสาว หลานเขยค่ะ พวกเขาดูแลแม่อย่างดี แต่ไม่เคยพาไปไหน และไม่ค่อยคุยกับแก
ปล่อยให้แม่นั่งเหงาคนเดียวแทบทุกวัน
เรามาอยู่ไกลบ้าน ก็เหงามากเช่นกัน ปัญหาในที่ทำงานก็มีเป็นปกติ ซึ่งเราก็รับได้ เพราะอยู่ในวงการนี้มา 20 ปี เจอมาทุกแบบอยู่แล้ว
แต่การอยู่ห่างแม่ในภาวะที่ทั้งเราและแม่ก็ต่างอายุเยอะ คือทำใจยากมากค่ะ อีก 7 ปี เราก็เกษียณ ได้แต่หวังให้แม่มีอายุยืนยาว รอวันที่เราจะกลับไปอยู่ด้วย
อยากไปหาแม่ให้ถี่กว่านี้ แต่เราก็เหนื่อยมาก เวลาเดินทางไปกลับ ชวนแม่มาอยู่ด้วยแม่ก็ไม่มา เพราะแม่ติดบ้าน ปลายปีนี้ เราลาพักผ่อน มีเวลาไปอยู่บ้าน 5 วัน
เราชวนแม่ไปบวชชีที่วัด แม่ดีใจมาก ตอนนี้คงนับวันรอ สงสารแม่จังค่ะ อยากทำไห้ดีกว่านี้ จะเก็บความทรงจำในช่วงที่พาแม่ไปบวชชีที่วัด มาเล่าให้ฟังนะคะ