เครดิต : Kapook.com
ยุ้ย รจนา เปิดปมชีวิตที่พลิกผันจากนางแบบชื่อดังระดับโลกกลายมาเป็นคนเร่ร่อนริมถนน และโรคไบโพลาร์กำเริบจากการไม่ยอมทานยา พร้อมหนังสือขุดเรื่องลับ สับเรื่องจริง ที่เธอเผยความลับว่าเธอเคยมีลูกแล้ว
เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2557 รายการเจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3 ได้เชิญอดีตนางแบบชื่อดังระดับโลกของเมืองไทย ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา ซึ่งชีวิตของเธอได้พลิกผันกลายมาเป็นคนเร่ร่อน ที่เป็นข่าวใหญ่ในช่วงปีที่แล้ว โดยเธอได้ป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ หรือคนสองบุคลิก และเคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา แต่ก็ไม่ได้ทานยาอย่างต่อเนื่อง...
โดย ยุ้ย รจนา ได้เปิดเผยว่า เธอต้องกลับเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีอาการกำเริบจากการขาดยา และไม่ค่อยยอมทานยา ทั้ง ๆ ที่โรคไบโพลาร์เป็นโรคที่จำเป็นจะต้องทานยาอย่างต่อเนื่องไปตลอด ซึ่งคนเป็นโรคนี้จะมีอาการเครียด ซึมเศร้า ในช่วงที่เศร้าก็จะเศร้าสุด ๆ แต่ถ้ามีความสุขมาก ๆ ก็จะมีความสุขสุด ๆ อารมณ์ไม่พอดี สลับขั้ว
และเธอยังมีหนังสือชื่อว่า "ขุดเรื่องลับ! สับเรื่องจริง!" ที่ได้ทำขึ้นในช่วงที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยในหนังสือเล่มนี้ได้มีการเปิดเผยว่า เธอเคยมีลูกมาแล้ว 1 คนที่ประเทศไทย ซึ่งเธอเล่าว่าตอนนี้ลูกของเธอนั้นอยู่ในช่วงวัยรุ่น กำลังเป็นสาว แต่เธอไม่เคยเจอหน้าลูกเลย เพราะตอนคลอดพ่อของลูก ซึ่งเป็นคนที่มีคนรู้จักมากมายมีการ์ดคอยคุ้มครอง มาพรากตัวลูกไป แต่สักวันหนึ่งเธออยากเจอหน้าลูกอีกสักครั้ง แต่ล่าสุดทราบมาว่าลูกมีชีวิตที่ดี ได้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ สำหรับเรื่องนี้เราถือว่าเป็นเรื่องที่เราพลาดพลั้ง อาจเป็นเพราะเราเป็นคนโดนหลอกง่ายและด้วยวัยที่ต่างกันกับพ่อของลูกด้วย
ยุ้ย รจนา บอกว่า ที่เธอมาเร่ร่อนอยู่ป้ายรถเมล์จนเป็นข่าวครึกโครมนั้น เป็นเพราะว่าญาติพี่น้องทุกคนของเธอต่างมีครอบครัวเป็นของตัวเองกันหมดแล้ว เราไม่มีแม้แต่เงินแต่เขาก็ไม่ให้เราอยู่ แต่น้องสาวก็ได้ให้เงินมา 2,000 บาท เราก็นั่งรถแท็กซี่ไป ในใจคิดว่าเราจะไปบวชที่วัดธรรมกายแต่สุดท้ายก็ไม่ได้บวช จึงไปตระเวนหาวัดหลาย ๆ ที่ จนสุดท้ายไม่รู้จะไปนอนที่ไหนเลยมานอนที่ปั้มน้ำมัน คืนนั้นอาการกำเริบเรามีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน นอนด้วยความหวาดผวา และไม่มีใครจำได้ว่าเราเป็นใคร เดินถือลังใส่เสื้อผ้าเดินไปเรื่อย ๆ น้ำก็ไม่ได้อาบ 2 อาทิตย์ คิดอย่างเดียวว่าจะไปบวช โดยเธอเพิ่งรู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคนี้ ตอนที่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นตั้งแต่สมัยที่เธอเคยใช้สารเสพติดโคเคนที่ต่างประเทศ
เมื่อถามเรื่องการกลับเข้าวงการเธอก็ตอบว่า เอเจนซี่ที่ประเทศอังกฤษเขาติดต่อมาเพื่อจะให้เราไปรักษาตัวที่ต่างประเทศและกลับไปทำงานที่อังกฤษอีกครั้ง แต่ต้องห้ามยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด บุหรี่ และเหล้า โดยเด็ดขาด และต้องทานยาพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในตอนนี้มีผู้คอยช่วยเหลือหลายคนและเธอก็ไม่อยากจะทำให้ทุกคนผิดหวัง โดยมีความมุ่งหวังในชีวิตตอนนี้ว่าไม่จำเป็นต้องอยู่เบื้องหน้า แต่ทำงานเบื้องหลังก็ได้ ขอแค่ให้ชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่งมีคุณค่า
สุดท้ายอยากฝากถึงลูกของตนว่า อยากจะให้เขาเป็นคนดีเป็นเด็กดี อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งไม่ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่ไหน อยู่กับใครก็อยากจะขอให้ดูแลเขา ให้รักเขามาก ๆ รักให้มากเท่าคนเป็นแม่อย่างเธอ
***********************
***********************
***********************
***********************
แค่อยากจะบอกว่าคุณมีชีวิตใหม่เพราะมีคนหยิบยื่นโอกาสให้ จงรับโอกาสนั้นเพราะทุกคนไม่ได้มีโอกาสดีๆ ใหม่ๆ เสมอ คิดได้อย่างที่พูดในรายการจะเป็นสิ่งที่ดีมากครับ รักษาไว้ให้ดีนะครับ....โอกาสใหม่
ยุ้ย รจนา เปิดปมชีวิตที่พลิกผัน-มีลูก-ป่วยโรคไบโพลาร์ " มีโอกาสอีกครั้งเมื่อเทียบกับอีกหลายคนที่ไม่มีโอกาสแก้ตัว"
ยุ้ย รจนา เปิดปมชีวิตที่พลิกผันจากนางแบบชื่อดังระดับโลกกลายมาเป็นคนเร่ร่อนริมถนน และโรคไบโพลาร์กำเริบจากการไม่ยอมทานยา พร้อมหนังสือขุดเรื่องลับ สับเรื่องจริง ที่เธอเผยความลับว่าเธอเคยมีลูกแล้ว
เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2557 รายการเจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3 ได้เชิญอดีตนางแบบชื่อดังระดับโลกของเมืองไทย ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา ซึ่งชีวิตของเธอได้พลิกผันกลายมาเป็นคนเร่ร่อน ที่เป็นข่าวใหญ่ในช่วงปีที่แล้ว โดยเธอได้ป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ หรือคนสองบุคลิก และเคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา แต่ก็ไม่ได้ทานยาอย่างต่อเนื่อง...
โดย ยุ้ย รจนา ได้เปิดเผยว่า เธอต้องกลับเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีอาการกำเริบจากการขาดยา และไม่ค่อยยอมทานยา ทั้ง ๆ ที่โรคไบโพลาร์เป็นโรคที่จำเป็นจะต้องทานยาอย่างต่อเนื่องไปตลอด ซึ่งคนเป็นโรคนี้จะมีอาการเครียด ซึมเศร้า ในช่วงที่เศร้าก็จะเศร้าสุด ๆ แต่ถ้ามีความสุขมาก ๆ ก็จะมีความสุขสุด ๆ อารมณ์ไม่พอดี สลับขั้ว
และเธอยังมีหนังสือชื่อว่า "ขุดเรื่องลับ! สับเรื่องจริง!" ที่ได้ทำขึ้นในช่วงที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยในหนังสือเล่มนี้ได้มีการเปิดเผยว่า เธอเคยมีลูกมาแล้ว 1 คนที่ประเทศไทย ซึ่งเธอเล่าว่าตอนนี้ลูกของเธอนั้นอยู่ในช่วงวัยรุ่น กำลังเป็นสาว แต่เธอไม่เคยเจอหน้าลูกเลย เพราะตอนคลอดพ่อของลูก ซึ่งเป็นคนที่มีคนรู้จักมากมายมีการ์ดคอยคุ้มครอง มาพรากตัวลูกไป แต่สักวันหนึ่งเธออยากเจอหน้าลูกอีกสักครั้ง แต่ล่าสุดทราบมาว่าลูกมีชีวิตที่ดี ได้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ สำหรับเรื่องนี้เราถือว่าเป็นเรื่องที่เราพลาดพลั้ง อาจเป็นเพราะเราเป็นคนโดนหลอกง่ายและด้วยวัยที่ต่างกันกับพ่อของลูกด้วย
ยุ้ย รจนา บอกว่า ที่เธอมาเร่ร่อนอยู่ป้ายรถเมล์จนเป็นข่าวครึกโครมนั้น เป็นเพราะว่าญาติพี่น้องทุกคนของเธอต่างมีครอบครัวเป็นของตัวเองกันหมดแล้ว เราไม่มีแม้แต่เงินแต่เขาก็ไม่ให้เราอยู่ แต่น้องสาวก็ได้ให้เงินมา 2,000 บาท เราก็นั่งรถแท็กซี่ไป ในใจคิดว่าเราจะไปบวชที่วัดธรรมกายแต่สุดท้ายก็ไม่ได้บวช จึงไปตระเวนหาวัดหลาย ๆ ที่ จนสุดท้ายไม่รู้จะไปนอนที่ไหนเลยมานอนที่ปั้มน้ำมัน คืนนั้นอาการกำเริบเรามีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน นอนด้วยความหวาดผวา และไม่มีใครจำได้ว่าเราเป็นใคร เดินถือลังใส่เสื้อผ้าเดินไปเรื่อย ๆ น้ำก็ไม่ได้อาบ 2 อาทิตย์ คิดอย่างเดียวว่าจะไปบวช โดยเธอเพิ่งรู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคนี้ ตอนที่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นตั้งแต่สมัยที่เธอเคยใช้สารเสพติดโคเคนที่ต่างประเทศ
เมื่อถามเรื่องการกลับเข้าวงการเธอก็ตอบว่า เอเจนซี่ที่ประเทศอังกฤษเขาติดต่อมาเพื่อจะให้เราไปรักษาตัวที่ต่างประเทศและกลับไปทำงานที่อังกฤษอีกครั้ง แต่ต้องห้ามยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด บุหรี่ และเหล้า โดยเด็ดขาด และต้องทานยาพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในตอนนี้มีผู้คอยช่วยเหลือหลายคนและเธอก็ไม่อยากจะทำให้ทุกคนผิดหวัง โดยมีความมุ่งหวังในชีวิตตอนนี้ว่าไม่จำเป็นต้องอยู่เบื้องหน้า แต่ทำงานเบื้องหลังก็ได้ ขอแค่ให้ชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่งมีคุณค่า
สุดท้ายอยากฝากถึงลูกของตนว่า อยากจะให้เขาเป็นคนดีเป็นเด็กดี อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งไม่ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่ไหน อยู่กับใครก็อยากจะขอให้ดูแลเขา ให้รักเขามาก ๆ รักให้มากเท่าคนเป็นแม่อย่างเธอ
***********************
***********************
***********************
***********************
แค่อยากจะบอกว่าคุณมีชีวิตใหม่เพราะมีคนหยิบยื่นโอกาสให้ จงรับโอกาสนั้นเพราะทุกคนไม่ได้มีโอกาสดีๆ ใหม่ๆ เสมอ คิดได้อย่างที่พูดในรายการจะเป็นสิ่งที่ดีมากครับ รักษาไว้ให้ดีนะครับ....โอกาสใหม่