บารมี "หลวงปู่ดู่" ช่วยชีวิตเด็กน้อย/อานิสงส์การสวดบทพระบรมมหาจักรพรรดิ

บารมีหลวงปู่ดู่ช่วยชีวิตเด็กน้อย
***********************
ช่วงที่ 1
--------
เขาเล่าให้ฟังว่าเขาแต่งงานอยู่กินกับภรรยามา12ปีไม่มีบุตร เลยคิดว่าชาตินี้คงไม่มีลูกไว้ดูแลยามแก่เฒ่าจึงหมดหวัง และวันหนึ่งภรรยาได้ไปหาหมอเพราะระยะหลังเธอเมารถ หมอบอกว่าเธอตั้งครรภ์ได้4เดือน ผมดีใจมากภรรยาผมแพ้ท้องมากกว่าคนอื่นในที่สุดก็คลอดลูกเป็นผู้ชายโดยเธอ ต้องแบกท้องอยูสิบเดือนกว่า ผมรับลูกชายและภรรยากลับมาอยู่บ้าน ในวันหนึ่งก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วพูดขึ้นว่าดูหมอไหมครับนาย ผมรีบตอบทันทีว่าไม่ดูครับลุง แต่ไหนๆก็มาแล้วกินน้ำให้หายเหนื่อยก่อน ผมถามลุงมาจากไหน ชายผู้นั้นบอกว่าเขาเป็นคนจรหมอนหมิ่นค่ำไหนนอนนั่น ผมนึกสงสารจึงดูหมอกับแกเลยหันไปถามภรรยาว่าดูอะไรดี ภรรยาว่าดูดวงลูกเราสิ แกบวกเลขอยู่พักใหญ่แล้วพูดด้วยเสียงที่หนักแน่นว่า ลูกของนายคงอยู่กับนายได้ไม่นานไม่ถึง2ฝนจะต้องตกน้ำเป็นตายร้ายดียังบอกไม่ ได้ แต่ถ้ารอดไปได้ฝนที่5จะต้องถูกสัตว์ร้ายด้วยเขี้ยวงา ตายหรือเป็นฟ้าดินกำหนดแต่ถ้ายังไม่วายชีวา ฝน7จะต้องอาวุธร้ายเป็นตายกำหนดยาก ถ้ารอดไปได้ถึงฝนเก้าเทวดาก็ช่วยยาก

ชายชราพูดต่อว่าที่ผมบอกนายเป็นแต่ตอนร้ายหน่อย แต่ยังมีอีกมากถ้าบอกไปกลัวนายจะใจเสียผมจึงไม่กล้าบอกนายครับ ผมพูดขึ้นอย่างไม่พอใจลุงเอาอะไรมาพูดตำราของลุงเดาเอาหรือเปล่า ท่าทางแกโมโหเหมือนกันแกพูดว่าถ้านายด่าหรือดูถูกผมไม่ว่ากัน นี่นายดูถูกตำราผม มันเกินไปผมทนไม่ได้ผมจะบอกให้เอาบุญตำราของผมตระกูลเราหลายชั่วอายุคนไม่ สอนคนนอกตระกูลคนที่จะเรียนได้ต้องเป็นลูกชายเท่านั้น ถ้าดูว่าร้ายก็ต้องร้ายถ้าดูว่าดีก็ต้องดี ดูตายไม่เคยมีใครรอดสักคนเลย แกพูดด้วยท่าทางดุดันและเอาจริง

ผมมองดูแววตาแกมีอำนาจอะไรบางอย่างทำให้ผมขนลุกทั้งตัว ผมรู้สึกเกรงใจในความเอาจริงเอาจังของแกจึงพูดด้วยวาจาที่สุภาพว่า ลุงครับแล้วผมจะทำอย่างไรดีลุงช่วยผมหน่อยน่ะครับ แกมองผมอย่างเห็นใจ"พูดน่าฟังอย่างนี้พอคุยกันได้" ผมจะบอกให้ตำราท่านว่าดวงตกร้ายถึงปานนี้เทวดาช่วยไม่ได้ พระอรหันต์ท่านยังต้องวางเฉย แต่ผู้มีบุญใหญ่ช่วยได้ ผมถาม"ลุงครับผู้มีบุญกว่าพระอรหันต์ ผมจะหาได้ที่ไหนหล่ะ" ชาย ชราตอบว่าเรื่องนี้ผมก็ตอบนายไม่ได้เหมือนกัน ผมพยายามคุยกับแกเพื่อขอคำแนะนำแต่ก็หาทางออกไม่ได้ ผมคุยกับแกอยู่หลายชั่วโมงจนเย็นแล้วแกก็ลาผมจึงส่งเงินให้แกไป100บาท แกร้องโอ้โหตั้ง100หรือครับนายไม่เคยมีใครให้ผมมากเท่านี้เลย ชายชราผู้นั้นเดินออกจากบ้านผมไปไม่ไกลมากนัก แกหันมามองผมกับภรรยาแล้วพูดขึ้นว่า"บุญเป็นของพึ่งได้จริง"

ช่วงที่ 2
--------
แล้วแกก็หันเดินจากไปจนลับสายตา ชายแปลกหน้าจากไปแล้ว ผมก็บอกกับภรรยา "เธออย่าไปฟังหมอดูมากนัก เดี๋ยวจะไม่สบายใจ เขาก็บอกว่า เขาเป็นคนจรหมอนหมิ่น เธออย่าคิดมากนะ โบราณก็เคยบอกคนจรหมอนหมิ่นเชื่อยาก" จากวันนั้นมาลูกชายเราก็ได้สองเดือนเขาเริ่มเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่บ่อย ๆ ผมและภรรยาต้องพาลูกชายเข้าออกคลีนิค-โรงพยาบาลหลายสิบครั้ง

ลูกชายผมได้สองขวบ บ้านเราอยู่ติดกับแม่น้ำป่าสัก วันนั้นก็เหมือนกับทุกวัน ผมและภรรยาออกไปธุระนอกบ้าน น้องสาวผมเลี้ยงลูกของผมอยู่ตามปกติ น้องสาวบอกผมว่า วันนั้นเธอไม่ค่อยสบาย เลยกินยาแก้ไข้ไปสองเม็ดจึงง่วงนอน และหลับไป ตื่นอีกครั้งก็ได้ยินคนตะโกนว่า "เด็กตกน้ำ!" เธอก็วิ่งไปดู มองเห็นหลานนอนอยู่ โดยมีคนสองคนผายปอดให้อยู่ แต่เด็กก็ไม่มีอาการดีขึ้น คนข้างบ้านช่วยกันเอารถไปส่งโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่า เด็กขาดอากาศนานเกินไป หมอไม่แน่ใจว่าจะมีความหวังอยู่เท่าไหร่ อยากให้ญาติทำใจ ลูกผมอยู่ รพ.หลายวัน อาการก็ยังไม่มีทีท่าจะดีขึ้น และอยู่ ๆ วันหนึ่งลูกชายผมก็ฟื้นขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์ ไม่นานก็กลับบ้านได้ ลูกชายผมเกิดเรื่องอีกมากมายหลายอย่าง จนน่าเป็นห่วงว่าชีวิตของเขาจะรอดไปได้หรือไม่

ในปีที่เขาอายุครบห้าขวบ ขณะเท่ากับห้าฝนพอดี ตอนนี้เขาเข้าโรงเรียนแล้ว วันนี้ที่เขาและเพื่อน ๆ วิ่งเล่นกันอยู่ในสนามของโรงเรียน มีหมาตัวหนึ่งวิ่งตรงมากัดลูกชายผม จนเป้นแผลลึกและใหญ่ถึงสี่เขี้ยว ทั้ง ๆ ที่มีเด็กตั้งมากมายวิ่งเล่นกันอยุ่แต่หมาตัวนั้นกลับไม่สนใจเด็กคนอื่น กัดเฉพาะลูกชายของผมเพียงคนเดียว แล้วมันก็วิ่งจากไป เรารักษาเขาตามประสาแบบชาวบ้าน ผู้เฒ่าของชาวบ้านที่คนทั่วไปนับถือวาแกมีวิชาต่าง ๆ เช่น สูณฝี กวาดยา พ่นลมพิษ งูสวัต และรักษาได้อีกหลายอย่างตามแบบอย่างหมอประจำหมู่บ้านทั่วไป ผมพาลูกชายไปหาปู่ใหญ่ แกก็นำว่านยาหลายชนิดมาบดแล้วปิดแปลให้แกบอกว่า "ไอ้หนูไม่เป็นอะไร แล้วมาหาปู่ เปลี่ยนยาสามวันก็หาย" ผมถามปู่ใหญ่ว่า "คืนนี้ลูกผมจะปวดแผลหรือครับ" แกบอกว่า "รักษามามากไม่เคยมีคนมาบอกว่าปวดเลยสักคน ว่านยาที่ใส่ให้แก้ได้ทั้งพิษงูและพิษสัตว์ร้ายต่าง ๆ เอ็งไม่ต้องห่วงหรอกไอ้หนู" ผมพาลูกชายไปให้แกเปลี่ยนว่านยาทุกวัน จนครบสามวัน แต่พอถึงวันที่สี่ลูกชายผมก็มีอาการหนัก ผมตกใจทำอะไรไม่ถูก สิ่งเดียวที่คิดได้คือพาลูกชายไป รพ. พอถึงมือหมอทั้งหมอและพยาบาลวิ่งวุ่นไปหมด หมอบอกว่า อาการน่าเป็นห่วงสงสัยหมาที่กัดเขาคงเป็นหมาบ้า ผมได้ยินคำว่าหมาบ้าผมนึกไม่ถึงว่าลูกชายจะโชคร้ายถึงปานนี้ วันนี้ผมเฝ้าลูกชายอยู่ที่ รพ.ทั้งคืน ประมาณตีห้าผมก็เผลอหลับไป และก็มีนางพยาบาลคนหนึ่งมาปลุกผมบอกว่า "กลับบ้านไปก่อนค่ะ ทางเราต้องเอาตัวเด็กไว้ก่อน ตอนนี้เด็กอยู่ในห้องไอซียู"

ผมกลับบ้านอย่างหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีความหวังอะไรมากนัก เพราะผมเห็นอาการลูกชายขนาดนั้น คนเป็นพ่อยังคิดว่าจะรอดยาก อาการของเขาน่ากลัวตอนที่เขาชักจนตาค้างแล้วแน่นิ่งไป เป็นภาพที่ติดตาผมเวลานอนภาพนั้นจะปรากฏอยู่เสมอ ทำให้ผมข่มตานอนไม่ลงผมไป รพ.ทุกวัน เฝ้าเขาจนมืดหรือบางวันก็ดึก ถึงจะกลับบ้าน ผมนอนไม่กี่ชั่วโมงก็รีบตื่นแต่เช้าไปรพ.ผมทำอยู่อย่างนี้ถึงแปดวัน

ในวันที่ เก้าคุณหมอก็บอกว่า "เด็กพ้นขีดอันตรายแล้ว ผมดีใจกับคุณด้วยปาฏิหาริย์จริง ๆ" คุณหมอพูดแล้วเดินจากไป ส่วนผมยืนน้ำตาซึมและไหลออกมาจนเปียกแก้มสองข้าง ตอนนั้นผมรู้สึกว่าชีวิตครึ่งหนึ่งที่หายไปของผมได้กลับคืนมาอีกครั้ง เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียวของผม ภรรยาและผมก็หวังจะฝากผีฝากไข้กับเขา ตอนไม่มีเขาเราสองคนก็ทำใจไว้แล้ว ว่าคงต้องอยู่กันตามลำพังไปจนเฒ่า และตายอย่างไม่มีผู้สืบสกุล แต่พอมีเขาความหวังเของเราก็เปลี่ยนไปจากคนสิ้นหวัง เป็นคนมีความหวัง ภรรยาของผมเป็นคนใจอ่อน จึงไม่กล้ามา รพ.ดูอาการลูกชาย คอยแต่ฟังข่าวเล่าที่ผมกลับบ้าน ผมก็ไม่กล้าเสี่ยงให้เธอไป รพ.ผมกลัวเธอเห็นลูกชายเป็นอะไรไปแล้วเธอจะช็อก ผมไม่อยากเสียทั้งลูกชายและภรรยา วันนั้นพอผมได้ข่าวดีจากคุณหมอ ผมรีบกล้บบ้านไปบอกข่าวดีกับภรรยา พอภรรยาของผมเธอรู้ว่าลูกรอดตายแล้ว เธอดีใจจนน้ำตาออกมาแล้วเธอก็กอดผม และพูดว่า “ลูกเราไม่จากเราไปแล้วพี่”

ช่วงที่ 3
--------
นับจากวันนั้นหวนคิดไปถึงคำพูดของคนจรหมอนหมิ่นหมอดูชรา ที่แกบอกว่า ฝนสองจะต้องตกน้ำ พอลูกผมอายุได้สองขวบเขาก็ตกน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และแกบอกต่อว่าถ้ารอดไปได้ฝนห้าจะต้องถูกสัตว์ร้ายด้วยเขี้ยวงา ลูกผมครบห้าขวบก็ถูกหมาบ้ากัด พึ่งรอดมาได้ แกยังพูดอีกว่า ฝนเจ็ดจะต้องถูกอาวุธร้าย เป็นตายกำหนดยาก คำพูดของแกไม่เคยผิดเลยสักครั้งแล้วครั้งที่สามจะเป็นอย่างไร ทำให้ผมและภรรยาเกิดความกลัวถึงชะตากรรมของลูกชายเราทั้งสอง ว่าต่อไปจะดีร้ายอย่างไร

คนแก่แถวบ้านผมบอกว่าลูกของเอ็งเป็นอย่างนี้โบราณเคราะห์ ร้ายดวงตก ต้องพาไปทำสังฆทานต่ออายุถึงจะดี แกบอกว่าเรื่องอย่างนี้ ถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ดังนั้นวันต่อมาผมและภรรยา ก็พาลูกชายตะเวนไปทำสังฆทาน บางวัดท่านก็อาบน้ำมนต์ให้ บางที่ก็ให้นอนแล้วเอาผ้าขาวมาคลุมแล้วบังสุกุล บางวัดก็ให้ลูกผมลงไปนอนในโลงศพ แล้วสวดมนต์หลายบทเป็นการต่อชะตาต่ออายุ เมื่อผมมีเวลาว่างใครบอกว่าวัดไหนดีที่ไหนคนเขาไปทำมาแล้วดีหายเจ็บไข้ ดวงไม่ดีก็ดีในเดือน ๆ อย่างน้อยก็เดือนละสองครั้งแต่ถ้าเดือนไหนผมว่าง ก็เดือนละสี่ถึงห้าครั้งเป็นอย่างน้อย ผมทำอย่างนี้มาเป็นเวลาเกือบสองปี ด้วยความหวังว่า ทำบุญมาก ๆ ชะตากรรมของลูกชายผมจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี

แต่พอเขาอายุได้เจ็ดขวบ วัดข้างบ้านผมจัดงานประจำปี มีการละเล่นมากมายหลายอย่าง เช่น หนัง-ลิเก-วงดนตรี ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน และของขายอีกมากลูกชายผมและเด็กข้างบ้านหลายคน ทั้งที่เล็กกว่าเขาบ้างก็มีอายุมากกว่าเป็นรุ่นพี่หลายคนพากันไปเที่ยวงาน วัดตามปกติ เวลาผ่านไปสักสองทุ่มเห็นจะได้ คนข้างบ้านก็วิ่งมาบอกว่า "พี่..ลูกพี่ถูกยิง!" ผมพูดตอบเขาไปว่า "เป็นไปได้ยังไง ลูกผมเพิ่งเจ็ดขวบจะไปมีเรื่องถึงขนาดถูกยิง มาบอกบ้านผิดหรือเปล่า" เขารีบเถียงว่า "ไม่ผิดหรอก พี่รีบไปดูลูกของพี่เถอะ เลือดท่วมตัวเลย" เมื่อเขายืนยันอย่างนั้น ผมก็รีบวิ่งไปที่งานวัด สิ่งที่ผมเห็นมีคนกลุ่มใหญ่มุงดูอะไรบางอย่าง ผมวิ่งแหวกฝูงคนเข้าไป ก็เห็นลูกชายของผมเลือดเต็มตัวไปหมดมีรถคันหนึ่งวิ่งมาจอดใกล้ ๆ และมีคนตะโกนว่า "เอาเด็กขึ้นรถเร็ว" ผมไม่รอให้เขาบอกเป็นครั้งที่สอง ผมรีบอุ้มลูกขึ้นรถและก็กอดลูกชายไปตลอดทาง

พอถึงโรงพยาบาล ผมอุ้มลูกลงจากรถและก็วิ่งเข้า ปากก็ร้องตะโกนว่า “หมอช่วยลูกผมด้วย” ผมร้องซ้ำ ๆ อย่างนั้นตลอดทางจนถึงห้องไอซียู มีหมอและพยาบาลสามสี่คนวิ่งออกมารับ เขานำลูกผมเข้าห้องผ่าตัด พอผมจะไปดูลูกอย่างใกล้ชิด จะเข้าเขตประตูห้องผ่าตัด พยายาลคนหนึ่งร้องบอกว่า “คุณคะเข้าไปไม่ได้ รออยู่ข้างนอกก่อน” เป็นอันว่าผมต้องรออยู่ข้างนอก ผมเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดไม่รู้ว่ากี่ชั่วโมง ตัวเองเดินวนไปมากี่รอบ นานจนผมคิดว่าผมไม่เคยรออะไรนานขนาดนี้เลย

ในที่สุดคุณหมอก็ออกมาบอกว่าหมอได้ผ่าเอากระสุนออกจากตัวเด็กแล้ว เขาถูกยิงถึงสามนัด ตอนนี้ยังไม่ได้สติหมอยังบอกอะไรคุณๆไม่ได้มากกว่านี้ คืนนั้นผมอยู่ที่รพ.ถึงเช้า ทั้ง ๆ ที่เสื้อผ้าของผมมีแต่เลือดของลูกชายแดงเต็มอกเสื้อ พอตอนเช้าเพื่อนของผมรู้ข่าวก็พากันมาเยี่ยมกันหลายคน มีเพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งเขาบอกว่าเด็กวัยรุ่นมีเรื่องกัน ชกต่อยกันจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ขณะกำลังชุลมุนกันอยู่ก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด วัยรุ่นต่างแตกกระจายวิ่งกันไปคนละทิศคนละทาง หันมาเห็นอีกทีลูกของผมก็นอนอยู่ที่พื้น ผมพูดกับเพื่อนว่า “พวกมันมีเรื่องกันต่อยกันและก็ยิงปืนใส่กันพวกมันไม่เป็นอะไร แต่ลูกกูไม่ได้มีเรื่องแต่กลับถูกลูกปืนกูไม่เข้าใจจริงๆ" ลูกของผมนอนอยู่ รพ.หลายวันคุณหมอก็บอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องอยู่ รพ.เดือนกับห้าวันจึงกลับบ้านได้
เขากลับมาอยู่กันอีกครั้ง ผมและภรรยายิ่งให้ความรักและความห่วงใยเขามากกว่าเก่า ภรรยาของผมพูดกับผมว่า "ลุง หมอดูบอกว่าลูกเราเจ็ดฝนจะถูกอาวุธร้ายนี่พอเขาเจ็ดขวบลูกเราก็ถูกยิงแต่ ครั้งนี้ลูกเรารอดมาได้ ก็เพราะอาจเป็นบุญที่เราพาเขาทำมาตลอด แต่ครั้งหน้าลูกเราคงไม่รอดหรอกพี่ เพราะหมอดูเฒ่าแกบอกว่าฝนเก้าเทวดาก็ช่วยไม่ได้" ผมปลอบใจภรรยาว่า "แกอาจดูไม่ถูกก็ได้" เธอเถียงทันที "พี่ก็บอกอย่างนี้ทุกทีแล้วเป็นไง ลุงหมอดูแกพูดอย่งไรไม่เคยผิดเลยสักครั้ง” ผมจนด้วยเหตุผลเลยเถียงเธอไม่ขึ้น เพราะสิ่งที่เธอพูดเป็นจริงทุกอย่าง ผมเริ่มคิดหนักว่าลูกจะไม่มีชีวิตอยู่กับเราไม่นานเท่าไร แต่ไม่กล้าบอกภรรยา ได้แต่พาลูกชายไปทำบุญให้ได้มากที่สุด เพราะผมเชื่อว่า บุญเท่านั้นที่จะติดตามเหมือนเงาตามตัวเขาไปได้ นอกจากบุญคงไม่มีอะไรช่วยเขาได้เลย ผมยังจำได้ก่อนหมอดูชราจะจากไป แกหันมาพูดว่า “บุญเป็นของพึ่งได้จริง”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่