สมมติว่า ..
.
คุณมีเพื่อนอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งร่วมกันทำกิจกรรมทุกวันหรือทุกสัปดาห์ (เป็นกิจวัตร)
หลังทำกิจกรรมก็จะมีการสังสรรค์ ตามร้านอาหารเป็นประจำ (เพื่อนบางคนไปประจำ แต่เพื่อนบางคนก็ไม่เข้าร่วมเลย เพราะอะไรอยู่ตอนท้าย)
.
แล้วทีนี้คุณอยู่ในกลุ่มที่ไปสังสรรค์ประจำ
หลังจากเข้าร่วมสังสรรค์บ่อยครั้ง คุณก็พบว่ามีการเอาเปรียบเล็กๆน้อยๆ เวลาทานอาหาร
.
อาทิเช่น..
คุณเป็นคนไม่ดื่มเหล้าเบียร์ แต่เพื่อนในกลุ่มบางคนชอบเป็นชีวิตจิตใจ
สั่งเหล้าเบียร์มาดื่มกินอย่างสนุกสนาน ทำให้ค่าอาหารสูงจนน่าตกใจ ซึ่งแน่นอนเวลาจ่ายหารเท่ากันตลอด
.
หรือ สังสรรค์แบบหมุนเวียนกันเป็นเจ้ามือ เวลาไปร้านอาหารราคาถูก จะมีเพื่อนคนหนึ่งออกหน้าชิงเป็นเจ้ามือเสมอ
พอมื้อถัดไป เป็นร้านอาหารราคาสูง เพื่อนคนอื่นๆหรือคุณต้องรับเป็นเจ้ามือสลับกันไป
แล้วเพื่อนคนนั้นก็ทำเป็นประจำ ชิงเป็นเจ้ามือเสมอยามไปร้านอาหารราคาถูก
.
คุณก็พอจะรู้แล้วว่าทำไมเพื่อนบางคนที่ร่วมกิจกรรม ถึงไม่ยอมมาร่วมสังสรรค์
เป็นคุณจะถอนตัวขอทำกิจกรรมอย่างเดียว หรือทำเฉยเข้าร่วมสังสรรค์ต่อ ..
ถ้าคุณรู้สึกว่าถูกเพื่อนเอาเปรียบ คุณจะถอยห่างหรือทำเฉย ..
.
คุณมีเพื่อนอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งร่วมกันทำกิจกรรมทุกวันหรือทุกสัปดาห์ (เป็นกิจวัตร)
หลังทำกิจกรรมก็จะมีการสังสรรค์ ตามร้านอาหารเป็นประจำ (เพื่อนบางคนไปประจำ แต่เพื่อนบางคนก็ไม่เข้าร่วมเลย เพราะอะไรอยู่ตอนท้าย)
.
แล้วทีนี้คุณอยู่ในกลุ่มที่ไปสังสรรค์ประจำ
หลังจากเข้าร่วมสังสรรค์บ่อยครั้ง คุณก็พบว่ามีการเอาเปรียบเล็กๆน้อยๆ เวลาทานอาหาร
.
อาทิเช่น..
คุณเป็นคนไม่ดื่มเหล้าเบียร์ แต่เพื่อนในกลุ่มบางคนชอบเป็นชีวิตจิตใจ
สั่งเหล้าเบียร์มาดื่มกินอย่างสนุกสนาน ทำให้ค่าอาหารสูงจนน่าตกใจ ซึ่งแน่นอนเวลาจ่ายหารเท่ากันตลอด
.
หรือ สังสรรค์แบบหมุนเวียนกันเป็นเจ้ามือ เวลาไปร้านอาหารราคาถูก จะมีเพื่อนคนหนึ่งออกหน้าชิงเป็นเจ้ามือเสมอ
พอมื้อถัดไป เป็นร้านอาหารราคาสูง เพื่อนคนอื่นๆหรือคุณต้องรับเป็นเจ้ามือสลับกันไป
แล้วเพื่อนคนนั้นก็ทำเป็นประจำ ชิงเป็นเจ้ามือเสมอยามไปร้านอาหารราคาถูก
.
คุณก็พอจะรู้แล้วว่าทำไมเพื่อนบางคนที่ร่วมกิจกรรม ถึงไม่ยอมมาร่วมสังสรรค์
เป็นคุณจะถอนตัวขอทำกิจกรรมอย่างเดียว หรือทำเฉยเข้าร่วมสังสรรค์ต่อ ..