‘ทะเลบัวแดง : สถาปัตยกรรมของจักรวาล’
โดย > นายพงศธร ธิติศรัณย์
1.
“They are only 2 subjects in this world
Things created by the universe
And things created by human”
ประโยคคำพูดด้านบนนั้น ผมนำมาจากหนังสือของ ‘พี่จิก’ ประภาส ชลศรานนท์ เฉลยคำถามของเรื่องราวที่ควรรู้ แต่เราอาจหลงลืมมันไป นำมาแปลไทยให้ดูกันอีกรอบครับ
วิชาบนโลกของเรา ถ้าจะดูกันจริงๆ มันมีอยู่แค่ 2 วิชาเท่านั้น
นั่นคือ วิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่จักรวาลสร้าง
และ วิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่มนุษย์สร้าง
2.
หากมองให้ลึกลงไปอีกก็จะเห็นว่า ก่อนจะมีสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น จักรวาลก็ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาก่อนหน้านั้น ซึ่งคำว่าจักรวาล อาจเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า ‘ธรรมชาติ’
ใช่, สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้น ทั้งสิ้นล้วนแล้วแต่เป็นรูปทรงที่กำเนิดมาจากเรขาคณิต ไม่ว่าจะเป็นสองมิติ หรือสามมิติ แต่สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น เป็นรูปทรงที่ไร้ระเบียบแบบแผนในการก่อสร้าง ไม่มีการวัดเปอร์สเปคทีฟ (Perspective) ทางวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ ไม่มีการร่างแบบลงบนพิมพ์เขียวใดๆก่อนลงมือเริ่มต้น
ทว่า กลับสวยงาม และตรึงใจกว่า
3.
ใช่หรือไม่ว่า ทุกๆวันสายตาของคนในเมืองหลวง น้อยครั้งที่จะสามารถโดดเด้งออกนอกเส้นทางจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น นอกจากต้นไม้และสรรพสัตว์แล้ว เราก็ถูกบังคับให้มองทุกอย่างที่เป็นรูปทรงเรขาคณิตด้วยกันทั้งสิ้น
นั่นจึงทำให้ผมค้นหาสถานที่ที่แปลกตาออกไป สถานที่ที่คงอยู่ในเส้นรอบวงที่ธรรมชาติก่อสร้างขึ้น สถานที่ที่มหัศจรรย์จนสามารถเรียกได้ว่า ‘ปรากฎการณ์’ สถานที่ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นที่สองของทะเลสาบที่แปลกที่สุดในโลกรองจากทะเลสาบแมงกระพรุนไร้พิษ สาธารณรัฐปาเลา
ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นและมีอยู่ในประเทศไทย
‘ทะเลบัวแดง’ อำเภอกุมภวาปี
จังหวัดอุดรธานี
4.
ผมลืมตาขึ้นในความมืด มือคลำหาสวิชต์ไฟ
ห้วงนึกสุดท้ายก่อนหลับตาลงเมื่อหกชั่วโมงที่แล้ว จำได้ว่าร่างกายเอนตัวลงนอนในห้องพักที่อำเภอกุมภวาปี หลังจากควบรถมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามาจากในตัวเมืองอุดรธานี ด้วยความต้องการที่จะไปให้ถึงทะเลบัวแดงตั้งแต่เช้ามืด จึงจำเป็นที่จะต้องขยับให้เข้ามาใกล้มากที่สุด และพยายามตื่นให้เช้าที่สุด
ผมกดเปิดสวิชต์ไฟในเวลาตีห้าตรง หลอดฟลูออเรสเซนต์บนเพดานส่องสว่างขึ้นมาอย่างซื่อสัตย์
รวบรวมสัมภาระที่กระจัดกระจายยัดลงใส่กระเป๋า จับเขย่าลงพื้นสองสามที รูดซิปปิดจนสนิท แบกไปวางตรงที่วางเท้าของรถมอเตอร์ไซค์ออโตเมติก และบิดคันเร่งผ่านเส้นทางมุ่งสู่ ‘ทะเลบัวแดง’
ในอีกสิบกิโลเมตรข้างหน้า
ท้องฟ้าดำมืด แสงอาทิตย์ยังไม่ตอกบัตรเข้าทำงาน อุณหภูมิหนาวพอเท่าที่เสื้อกันหนาวหนึ่งตัวจะเอาอยู่ แต่หากการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วในระยะทางที่ยาวเหยียดไม่อนุญาตให้ความอบอุ่นฝังลึกอยู่ภายในเสื้อ แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคกับภาพในสมองตอนนี้
เข็มนาฬิกาขยับ แสงจากเสาไฟสองข้างถนนวิ่งผ่านไปด้านหลัง ตามรายทางมีป้ายขนาดมองเห็นได้ในระยะไกลปักแซมไว้ตลอดทาง ข้อความบนป้ายเขียนไว้เหมือนกันว่า
“ทะเลบัวแดง ตำบลแชแล ทะเลสาบที่สวยงามเป็นอันดับ 2 ของโลก”
5.
สองล้อหมุนมาจนถึงทางปากทางเข้า
ทีแรกผมแปลกใจเพราะเป็นทางเข้าของหมู่บ้านหนองแวงใหญ่ แต่เมื่อมองไปเห็นป้ายที่วางไว้ด้านข้างก็ทำให้อุ่นใจว่ามาไม่ผิดเส้นทาง เพราะเพียงดิ่งลึกเข้าไปในซอยอีก 2 กิโลเมตร ก็จะเข้าไปถึงจุดหมายของการเดินทางครั้งนี้
หมู่บ้านในตอนเช้าดูสงบ เชื่องช้า ไม่มีสีหน้าแปลกใจของชาวบ้านที่มีต่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา อาจเพราะรู้ว่าทะเลบัวแดงโด่งดังและน่าดึงดูดแค่ไหน
ผมเตะขาตั้งจอดรถ เดินไปดูแผนที่การเข้าชมทะเลบัวแดง และข้อปฏิบัติของนักท่องเที่ยว หลังป้ายผืนนั้นมีเรือลำน้อยใหญ่จอดเทียบท่าต้อนรับนักท่องเที่ยว ทุกลำมีป้ายหมายเลขติดไว้เพื่อแสดงลำดับในการให้บริการ
ถัดไปซ้ายมือเป็นจุดจำหน่ายตั๋วเช่าเรือรายชั่วโมง ลำเล็กราคาสามร้อยบาท ลำใหญ่ราคาห้าร้อยบาท แตกต่างกันที่ความจุของผู้โดยสาร แต่ความจุของเวลาต่อครั้งเท่ากันคือหนึ่งชั่วโมง บวกลบได้ตามจำนวนความเร่งรีบของผู้เข้าคิวที่ต่อหลังเรา และอัตราความช้าเร็วของหัวใจผู้บังคับเรือ
เช้านี้ หากไม่ผิดนักผมมาเป็นคนแรกๆ และยังไม่มีทีท่าของผู้เข้าคิวคนอื่น จึงไม่น่าห่วงกับความเร่งรีบ
6.
เรือลำเล็กนั่งได้ไม่เกินสี่คน แต่ผมมาคนเดียวจึงไม่มีใครร่วมแชร์ค่าโดยสาร
ผมยื่นธนบัตรสีแดงจำนวนสามใบ แลกกับใบเบิกทางก้าวเท้าขึ้นเรือเพื่อเปิดทางให้ผมได้เอาชนะอำนาจของผืนน้ำ การจะเห็นบัวแดงที่ผุดขึ้นมาเหนือน้ำในจำนวนมหาศาลนั้น ต้องล่องเรือออกจากฝั่งไปในระยะทางที่ผู้บังคับเรือรู้เส้นทาง เป็นเส้นทางที่ถูกกำหนดขึ้นมาสำหรับพานักท่องเที่ยวเข้าไปชมใน ‘สาม’ สถานที่ด้วยกัน
หนึ่ง ทะเลบัวแดง
สอง ขึ้นโป๊ะที่จัดไว้ให้
และสาม ชมวัดกลางน้ำ
ผมได้รู้ข้อมูลคร่าวๆก่อนที่จะลงเรือ ผู้บังคับเรือของผมเป็นคุณลุงผิวคล้ำเหมือนชาวเล สวมหมวกฟาง ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีส้มแสบตา เดาเอาเองว่าหากเกิดเหตุร้ายทางน้ำขึ้น สีสันของเสื้อก็จะทำหน้าที่เป็นตัวดึงดูดสายตาของคนช่วยเหลือ ผมไม่รอช้ารีบสวมเสื้อชูชีพสีไม่ต่างจากเสื้อคุณลุง รัดจนแน่นลำตัว ลุงใช้ไม้ยาวเขี่ยใต้ผืนน้ำสองสามที
เรือเล็กเริ่มออกจากฝั่ง
> จบส่วนแรก รอต่อส่วนสองครับ ; ))
[CR] บันทึกการเดินทาง ‘ทะเลบัวแดง : สถาปัตยกรรมของจักรวาล’
โดย > นายพงศธร ธิติศรัณย์
1.
Things created by the universe
And things created by human”
ประโยคคำพูดด้านบนนั้น ผมนำมาจากหนังสือของ ‘พี่จิก’ ประภาส ชลศรานนท์ เฉลยคำถามของเรื่องราวที่ควรรู้ แต่เราอาจหลงลืมมันไป นำมาแปลไทยให้ดูกันอีกรอบครับ
นั่นคือ วิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่จักรวาลสร้าง
และ วิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่มนุษย์สร้าง
2.
หากมองให้ลึกลงไปอีกก็จะเห็นว่า ก่อนจะมีสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น จักรวาลก็ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาก่อนหน้านั้น ซึ่งคำว่าจักรวาล อาจเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า ‘ธรรมชาติ’
ใช่, สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้น ทั้งสิ้นล้วนแล้วแต่เป็นรูปทรงที่กำเนิดมาจากเรขาคณิต ไม่ว่าจะเป็นสองมิติ หรือสามมิติ แต่สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น เป็นรูปทรงที่ไร้ระเบียบแบบแผนในการก่อสร้าง ไม่มีการวัดเปอร์สเปคทีฟ (Perspective) ทางวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ ไม่มีการร่างแบบลงบนพิมพ์เขียวใดๆก่อนลงมือเริ่มต้น
ทว่า กลับสวยงาม และตรึงใจกว่า
3.
ใช่หรือไม่ว่า ทุกๆวันสายตาของคนในเมืองหลวง น้อยครั้งที่จะสามารถโดดเด้งออกนอกเส้นทางจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น นอกจากต้นไม้และสรรพสัตว์แล้ว เราก็ถูกบังคับให้มองทุกอย่างที่เป็นรูปทรงเรขาคณิตด้วยกันทั้งสิ้น
นั่นจึงทำให้ผมค้นหาสถานที่ที่แปลกตาออกไป สถานที่ที่คงอยู่ในเส้นรอบวงที่ธรรมชาติก่อสร้างขึ้น สถานที่ที่มหัศจรรย์จนสามารถเรียกได้ว่า ‘ปรากฎการณ์’ สถานที่ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นที่สองของทะเลสาบที่แปลกที่สุดในโลกรองจากทะเลสาบแมงกระพรุนไร้พิษ สาธารณรัฐปาเลา
ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นและมีอยู่ในประเทศไทย
‘ทะเลบัวแดง’ อำเภอกุมภวาปี
จังหวัดอุดรธานี
4.
ผมลืมตาขึ้นในความมืด มือคลำหาสวิชต์ไฟ
ห้วงนึกสุดท้ายก่อนหลับตาลงเมื่อหกชั่วโมงที่แล้ว จำได้ว่าร่างกายเอนตัวลงนอนในห้องพักที่อำเภอกุมภวาปี หลังจากควบรถมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามาจากในตัวเมืองอุดรธานี ด้วยความต้องการที่จะไปให้ถึงทะเลบัวแดงตั้งแต่เช้ามืด จึงจำเป็นที่จะต้องขยับให้เข้ามาใกล้มากที่สุด และพยายามตื่นให้เช้าที่สุด
ผมกดเปิดสวิชต์ไฟในเวลาตีห้าตรง หลอดฟลูออเรสเซนต์บนเพดานส่องสว่างขึ้นมาอย่างซื่อสัตย์
รวบรวมสัมภาระที่กระจัดกระจายยัดลงใส่กระเป๋า จับเขย่าลงพื้นสองสามที รูดซิปปิดจนสนิท แบกไปวางตรงที่วางเท้าของรถมอเตอร์ไซค์ออโตเมติก และบิดคันเร่งผ่านเส้นทางมุ่งสู่ ‘ทะเลบัวแดง’
ในอีกสิบกิโลเมตรข้างหน้า
ท้องฟ้าดำมืด แสงอาทิตย์ยังไม่ตอกบัตรเข้าทำงาน อุณหภูมิหนาวพอเท่าที่เสื้อกันหนาวหนึ่งตัวจะเอาอยู่ แต่หากการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วในระยะทางที่ยาวเหยียดไม่อนุญาตให้ความอบอุ่นฝังลึกอยู่ภายในเสื้อ แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคกับภาพในสมองตอนนี้
เข็มนาฬิกาขยับ แสงจากเสาไฟสองข้างถนนวิ่งผ่านไปด้านหลัง ตามรายทางมีป้ายขนาดมองเห็นได้ในระยะไกลปักแซมไว้ตลอดทาง ข้อความบนป้ายเขียนไว้เหมือนกันว่า
“ทะเลบัวแดง ตำบลแชแล ทะเลสาบที่สวยงามเป็นอันดับ 2 ของโลก”
5.
สองล้อหมุนมาจนถึงทางปากทางเข้า
ทีแรกผมแปลกใจเพราะเป็นทางเข้าของหมู่บ้านหนองแวงใหญ่ แต่เมื่อมองไปเห็นป้ายที่วางไว้ด้านข้างก็ทำให้อุ่นใจว่ามาไม่ผิดเส้นทาง เพราะเพียงดิ่งลึกเข้าไปในซอยอีก 2 กิโลเมตร ก็จะเข้าไปถึงจุดหมายของการเดินทางครั้งนี้
หมู่บ้านในตอนเช้าดูสงบ เชื่องช้า ไม่มีสีหน้าแปลกใจของชาวบ้านที่มีต่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา อาจเพราะรู้ว่าทะเลบัวแดงโด่งดังและน่าดึงดูดแค่ไหน
ผมเตะขาตั้งจอดรถ เดินไปดูแผนที่การเข้าชมทะเลบัวแดง และข้อปฏิบัติของนักท่องเที่ยว หลังป้ายผืนนั้นมีเรือลำน้อยใหญ่จอดเทียบท่าต้อนรับนักท่องเที่ยว ทุกลำมีป้ายหมายเลขติดไว้เพื่อแสดงลำดับในการให้บริการ
ถัดไปซ้ายมือเป็นจุดจำหน่ายตั๋วเช่าเรือรายชั่วโมง ลำเล็กราคาสามร้อยบาท ลำใหญ่ราคาห้าร้อยบาท แตกต่างกันที่ความจุของผู้โดยสาร แต่ความจุของเวลาต่อครั้งเท่ากันคือหนึ่งชั่วโมง บวกลบได้ตามจำนวนความเร่งรีบของผู้เข้าคิวที่ต่อหลังเรา และอัตราความช้าเร็วของหัวใจผู้บังคับเรือ
เช้านี้ หากไม่ผิดนักผมมาเป็นคนแรกๆ และยังไม่มีทีท่าของผู้เข้าคิวคนอื่น จึงไม่น่าห่วงกับความเร่งรีบ
6.
เรือลำเล็กนั่งได้ไม่เกินสี่คน แต่ผมมาคนเดียวจึงไม่มีใครร่วมแชร์ค่าโดยสาร
ผมยื่นธนบัตรสีแดงจำนวนสามใบ แลกกับใบเบิกทางก้าวเท้าขึ้นเรือเพื่อเปิดทางให้ผมได้เอาชนะอำนาจของผืนน้ำ การจะเห็นบัวแดงที่ผุดขึ้นมาเหนือน้ำในจำนวนมหาศาลนั้น ต้องล่องเรือออกจากฝั่งไปในระยะทางที่ผู้บังคับเรือรู้เส้นทาง เป็นเส้นทางที่ถูกกำหนดขึ้นมาสำหรับพานักท่องเที่ยวเข้าไปชมใน ‘สาม’ สถานที่ด้วยกัน
หนึ่ง ทะเลบัวแดง
สอง ขึ้นโป๊ะที่จัดไว้ให้
และสาม ชมวัดกลางน้ำ
ผมได้รู้ข้อมูลคร่าวๆก่อนที่จะลงเรือ ผู้บังคับเรือของผมเป็นคุณลุงผิวคล้ำเหมือนชาวเล สวมหมวกฟาง ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีส้มแสบตา เดาเอาเองว่าหากเกิดเหตุร้ายทางน้ำขึ้น สีสันของเสื้อก็จะทำหน้าที่เป็นตัวดึงดูดสายตาของคนช่วยเหลือ ผมไม่รอช้ารีบสวมเสื้อชูชีพสีไม่ต่างจากเสื้อคุณลุง รัดจนแน่นลำตัว ลุงใช้ไม้ยาวเขี่ยใต้ผืนน้ำสองสามที
เรือเล็กเริ่มออกจากฝั่ง
> จบส่วนแรก รอต่อส่วนสองครับ ; ))