ทะเลบัวแดง ความงามที่ทำให้สายน้ำเปลี่ยนสี

ฤดูหนาวเป็นฤดูแห่งการบานสะพรั่งของดอกไม้ ดูคล้ายกับว่ามวลดอกไม้ทั้งหลายจะพร้อมใจกันแย้มกลีบเพื่ออวดความสวยงามกันอย่างชื่นมื่น และการชมดอกไม้ก็เป็นความนิยมของนักเดินทาง,นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเพื่อชมความงามของธรรมชาติที่รังสรรค์ให้เกิดความงดงามอย่างมหัศจรรย์ และ”ทะเลบัวแดง”ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ธรรมชาติได้จัดวางความงดงามนั้นไว้เพื่อรอวันที่จะเผยโฉมความงามนั้นให้โลกได้รู้จัก


     


     เมื่อเอ่ยถึง “ทะเลบัวแดง” ในวันนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครไม่รู้จัก ยิ่งการที่สื่อระดับโลกอย่างซีเอ็นเอ็น ได้ยกย่องให้ทะเลบัวแดงเป็นหนึ่งในห้าของทะเลสาบที่สวยและแปลกที่สุดในโลก รวมถึงการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ทั่วประเทศ  ทะเลบัวแดงแห่งหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เนื้อหอมที่สุดในจังหวัดอุดรธานี ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ


    ในฐานะที่เป็นลูกหลานชาวอุดรธานี หากเราไม่ออกเดินทางท่องเที่ยวไปชมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัด ก็เสียชื่อคนอุดรฯ อีกทั้งจะได้แนะนำเพื่อนที่มาจากที่ต่าง ๆ  ให้แวะมาเยี่ยมเยือน  ดูทะเลสาบที่สวยและแปลกตา  เราหาข้อมูลในการเดินทางจากในตัวจังหวัดอุดรธานีไปยังหนองหาน ใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดยขับไปตามทางหลวงหมายเลข 2 (อุดรธานี-กุมภวาปี) ถึงกิโลเมตรที่ 26 เลี้ยวซ้ายแล้วขับรถไปตามเส้นทางห้วยสามพาด-อำเภอประจักษ์ศิลปาคม ประมาณ 18 กิโลเมตร จึงจะถึงยังจุดหมาย และแน่นอนดอกบัวแดง เป็นดอกไม้แห่งรุ่งอรุณ และชอบอากาศเย็น หากไปสายเราก็จะพลาดโอกาสที่จะได้ชมความงามยามดอกบัวบานสะพรั่ง  เราจึงตกลงกันว่า  เราจะออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดจากจังหวัดอุดรธานี



    เส้นทางจากตัวเมืองไปยังทะเลบัวแดง ถือว่าสะดวกสบายมากกว่าเมื่อ  2 ปีที่แล้วที่เคยแวะเวียนเข้ามา  เพียงแต่ว่านักท่องเที่ยวหรือคนที่ยังไม่เคยไปหรือแม้แต่คนที่อาจจะเคยไปมาแล้วแต่คุยเพลิน  อาจจะเลยทางเลี้ยวเข้าทะเลบัวแดงไปได้ เนื่องจากถนนสายที่มีป้ายบอกทางเข้าค่อนข้างมืด  ประกอบกับช่วงเวลาย่ำรุ่ง อาจทำให้ขับรถเลยผ่านไปได้  หากแต่เมื่อเลี้ยวเข้าไปได้แล้ว ก็ขับรถไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ  โดยขับรถเข้าไปประมาณ  18 กิโลเมตร จนพบป้ายบอกทางของตำบลเชียงแหว ให้ขับรถไปเรื่อย ๆ ก็ถึงยัง ทะเลบัวแดง สังเกตได้จากเสียงประกาศและมีร้านค้าต่าง ๆ มากมายอยู่ตรงทางเข้า





    เราจอดรถและไม่รอช้ากองทัพต้องเดินด้วยท้องและคงจะดีไม่น้อย หากในเช้าวันที่อากาศเย็น เราจะได้ทานอะไรร้อน ๆ รองท้องสักเล็กน้อย ก่อนขึ้นเรือ  ทีมของเราจึงไปยืนรอกันอยู่ตรงร้านขายมันเผา  ไอร้อนๆ  กลิ่นหอมๆ ของมันเผา ทำให้เรามีพลังงานและได้เตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนขึ้นเรือ




    ก่อนจะชมความงามของทะเลบัวแดง เราจะต้องไปที่ท่าเพื่อเช่าเรือ เนื่องจากวันที่เราไปเที่ยวเป็นช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ รอบของเรือที่ใช้วิ่งจึงมีให้เลือกเพียงระยะใกล้ เหมาลำละ 300 บาท/45 นาที- 1 ชั่วโมง หากต้องการชมความสวยงามนานกว่านั้นก็เลือกวิ่ง 2 รอบ ก็จะได้ดื่มด่ำบรรยากาศเพิ่มอีกเป็น 2 เท่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่มากันสองคน ก็สามารถเลือกเรือแจวลำเล็ก ๆ ให้คนพายเรือพาเที่ยวชมได้เช่นกัน เนื่องจากทีมของเราเป็นนักถ่ายรูป และอยากจะเก็บภาพของธรรมชาติให้มากที่สุด เราจึงเลือกเหมาแบบระยะวิ่ง 2 รอบในราคา 600 บาท






    เรือของเราค่อยๆ เคลื่อนออกไปจากฝั่ง   คุณลุงคนขับเรือพาเราออกไปดูตามคุ้งน้ำที่ห่างออกจากฝั่งไปเรื่อย ๆ และเราเริ่มเห็นริ้วสีชมพูแดง ๆ และเมื่อเรื่อเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ความงามของธรรมชาติได้หยุดสายตาเราให้สะกดให้เราปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับความงดงามของธรรมชาติที่จัดวางไว้ได้อย่างมหัศจรรย์





    บัวแดง จัดเป็น บัวสายชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นพืชน้ำสายพันธุ์ดั้งเดิมของประเทศไทย มักจะขึ้นตามดิน โคลนที่มีความลึกประมาณ 1-2 เมตร โดยเป็นพืชที่สามารถนำดอก เมล็ด หัว สายบัว มาทำอาหารได้ และยังมีประโยชน์กับร่างกายอีกด้วย เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์  การที่มีบัวแดงนับหมื่นดอกอยู่กลางหนองหาน ถือเป็นความพิเศษและแปลกพิสดารกว่าที่อื่น  เมื่อเรือได้หยุดเครื่องยนต์เพื่อให้เราได้ชมบัว เราจะได้ยินเสียงนกร้อง ได้มองดูฝูงนกบินกลางท้องฟ้า นกเป็ดน้ำ นกกินปลานานาชนิด  กอไม้กลางน้ำ ความสมบรูณ์ของระบบนิเวศน์  ดึงเราให้ออกห่างจากความวุ่นวายของสังคมเมือง  ลืมเสียงเครื่องจักร เครื่องยนต์ เสียงผู้คนเซ็งแซ่ ลืมภาระหน้าที่ การงานที่คั่งค้าง และชื่นชมความงามของสายน้ำสีชมพูแดงได้อย่างนกที่กำลังโบยบิน





    ลุงขับเรือพาเราลัดเลาะไปตามคุ้งน้ำ “เดี๋ยวสิพาไปเบิ่ง ตรงที่มีบัวหลายๆ มันขึ้นเป็นธรรมชาติเด๊ะ บ่ได๋ปลูก” คุณลุงบอกกับเราอย่างเป็นกันเอง และเริ่มออกเรือพาเราออกไปไกลเรื่อย ๆ  หากของโดยรวม เราจะค่อยๆเห็นว่าหนองหานในตอนนี้เต็มไปด้วยสีชมพู   แนวสีชมพูท่ามกลางสายหมอกเป็นความงดงามที่แปลกตา ที่สวยงามเกินอธิบายได้    เสียงรัวชัทเตอร์จากผู้ร่วมเดินทางสองคนในเรือ  ที่รักการถ่ายภาพดังขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุด  ส่วนฉันได้แต่บันทึกความสวยงามนั้นไว้ในใจ  “เหมือนภาพฝัน” ได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้น  





    “สิไปเบิ่งวัดบ่” คุณลุงไถ่ถาม พวกเรารีบพยักหน้าเนื่องจากอยากได้ภาพของวัดท่ามกลางทะเลบัวแดงรับอรุณ  คุณลุงจึงพาเรานั่งเรือผ่านไปชมจุดนั้นด้วย ทราบภายหลังว่าวัดนั้นชื่อวัดดอนหลวง ซึ่งมีท่าให้เรือสามารถจอดพานักท่องเที่ยวเข้าไปกราบสักการะบูชาพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่หันหน้ารับแสงตะวันยามเช้า ซึ่งเป็นภาพที่งดงามยากแก่การบรรยาย






    “ขั่นมาช่วงปีใหม่ บัวสิหลายกว่านี้ บัวมักอากาศเย็นๆ ต้องมาเบิ่งเซ้าๆ หว่างเที่ยงบัวหุบแล้ว” คุณลุงให้รายละเอียดว่า ถ้าเรามาดูบัวแดง เราต้องมาดูช่วงเช้าตั้งแต่ 7-10 โมง ถ้าเกินเวลานี้ดอกบัวก็จะไม่บานสวยแล้ว  คุณลุงช่างพูดช่างคุย นอกจากจะขับเรือแล้วยังทำหน้าที่แนะนำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง  ซึ่งสิ่งที่สัมผัสได้จากการมาเที่ยวทะเลบัวแดงหลายครั้ง ก็พบว่า ผู้คนที่นี่ทุกคนเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี พร้อมที่จะให้ข้อมูลต่างๆ กับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ไม่มีเหน็ดเหนื่อย  เพราะการที่ทะเลบัวแดงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนรู้จักมากขึ้น ก็ถือเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพและทำให้ชาวบ้านมีรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ทำให้คุณภาพชีวิตของคนในชุมชนดีขึ้น




    ช่วงสุดท้ายของการชมทะเลบัวแดง คุณลุงจอดเรือให้เราเข้าไปใกล้ๆ ดอกบัวที่บานสะพรั่งอยู่เต็มสายน้ำ และให้เราได้อ้อยอิ่งกับบรรยากาศให้เต็มที่ ก่อนที่จะกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันแสนวุ่นวาย  หลังจากดื่มด่ำกับการชมนกชมไม้แล้ว  คุณลุงก็ค่อยๆ เปิดเครื่องยนต์ออกเรือ และพาเราเข้าฝั่ง






    ฉันมองย้อนกลับไปที่ภาพของบัวบานสะพรั่ง  นึกถึงคำกล่าวที่ว่า เดินออกไปข้างนอก เพื่อรู้จักโลก และรู้จักตัวเอง  คิดถึงธรรมชาติที่สวยงามที่ให้เราได้อยู่และชื่นชมกับสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น และอยากจะรักษาธรรมชาติเหล่านี้ไว้ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานของเราได้เห็นภาพความสวยงามอย่างที่ฉันเคยได้เห็นได้สัมผัส กับความสวยงามที่ทำให้สายน้ำในวันนี้ เปลี่ยนเป็นสีชมพู ที่ ทะเลบัวแดง


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่