ซีรี่เรื่องเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ปิดคดีไม่ได้มาเป็นช่วงเวลา 17 ปี นำเรื่องหลักโดยนักสืบสองคน Matthew McConaughey และ Woodey Harrelson
การดำเนินเล่าเรื่องในตอนแรกๆของซีรี่ถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆ การตัดสลับเล่าเหตุการณ์ที่ทั้งสองคนถูกสอบปากคำแล้วเล่าย้อนไปเวลาเหตุการณ์จริงในอดีตถือว่าทำได้ประณีตมากๆ ทั้งบทสนทนา การตัดเข้าช่วงเหตุการณ์ที่จะเล่า จังหวะผ่อนหนักผ่อนเบาของการดำเนินเรื่องถือว่ายอดเยี่ยมจริงๆ ทำให้เนื้อเรื่องดูเข้มข้น และน่าติดตาม
ถ้าจะว่าไปหนังเรื่องนี้เดินหน้าด้วยตัวละคร Rust (McConaughey) เป็นหลัก เพราะพี่แกเป็นคนดูบุคลิกมุ่งมั่น จะแก้ไขปมปริศนาให้ได้อยู่ตลอด ระหว่างการดำเนินเรื่องหนังก็ให้ตัวละคร Rust คอยพูดคำปรัชญาที่คอยเสียดสีความโหดร้ายของโลกมนุษย์ในปัจจุบันอยู่เรื่อยๆ ส่วนบทของ Marty (Harrelson) ที่ค่อนข้างบุคลิกแตกต่างไปจาก Rust มาก ก็มีแทรกเสริมอยู่เรื่อยๆ คอยเติมเต็มไม่ให้เรื่องดูเน้นหนักไปในโทนเดียวจนเกินไป ส่วนตัวมองว่าเป็นบทที่เชิงสมทบซะมากกว่า แต่ก็มีหลายตอนที่พูดถึงประเด็นของแกเยอะอยู่พอสมควร
โดยรวมคงต้องกล่าวว่าทั้งสองคนแสดงออกมาได้ดีเลยทีเดียว ส่วนบทสมทบอื่นๆก็ทำได้ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น แต่น่าเสียดายที่รู้สึกว่าครึ่งหลังของซีซั่นที่จะนำไปสู่จุดจบนั้นมีความวูบวาบในการเล่าเรื่องลดลง เพราะต้องไปเน้นหนักในเรื่องการไขปริศนามากยิ่งขึ้น แต่ความเห็นส่วนตัวคิดว่าช่วงหลังที่เป็นจุดที่คอยอธิบายปมหลังของตัวละครนั้นทำออกมาได้ดีแต่ยังไม่หนักแน่นมากนัก เมื่อประกอบกับความตื่นเต้นในการเล่าเรื่องที่ลดลง ทำให้รู้สึกครึ่งหลังของซีซั่นดรอปลงไปหน่อย
อย่างไรก็ตามโดยรวมก็ยังถือว่าเป็นซีรี่ที่ดูสนุก น่าติดตาม คุ้มค่าที่ได้เสียเวลาในการรับชม และมีฉากที่คอยกดดันอารมณ์คนดูได้อยู่เรื่อยๆ
ชอบครับ
8/10
[CR] [Review] True Detective: Season 1 (2014)
การดำเนินเล่าเรื่องในตอนแรกๆของซีรี่ถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆ การตัดสลับเล่าเหตุการณ์ที่ทั้งสองคนถูกสอบปากคำแล้วเล่าย้อนไปเวลาเหตุการณ์จริงในอดีตถือว่าทำได้ประณีตมากๆ ทั้งบทสนทนา การตัดเข้าช่วงเหตุการณ์ที่จะเล่า จังหวะผ่อนหนักผ่อนเบาของการดำเนินเรื่องถือว่ายอดเยี่ยมจริงๆ ทำให้เนื้อเรื่องดูเข้มข้น และน่าติดตาม
ถ้าจะว่าไปหนังเรื่องนี้เดินหน้าด้วยตัวละคร Rust (McConaughey) เป็นหลัก เพราะพี่แกเป็นคนดูบุคลิกมุ่งมั่น จะแก้ไขปมปริศนาให้ได้อยู่ตลอด ระหว่างการดำเนินเรื่องหนังก็ให้ตัวละคร Rust คอยพูดคำปรัชญาที่คอยเสียดสีความโหดร้ายของโลกมนุษย์ในปัจจุบันอยู่เรื่อยๆ ส่วนบทของ Marty (Harrelson) ที่ค่อนข้างบุคลิกแตกต่างไปจาก Rust มาก ก็มีแทรกเสริมอยู่เรื่อยๆ คอยเติมเต็มไม่ให้เรื่องดูเน้นหนักไปในโทนเดียวจนเกินไป ส่วนตัวมองว่าเป็นบทที่เชิงสมทบซะมากกว่า แต่ก็มีหลายตอนที่พูดถึงประเด็นของแกเยอะอยู่พอสมควร
โดยรวมคงต้องกล่าวว่าทั้งสองคนแสดงออกมาได้ดีเลยทีเดียว ส่วนบทสมทบอื่นๆก็ทำได้ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น แต่น่าเสียดายที่รู้สึกว่าครึ่งหลังของซีซั่นที่จะนำไปสู่จุดจบนั้นมีความวูบวาบในการเล่าเรื่องลดลง เพราะต้องไปเน้นหนักในเรื่องการไขปริศนามากยิ่งขึ้น แต่ความเห็นส่วนตัวคิดว่าช่วงหลังที่เป็นจุดที่คอยอธิบายปมหลังของตัวละครนั้นทำออกมาได้ดีแต่ยังไม่หนักแน่นมากนัก เมื่อประกอบกับความตื่นเต้นในการเล่าเรื่องที่ลดลง ทำให้รู้สึกครึ่งหลังของซีซั่นดรอปลงไปหน่อย
อย่างไรก็ตามโดยรวมก็ยังถือว่าเป็นซีรี่ที่ดูสนุก น่าติดตาม คุ้มค่าที่ได้เสียเวลาในการรับชม และมีฉากที่คอยกดดันอารมณ์คนดูได้อยู่เรื่อยๆ
ชอบครับ
8/10