ขั่วเหล็กยามค่ำคืน
(ภาพปลากรอบ)
สะพานแห่งนี้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน ประมาณสองทุ่มกว่าๆ เสียงเพลงฝรั่งยุค 80 จากร้าน บริเวณตีนสะพานขั้วเหล็ก ลอยมาแตะหูผมและเพื่อน พอสร้างบรรยากาศคืนนั้นให้สมบูรณ์ขึ้นไปอีก ด้วยความที่เพิ่งอิ่มข้าว และกำลังมองหาที่เดินย่อยอาหาร โดยไม่รู้ตัวผมได้มายืนอยู่กลางสะพานพร้อมๆกับพ่นควันบุหรี่อย่างสบายอารมณ์...
เราทั้งสอง ขึ้นมาเชียงใหม่ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไรจำไม่ได้ เนื่องจากมีเหตุที่ต้องขึ้นมาทำงานที่ทำอยู่เสมอๆ ส่วนเพื่อนผมนั้นไม่มีภารกิจใดๆ เพียงแต่ติดตามผมขึ้นมาเที่ยวเตร่ประสาชายหนุ่ม หวังแค่การเดินทางท่องเที่ยว ขณะที่เรากำลังผ่อนคลายอารมณ์ของเราทั้งสองอยู่นั้น เราเห็นกลุ่มผู้หญิงเดินมาบนสะพานส่งเสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่มาตามทางราวสะพาน
ผมและเพื่อนลอบแอบมองกลุ่มคนเหล่านั้น อย่างไม่ให้รู้ตัว จากการคะเนด้วยสายตา ผู้หญิงกลุ่มนี้มีกันประมาณ 4 คน ทุกคนน่าจะเป็นคนเมือง เพราะสังเกตจากการแต่งกาย (ผมมารู้เอาที่หลังว่าหนึ่งในนั้นเป็นคนลำพูน 1 คน แต่พาเพื่อนขึ้นมาเที่ยว) ทันใดนั้นเสียงของคนในกลุ่มส่งเสียงเรียกออกมาว่า
"น้องๆ คะ รบกวนถ่ายรูปให้หน่อย"
จังหวะนั้นผมและเพื่อนได้แต่เกียงกันด้วยสายตา ท้ายสุดเป็นเพื่อนผมที่เดินไปหยิบกล้องจากเจ้าของเสียงร้องขอ และกำหนดท่าทีการถ่ายรูปให้เสร็จสรรพ โดยขณะส่งกล้องคืน เสียงเดิมที่ขอให้ถ่ายรูปจึงเอ่ยมา
"มาเที่ยวกันหรือค่ะน้อง"
เพื่อนผมจึงตอบกลับไปสั้นๆ ว่า "คับ" ส่วนผมได้แต่พยักหน้าเชิงเห็นพ้อง และบทสนทนาของเราจึงจบลงแค่นั้น สาวทั้งกลุ่มจึงเดินจากไป...
จากนั้นผมและเพื่อนจึงตกลงกันว่า ไปหาเบียร์ดื่มกันเถอะ ไม่รอช้าเรารีบควบมอเตอร์ไซด์เช่าของเรามุ่งหน้าไปยังปลายทาง
(ภาพปลากรอบ)
ไม่นาน...จากนั้นเราก็มาถึงร้านท่าช้าง ในขณะที่ผู้คนกำลังพลุกพล่าน เต็มสองข้างทางถนน ไม่รอช้าเราสั่งเบียร์มากระแทกคอกันก่อนอื่นเลย พร้อมกับมองไปรอบๆ โต๊ะที่เรานั่ง บอกตรงๆ ว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุก แลดูผู้มาเยือนร้านนี้ต่างเตรียมตัวมาเพื่อปลดปล่อยอย่างเต็มที่ ยิ่งห้วงเวลานั้นเป็นช่วงต้นหนาวทำให้ทุกคนแต่งกายเต็มที
"น้ำในกายของเราเริ่มเดิน" หน้าเริ่มตึงเรียกง่ายๆ ว่าได้ที่ ผมจึงเอ่ยกับเพื่อนว่า
"ไปดูหญิงวอมอัพกันมั้ย" ทันเท่าความคิด เพื่อนผมตอบกลับมา
"เรียกเด็กมาเช็คบิลเลย" ไม่กี่อึดใจ เราทั้งจึงได้มายืนอยู่ที่
(ภาพปลากรอบ)
วอมอัพ หลังจาก เราจอดรถคู่กายเราเสร็จ พร้อมๆ กับมุ่งหน้าโซนชั้นในสุด เพราะความเชื่อของเราว่า ด้านในคือที่ที่มีหญิงเยอะที่สุด...จริงดังคาด เราเลือกที่จะยืนหน้าเคาน์เตอร์และสั่งเบียร์ดังเดิม มาหล่อเลี้ยงลำคอหลังจากที่บิดมอเตอร์ไซด์ตากลมกันมา...บนเวทีดนตรีกำลังสนุกแสงไฟสลัวทำให้มองคนได้ไม่ถนัดนัก แต่ก็สามารถมองเห็นได้ว่าเธอเหล่านั้นตรงรสนิยมของเราหรือไม่ นาทีนั้นผมกับเพื่อนดื่มเบียร์กันอย่างคนตะวันออกกลาง ผู้กระหายน้ำ เพราะมันช่างสนุกลงตัว โดยระหว่างนั้นเราส่งสายตาเชิงมิตรออกไปยังสาวๆ รอบตัวเหล่านั้นตลอด แต่ก็ได้รับมิตรภาพกลับมาบ้างไม่ได้บ้าง...จนมาสะดุดเสียงผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาจากประดูอีกด้าน ทางออกห้องน้ำร้านวอมอัพ
"ขอโทษค่ะ ขอวางเหล้าตรงนี้ได้มั้ยค่ะ"
"ผมตอบกลับไป อย่างไม่ได้คิด" วูบนั้น ผมจำได้สนิทตาว่าคนที่ถามคือคนคนเดียวกับที่ให้เพื่อนผมถ่ายรูปให้บนสะพานขั้วเหล็กเมื่อครู่ใหญ่
มือผมถูกส่งไปสะกิดเพื่อนที่ยังไม่รู้ตัว พร้อมกับกระซิบเพื่อนว่า "เฮ้ย..จำผุ้หญิงพวกนี้ได้มั้ย" เพื่อนผมหันมามองพร้อมๆ กับพยักหน้า...ระหว่างนั้นเธอทั้ง 4 คนยังรอเครื่องดื่มที่สั่งไปเมื่อครู่ ผมจึงเปิดปากกับผู้หญิงคนที่ขอพื้นที่ว่า
"จำพวกผมได้เปล่าคับ" เสียงตอบกลับมาเป็นเสียงร้อง "เฮ้ย" เธอรีบสะกิดเพื่อน ทุกคนยิ้มให้อย่างเป็นมิตร และมีเสียงซ้อนตามมา
"เมากันแล้วดิ"
"คับ" พร้อมยิ้มส่งไปให้ ขณะนั้นเครื่องดื่มที่เธอสั่ง...เป็นเหล้าขวดสีแดงขนาดเขื่องก็เดินทางมาถึง เธอทั้ง 4 รีบจัดแจงชงแจกจ่ายกัน และส่งอาณัติสัญญาณในการชนแก้วอย่างเฮฮา โดยไม่ลืมที่จะชวนผมสองคนร่วมชนด้วย บรรยากาศจึงเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น...ไม่นานนัก เธอทั้งสี่คนจึงรู้ว่าเราไม่ใช่รุ่นน้องเธอแต่อย่างใด และการทำลายวัยวุฒิของเราทั้งฝ่ายลงนั้น ยิ่งทำให้เราดูออกจะคุยกันได้มากขึ้น...หากมองเผินๆ สำหรับใครที่เดินผ่านไปผ่านมาย่อมคิดว่าเราทั้ง 6 คน มาด้วยกันอย่างแน่นอน
เธอทั้งสี่คน ชื่อดังนี้คับ
คนแรกที่มาคุยกับเราให้ถ่ายรูปให้นั้น ชื่อ จิ๊บ ผมยาวปะบ่า ผิวขาวแว๊บแรกสัมผัสได้เลยว่าเธอมีเชื้อสายจีนอย่างแน่นอน
คนที่สอง คือคนที่จิ๊บสะกิดให้หันมาดูเราทั้งสองคนชื่อ เบสส์ ผมบ๊อบ ผิวขาว ตาคม ร่างสูงหากเทียบกันในหมู่ผู้หญิงด้วยกัน เดาไม่ผิดเธอเป็นลูกคนสุดท้องแน่นอน
คนที่สาม คือ ส้ม ผมยาวเกล้ามวยผม ดูทะมัดทะแมงยิ่งวันนั้นเธอใส่ยีนส์เข้ารูปยิ่งส่งให้เธอดูคล่องแคล้วมากที่สุดในกลุ้ม ผิวพรรณสองสีเสริมให้ดูแกร่งเมื่อเทียบกับเพื่อนในกลุ่ม
คนที่สี่ คือ ขวัญ ผิวขาว ผมยาวปล่อยผม ไม่สูงมากนัก ท่าทางพูดน้อยเมื่อเทียบกับ จิ๊บและ ส้ม เธอเป็นคนลำพูนโดยกำเนิด และลงไปศึกษาที่กรุงเทพฯจึงได้พาเพื่อนขึ้นมาเที่ยว เชียงใหม่
....เวลาผ่านไปไวมากๆ วอมอัพถึงเวลาปิดร้าน ผมสองคนเหงื่อซึมทั่วแผ่นหลัง หลังจากเช็คบิลกันเรียบร้อย ขณะเดินออกมา ผมจึงเอยถามไปว่าไปไหนกันต่อ คำตอบที่ได้รับคือ กับห้องพักซึ่งไม่ไกลจากที่เราอยู่มากนัก เพราะเธอพักกันที่ โรงแรมใน นิมมาน ซ.9 ขณะนั้นเราเมากันทั้งสองฝ่าย ผมสองคนไม่ได้นับว่าดื่มเบียร์กันไปกี่ขวด แต่ฟากของเธอนั้น พระกาฬสีแดงก็เกือบหมดขวดเช่นกัน อาการของทุกคนจึงออกจะเอียงๆ กันหน่อย
...ณ บริเวณหน้าร้านวอมอัพ เราร่ำลากัน แต่ไม่มีฝ่ายใดขอเบอร์หรือแลกการติดต่อสื่อสารใดๆ ทั้งสิ้น จวบจนมีเสียงของ ส้ม เปรยขึ้นมาว่า "วุฒิ กับ แมน ถ้าอยากเจอกันอีก พรุ่งนี้ แปดโมง เช้าจะไปเจอกันที่ ร้านไข่กระทะ ประตูเชียงใหม่นะ กู๊ดไนท์จ๊ะ" ทั้งสามสาวจึงกรอกเสียงตามมา
ผมทั้งสองคนยิ้ม และตอบ กีดไนท์ กลับไปอย่างมีหวัง
(เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาเขียนต่อนะครับ เริ่มตาลายแล้ว)
Chiangmaiiloveu
เชียงใหม่ดินแดนแห่งความเลิฟ (ขอโชว์เสี่ยวไปเกี้ยวสาวหน่อยนะคับ)
(ภาพปลากรอบ)
สะพานแห่งนี้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน ประมาณสองทุ่มกว่าๆ เสียงเพลงฝรั่งยุค 80 จากร้าน บริเวณตีนสะพานขั้วเหล็ก ลอยมาแตะหูผมและเพื่อน พอสร้างบรรยากาศคืนนั้นให้สมบูรณ์ขึ้นไปอีก ด้วยความที่เพิ่งอิ่มข้าว และกำลังมองหาที่เดินย่อยอาหาร โดยไม่รู้ตัวผมได้มายืนอยู่กลางสะพานพร้อมๆกับพ่นควันบุหรี่อย่างสบายอารมณ์...
เราทั้งสอง ขึ้นมาเชียงใหม่ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไรจำไม่ได้ เนื่องจากมีเหตุที่ต้องขึ้นมาทำงานที่ทำอยู่เสมอๆ ส่วนเพื่อนผมนั้นไม่มีภารกิจใดๆ เพียงแต่ติดตามผมขึ้นมาเที่ยวเตร่ประสาชายหนุ่ม หวังแค่การเดินทางท่องเที่ยว ขณะที่เรากำลังผ่อนคลายอารมณ์ของเราทั้งสองอยู่นั้น เราเห็นกลุ่มผู้หญิงเดินมาบนสะพานส่งเสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่มาตามทางราวสะพาน
ผมและเพื่อนลอบแอบมองกลุ่มคนเหล่านั้น อย่างไม่ให้รู้ตัว จากการคะเนด้วยสายตา ผู้หญิงกลุ่มนี้มีกันประมาณ 4 คน ทุกคนน่าจะเป็นคนเมือง เพราะสังเกตจากการแต่งกาย (ผมมารู้เอาที่หลังว่าหนึ่งในนั้นเป็นคนลำพูน 1 คน แต่พาเพื่อนขึ้นมาเที่ยว) ทันใดนั้นเสียงของคนในกลุ่มส่งเสียงเรียกออกมาว่า
"น้องๆ คะ รบกวนถ่ายรูปให้หน่อย"
จังหวะนั้นผมและเพื่อนได้แต่เกียงกันด้วยสายตา ท้ายสุดเป็นเพื่อนผมที่เดินไปหยิบกล้องจากเจ้าของเสียงร้องขอ และกำหนดท่าทีการถ่ายรูปให้เสร็จสรรพ โดยขณะส่งกล้องคืน เสียงเดิมที่ขอให้ถ่ายรูปจึงเอ่ยมา
"มาเที่ยวกันหรือค่ะน้อง"
เพื่อนผมจึงตอบกลับไปสั้นๆ ว่า "คับ" ส่วนผมได้แต่พยักหน้าเชิงเห็นพ้อง และบทสนทนาของเราจึงจบลงแค่นั้น สาวทั้งกลุ่มจึงเดินจากไป...
จากนั้นผมและเพื่อนจึงตกลงกันว่า ไปหาเบียร์ดื่มกันเถอะ ไม่รอช้าเรารีบควบมอเตอร์ไซด์เช่าของเรามุ่งหน้าไปยังปลายทาง (ภาพปลากรอบ)
ไม่นาน...จากนั้นเราก็มาถึงร้านท่าช้าง ในขณะที่ผู้คนกำลังพลุกพล่าน เต็มสองข้างทางถนน ไม่รอช้าเราสั่งเบียร์มากระแทกคอกันก่อนอื่นเลย พร้อมกับมองไปรอบๆ โต๊ะที่เรานั่ง บอกตรงๆ ว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุก แลดูผู้มาเยือนร้านนี้ต่างเตรียมตัวมาเพื่อปลดปล่อยอย่างเต็มที่ ยิ่งห้วงเวลานั้นเป็นช่วงต้นหนาวทำให้ทุกคนแต่งกายเต็มที
"น้ำในกายของเราเริ่มเดิน" หน้าเริ่มตึงเรียกง่ายๆ ว่าได้ที่ ผมจึงเอ่ยกับเพื่อนว่า
"ไปดูหญิงวอมอัพกันมั้ย" ทันเท่าความคิด เพื่อนผมตอบกลับมา
"เรียกเด็กมาเช็คบิลเลย" ไม่กี่อึดใจ เราทั้งจึงได้มายืนอยู่ที่
(ภาพปลากรอบ)
วอมอัพ หลังจาก เราจอดรถคู่กายเราเสร็จ พร้อมๆ กับมุ่งหน้าโซนชั้นในสุด เพราะความเชื่อของเราว่า ด้านในคือที่ที่มีหญิงเยอะที่สุด...จริงดังคาด เราเลือกที่จะยืนหน้าเคาน์เตอร์และสั่งเบียร์ดังเดิม มาหล่อเลี้ยงลำคอหลังจากที่บิดมอเตอร์ไซด์ตากลมกันมา...บนเวทีดนตรีกำลังสนุกแสงไฟสลัวทำให้มองคนได้ไม่ถนัดนัก แต่ก็สามารถมองเห็นได้ว่าเธอเหล่านั้นตรงรสนิยมของเราหรือไม่ นาทีนั้นผมกับเพื่อนดื่มเบียร์กันอย่างคนตะวันออกกลาง ผู้กระหายน้ำ เพราะมันช่างสนุกลงตัว โดยระหว่างนั้นเราส่งสายตาเชิงมิตรออกไปยังสาวๆ รอบตัวเหล่านั้นตลอด แต่ก็ได้รับมิตรภาพกลับมาบ้างไม่ได้บ้าง...จนมาสะดุดเสียงผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาจากประดูอีกด้าน ทางออกห้องน้ำร้านวอมอัพ
"ขอโทษค่ะ ขอวางเหล้าตรงนี้ได้มั้ยค่ะ"
"ผมตอบกลับไป อย่างไม่ได้คิด" วูบนั้น ผมจำได้สนิทตาว่าคนที่ถามคือคนคนเดียวกับที่ให้เพื่อนผมถ่ายรูปให้บนสะพานขั้วเหล็กเมื่อครู่ใหญ่
มือผมถูกส่งไปสะกิดเพื่อนที่ยังไม่รู้ตัว พร้อมกับกระซิบเพื่อนว่า "เฮ้ย..จำผุ้หญิงพวกนี้ได้มั้ย" เพื่อนผมหันมามองพร้อมๆ กับพยักหน้า...ระหว่างนั้นเธอทั้ง 4 คนยังรอเครื่องดื่มที่สั่งไปเมื่อครู่ ผมจึงเปิดปากกับผู้หญิงคนที่ขอพื้นที่ว่า
"จำพวกผมได้เปล่าคับ" เสียงตอบกลับมาเป็นเสียงร้อง "เฮ้ย" เธอรีบสะกิดเพื่อน ทุกคนยิ้มให้อย่างเป็นมิตร และมีเสียงซ้อนตามมา
"เมากันแล้วดิ"
"คับ" พร้อมยิ้มส่งไปให้ ขณะนั้นเครื่องดื่มที่เธอสั่ง...เป็นเหล้าขวดสีแดงขนาดเขื่องก็เดินทางมาถึง เธอทั้ง 4 รีบจัดแจงชงแจกจ่ายกัน และส่งอาณัติสัญญาณในการชนแก้วอย่างเฮฮา โดยไม่ลืมที่จะชวนผมสองคนร่วมชนด้วย บรรยากาศจึงเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น...ไม่นานนัก เธอทั้งสี่คนจึงรู้ว่าเราไม่ใช่รุ่นน้องเธอแต่อย่างใด และการทำลายวัยวุฒิของเราทั้งฝ่ายลงนั้น ยิ่งทำให้เราดูออกจะคุยกันได้มากขึ้น...หากมองเผินๆ สำหรับใครที่เดินผ่านไปผ่านมาย่อมคิดว่าเราทั้ง 6 คน มาด้วยกันอย่างแน่นอน
เธอทั้งสี่คน ชื่อดังนี้คับ
คนแรกที่มาคุยกับเราให้ถ่ายรูปให้นั้น ชื่อ จิ๊บ ผมยาวปะบ่า ผิวขาวแว๊บแรกสัมผัสได้เลยว่าเธอมีเชื้อสายจีนอย่างแน่นอน
คนที่สอง คือคนที่จิ๊บสะกิดให้หันมาดูเราทั้งสองคนชื่อ เบสส์ ผมบ๊อบ ผิวขาว ตาคม ร่างสูงหากเทียบกันในหมู่ผู้หญิงด้วยกัน เดาไม่ผิดเธอเป็นลูกคนสุดท้องแน่นอน
คนที่สาม คือ ส้ม ผมยาวเกล้ามวยผม ดูทะมัดทะแมงยิ่งวันนั้นเธอใส่ยีนส์เข้ารูปยิ่งส่งให้เธอดูคล่องแคล้วมากที่สุดในกลุ้ม ผิวพรรณสองสีเสริมให้ดูแกร่งเมื่อเทียบกับเพื่อนในกลุ่ม
คนที่สี่ คือ ขวัญ ผิวขาว ผมยาวปล่อยผม ไม่สูงมากนัก ท่าทางพูดน้อยเมื่อเทียบกับ จิ๊บและ ส้ม เธอเป็นคนลำพูนโดยกำเนิด และลงไปศึกษาที่กรุงเทพฯจึงได้พาเพื่อนขึ้นมาเที่ยว เชียงใหม่
....เวลาผ่านไปไวมากๆ วอมอัพถึงเวลาปิดร้าน ผมสองคนเหงื่อซึมทั่วแผ่นหลัง หลังจากเช็คบิลกันเรียบร้อย ขณะเดินออกมา ผมจึงเอยถามไปว่าไปไหนกันต่อ คำตอบที่ได้รับคือ กับห้องพักซึ่งไม่ไกลจากที่เราอยู่มากนัก เพราะเธอพักกันที่ โรงแรมใน นิมมาน ซ.9 ขณะนั้นเราเมากันทั้งสองฝ่าย ผมสองคนไม่ได้นับว่าดื่มเบียร์กันไปกี่ขวด แต่ฟากของเธอนั้น พระกาฬสีแดงก็เกือบหมดขวดเช่นกัน อาการของทุกคนจึงออกจะเอียงๆ กันหน่อย
...ณ บริเวณหน้าร้านวอมอัพ เราร่ำลากัน แต่ไม่มีฝ่ายใดขอเบอร์หรือแลกการติดต่อสื่อสารใดๆ ทั้งสิ้น จวบจนมีเสียงของ ส้ม เปรยขึ้นมาว่า "วุฒิ กับ แมน ถ้าอยากเจอกันอีก พรุ่งนี้ แปดโมง เช้าจะไปเจอกันที่ ร้านไข่กระทะ ประตูเชียงใหม่นะ กู๊ดไนท์จ๊ะ" ทั้งสามสาวจึงกรอกเสียงตามมา
ผมทั้งสองคนยิ้ม และตอบ กีดไนท์ กลับไปอย่างมีหวัง
(เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาเขียนต่อนะครับ เริ่มตาลายแล้ว)
Chiangmaiiloveu