สวัสดีค่ะ.. เพิ่งจะเข้ามารีวิวท่องเที่ยวครั้งแรก หลังจากที่แอบสิง และอ่านของกระทู้รีวิวของคนอื่นมามากมาย เลยอยากจะเล่าประสบการณ์ที่ครอบครัวเราไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ ภาษาอาจไม่สลวยสวยเก๋ รีวิวครั้งแรกผิดพลาดก็ขออภัยนะค่ะ 
เคยฝันเอาไว้ว่าครั้งหนึ่งจะขอไปพิชิตให้ได้...มาคิดและไปได้ก็ตอนอายุเริ่มเยอะแล้ว ยังคิดเลยว่าลงมาข้อเข่าจะเสื่อมมั้ย ขาจะเป็นไงบ้าง ไม่ลองก็ไม่รู้ ปีนี้เลยได้มาจัดซักที แถมเอาลูกน้อยมาด้วย....
<<ทริปนี้เราไปกัน 5 คน มีเด็กน้อยไปด้วย ออกจากกรุงเทพประมาณบ่ายของวันที่ 27 ไปถึงผานกเค้าประมาณตีสาม จองที่พักที่ผานกเค้า เดอ เลยไว้ค่ะ คืนละ 500 บาท เช้ามืดไปถึงนอนพักผ่อนเอาแรงเตรียมลุยต่อ.. เราออกจากที่พักเช้าวันที่ 28 ประมาณ 9 โมงแล้วค่ะ สายนิดหน่อย ไปถึงอุทยานนำสัมภาระไปชั่งกิโลจ้างลูกหาบ ค่าจ้างลูกหาบ กิโลละ 30 บาท สัมภาระของพวกเรา 57 โลค่ะ (มึนแปบ) แต่แอบดีใจขากลับเพราะเอาเลขมาแทงหวยกลับถูกซะงั้น


ก่อนจะขึ้นภูมาติดต่อลูกหาบตรงนี้ วันที่ไปคนเยอะมาก..


ก่อนขึ้นก็ขอแชะกับป้ายกันซะหน่อย แล้วก็ลุยเลย...







เดินกันไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุดพัก...เดินไปเจอลูกหาบตลอดทางเห็นเค้าหาบแล้ว..พูดไม่ออกค่ะ แต่ละคนแบกน้ำหนักประมาณ 60-80 กก. เจอกันก็ทักทายพูดคุยกันไป....ยิ่งเดินก็ยิ่งเหนื่อยถามคนที่ลงมาก็บอกว่าใกล้แล้ว พูดแบบนี้ตลอดทาง...


ของกินมีขายตลอดทาง แวะมันทุกซำ...


ขึ้นมาถึงบนนี้ ดีใจแปปปปปป นึกว่าถึงแล้ว....ปรากฏว่าต้องเดินไปอีกค่ะ!!! 3.5 กม. เด็กน้อยอยากจะกลับบ้านมาก บ่นมาตลอดทางว่าพ่อกับแม่พามาทำไรเนี่ย 5555 ต้องหลอกล่อกันอยู่นาน ถึงจะยอมเดินต่อ....



ถึงศูนย์วังกวางแล้ว...ดีใจจริงๆ คราวนี้ 555 ขึ้นไปถึงเราก็ไปติดต่อชำระค่ากางเต้นท์ และก็เลือกที่กางได้เลยค่ะ พวกเราเลือกกางที่ลานสน...กางเต้นท์เสร็จทุกคนแยกย้ายไปอาบน้ำ เพราะเย็นนี้เรามีนัดกันที่ร้านหมูกะทะ (บนภูกระดึง)

ร้านหมูกะทะยอดฮิต บนภูมีขายทุกอย่างราคาแพงตามระยะทาง (บางร้านมีที่ชาร์ทแบตฟรีด้วยค่ะ) กินเสร็จก็ตัวใครตัวมัน พรุ่งต้องเดินไปน้ำตก กับผาหล่มสักกันต่อ...เพราะอยู่บนภูจะไปไหนต้องเดิน เดิน แล้วก็เดิน นอนเก็บแรงและพักผ่อน ก่อนนอนกินยาคลายกล้ามเนื้อ และยาทาขา คืนนั้นหลับเป็นตาย 5555




วันรุ่งขึ้น พวกเราเลือกเดินกันไปที่น้ำตกวังกวางก่อนเพราะใกล้สุด....เดินไปกลับน้ำตกมาแล้วจะเริ่มเดินไปผาหล่มสัก เจ้าตัวเล็กเริ่มงอแงจะไปม่เดินแล้ว บ่นเมื่อยขาไม่หยุด เดือนร้อนอิแม่ต้องหลอกล่อกันอยู่นานว่าเดินไปแปบเดียว นะนะนะ...ต้องเอาไม้เซลฟี่ออกมาเป็นตัวช่วยถึงยอมเดินต่อ...^^











สรุปพวกเราได้เดินไปที่น้ำตกวังกวาง ลานพระฯ ไปดูใบเมเปิ้ลสีแดงกำลังแดงทั้งต้นสวยงามมาก แล้วจบที่สุดท้ายของวันที่กันที่ผาหมากดูกแทน เพราะเจ้าตัวเล็กไปต่อไม่ไหว (เอาอะไรกับเด็กเจ็ดขวบ เนอะ 555) ยังดีที่ขากลับมีนักท่องเที่ยวทิ้งจักรยานไว้ 3 คัน ได้ขี่กลับมาที่ศูนย์ฯ เลยโชคดีจริงๆ ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ยังไงก็ต้องไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นอยู่แล้ว เจ้าตัวเล็กขอไปด้วย....(แม่แอบคิดหนัก)
ตีห้าครึ่งพร้อมกันที่ศูนย์ฯ เจ้าหน้าที่จะเป็นคนนำทางไป ห้ามนักท่องเที่ยวออกนอกเส้นทางเด็ดขาด ทุกคนเตรียมไฟฉายของตัวเองไปพร้อม เดินมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง มวลชนเยอะมาก...แต่ได้มาก็คุ้มแล้วค่ะ เพราะสวยมากกกก...^^






กลับจากผานกแอ่น พวกเราเตรียมสัมภาระลงภูแต่เช้าค่ะ จะได้ไม่ร้อนมาก เจอลูกหาบตีรถเปล่าไปหลังแปเลยจ้างให้เจ้าตัวเล็กนั่ง 200.-บาท


จบรีวิวไว้พบกันคราวหน้า หากผิดพลาดขออภัยด้วยนะค่ะ คราวหน้าสัญญาว่าจะไปอีกแน่นอน ผาหล่มสักเจอกัน...
[CR] <<< ครั้งแรกกับภูกระดึง 28-30 ธ.ค. 57>>>
เคยฝันเอาไว้ว่าครั้งหนึ่งจะขอไปพิชิตให้ได้...มาคิดและไปได้ก็ตอนอายุเริ่มเยอะแล้ว ยังคิดเลยว่าลงมาข้อเข่าจะเสื่อมมั้ย ขาจะเป็นไงบ้าง ไม่ลองก็ไม่รู้ ปีนี้เลยได้มาจัดซักที แถมเอาลูกน้อยมาด้วย....
<<ทริปนี้เราไปกัน 5 คน มีเด็กน้อยไปด้วย ออกจากกรุงเทพประมาณบ่ายของวันที่ 27 ไปถึงผานกเค้าประมาณตีสาม จองที่พักที่ผานกเค้า เดอ เลยไว้ค่ะ คืนละ 500 บาท เช้ามืดไปถึงนอนพักผ่อนเอาแรงเตรียมลุยต่อ.. เราออกจากที่พักเช้าวันที่ 28 ประมาณ 9 โมงแล้วค่ะ สายนิดหน่อย ไปถึงอุทยานนำสัมภาระไปชั่งกิโลจ้างลูกหาบ ค่าจ้างลูกหาบ กิโลละ 30 บาท สัมภาระของพวกเรา 57 โลค่ะ (มึนแปบ) แต่แอบดีใจขากลับเพราะเอาเลขมาแทงหวยกลับถูกซะงั้น
ก่อนจะขึ้นภูมาติดต่อลูกหาบตรงนี้ วันที่ไปคนเยอะมาก..
ก่อนขึ้นก็ขอแชะกับป้ายกันซะหน่อย แล้วก็ลุยเลย...
เดินกันไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุดพัก...เดินไปเจอลูกหาบตลอดทางเห็นเค้าหาบแล้ว..พูดไม่ออกค่ะ แต่ละคนแบกน้ำหนักประมาณ 60-80 กก. เจอกันก็ทักทายพูดคุยกันไป....ยิ่งเดินก็ยิ่งเหนื่อยถามคนที่ลงมาก็บอกว่าใกล้แล้ว พูดแบบนี้ตลอดทาง...
ของกินมีขายตลอดทาง แวะมันทุกซำ...
ขึ้นมาถึงบนนี้ ดีใจแปปปปปป นึกว่าถึงแล้ว....ปรากฏว่าต้องเดินไปอีกค่ะ!!! 3.5 กม. เด็กน้อยอยากจะกลับบ้านมาก บ่นมาตลอดทางว่าพ่อกับแม่พามาทำไรเนี่ย 5555 ต้องหลอกล่อกันอยู่นาน ถึงจะยอมเดินต่อ....
ถึงศูนย์วังกวางแล้ว...ดีใจจริงๆ คราวนี้ 555 ขึ้นไปถึงเราก็ไปติดต่อชำระค่ากางเต้นท์ และก็เลือกที่กางได้เลยค่ะ พวกเราเลือกกางที่ลานสน...กางเต้นท์เสร็จทุกคนแยกย้ายไปอาบน้ำ เพราะเย็นนี้เรามีนัดกันที่ร้านหมูกะทะ (บนภูกระดึง)
ร้านหมูกะทะยอดฮิต บนภูมีขายทุกอย่างราคาแพงตามระยะทาง (บางร้านมีที่ชาร์ทแบตฟรีด้วยค่ะ) กินเสร็จก็ตัวใครตัวมัน พรุ่งต้องเดินไปน้ำตก กับผาหล่มสักกันต่อ...เพราะอยู่บนภูจะไปไหนต้องเดิน เดิน แล้วก็เดิน นอนเก็บแรงและพักผ่อน ก่อนนอนกินยาคลายกล้ามเนื้อ และยาทาขา คืนนั้นหลับเป็นตาย 5555
วันรุ่งขึ้น พวกเราเลือกเดินกันไปที่น้ำตกวังกวางก่อนเพราะใกล้สุด....เดินไปกลับน้ำตกมาแล้วจะเริ่มเดินไปผาหล่มสัก เจ้าตัวเล็กเริ่มงอแงจะไปม่เดินแล้ว บ่นเมื่อยขาไม่หยุด เดือนร้อนอิแม่ต้องหลอกล่อกันอยู่นานว่าเดินไปแปบเดียว นะนะนะ...ต้องเอาไม้เซลฟี่ออกมาเป็นตัวช่วยถึงยอมเดินต่อ...^^
สรุปพวกเราได้เดินไปที่น้ำตกวังกวาง ลานพระฯ ไปดูใบเมเปิ้ลสีแดงกำลังแดงทั้งต้นสวยงามมาก แล้วจบที่สุดท้ายของวันที่กันที่ผาหมากดูกแทน เพราะเจ้าตัวเล็กไปต่อไม่ไหว (เอาอะไรกับเด็กเจ็ดขวบ เนอะ 555) ยังดีที่ขากลับมีนักท่องเที่ยวทิ้งจักรยานไว้ 3 คัน ได้ขี่กลับมาที่ศูนย์ฯ เลยโชคดีจริงๆ ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ยังไงก็ต้องไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นอยู่แล้ว เจ้าตัวเล็กขอไปด้วย....(แม่แอบคิดหนัก)
ตีห้าครึ่งพร้อมกันที่ศูนย์ฯ เจ้าหน้าที่จะเป็นคนนำทางไป ห้ามนักท่องเที่ยวออกนอกเส้นทางเด็ดขาด ทุกคนเตรียมไฟฉายของตัวเองไปพร้อม เดินมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง มวลชนเยอะมาก...แต่ได้มาก็คุ้มแล้วค่ะ เพราะสวยมากกกก...^^
กลับจากผานกแอ่น พวกเราเตรียมสัมภาระลงภูแต่เช้าค่ะ จะได้ไม่ร้อนมาก เจอลูกหาบตีรถเปล่าไปหลังแปเลยจ้างให้เจ้าตัวเล็กนั่ง 200.-บาท
จบรีวิวไว้พบกันคราวหน้า หากผิดพลาดขออภัยด้วยนะค่ะ คราวหน้าสัญญาว่าจะไปอีกแน่นอน ผาหล่มสักเจอกัน...