Sniper กระหน่ำหนัก สอยรายได้ 64 ล้านเหรียญ ยึดอันดับ 1 หนังทำเงินอเมริกาเป็นสัปดาห์ที่สอง

US BOX OFFICE January 23-25, 2015



(แปล/เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)

เปิดตัวสัปดาห์แรกของการฉายในวงกว้างได้น่าประหลาดใจแล้ว ในสัปดาห์ที่สองของการฉาย หนัง American Sniper ยังไปได้สวยในอันดับหนังทำเงิน โดยสร้างสถิติเป็นหนึ่งในหนังทำเงินสัปดาห์ที่สองมากที่สุดไปแล้ว ทำให้ตอนนี้หนังเก็บเงินมาเหนาะๆ 200 ล้านเหรียญ และยังอยู่บนเส้นทางของหนังที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2014 ที่ทำรายได้สูงสุด โดยหนังเปิดตัวในช่วงคริสต์มาสของปี 2014 ที่นิว ยอร์ค และแอลเอ

ในกลุ่มของหนังใหม่ เจ โล The Boy Next Door ออกตัวได้น่าพอใจ ขณะที่ Mortdecai ของเจ เด็ปป์ และ Strange Magic ตายสนิทตั้งแต่สัปดาห์เปิดตัว

กับการเพิ่มโรงฉายเป็น 3,705 โรง ซึ่งถือเป็นการฉายในวงกว้างมากที่สุดสำหรับหนังเรทอาร์ American Sniper ได้เงินมาอีก 64.6 ล้านเหรียญในสุดสัปดาห์นี้ ทำให้รั้งอันดับ 8 ของหนังทำเงินสัปดาห์ที่สองสูงสุดตลอดกาล โดยแซงหน้าหนังอย่าง The Dark Knight Rises, The Hunger Games และ The Passion of the Christ ไปแล้วเรียบร้อย โดยหนังรายได้ตกจากเดิมเพียงแค่ 28% ซึ่งถือเป็นหนังเปิดตัวเกิน 80 ล้านเหรียญ ที่ยืนระยะในสัปดาห์ที่สองได้ที่สุดตลอดกาล หนังถือว่าได้แรงส่งจากปากต่อปาก และมีคู่แข่งที่ไม่แข็งแรงนัก แล้วก็น่าจะยืนระยะได้ดีต่อไปอีกหลายสัปดาห์ มาถึงตอนนี้หนังน่าจะทำเงินเกิน 350 ล้านเหรียญ ซึ่งมากพอจะกลายเป็นหนังจากปี 2014 ที่ทำเงินสูงสุด แล้วมีโอกาสมากด้วยที่จะทำเงินไปถึงในระดบ 400 ล้านเหรียญ

เปิดตัว 2,602 โรง หนัง The Boy Next Door ทำรายได้ 14.9 ล้านเหรียญ ซึ่งต่ำกว่าที่ The Call ทำไว้ 17.1 ล้านเหรียญ แต่ก็มากกว่าหนังเรื่องสุดท้าย ที่เจนนิเฟอร์ โลเปซ เป็นดารานำอย่าง The Back-Up Plan ที่เปิดตัวแค่ 12.2 ล้านเหรียญ หนังได้คนดู 71% เป็นหญิง และ 60% อายุมากกว่า 25 ขณะที่คำวิจารณ์ของซีนีมาสกอร์นั้น อยู่ที่ B- แถมคำวิจารณ์ก็ซัดซะเละ ทำให้เป็นไปได้อย่างมากว่าหนังจะยืนระยะไม่ดี มองจากตรงนี้ หนังน่าจะได้เงินราวๆ 40 ล้านเหรียญ

Paddington คว้าอันดับ 3 ด้วยรายได้ 12.3 ล้านเหรียญ ซึ่งตกจากสัปดาห์เปิดตัว 35% ตอนนี้หนังได้เงินไปแล้ว 39.9 ล้านเหรียญ และน่าจะทำได้ดีที่สุดก็ราวๆ 70 ล้านเหรียญ ขณะที่ The Wedding Ringer รายได้ตกลงมา 45% ทำเงินไปอีก 11.3 ล้านเหรียญ เป็นการยืนระยะที่ดีกว่าหนังเรื่องล่าสุดของเควิน ฮาร์ท Ride Along ที่รายได้ร่วงถึง 49% และ Think Like a Man รายได้ตก 48% หนังทำเงินไปแล้ว 39.4 ล้านเหรียญ และน่าจะทำรายได้สูงสุดที่ราวๆ 60 ล้านเหรียญ

Taken 3 ยังไม่หลุดจากห้าอันดับแรก หนังทำเงินอีก 7.4 ล้านเหรียญ รายได้รวมไปถึง 75.9 ล้านเหรียญแล้ว แต่ดูแล้วรายได้สุดท้ายไม่น่าไปถึงร้อยล้านสำเร็จ

The Imitation Game เพิ่มโรงอีกในราวๆ หลักร้อย ทำให้รายได้ขยับอีก 2% เก็บมาได้ 6.94 ล้านเหรียญ ตอนนี้รายได้รวมของหนังอยู่ที่ 60.5 ล้านเหรียญ แซงหน้าหนังชิงรางวัลออสการ์หนังเยี่ยมด้วยกันอย่าง The Grand Budapest Hotel ไปแล้ว

หนัง Strange Magic ของจอร์จ ลูคัส เปิดตัวแค่ 5.5 ล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหนังที่ฉายเกิน 3,000 โรงที่เปิดตัวได้แย่ที่สุด และเป็นรายได้ในระดับเดียวกับหนังแอนิเมชันคว่ำสนิท อย่าง Hoodwinked Too! Hood vs Evil, Valiant, Everyone's Hero และ Happily N'Ever After คนดูหนังเรื่องนี้ 56% เป็นหญิง และ 38% อายุต่ำกว่า 13 ถ้าทางดิสนีย์เก็บโรงเอาในสัปดาห์ไม่ได้ หนังน่าจะทำเงินได้ไม่ถึง 15 ล้านเหรียญ

Selma รายได้ตก 38% ทำเงินมาอีก 5.4 ล้านเหรียญ มาถึงตอนนี้หนังดรามา ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนทำเงินไปถึง 39.1 ล้านเหรียญเรียบร้อย

เปิดตัว 2,648 โรง Mortdecai คว้าอันดับ 9ด้วยรายได้ระดับหายนะ 4.2  ล้านเหรียญ ในกลุ่มหนังเรื่องหลังๆ ของจอห์นนี เด็ปป์ หนังเปิดตัวต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้เปิดตัวของ Transcendence ที่ทำไว้ 10.9 ล้านเหรียญ และต่ำกว่า The Rum Diary ที่ว่าต่ำแล้ว ซึ่งเปิดตัวแค่ 5.14 ล้านเหรียญ แล้วยังเป็นหนังไลออนเกทส์ เปิดตัวเกิน 2,500 โรงที่ออกตัวได้แย่ที่สุดด้วย กับคำวิจารณ์ที่ย่ำแย่ และปากต่อปากที่ไม่น่าจะดี เมื่อได้คะแนนแค่ C+ จากซีนีมาสกอร์ Mortdecai จะร่วงยิ่งกว่าดาวตกในสัปดาห์หน้า และไม่น่าจะทำเงินได้กเิน 10 ล้านเหรียญ

เปิดตัวเพียง 482 โรง หนัง Cake ของเจนนิเฟอร์ อนิสตัน ทำรายได้ 916,179 เหรียญ พลาดหลักล้านไปอย่างน่าเสียดาย และน่าผิดหวังหากมองว่าหนังได้รับความสนใจขนาดไหนก่อนออกฉายในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

หนังอีกเรื่องที่เข้าชิงหนังเยี่ยมรางวัลออสการ์ Whiplash ขยายโรงเป็น 567 โรง ซึ่งมากที่สุดเท่าที่ที่เคยฉายมา และได้เงินมา 787,000 เหรียญ ทำให้รายได้รวมเพิ่มเป็น 7.6 ล้านเหรียญ

สำหรับตลาดนอกอเมริกา หนัง The Hobbit: The Battle of the Five Armies กลับมาครองแชมป์อีกในสัปดาห์นี้ด้วยรายได้ 54.3 ล้านเหรียญ โดยรายได้หลักมาจากการเปิดตัวได้อย่างงดงามที่จีน เมื่อเปิดตัวด้วยตัวเลขถึง 49.5 ล้านเหรียญ โดยที่นี่เป็นตลาดหลักที่สุดท้ายของหนัง และเป็นการเปิดตัวที่ดีที่สุดของหนังวอร์เนอร์ที่จีน โดยเป็นรายได้ที่เกือบๆ จะเท่ากับที่หนังภาคแรกทำเอาไว้ตลอดโปรแกรมการฉาย สำหรับรายได้รวมนอกอเมริกา หนังทำรายได้ไปแล้ว 616.9 ล้านเหรียญ และทำให้รายได้ทั่วโลกเพิ่มเป็น 866 ล้านเหรียญ

กับการฉายใน 57 ตลาด Taken 3 ทำรายได้ 26.3 ล้านเหรียญ ซึ่งรวมรายได้เปิดตัวสวยๆ ที่ฝรั่งเศส 8.2 ล้านเหรียญ และ 2.1 ที่บราซิล ซึ่งทำได้มากกว่าหนังภาค 2 ถึง 2 เท่า ตอนนี้หนัง Taken 3 ทำเงินนอกอเมริกาไปแล้ว 132.7 ล้านเหรียญ และยังอยู่ในเส้นทางทำเงินทาบภาคก่อนหน้า 236 ล้านเหรียญ

American Sniper ขยายตลาดเป็น 26 แห่ง และทำรายได้มาอีก 17.6 ล้านเหรียญ ในออสเตรเลียหนังเปิดตัวในอันดับ 1 รายได้น่าประทับใจมากๆ ถึง 4 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังปู่คลินท์ อีสต์วูดเปิดตัวที่นี่สูงสุดตลอดกาล ขณะที่ในอังกฤษแม้จะอยู่ในอันดับ 2 ของหนังทำเงิน แต่รายได้กลับเพิ่มขึ้น 4% ทำเงินได้อีก 4 ล้านเหรียญ มาถึงตอนนี้ American Sniper ทำรายได้นอกอเมริกาไปแล้ว 47.5 ล้านเหรียญ และยังมีตลาดใหญ่ๆ อย่าง ฝรั่งเศส, บราซิล, เม็กซิโก, สเปน และเยอรมันนี รอเปิดตัวในครึ่งหลังของเดือนกุมภาพันธ์

Big Hero 6 ได้เงินมาอีก 14.9 ล้านเหรียญจาก 33 ตลาดในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งหนังเปิดตัวได้แข็งแรงมากๆ ที่เกาหลีใต้ 5.1 ล้านเหรียญ เป็นหนังดิสนีย์/พิกซาร์เปิดตัวมากที่สุดตลอดกาลอันดับ 2 ที่นี่รองจาก Frozen ขณะที่เยอรมันนีก็ทำรายได้ถึง 3.9 ล้านเหรียญ หนังทำรายได้รวมแบบเก็บเงียบๆ ไปถึง 238.6 ล้านเหรียญ และมีแผนจะออกมาฉายในฝรั่งเศส และจีนเดือนหน้า

อ่านแล้วชอบคลิกไลค์ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่