The Imitation Game :: รหัสลับ อัจฉริยะพลิกโลก
มีการเปิดเผยเนื้อหาในหนังนะคะ
หนังเล่าถึงอลัน ทูริ่ง อัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ ผู้ตลกอย่างร้ายกาจเพราะความหยิ่งผยอง จองหองและ...โดดเดี่ยว
ก่อนหน้านี้อลันทำงานเป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาลัยเคมบริดจ์ แต่ก็ดันไปสมัครงานในกองทัพอังกฤษในยุคที่เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง
ในตำแหน่งที่โคตรจะลับเฉพาะ ถึงขนาดที่ว่าความลับรั่วไหลเมื่อใด ถือเป็นคนทรยศต่อประเทศชาติ โทษประหารอย่างเดียวเท่านั้น
งานที่ว่าก็คือ การแกะรหัสลับ Enigma จากเยอรมัน ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน
ในระดับที่เรียกว่าใช้เวลาสิบชาติก็ไม่สามารถจะแก้ไขได้ (แต่ฮีทำได้ค่ะ !!!) ด้วยความที่อลันเป็นคนแปลกๆ
จึงทำให้อลันมักเป็นที่ชังของเพื่อนร่วมงาน (ซึ่งก็ต่างก็มีมันสมองเกินระดับมาตรฐานมนุษย์ทั่วไปกันทั้งนั้น)
จนกระทั่งมีหญิงสาวสวยแสนฉลาดนามว่า โจน คลากส์ เข้ามาร่วมในทีม จึงทำให้อลันเริ่มเปิดใจกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น
สุดท้ายอลันได้สร้างเครื่องแกะรหัสได้สำเร็จ แต่กลายเป็นว่างานของเขาไม่ใช่เพียงแค่แกะรหัส
แต่เป็น "การเก็บความลับ" ที่เขาสามารถแกะรหัสได้ต่างหาก ซึ่งจริงๆแล้วอาจจะเป็นสิ่งที่เขาถนัดที่สุดก็ได้
เพราะบางครั้งคนที่กุมความลับเก่งที่สุด อาจจะเป็นคนที่หลอกตัวเองได้เก่งที่สุดเหมือนกัน
อลัน ทูริ่ง
ตัวละคร อลัน เป็นตัวละครที่ชอบ "แกล้งโง่" และ "ปากไม่ตรงกับใจตัวเองที่สุด" จะเห็นบ่อยๆว่า อลันมีความคิดและมักจะมีคำถามกับคู่สนทนาว่า "ทำไมเวลาที่คนเราพูดอย่างแต่ต้องการสื่อความหมายไปอีกอย่าง" อยู่เสมอๆ ซึ่งสิ่งนี้แหละที่กวนเบื้องล่างคนคุยด้วยตลอดเวลาที่สำคัญคืออลันเองก็มักจะทำในสิ่งที่ตัวเองพูดโดยไม่รู้ตัวเหมือนกันนั่นก็คือ "ปากไม่ตรงกับใจ"
อลันหมกหมุ่นอยู่กับการประดิษฐ์เครื่องมือที่ใช้ในการถอดรหัส จนทำให้สัมพันธภาพระหว่างเขากับเพื่อนร่วมงานไม่ดีนัก (อันที่จริงถึงไม่มีงาน อลันก็กวนเบื้องล่างทุกคนอยู่ดี) แต่ใครเลยจะรู้ว่าความโอหังที่อลันเป็น มันคือการแสดงออกที่เป็นผลมาจากปิดบังตัวตนที่โดดเดี่ยวและอ่อนไหว จะเห็นได้จากการที่อลันเสียน้ำตาอยู่บ่อยๆเมื่อมีคนพยายามจะทำลายชิ้นงานที่เขาทุ่มเทและหลายๆคราที่จะเห็นว่า อลันมีปัญหากับการสื่อสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาเป็นคำพูดแม้จะเป็นเรื่องง่ายๆ และเขาก็เป็นคนที่เย็นชาได้สุดๆ นั่นก็อาจจะเป็นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา อลันไม่เคยมีใครอยู่ในชีวิตของเขา นอกจากตัวเอง
ความสัมพันธ์ของอลันและ โจน คลากส์
โจน คลากส์ (เคียร่า ไนท์ลีย์) เป็นหญิงสาวที่อลันรับมาจากการประกาศหางานในหนังสือพิมพ์ (ด้วยวิธีการทดสอบที่ไม่ธรรมดา) และด้วยกรอบของสังคมยุคนั้นผู้หญิงที่ต้องทำงานกับผู้ชายมากหน้าหลายตาเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม อลันจึงต้องออกตัวแรง เพื่อให้ได้ไฟเขียวจากครอบครัวของโจนมาทำงานกับเขา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ความสัมพันธ์ของคู่นี้ไม่เคยธรรมดา ทั้งคู่ต่างผูกพันและห่วงใยกัน จนถึงขั้นที่ว่าได้หมั้นหมายกัน แลดูเหมือนจะเป็นเรื่องโรแมนติคสุดๆถ้าไม่บังเอิญว่า อลันเป็นรักร่วมเพศ อลันปิดบังรสนิยมทางเพศของเขาไว้ เพราะในยุคนั้นการเป็น Homosexual คืออาชญากรรม จนเกิดเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้อลันเป็นห่วงโจน เขาเอ่ยปากไล่โจนให้ออกจากงาน และเผยความลับที่ว่านี้ออกไปโดยหวังว่าโจนจะรับเขาไม่ได้ ถอนหมั้นและแยกทางกัน แต่โจนเองก็หาได้แคร์ไม่เธอไม่ได้ปรารถนาอลันในฐานะผู้ชายคนนึง แต่เธอรักในความผูกพัน ความสัมพันธ์ที่เขาและเธอเป็น ยิ่งทำให้อลันเจ็บปวดและห่วงใยโจนมากขึ้นไปอีก
และเขาก็เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด ... อลันบอกกับโจนว่า เค้าไม่ได้แคร์เธอเลย โจนโกรธอลันมากแต่เธอก็รู้จักเขาดีเกินกว่านั้น เธอเลือกที่จะไม่จากไปไหน และจะอยู่เพื่อให้เขาเห็นว่า สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริง
พาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่เราชอบมากกกก พาร์ทหนึ่งในหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะซีนอารมณ์ที่เบน กับเคียร่าระเบิดพลังการแสดงร่วมกัน ดูไปก็ขนลุกไป ผู้หญิงคนนึงที่เชื่อมั่นในสิ่งที่เห็นตรงหน้า ผู้ชายอีกคนที่พยายามปกป้องผู้หญิงข้างหน้าโดยทั้งหมดทั้งมวลมันคือมิตรภาพที่ไม่ใช่เสน่หา ... โอ้ยย อย่างกินใจ
เครื่องจักร บุคคล หรืออาชญกร
อลันและทีมทำได้ พวกเขาสามารถแก้ไขและถอดรหัสนาซี โปรเจคควรจบด้วยดี แต่การถอดรหัสไม่สามารถเปิดเผยได้ ยิ่งตอกย้ำอลันให้กลายเป็นเหมือนคนเย็นชา ผู้หยั่งรู้ความตาย แต่ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ และพวกเขาต้องเก็บความสำเร็จนี้ไว้เป็นความลับ และเมื่อสัมพันธมิตรได้ชัยชนะ นั่นคือช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองในสายตาคนอื่น ภารกิจถูกปิด แต่การเก็บงำความลับยังคงดำเนินต่อ พวกเขาถูกสั่งทำลายเอกสารทั้งหมด และทุกคนต้องแยกย้ายไปทางใครทางมัน ไม่มีใครเคยเห็นหน้ากัน และไม่มีใครรู้จักกัน อลันกลับมาสู่ชีวิตปกติอีกครั้ง แต่เป็นชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ...
หนังได้เผยให้เห็นถึงสาเหตุที่ทำให้อลันมีพฤติกรรมแปลกแยกเพราะเขามีปมในวัยเด็ก เขาจึงเลือกที่จะปิดตัวเองและไม่เปิดใจให้ใคร แต่ในช่วงเวลาที่อลันทำภารกิจลับ อลันได้เรียนรู้ที่จะมีมิตรภาพกับเพื่อนร่วมงาน ร่วมไปถึงความสัมพันธ์ความผูกพันกับโจน เมื่อทุกอย่างจบลง เขายังหมกหมุ่นอยู่กับเครื่องถอดรหัส ผิดกันตรงที่ว่า เพื่อนรอบตัวและคนรู้ใจเขาไม่มีอีกแล้ว "การเคยมีใครสักคน ไม่ว่าจะในฐานะใดๆแต่สุดท้ายต้องแยกจากกันไป คนคุ้นเคยกลายเป็นคนแปลกหน้า มักทำให้ใจสลายได้เสมอ"
ตรงนี้แหละอาจเป็นจุดเปลี่ยนของอลันอีกครั้ง อลันถูกตำรวจจับในข้อหาอนาจาร เพราะเขาซื้อบริการจากชายขายตัว เขาถูกศาลตัดสินลงโทษ โดยให้เลือกว่าจะยอมถูกขังคุกสองปี หรือจะฉีดยาฮอร์โมนเพื่อทำให้เขาเป็นหมัน อลันเลือกข้อหลัง กราฟชีวิตของอลันผกผันทิ้งดิ่ง จนนำไปสู่จุดจบของหนังเรื่องนี้ ปิดฉากวีรบุรุษผู้ปิดทองหลังพระ ที่หดหู่และน่าเวทนา ...
ก่อนอื่นสองมือประนมพร้อมกราบแนบอกเฮียเบน ดารานำชายที่แบกทุกๆอย่างในหนังเรื่องนี้ไว้อย่าง "ดีงาม"
เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์.. ผู้ชาย(ของฉัน)คนนี้คือผู้สร้างวลี Brainy is trendy จากซีรียส์สุดดังจากฝั่งอังกฤษ Sherlock
รับบทเป็น อลัน ทูริ่ง ที่ดูแล้วโคตรจะมีเอกลักษณ์ในแบบของเบเนดิกต์สุดๆๆ การแสดงของเบนในเรื่องนี้คือผลงานขึ้นหิ้งไว้ให้บูชา
เบเนดิกต์เล่นได้เป็นธรรมชาติและทรงพลังมากกกกกก จังหวะดีไปหมด สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ...ฮีตาสวยมากฮร่ะ(ไม่ใช่ล่ะ)
คือเราว่าแสดงออกทางแววตาได้ดีจริงๆ โดยเฉพาะเวลาที่กดดันเวลาที่ไม่สามารถแสดงออกความรู้สึกต่างๆได้
เคียร่าน่ารัก เป็นชะนีมีเสน่ห์ เวลาอยู่กับเบเนดิกต์แล้วรู้สึกถึงเคมีบางอย่าง ทั้งๆที่หนังก็บอกอยู่โต้งๆแล้วว่ามันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ
นักแสดงแต่ละคนก็คุ้นหน้าคุ้นตาคอซีรีย์กันเลยทีเดียว Game of Throne, Downton Abbey, Sherlock
หนังทำดี ปมดราม่าก็สะเทือนใจสะอื้นฮั่กๆ แต่หนังไม่ได้เครียด ไม่ได้หนัก ออกจะสรวลเสเฮฮาด้วยซ้ำ (เพราะพระเอกเกรียน)
ตัวหนังถ่ายทอดออกมาแบบโคตรจะสมูธ ลื่นไหล ไม่มีสะดุด แล้วจบด้วยการขยี้หัวใจคนดูอย่างเราให้รวดร้าว
เข้าชิงออสการ์ตั้ง 8 ตัว ... น่าจะพอการันตีหนังเรื่องนี้ได้ ควรค่าแก่การเสียเงิน 100-200 ในการชมเป็นอย่างยิ่งค่ะ
คะแนนความคุ้มค่า ★ ★ ★ ★ ★
คะแนนราคา ★ ★ ★ ★ ★
คะแนนโรงภาพยนตร์ ★ ★ ★ ★ ★
ป.ล. ไม่มีอะไรจะหัก .... ไปดูเหอะ หนังมันดีจริงๆ เพิ่มเติมนิส ใครคิดจะดู American Sniper อยู่ด้วย
แนะนำให้ดู American Sniper ก่อน แล้วมาดูเรื่องนี้ จะทำให้ดู American Sniper สนุกขึ้น
[CR] The Imitation Game :: ถ้าบางครั้งสิ่งที่เราพูด มันไม่ได้หมายความตามที่เราคิดจริงๆละ ?
มีการเปิดเผยเนื้อหาในหนังนะคะ
หนังเล่าถึงอลัน ทูริ่ง อัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ ผู้ตลกอย่างร้ายกาจเพราะความหยิ่งผยอง จองหองและ...โดดเดี่ยว
ก่อนหน้านี้อลันทำงานเป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาลัยเคมบริดจ์ แต่ก็ดันไปสมัครงานในกองทัพอังกฤษในยุคที่เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง
ในตำแหน่งที่โคตรจะลับเฉพาะ ถึงขนาดที่ว่าความลับรั่วไหลเมื่อใด ถือเป็นคนทรยศต่อประเทศชาติ โทษประหารอย่างเดียวเท่านั้น
งานที่ว่าก็คือ การแกะรหัสลับ Enigma จากเยอรมัน ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน
ในระดับที่เรียกว่าใช้เวลาสิบชาติก็ไม่สามารถจะแก้ไขได้ (แต่ฮีทำได้ค่ะ !!!) ด้วยความที่อลันเป็นคนแปลกๆ
จึงทำให้อลันมักเป็นที่ชังของเพื่อนร่วมงาน (ซึ่งก็ต่างก็มีมันสมองเกินระดับมาตรฐานมนุษย์ทั่วไปกันทั้งนั้น)
จนกระทั่งมีหญิงสาวสวยแสนฉลาดนามว่า โจน คลากส์ เข้ามาร่วมในทีม จึงทำให้อลันเริ่มเปิดใจกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น
สุดท้ายอลันได้สร้างเครื่องแกะรหัสได้สำเร็จ แต่กลายเป็นว่างานของเขาไม่ใช่เพียงแค่แกะรหัส
แต่เป็น "การเก็บความลับ" ที่เขาสามารถแกะรหัสได้ต่างหาก ซึ่งจริงๆแล้วอาจจะเป็นสิ่งที่เขาถนัดที่สุดก็ได้
เพราะบางครั้งคนที่กุมความลับเก่งที่สุด อาจจะเป็นคนที่หลอกตัวเองได้เก่งที่สุดเหมือนกัน
อลัน ทูริ่ง
ตัวละคร อลัน เป็นตัวละครที่ชอบ "แกล้งโง่" และ "ปากไม่ตรงกับใจตัวเองที่สุด" จะเห็นบ่อยๆว่า อลันมีความคิดและมักจะมีคำถามกับคู่สนทนาว่า "ทำไมเวลาที่คนเราพูดอย่างแต่ต้องการสื่อความหมายไปอีกอย่าง" อยู่เสมอๆ ซึ่งสิ่งนี้แหละที่กวนเบื้องล่างคนคุยด้วยตลอดเวลาที่สำคัญคืออลันเองก็มักจะทำในสิ่งที่ตัวเองพูดโดยไม่รู้ตัวเหมือนกันนั่นก็คือ "ปากไม่ตรงกับใจ"
อลันหมกหมุ่นอยู่กับการประดิษฐ์เครื่องมือที่ใช้ในการถอดรหัส จนทำให้สัมพันธภาพระหว่างเขากับเพื่อนร่วมงานไม่ดีนัก (อันที่จริงถึงไม่มีงาน อลันก็กวนเบื้องล่างทุกคนอยู่ดี) แต่ใครเลยจะรู้ว่าความโอหังที่อลันเป็น มันคือการแสดงออกที่เป็นผลมาจากปิดบังตัวตนที่โดดเดี่ยวและอ่อนไหว จะเห็นได้จากการที่อลันเสียน้ำตาอยู่บ่อยๆเมื่อมีคนพยายามจะทำลายชิ้นงานที่เขาทุ่มเทและหลายๆคราที่จะเห็นว่า อลันมีปัญหากับการสื่อสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาเป็นคำพูดแม้จะเป็นเรื่องง่ายๆ และเขาก็เป็นคนที่เย็นชาได้สุดๆ นั่นก็อาจจะเป็นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา อลันไม่เคยมีใครอยู่ในชีวิตของเขา นอกจากตัวเอง
ความสัมพันธ์ของอลันและ โจน คลากส์
โจน คลากส์ (เคียร่า ไนท์ลีย์) เป็นหญิงสาวที่อลันรับมาจากการประกาศหางานในหนังสือพิมพ์ (ด้วยวิธีการทดสอบที่ไม่ธรรมดา) และด้วยกรอบของสังคมยุคนั้นผู้หญิงที่ต้องทำงานกับผู้ชายมากหน้าหลายตาเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม อลันจึงต้องออกตัวแรง เพื่อให้ได้ไฟเขียวจากครอบครัวของโจนมาทำงานกับเขา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่เราชอบมากกกก พาร์ทหนึ่งในหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะซีนอารมณ์ที่เบน กับเคียร่าระเบิดพลังการแสดงร่วมกัน ดูไปก็ขนลุกไป ผู้หญิงคนนึงที่เชื่อมั่นในสิ่งที่เห็นตรงหน้า ผู้ชายอีกคนที่พยายามปกป้องผู้หญิงข้างหน้าโดยทั้งหมดทั้งมวลมันคือมิตรภาพที่ไม่ใช่เสน่หา ... โอ้ยย อย่างกินใจ
เครื่องจักร บุคคล หรืออาชญกร
อลันและทีมทำได้ พวกเขาสามารถแก้ไขและถอดรหัสนาซี โปรเจคควรจบด้วยดี แต่การถอดรหัสไม่สามารถเปิดเผยได้ ยิ่งตอกย้ำอลันให้กลายเป็นเหมือนคนเย็นชา ผู้หยั่งรู้ความตาย แต่ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ และพวกเขาต้องเก็บความสำเร็จนี้ไว้เป็นความลับ และเมื่อสัมพันธมิตรได้ชัยชนะ นั่นคือช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองในสายตาคนอื่น ภารกิจถูกปิด แต่การเก็บงำความลับยังคงดำเนินต่อ พวกเขาถูกสั่งทำลายเอกสารทั้งหมด และทุกคนต้องแยกย้ายไปทางใครทางมัน ไม่มีใครเคยเห็นหน้ากัน และไม่มีใครรู้จักกัน อลันกลับมาสู่ชีวิตปกติอีกครั้ง แต่เป็นชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ...
หนังได้เผยให้เห็นถึงสาเหตุที่ทำให้อลันมีพฤติกรรมแปลกแยกเพราะเขามีปมในวัยเด็ก เขาจึงเลือกที่จะปิดตัวเองและไม่เปิดใจให้ใคร แต่ในช่วงเวลาที่อลันทำภารกิจลับ อลันได้เรียนรู้ที่จะมีมิตรภาพกับเพื่อนร่วมงาน ร่วมไปถึงความสัมพันธ์ความผูกพันกับโจน เมื่อทุกอย่างจบลง เขายังหมกหมุ่นอยู่กับเครื่องถอดรหัส ผิดกันตรงที่ว่า เพื่อนรอบตัวและคนรู้ใจเขาไม่มีอีกแล้ว "การเคยมีใครสักคน ไม่ว่าจะในฐานะใดๆแต่สุดท้ายต้องแยกจากกันไป คนคุ้นเคยกลายเป็นคนแปลกหน้า มักทำให้ใจสลายได้เสมอ"
ตรงนี้แหละอาจเป็นจุดเปลี่ยนของอลันอีกครั้ง อลันถูกตำรวจจับในข้อหาอนาจาร เพราะเขาซื้อบริการจากชายขายตัว เขาถูกศาลตัดสินลงโทษ โดยให้เลือกว่าจะยอมถูกขังคุกสองปี หรือจะฉีดยาฮอร์โมนเพื่อทำให้เขาเป็นหมัน อลันเลือกข้อหลัง กราฟชีวิตของอลันผกผันทิ้งดิ่ง จนนำไปสู่จุดจบของหนังเรื่องนี้ ปิดฉากวีรบุรุษผู้ปิดทองหลังพระ ที่หดหู่และน่าเวทนา ...
ก่อนอื่นสองมือประนมพร้อมกราบแนบอกเฮียเบน ดารานำชายที่แบกทุกๆอย่างในหนังเรื่องนี้ไว้อย่าง "ดีงาม"
เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์.. ผู้ชาย(ของฉัน)คนนี้คือผู้สร้างวลี Brainy is trendy จากซีรียส์สุดดังจากฝั่งอังกฤษ Sherlock
รับบทเป็น อลัน ทูริ่ง ที่ดูแล้วโคตรจะมีเอกลักษณ์ในแบบของเบเนดิกต์สุดๆๆ การแสดงของเบนในเรื่องนี้คือผลงานขึ้นหิ้งไว้ให้บูชา
เบเนดิกต์เล่นได้เป็นธรรมชาติและทรงพลังมากกกกกก จังหวะดีไปหมด สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ...ฮีตาสวยมากฮร่ะ(ไม่ใช่ล่ะ)
คือเราว่าแสดงออกทางแววตาได้ดีจริงๆ โดยเฉพาะเวลาที่กดดันเวลาที่ไม่สามารถแสดงออกความรู้สึกต่างๆได้
เคียร่าน่ารัก เป็นชะนีมีเสน่ห์ เวลาอยู่กับเบเนดิกต์แล้วรู้สึกถึงเคมีบางอย่าง ทั้งๆที่หนังก็บอกอยู่โต้งๆแล้วว่ามันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ
นักแสดงแต่ละคนก็คุ้นหน้าคุ้นตาคอซีรีย์กันเลยทีเดียว Game of Throne, Downton Abbey, Sherlock
หนังทำดี ปมดราม่าก็สะเทือนใจสะอื้นฮั่กๆ แต่หนังไม่ได้เครียด ไม่ได้หนัก ออกจะสรวลเสเฮฮาด้วยซ้ำ (เพราะพระเอกเกรียน)
ตัวหนังถ่ายทอดออกมาแบบโคตรจะสมูธ ลื่นไหล ไม่มีสะดุด แล้วจบด้วยการขยี้หัวใจคนดูอย่างเราให้รวดร้าว
เข้าชิงออสการ์ตั้ง 8 ตัว ... น่าจะพอการันตีหนังเรื่องนี้ได้ ควรค่าแก่การเสียเงิน 100-200 ในการชมเป็นอย่างยิ่งค่ะ
คะแนนความคุ้มค่า ★ ★ ★ ★ ★
คะแนนราคา ★ ★ ★ ★ ★
คะแนนโรงภาพยนตร์ ★ ★ ★ ★ ★
ป.ล. ไม่มีอะไรจะหัก .... ไปดูเหอะ หนังมันดีจริงๆ เพิ่มเติมนิส ใครคิดจะดู American Sniper อยู่ด้วย
แนะนำให้ดู American Sniper ก่อน แล้วมาดูเรื่องนี้ จะทำให้ดู American Sniper สนุกขึ้น